ตอนที่ 4 การหลอกลวงซ้ำ ๆ
ตอนที่ 4 ─ การหลอกลวงซ้ำ ๆ
หลังจากเสร็จพิธีเปิดพวกเราก็กลับไปที่ห้องเรียน วันนี้โรงเรียนของเราเลิกตั้งแต่เช้า นักเรียนที่ไม่ได้ทำกิจกรรมชมรมจึงรีบกลับบ้าน ส่วนนักเรียนบางคนยังอยู่ต่อเพื่อคุยกันอย่างออกรส แต่มันก็ไม่ได้มีความข้องเกี่ยวใด ๆ กับผม เพราะผมไม่มีความคิดที่จะไปปาร์ตี้คาราโอเกะที่จะจัดขึ้นหลังจากนี้
ด้วยเหตุนี้ผมจึงรีบเตรียมตัวและจ้ำกลับบ้าน…มันควรจะเป็นอย่างนั้น
“นี่ ขอเวลาเดี๋ยวได้ไหม”
คิซารางิที่จ้องผมมาก่อนหน้านี้เดินเข้ามาหาผมในขณะที่ผมกำลังเก็บโต๊ะ
จากนั้นคิซารางิก็จ้องมาที่ผมด้วยสายตาสงสัยและพูดออกมาด้วยหน้าบึ้ง ๆ
“นายชื่อว่าอะไรเหรอ”
“ชิอินะน่ะ ชิอินะ คานาตะ”
“คานาตะนี่ ไม่สิ แต่ว่าชิอินะ…”
“มีธุระอะไรกับฉัน”
ผมถามออกไปแบบห้วน ๆ และเย็นชา แต่ในใจผมกลับเต้นแรง ผมรู้อยู่แล้วการเปิดเผยชื่อเป็นเรื่องที่เสี่ยง แต่ยังไงเดี๋ยวก็โดนรู้ นอกจากนี้บรรยากาศกับโทนเสียงของผมได้เปลี่ยนไปแล้วตั้งแต่ตอนนั้น เพราะงั้นเธอคงไม่มีทางรู้ได้ง่าย ๆ
“…ขอโทษนะ ดูเหมือนว่าฉันจะจำคนผิดน่ะ เพราะนายดูเหมือนกับคนที่ฉันรู้จัก”
“ฉันไปได้แล้วหรือเปล่า”
“อะ อื้ม ขอโทษที่รบกวนเวลานะ”
ผมหลอกเธอสำเร็จ สิ่งที่ทำให้ประสบความสำเร็จมากที่สุดก็คือการเปลี่ยนโทนเสียง ถ้าเกิดเป็นเมื่อก่อนผมคงจะไม่พูดขวานผ่าซากและปล่อยบรรยากาศเย็นชาออกมาแบบนี้ เรียกได้ว่าเป็นการเปลี่ยนอิมเมจตัวเองแบบย้อนกลับก็ได้ เพราะแบบนี้ผมถึงผ่านปี 1 มาได้ บางทีผมคงใช้มันไปกับชินไค
“นั่นสินะ… เขาไม่ได้มืดมนขนาดนั้นสักหน่อย เขาควรจะเป็นสุภาพบุรุษมากกว่า…”
คิซารางิพึมพำอะไรบางอย่าง เอาเป็นว่ากลับบ้านดีกว่า ไม่งั้นผมอาจจะถูกชวนไปงานเลี้ยงสังสรรค์นั่นของคิซารางิ ดูเหมือนว่าผู้คนที่ไปคาราโอเกะชักจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แล้วสิ
“…โทษนะ ช่วยหลีกทางหน่อยได้ไหม”
“อ๊ะ โทษที”
คงเพราะผมกำลังเบลอ ๆ อยู่ก็เลยเผลอไปขวางทางสาวที่นั่งข้าง ๆ ผมรีบหลีกทางให้แล้วออกไปจากห้อง หรือก็คือนอกจากผมแล้วยังมีคนอื่นที่ไม่ได้ไปงานเลี้ยงสังสรรค์ด้วย
(…หืม)
เด็กสาวที่ใบหน้าไร้อารมณ์ได้หันมาเหลือบมองผมชั่วขณะหนึ่ง แต่เมื่อผมมองเธอกลับ เธอก็รีบหันหน้าหนีและเดินไปที่ทางออก
(เอาเถอะ วันนี้เลิกคิดดีกว่า)
ถึงเธอจะดูน่ากังวลนิดหน่อยแต่มันก็ไม่ได้สร้างความเสียหายเป็นรูปธรรมอะไร ยังไงเธอก็นั่งข้างผมเพราะงั้นมีเวลาคิดเหลือเฟือ เรื่องผู้หญิงคนนั้นค่อยมานั่งคิดต่อจากนี้ก็คงไม่เป็นไร
เอาเป็นว่าวันนี้ผมต้องรีบกลับบ้านเพื่อไปคิดเรื่องอนาคตก่อน ถึงก่อนหน้านี้ผมจะหลอกคิซารางิได้ แต่เธอจะรู้สึกตัวเมื่อไหร่ก็ได้ทั้งนั้น อีกทั้งชินไคยังสนิทสนมกับพี่สาวของผมอีกด้วย โอกาสที่เธอจะรู้เรื่องของผมเพราะอะไรเล็ก ๆ มันก็ยังมีอยู่ ผมไม่รู้ว่าจะกลบเกลื่อนยัยนั่นได้หรือเปล่า
(คงต้องหามาตรการรับมือกับสองคนนั้นสินะ)
เทียบกับชินไคแล้ว คิซารางิน่าจะหาทางรับมือได้ง่ายกว่าที่คิด ขอแค่ยัยนั่นไม่เปลี่ยนความคิดต่อผม ผมก็มีวิธีมากมายที่จะกลบเกลื่อน
ช่วงนี้คงต้องคอยสังเกตเป็นระยะ แล้วก็หาแผนการสำรองเผื่อไว้ ผมเดินกลับบ้านพร้อมกับวางแผนการในอนาคตเอาไว้แบบนั้น
※
ผมกลับมาถึงบ้านเร็วกว่าปกติ นี่เป็นบ้าน 2 ชั้นที่พ่อใหม่ของผมซื้อเอาไว้เมื่อประมาณปีที่แล้ว ดูเหมือนว่าพ่อใหม่ของผมจะมีรายได้ค่อนข้างมาก เรียกได้ว่ามีรายได้มากพอที่ตัดสินใจซื้อบ้านหลังนี้แบบปุบปับได้ เพราะแบบนี้เขาเลยไม่ค่อยได้กลับบ้านมา
ส่วนแม่ของผมทำงานอยู่ที่บริษัทแฟชั่นจนถึงมืด แถมช่วงนี้ยังกลับบ้านช้ากว่าปกติด้วย ทำให้ช่วงนี้ตอนเขากลับมาบ้านต้องอยู่คนเดียวบ่อย ๆ
ทันทีที่ผมกลับมาถึงบ้านและนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นพี่ของผมก็กลับมาถึงบ้าน ช่วงนี้เพิ่งเปิดเทอมใหม่พี่คงไม่ค่อยมีงานนัก ถ้าเกิดเป็นปกติยังไม่เย็นพี่จะไม่ค่อยกลับมาเท่าไหร่
ทันทีที่พี่ผมกลับมาถึงและเห็นผมเธอก็ถอนหายใจ
“เดี๋ยวสิ นี่เป็นวันแรกที่นายเปลี่ยนห้องไม่ใช่เหรอ ไม่มีงานเลี้ยงสังสรรค์อะไรเลยเหรอ”
“ก็มีอยู่… แต่มันค่อนข้างน่ารำคาญน่ะ”
“เพราะแบบนี้แหละนายถึงไม่มีวันเปลี่ยน”
พี่บ่นผมและเดินขึ้นไปยังห้องตัวเองบนชั้น 2 จากมุมมองของพี่ผมคงเป็นตัวสล็อตหรือตัวอะไรบางอย่าง
จริงอยู่ที่ตอนปี 1 ผมไม่ตั้งใจเรียนหรือเล่นกีฬาเท่าไหร่ ดังนั้นจะถูกมองว่าผลการเรียนแย่ก็คงไม่แปลก ทว่าทั้งหมดที่ผมทำนี้ก็เพื่อไม่ให้ผมเด่นเกินไป การอยู่คนเดียวนั้นดีกว่าการมีความสัมพันธ์ที่ไม่จำเป็น
บอกตามตรงว่าตั้งแต่ขึ้น ม.ปลาย ผมก็ไม่เคยจริงจังเลย ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่คิดว่าตัวเองจะแพ้ให้กับนักเรียนที่ครึ่ง ๆ กลาง ๆ
ในขณะที่ผมกำลังนั่งเล่นอยู่บนโซฟาพร้อมกับคิดเรื่องต่าง ๆ พี่ของผมก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จและลงมาจากชั้น 2 เป็นชุดที่เรียกว่าน่ารักผิดกับนิสัย
“นี่นายตัดสินเส้นทางชีวิตตัวเองหรือยัง”
“ทำไมจู่ ๆ ถึงพูดเรื่องนี้ละ”
“…ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่เกิดอยากจะถามเฉย ๆ น่ะ”
เพราะพี่มักจะเหน็บแนมมาอยู่เสมอผมก็เลยเตรียมใจไว้นิดหน่อย ทว่าสิ่งที่ผมคิดมันก็บินออกจากหัวไปหมด
“สำหรับตอนนี้ก็คงเป็นเข้ามหาลัยฯ ละมั้ง”
“เข้ามหาลัยฯ นี่มันคลุมเครือเกินไปหน่อยมั้ง ทำไมนายถึงไม่คิดเรื่องอนาคตบ้างอีกสักนิด”
“…นั่นสินะครับ”
พี่นั่งลงบนเก้าอี้และอ่านหนังสือเรียน วันนี้ไม่มีเรียนเพราะงั้นพี่คงไม่ได้มีงานอะไร เธอคงแค่กำลังเตรียมบทเรียน
“พอเปิดภาคเรียนแล้วฉันก็ต้องเตรียมสอบด้วย ฉันต้องทำงานในฐานะสมาชิกสภานักเรียนอีกสักระยะเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตในโรงเรียน ต่อให้ไม่มีงานต่อจากนี้ฉันก็ยุ่งทุกวัน เพราะงั้นฉันคงไปดูแลนายให้ไม่ได้อีกแล้ว ถ้าเกิดนายเข้าใจก็ควรจะจริงจังบ้างนะ”
“เอาจริง ๆ แล้ว…ผมก็พยายามเต็มที่อยู่ตลอดนะ”
“ถ้าเป็นงั้นจริงก็นับว่าโหลยโท่ย! ตั้งใจทำคะแนนดี ๆ ซะ ไม่อย่างนั้นอนาคตนายจะเป็นทุกข์นะ”
ผมจะเป็นทุกข์เหรอ เนื่องจากผมไม่อาจเข้าใจความหมายได้โดยทันที ผมจึงนั่งคิดอยู่สักพักหนึ่ง
…อ๋อ หมายความว่างี้เองเหรอ
“บางทีพี่คงจะกลัวผมถูกเอาไปเปรียบเทียบกับพี่แล้วโดนหัวเราะเยาะสินะ หรือไม่ก็คง…กลับกัน”
ต่อให้ผมโดนล้อเรียนก็คงไม่เป็นไร แต่หากความจริงปรากฏออกมาว่า น้องชายต่างสายเลือดของประธานนักเรียนอันยอดเยี่ยมเป็นพวกไร้ความสามารถจะทำให้ชื่อของพี่ด่างพร้อยได้ พี่คงกลัวว่ามันจะเป็นแบบนั้น
เมื่อผมพูดเสร็จพี่ก็ถอนหายใจเป็นครั้งที่ไม่รู้เท่าไหร่และหยุดเรียนพร้อมกับมองที่ผมในระยะประชิด
“เรื่องตัวเองฉันไม่ค่อยสนใจหรอก ฉันคิดว่าตัวเองได้รับความนับถือในฐานะปัจเจกบุคคลอยู่ เรียกว่าอยู่ในจุดยืนที่ต่อให้โดนรู้ว่านายเป็นน้องชายฉันก็ไม่เป็นไรหรอก”
“ถ้างั้นก็ปล่อย…”
“…เดี๋ยวแม่จะเสียใจเอาน่ะ”
เมื่อได้ยินคำนั้นผมก็ไม่อาจตอกกลับอะไรไปได้อีก เมื่อเห็นผมเงียบ พี่ของผมก็กลับไปเรียนต่อ พี่คงคิดว่าเกลี้ยกล่อมผมไปก็คงไร้ประโยชน์ ถ้าเกิดพูดถึงแม่ผมคงจะเชื่อฟังมากกว่า
(เป็นความห่วงใยที่ไม่จำเป็นจริง ๆ เลยนะ พี่)
ถึงก่อนหน้านี้ผมจะสับสน แต่ผมก็วางแผนจนเรียนจบเอาไว้แล้ว
แม้ว่าผลการเรียนในปี 1 กับปี 2 จะแย่ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือคะแนนตอนที่สอบ ตอนนี้ผมยังรักษาผลการเรียนไว้ที่ระดับกลาง ๆ ถ้าเกิดจะจริงจังกับการเรียนก็คงเป็นปลายปีหน้าเลย
(ที่เรากะเอาไว้ก็คือไปที่โตเกียว แล้วก็หางานทำที่ใจกลางเมือง)
เป้าหมายคืองานที่สามารถสร้างรายได้ได้อยู่หน้าคอมฯ โดยไม่ต้องออกจากบ้าน ถ้าเกิดเป็นแบบนั้นผมก็สามารถทำคนเดียวได้ ไม่ต้องกลัวว่าจะมีใครมายุ่มย่าม แล้วก็ไม่ต้องโต้ตอบกับคนอื่นเกินจำเป็นด้วย วิถีในอุดมคติของผมเป็นอย่างนั้น
ด้วยเหตุนี้ผมจะต้องเข้ามหาวิทยาลัยดี ๆ ให้ได้ ในปีที่ผ่านมาผมได้พยายามอยู่ข้างหลังเป็นอย่างมาก แต่ดูท่าพี่จะมอบชื่อฮิคิโคโมริกับผมไปแล้ว
สำหรับตอนนี้ผมต้องให้ความสำคัญกับอนาคตอันใกล้มากกว่าอนาคตอันไกลโพ้น
ถึงพี่จะทำให้ผมคิดนอกเรื่องไปบ้าง แต่ตอนนี้ผมต้องทุ่มพลังทั้งหมดเพื่อจัดการคิซารางิกับชินไคให้ได้ นอกจากจัดการเรื่องคิซารางิ ผมยังต้องคุมเรื่องชินไคจากพี่ให้ดี ๆ อีก ผมต้องดูจังหวะให้ดี ๆ แล้วเข้าไปจัดการเรื่องนั้นกับพี่
ผมมองดูพี่จดจ่อกับการเรียน พร้อมกับเล่นโทรศัพท์และจดโน้ตแผนการในอนาคตลงไป
Chapters
Comments
- ตอนที่ 5 ปี 1 ผู้เจิดจรัส มีนาคม 14, 2023
- ตอนที่ 4 การหลอกลวงซ้ำ ๆ มีนาคม 12, 2023
- ตอนที่ 3 ชีวิตประจำวันเปลี่ยนไป มีนาคม 12, 2023
- ตอนที่ 2 หัวหน้าห้องเจ้าปัญหา มีนาคม 11, 2023
- ตอนที่ 1 ผมและฉัน มีนาคม 11, 2023
MANGA DISCUSSION