[WN] พอลองตั้งเงื่อนไขที่เป็นไปไม่ได้เพราะไม่อยากไปดูตัว เพื่อนร่วมชั้นก็ดันปรากฏตัวออกมา - ตอนที่ 3
บทที่ 1 ตอนที่ 3 “หมั้น” ด้วยเหตุผลบางอย่าง
“เขาว่ายังไงบ้าง ยูสุรุ”
“ต้องใช้ไม้ค้ำไปอีกอย่างน้อยหนึ่งอาทิตย์ แล้วก็ดูเหมือนว่าจะใช้เวลาประมาณเดือนครึ่งในการฟื้นตัวเต็มที่น่ะครับ”
ยูสุรุตอบปู่ของเขาซึ่งดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยเป็นห่วงมากนัก
ส่วนในใจของเขาก็พูดกับตัวเองไว้ว่า “จำไว้เลยนะเจ้าเหมียว… ไว้เจอกันคราวหน้าคอยดูเถอะ”
“อ๊ะ คุณทาคาเซกาวะ!”
อาริสะและพ่อแม่บุญธรรมของเธอวิ่งเข้ามาพร้อมด้วยหน้าที่เปลี่ยนสี
จริงอยู่ที่พูดว่าพ่อแม่บุญธรรม แต่พวกเขาก็ไม่ได้ผ่านกระบวนการรับเลี้ยงบุตรอย่างถูกต้อง ดังนั้นจึงมีคนละนามสกุลกับอาริสะ
นามสกุลของอาริสะก็คือ “ยูกิชิโระ” ส่วนของพวกเขาก็คือ “อามากิ”
จากที่เคยได้ยินมาคือพวกเขาเป็นตระกูลที่มีฐานะดี แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาดูเหมือนว่าจะประสบกับปัญหาทางด้านการเงิน
เพราะเหตุนั้นสีหน้าของคู่สามี-ภรรยาอามากิจึงดูซีดเซียว
ส่วนในอีกด้านหนึ่ง อาริสะก็กำลังแสดงสีหน้าตื่นตระหนกสุดขีดแบบที่ไม่เคยแสดงให้เห็นในโรงเรียนมาก่อนเสมือนกับว่ากำลังจะร้องไห้
ดูแล้วเธอกำลังหน้าซีดมาก
“ต้องขอโทษที่เด็กคนนี้บอกให้ทำอะไรแปลกๆ ด้วยนะคะ!”
“ทางฝั่งผมจะชดใช้ค่าเสียหายให้เองครับ…”
“ต้องขอประทานโทษด้วยนะคะ…”
พ่อแม่บุญธรรมของอาริสะ กดศีรษะของอาริสะลงและบังคับให้เธอก้มหัวลง
ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจ แต่ท่าทางนั้นมันก็ค่อนข้างรุนแรง ราวกับว่าพวกเขากำลังกระแทกศีรษะเธอลงมาจากด้านบน
ปู่และพ่อของยูสุรุตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจกับคู่สามี-ภรรยาอามากิที่กำลังกล่าวขอโทษอย่างสิ้นหวัง
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ก็แค่ปีนต้นไม้แล้วก็เซ่อซ่าตกลงมาเองครับ”
“เดิมทีแล้วเด็กคนนี้ก็ปีนต้นไม้ขึ้นไปตามอำเภอใจตัวเองด้วยแหละครับ”
พวกเรายืนกรานว่าไม่ต้องการค่ารักษาพยาบาลหรือว่าค่าทำขวัญใดๆ
เดิมทีมันก็ไม่ใช่ความผิดของอาริสะอยู่แล้ว ยูสุรุแค่ปีนต้นไม้ขึ้นไปและตกลงมาเองเท่านั้น
“ได้โปรดเงยหน้าขึ้นเถอครับ ผมเป็นคนทำตัวเองเองแหละครับ แล้วก็…”
ทันใดนั้นยูสุรุก็ได้เห็น
ว่าแก้มของอาริสะบวมปูดขึ้นนิดหน่อย
…สิ่งนั้นได้ทำให้ยูสุรุคาดเดาว่าอาริสะคงไม่ได้เข้ากับพ่อแม่บุญธรรมของตัวเองเท่าไหร่
“อีกอย่าง ผมก็แค่อยากจะดูเท่ต่อหน้าคนที่ชอบเท่านั้นแหละครับ… ฮะๆ น่าอายจังเลยนะครับ”
คนที่ชอบ
ยูสุรุพูดคำนั้นออกไปอย่างชัดเจน
ด้วยเหตุนี้เหล่าปู่ของยูสุรุกับพ่อแม่บุญธรรมของอาริสะจึงได้เบิกตาโพลง
“ช่วย ‘หมั้น’ กับฉันได้ไหม ยูกิชิโระ …ไม่สิ อาริสะ”
แน่นอนว่ามันคือการ “หมั้น” ปลอมๆ
ดูเหมือนว่าเจตนารมณ์ที่แท้จริงของเขาจะสื่อไปถึงอาริสะได้
อาริสะพยักหน้าเล็กน้อยพร้อมกับแก้มแดงนิดๆ
“ด้วยความยินดีค่ะ… มา ‘หมั้น’ กันเถอะ คุณทาคาเซกาวะ …ไม่สิ คุณยูสุรุ”
และแล้วการหมั้นหมายก็เป็นไปได้อย่างมีความสุข
หลังจากนั้นยูสุรุก็พาอาริสะแยกตัวออกมาเพราะต้องการคุยด้วยกันแบบส่วนตัว
ดวงอาทิตย์กำลังจะลาลับขอบฟ้า ทำให้ตอนนี้ท้องฟ้าถูกย้อมเป็นสีของพระอาทิตย์ตก
ยูสุรุพยายามที่จะนั่งลงตรงม้านั่งนอกอาคาร แต่เขาก็ไม่สามารถนั่งลงได้เพราะว่าติดไม้ค้ำ
ผมนั่งลงได้เพราะความช่วยเหลือของอาริสะ
“ต้องขอโทษด้วยจริงๆ นะคะ”
อาริสะพูดด้วยเสียงสั่นเล็กน้อย
ดวงอาทิตย์ยามเย็นส่องกระทบผมสีใยป่านของเธอจนเป็นประกายสีทอง
ถึงเธอจะมีรูปลักษณ์อันงดงาม ทว่ากลับรู้สึกเหมือนเธอจะเลือนหายไปได้ตลอดเวลา
“ทำไมถึงขอโทษล่ะ”
“…เพราะว่าฉันสร้างปัญหาให้ค่ะ”
“เรื่องตกต้นไม้มันเป็นความผิดของฉันเองต่าง…”
“มะ ไม่ใช่เรื่องนั้นค่ะ หมายถึง…เรื่อง ‘หมั้น’ ต่างหาก ปกป้องฉันไว้ใช่ไหมล่ะคะ เพราะถ้าข้อตกลงล่มขึ้นมา มันก็จะดูเหมือนว่าเป็นเพราะความสะเพร่าของฉัน ที่ยอมรับการ ‘หมั้น’ นั่นก็เพราะว่าคำนึงถึงจุดยืนของฉันในตระกูลอามากิสินะคะ”
เมื่อรวมจากคำอธิบายของอาริสะว่า “คุณพ่อตื่นเต้นมาก” กับข่าวลือเรื่องสถานะทางการเงินที่ไม่ดีของตระกูลอามากิ จุดประสงค์ของตระกูลอามากิก็คงเป็นสินสอดทองหมั้นนั่นแหละ
ยูสุรุคิดว่าถ้าไม่ได้หมั้นเพราะความผิดของอาริสะ พวกเขาจะต้องทุบตีอาริสะอย่างรุนแรงแน่ๆ
“ฉันก็ผิดที่ไปตกต้นไม้ตั้งแต่แรกด้วย ขอโทษนะที่ดันไปทำให้เรื่องราวมันซับซ้อนขึ้น เพราะงั้นเธอไม่จำเป็นต้องไปกังวลหรือรู้สึกว่าติดหนี้บุญคุณอะไรหรอก…”
“ถึงจะไม่รวมเรื่องนั้นความช่วยเหลือของคุณก็นับได้ว่ายิ่งใหญ่อยู่ดีค่ะ ไม่อย่างนั้นฉันอาจจะถูกบังคับให้แต่งงานกับคนที่ไม่ได้ชอบเลยด้วยซ้ำก็ได้ ให้แต่งงานกับใครสักคนเพื่อแลกกับเงินแบบนั้น… ฉันไม่ชอบเลยค่ะ”
อาริสะพูดพร้อมกับจับร่างกายอันสั่นเทา
จากนั้นเธอก็เงยหน้าขึ้นมองยูสุรุและยิ้มออกมาแบบอ่อนแรง
“คุณทาคาเซกาวะเป็นผู้มีพระคุณของฉันค่ะ ในที่สุดฉันก็หนีจากปัญหาไดสักที”
“…ฉันคงจะเข้าไปยุ่งกับปัญหาของครอบครัวคนอื่นไม่ได้ แต่ถ้าเกิดมีปัญหาอะไรก็มาปรึกษาฉันในฐานะเพื่อนร่วมชั้นได้นะ จะช่วยให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้เลยล่ะ”
ยูสุรุให้คำมั่นสัญญาเพราะเห็นใจสถานการณ์ของเธอ ถึงแม้จะคิดว่าคำพูดของตัวเองไม่น่าเชื่อถือก็ตาม
เขาจะให้การช่วยถ้าไม่ใช่การละเมิดกฎหมายหรือโดนสั่งว่า “อย่าเข้ามายุ่งเรื่องครอบครัวคนอื่น”
เพราะถ้าเกิดไปกวนน้ำให้ขุ่น มันก็อาจจะทำให้จุดยืนของอาริสะแย่ลงเข้าไปใหญ่
อาริสะเองก็ไม่ได้โง่ ดังนั้นเธอคงรู้อยู่แล้วว่ามันเป็นเพียงสัญญาแค่ลมปากเท่านั้น
ทว่า…
“แค่พูดออกมาฉันก็รู้สึกอุ่นใจมากแล้วค่ะ”
ดวงตาสีมรกตเปียกชื้น เธอพูดออกมาราวกับว่าได้รับการช่วยเหลือแล้วและทำหน้าโล่งใจ
สามวันต่อมาช่วงโกลเด้นวีคก็ได้จบลง
ยูสุรุได้กลับจากบ้านเกิดมาที่อะพาร์ตเมนต์ของตัวเอง
พ่อแม่และปู่ย่าของยูสุรุได้รบเร้าให้เขารอออกเดินทางจากบ้านพวกแกทีเดียวเลย แต่ถ้าเริ่มเดินทางจากบ้านของพวกแก กว่าจะมาถึงที่โรงเรียนก็ต้องใช้เวลาไปชั่วโมงกว่าเลยทีเดียว
กว่ารถแต่ละคันจะมานั้นใช้เวลานาน
ถึงจะมีลังเลบ้าง แต่… ยูสุรุก็ไม่อยากแหกขี้ตาตื่นมาตั้งแต่เช้า และเลือกที่จะเดินทางกลับมายังอะพาร์ตเมนต์ตามแผนเดิมของเขา
(พาร์ตไทม์คงต้องพักไว้ก่อนสินะ ดูท่าชีวิตอันแสนไม่สะดวกสบายคงกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้วล่ะนะ)
เช้าตรู่ของวันที่ต้องไปโรงเรียน ยูสุรุเปิดประตูของอะพาร์ตเมนต์ออกมาพร้อมกับพิงไม้ค้ำอย่างเต็มที่เพื่อจะไปโรงเรียน
และที่ตรงนั้นก็…
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ คุณทาคาเซกาวะ”
“…ทำไมเธอ”
สาวสวยผมสีน้ำตาลอ่อนและดวงตาสีเขียว
ยูกิชิโระ อาริสะได้ยืนอยู่ตรงนั้น
ท่าทางของเธอดูสงบเรียบร้อยตามปกติ ทว่าในดวงตาอันงดงามของเธอได้มีความปณิธานอันแรงกล้า และกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่น
“จนกว่าคุณทาคาเซกาวะจะหายดี ฉันจะคอยซัพพอร์ตคุณเองค่ะ”
ยูสุรุเกาหัวและคิดว่ามันต้องกลายเป็นเรื่องยุ่งยากแหงๆ
เขาจับไม้ค้ำและเดินโซเซออกไป
——————————
ระดับความชอบในปัจจุบัน : 1%→5% (คิดว่าเป็นคนดี)