[WN] พอลองตั้งเงื่อนไขที่เป็นไปไม่ได้เพราะไม่อยากไปดูตัว เพื่อนร่วมชั้นก็ดันปรากฏตัวออกมา - ตอนที่ 5
บทที่ 1 ตอนที่ 5 ทำอาหารที่บ้าน “คู่หมั้น”
“ขอโทษสำหรับหลายๆ เรื่องนะ”
ยูสุรุนั่งอยู่บนเตียงและกล่าวขอบคุณอาริสะหลังจากทำความสะอาดเสร็จ
ยูสุรุซึ่งไม่สามารถเดินได้หากไม่ใช้ไม้ค้ำนั้นเป็นเพียงแค่ตัวเกะกะเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงทำแค่เฝ้าดูเฉยๆ
เขาค่อนข้างที่จะรู้สึกผิด
ส่วนทางด้านอาริสะดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้คิดมากอะไร
“ตอนนี้แค่เก็บขยะเสร็จเท่านั้นนะคะ ส่วนเรื่องทำความสะอาดจะกลับมาทำให้คราวหลังค่ะ”
“ไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นหรอก…”
“ก็แค่ไม่ชอบปล่อยทิ้งครึ่งๆ กลางๆ เท่านั้นค่ะ”
อาริสะพูดออกมาด้วยท่าทางซึนๆ
หลังจากที่เธอมองไปรอบๆ ห้องแต่งตัว เธอก็ได้ถามยูสุรุออกมา
“คุณทาคาเซกาวะ แล้วเรื่องอาบน้ำทำยังไงเหรอคะ หมอว่ามายังไงบ้างคะ”
“โดนสั่งห้ามไว้สองถึงสามวันน่ะ จนถึงเมื่อวานนี้ก็เลยทำไปแค่เช็ดตัวเอง”
เมื่อวานก็นับว่าเป็นวันที่สามแล้ว เพราะงั้นตั้งแต่วันนี้เข้าได้ (แม้ว่าจะลงอ่างอาบน้ำไม่ได้ก็ตาม)
สำหรับยูสุรุแล้ว สถานการณ์ที่ไม่สามารถชำระล้างร่างกายได้อย่างถูกต้องเป็นเวลาสามวันนับเป็นเรื่องที่เจ็บปวดทางจิตใจพอดูทีเดียว ดังนั้นวันนี้เขาเลยวางแผนจะเข้าไป
“แล้วจะเข้าไปอาบยังไงเหรอคะ”
“ก็คงต้องใช้เท้าข้างเดียวก้าวเข้าไปน่ะ ในห้องน้ำคงใช้ไม้ค้ำไม่ได้หรอก”
ถ้าเกิดนั่งได้ก็จะสามารถล้างตัวได้ ขอแค่ต้องเดินเข้าไปในห้องน้ำด้วยขาข้างเดียวได้ก็พอแล้ว
แถมตอนนี้ขยะก็หายไปหมดแล้ว เพราะงั้นมันคงไม่ใช่เรื่องใหญ่
แต่…
“แบบนั้นค่อนข้างจะอันตรายเลยนะคะ… กระเบื้องนี่มันลื่นนะ”
“เป็นห่วงเวอร์เกินไปแล้ว …อีกอย่างมันก็เริ่มจะหายดีแล้วด้วย ถ้าพยายามเข้าหน่อยก็เดินได้โดยไม่ต้องใช้ไม้ค้ำหรอก…”
“ย่ามใจแบบนั้นเดี๋ยวก็เดี้ยงเอาอีกพอดีค่ะ เดี๋ยวฉันช่วยนะคะ”
ช่วยนี่ หมายถึงช่วยพาไปที่ห้องน้ำให้สินะ
ก็ขอบคุณความรู้สึกอยู่หรอก แต่…
“จะช่วยยังไงล่ะ …ให้ไปอาบน้ำทั้งที่ยังใส่เสื้อผ้าอยู่ฉันคงทำไม่ได้หรอก”
“รู้อยู่ค่ะ คือว่าตอนนี้กำลังคิดอยู่ …จริงด้วย คุณมีชุดว่ายน้ำกับเสื้อพละไหมคะ”
ก่อนอื่น ยูสุรุต้องสวมชุดว่ายน้ำไว้ข้างในแล้วสวมเสื้อพละคลุมไว้ด้านบน
เสร็จแล้วก็นั่งลงบนเก้าอี้ในห้องน้ำโดยมีอาริสะคอยช่วยพยุง
หลังจากอาริสะออกไป ก็ให้แขวนเสื้อพละไว้บนราวแขวนผ้าขนหนู
พอล้างตัวเสร็จสรรพก็กลับไปใส่เสื้อพละตามเดิมและออกจากห้องน้ำโดยมีอาริสะคอยช่วยพยุงอีกที
นี่ก็คือกลยุทธ์ของอาริสะ
“ไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นก็ได้… ฉันไม่ได้รับการหมั้นไว้เพราะอยากให้เป็นหนี้บุญคุณกันหรอกนะ ไม่เห็นต้องฝืนตัวเองเลย …ไม่ชอบใช่ไหมล่ะ เรื่องแบบนี้น่ะ”
แม้ว่ายูสุรุจะรู้สึกละอายใจนิดหน่อยที่ต้องขอความช่วยเหลือจากผู้หญิง แต่เขาก็ยังรู้สึกขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือ
แต่สำหรับอาริสะ… แม้ว่าจะไม่ได้สัมผัสผิวกันโดยตรง แต่เธอคงไม่อยากแตะตัวกับผู้ชายที่ชอบเป็นเวลานานๆ
เรื่องที่ยูสุรุช่วยอาริสะไว้มันเป็นเรื่องจริง แต่เขาก็ไม่ได้ทำลงไปเพราะว่าต้องการสิ่งตอบแทน
มันจะไปรู้สึกเหมือนกับเขาไปบังคับให้เธอมาทำงานให้ ซึ่งมันทำให้เขารู้สึกผิดไปด้วย
ทว่าอาริสะกลับสะบัดหัวซ้ายขวา
“สบายบรื๋อค่ะ”
“แต่…”
“มันคงจะน่ารำคาญกว่านี้ถ้าเกิดคุณทาคาเซกาวะล้มลงในห้องน้ำจนบาดเจ็บอีกครั้งหรือว่าเจ็บหนักกว่าเดิม แบบว่าเป็นเรื่องของจิตใจ คงจะเข้าใจใช่มั้ยคะ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นยูสุรุก็เริ่มคิดตามมุมมองของอาริสะ
แน่นอนว่าถ้าอาริสะได้ยินว่ายูสุรุบาดเจ็บอีกครั้งหลังจากที่ตัวเองกลับไป… เธอคงจะโทษตัวเองที่ไม่ได้ช่วยเหลือเขาไว้แน่นอน
“…เข้าใจแล้ว แต่ว่าใน ‘ส่วนที่เกินมา’ คราวหน้าฉันจะใช้คืนให้แน่”
หลังจากพูดแบบนั้น ยูสุรุก็หยิบชุดว่ายน้ำและเสื้อพละและเดินเข้าไปที่ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า
จากนั้นก็เข้าไปในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยความช่วยเหลือจากอาริสะ
“เสร็จแล้วก็เคาะประตูเรียกนะคะ ฉันจะรออยู่ค่ะ”
“อื้ม เข้าใจแล้ว”
ผมนั่งลงสระผมและชำระล้างร่างกาย
อาบน้ำครั้งแรกในรอบสามวันนี่มันช่างสุขีจริงๆ… ผมนึกขอบคุณอาริสะอยู่ในใจ
ยูสุรุที่ทำความสะอาดตัวเสร็จอย่างปลอดภัยหยิบผ้าขนหนูออกมาจากราวตากผ้าขนหนูแล้วก็เช็ดตัวเบาๆ
จากนั้นก็สวมเสื้อพละ
(ไม่ต้องให้อาริสะมาช่วยก็น่าจะออกไปได้มั้ง)
ยูสุรุยืนเขย่งขาข้างเดียวและจ้องมองไปที่รอยต่อระหว่างห้องน้ำกับห้องแต่งตัว
ถ้าเกิดเปิดประตูและกระโดดข้ามไปสุดแรงก็น่าจะได้นะ
ดูแล้วไม่น่าจะยากด้วย
(…ไม่สิ ก็ยังน่ากังวลอยู่)
พื้นห้องน้ำมันก็ลื่นด้วยสิ
แถมถ้าโดดพลาดไปมีหวังได้ไถลพื้นอย่างงดงามแหงๆ
“ยูกิชิโระ เสร็จแล้วนะ”
ยูสุรุพูดพร้อมกับเคาะประตูกระจก
จากนั้นอาริสะก็เปิดประตูเข้ามาแบบเขินอายนิดหน่อยและก้าวเข้ามาในห้องน้ำหลังจากแน่ใจว่ายูสุรุสวมเสื้อพละเรียบร้อยแล้ว
อาริสะโอบมือของยูสุรุไว้บนไหล่และพยุงเขาไว้
“จะคอยประคองเอาไว้ให้ พอร้อง ‘เปี้ยว!’ เสร็จแล้วก็โดดได้เลยนะคะ”
“รับทราบ”
ผมกระโดดข้ามออกไปสุดแรงด้วยขาข้างเดียวพร้อมกับคิดว่าทำไมต้องทำเสียงน่ารักแบบนี้ด้วย
โดดเสร็จผมก็หย่อนก้นลงในห้องแต่งตัว
“ขอบใจนะ”
“ด้วยความยินดีค่ะ ถ้าเกิดเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วก็ช่วยเรียกด้วยนะคะ”
“อา รับทราบ”
เมื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จผมก็นั่งลงแล้วเรียกอาริสะ
ผมรับไม้ค้ำและลุกขึ้นโดยที่มีอาริสะประคองไว้
พอเปิดประตูห้องแต่งตัวแล้วก็ออกไปที่ห้องนั่งเล่น
เสร็จแล้วก็นั่งลงบนเตียง
“ฟู่~ แค่อาบน้ำยังยุ่งยากขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย”
“อย่าเอาไม้ค้ำออกเพราะว่ามันยุ่งยากเชียวนะคะ อย่างน้องก็หนึ่งอาทิตย์… ได้โปรดทำตามที่หมอบอกด้วยนะคะ”
“เข้าใจแล้วน่า”
ถ้าอาริสะไม่บอกก็คงเอาออกจริงๆ นั่นแหละ
แต่เพราะโดนดักทางไว้ก่อนคงจะทำงั้นไม่ได้แล้วล่ะ
“ต่อไปขอดูตู้เย็นได้ไหมคะ”
“ได้สิ… แต่ว่ามันไม่มีอะไรเลยนะ”
“ขอบคุณมากค่ะ ช่วยประหยัดเวลาดูไปได้เยอะเลย”
ในขณะที่พูดอยู่นั้น อาริสะก็ได้เปิดตู้เย็นไปด้วย
จากนั้นเธอก็ถอนหายใจออกมา
“ไม่มีอะไรเลยจริงๆ ด้วย …นี่ทำยังไงกับอาหารการกินกันคะ”
“ก็มีพวกราเม็งถ้วยกับแกงกะหรี่สำเร็จรูปน่ะ อ๊ะ แล้วก็ถ้าช่วยซื้อข้าวกล่องจากร้านสะดวกซื้อมาให้ด้วยจะเป็นพระคุณมากเลยนะ”
“ปกติทำแบบนั้นเหรอคะ”
“นี่ก็พยายามกินผักให้เยอะที่สุดแล้วนะ…”
“เฮ้อ…”
อาริสะครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งหลังจากถอนหายใจ
เธอดูต่อสู้กับอะไรบางอย่างอยู่หลายสิบวินาที เสร็จแล้วก็เดินไปที่หน้าประตู
“จะออกไปซื้อของ ช่วยรอสักครู่ด้วยค่ะ”
ดูท่าจะไปซื้อข้าวกล่องร้านสะดวกซื้อมาให้มั้ง
ยูสุรุไม่ต้องการขยับเขยื้อนมากเกินไป ดังนั้นเขาจึงรู้สึกเป็นพระคุณที่เธอออกไปซื้อมาให้แทน
“โทษทีนะ”
“จะให้ทำอาหารด้วยขาแบบนั้นก็คงไม่ได้นี่คะ …ถึงไม่คิดว่าจะต่างกันเท่าไหร่ก็เถอะ”
มีการแซะหน่อยๆ
แต่การที่ทำอาหารไม่ได้แม้ว่าจะขาดีหรือไม่ดีมันก็เป็นความจริง ดังนั้นก็เลยไม่ได้คัดค้านออกไป
ระหว่างที่อ่านหนังสือพิมพ์รออาริสะได้พักใหญ่ๆ อาริสะก็ได้ขนของมาหลายอย่าง
ซึ่งมันก็คือวัตถุดิบกับข้าวนั่นเอง
อย่าบอกนะว่าของพวกนั้น… ยูสุรุเอ่ยปากถาม
“นี่ ยูกิชิโระ… ไม่ว่าจะมองยังไงนั่นมันก็ไม่ใช่ข้าวกล่องจากร้านสะดวกซื้อเลยนะ”
“ก็ต้องเป็นแบบนั้น”
“ก็ธรรมดานี่คะ ถ้าเกิดไม่ใช้ชีวิตแบบใส่ใจสุขภาพ แผลที่ควรหายมันก็ไม่หายกันพอดี ครัวนี้ขอใช้นะคะ ช่วยรอประมาณสามสิบถึงสี่สิบนาทีด้วยค่ะ”
อาริสะพูดฉอดๆ อยู่ฝ่ายเดียว เสร็จแล้วก็พับแขนเสื้อและเริ่มต้นซาวข้าว
จะปล่อยให้วัตถุดิบที่ซื้อมาแล้วเสียไปก็คงไม่ได้ ยูสุรุจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากรอเงียบๆ เพื่อให้อาหารพร้อม
หลังจากนั้นไม่นาน กลิ่นหอมฉุยก็โชยมาเข้าจมูกยูสุรุ
“ทำแค่ของง่ายๆ น่ะคะ”
“…ง่ายๆ”
ข้าวขาว
ซุบมิโซะกับรากผัก
หมูย่างขิง
ผักโขมต้ม
สลัด
ซุบหนึ่งและเครื่องเคียงสามได้ถูกจัดเตรียมไว้เป็นอย่างดี
“นี่ง่ายแล้วเหรอ”
“หมูก็แค่เอาไปย่าง ผักโขมก็แค่เอาไปต้ม ส่วนสลัดก็แค่หั่นเป็นฝอยๆ เท่านั้นเองค่ะ”
“อะ อันนั้น… ไม่ได้ถูกจัดไว้ในหมวดที่ยุ่งยากเหรอ”
“เพราะปกติฉันทำอาหารอยู่แล้วน่ะค่ะ แถมไม่เคยพลาดมื้อเย็น 4 อย่างด้วย อันนี้แค่ของง่ายๆ ไม่ต้องกังวลไปหรอกนะคะ”
ยูสุรุพูดว่า ”ทานแล้วนะครับ” จากนั้นก็กินซุบมิโซะ
อูมามิของปลาโบนิโตะและรสชาติของมิโซะได้กระจายอยู่เต็มปาก
“อร่อยมาก… อร่อยที่สุดเท่าที่เคยกินมาเลย”
หลังจากยูสุรุแสดงความประทับใจออกไปแบบตรงไปตรงมา อาริสะก็ตัวแข็งทื่อพร้อมกับเปิดตาที่ราวกับมรกตออกกว้างด้วยเหตุผลบางอย่าง
“ยูกิชิโระ? เป็นอะไรไปน่ะ”
“อ๊ะ เปล่าๆ ไม่มีอะไรค่ะ คือว่านี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้รับคำชมจากการทำอาหารน่ะ …อร่อยขนาดนั้นเลยเหรอคะ”
“อืม… ก็อธิบายยากน่ะ แต่ถ้าถามว่าอร่อยมั้ยก็อร่อยกว่าร้านอาหารห่วยๆ เยอะล่ะนะ… หรือว่านี่ทำมาจากปลาโอแห้งใช่มั้ย สุดยอดไปเลยล่ะ …ต้องขอโทษที่รบกวนด้วยนะ ขอบคุณจริงๆ”
“งั้นเหรอคะ… เอาเถอะค่ะ ถ้าเกิดอุตส่าห์ทำมาแล้วโดนบอกว่าไม่อร่อยฉันคงจะไม่พอใจเท่าไหร่ เพราะงั้นจะรับคำชมไว้ละกันค่ะ”
อาริสะแสดงอาการร้อนรนออกมาครู่เดียว
เสร็จแล้วเธอก็กลับมาทำสีหน้าเยือกเย็นตามปกติอย่างรวดเร็วและหยิบสัมภาระของตัวเอง
“ไหนๆ วันนี้ก็ให้อาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว ฉันไปก่อนนะคะ”
“เอ๊ะ ให้อาหาร…”
ก่อนที่ยูสุรุจะทันบ่นเกี่ยวกับวิธีพูดจาที่โหดร้าย อาริสะก็ได้ทิ้งท้ายด้วยการพูดเรื่องจำเป็นสั้นๆ ด้วยเสียงเรียบๆ
“ข้าวของที่จะล้างก็แช่เอาไว้ในน้ำด้วยนะคะ ฉันจะมาล้างให้ในวันพรุ่งนี้ ผักโขมต้มกับซุบมิโซะก็ยังเหลืออยู่นะคะ แล้วก็มีข้าวปั้นด้วย ทั้งหมดเก็บไว้ให้ในตู้เย็นนะคะ ช่วยเอามากินตอนเช้าด้วย จะมาตรวจสอบอีกรอบ เข้าใจนะคะ”
“อ๊ะ ครับ!”
ยูสุรุจำใจต้องพยักหน้าเมื่อถูกพูดด้วยท่าทีแบบไม่ยอมให้ตอบว่าได้หรือไม่ได้
“เจอกันพรุ่งนี้” ยูสุรุพึมพำใส่อาริสะที่ทำตัวเหมือนกับว่าจะหนี
“นั่นเขินอยู่เหรอ”
ยูสุรุรู้สึกคาดไม่ถึงนิดหน่อยเมื่อได้เรียนรู้ด้านที่คาดไม่ถึงของยูกิชิโระ อาริสะ
——————————
ระดับความชอบในปัจจุบัน : 4→7% (ได้รับคำชมจากการทำอาหาร)