(WN) ผมจะเอาหัวหน้าห้องสุดเคร่งขรึมมาเป็นแฟนได้หรือป่าวนะ? - ตอนที่ 1 ดวงอาทิตย์ที่แท้จริง
- Home
- (WN) ผมจะเอาหัวหน้าห้องสุดเคร่งขรึมมาเป็นแฟนได้หรือป่าวนะ?
- ตอนที่ 1 ดวงอาทิตย์ที่แท้จริง
บริเวณทางเดินข้าง ๆ ห้องพักครู
แสงอาทิตย์ยามเย็นสาดแสงเข้ามาทางหน้าต่างในมุมเฉียง แถมยังมีเสียงตะโกนเของชมรมเบสบอลที่กำลังฝึกซ้อมดังมาจากนอกอาคารเรียน
ทั้งที่มันควรจะเป็นช่วงเวลาอันแสนสงบสุขหลังเลิกเรียนแท้ ๆ แต่แล้วทำไมคุณครู อูชิดะ ครูประจำชั้นปีที่ 2 ห้อง B ถึงมองมาที่ผมด้วยดวงตาที่แดงก่ำ คล้ายกำคนที่กำลังโกรธใครมาเลยหล่ะ
“งั้นก็ ทสึจิโอะคุง ถือซะว่าโชคร้ายไปละกันเนอะ ช่วยจัดการสิ่งนี้ให้ครูทีนะ”
” ครูครับ ไม่คิดว่านี่มันจะเป็นงานที่หนักเกินไปสำหรับคนที่เป็นเวรประจำวันหรอครับ??”
“งานของเวรประจำวันนั้นจะมากจะน้อยก็ขึ้นอยู่ครูนี่เเหละที่เป็นคนกำหนดล่ะ! ที่สำคัญครูต้องไปประชุมที่น่าเบื่อสุด ๆ แล้วอีกอย่าครูธุรการเขาลาป่วยเพราะเข้าโรงพยาบาลไปหน่ะ ขอโทษด้วยละกันน้า แต่ช่วยทำหน่อยนะ!”
จากนั้นคุณครูอูชิดะก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องของผู้อำนวยการ
ในทางเดินยาวที่แสงพระอาทิตย์ตกส่องเข้ามา มีแค่ผมที่เหลืออยู่คนเดียว
พวกที่อยู่ชมรมก็กำลังทำกิจกรรมชมรม
ส่วนคนที่ไม่ได้อยู่ชมรมก็กลับบ้านไปหมดแล้ว
“ผมแค่จะเอากระดาษบันทึกประจำชั้นมาส่งเองนะ…”
ผมหันไปมองกองเอกสารที่ตั้งสูงเหมือนตึกในห้องเก็บของข้างห้องพักครูพร้อมถอนหายใจอีกครั้ง
งานที่ผมถูกไหว้วานมานั้นคือให้แยกเอกสารจำนวนมหาศาลนี้ให้กับนักเรียนทุกคนในทุกห้องเรียนของทั้ง 3 ชั้นเรียน
ผมเช็คมือถือ เเล้วก็พบว่าตอนนี้เป็นเวลา 4 โมงเย็นเเล้ว ที่สำคัญผมดันมีงานพาร์ทไทม์ตอน 6 โมงเเย็นซะด้วย นั่นแปลว่าผมต้องทำงานนี้ให้เสร็จอย่างช้าสุดก็ 5 โมงเย็น
ตอนนี้ไม่มีเวลามายืนถอนหายใจแล้ว คิดซะว่าดวงซวยก็แล้วกัน ผมเริ่มทำงานแบ่งเอกสารโดยเอื้อมมือไปหยิบกองเอกสารนั้น
“ห้อง 1-A มีนักเรียนทั้งหมด 36 คน รวมสำรอง 2 แผ่น กลาายเป็น 38 แผ่น”
ผมมองไปที่ตารางจำนวนนักเรียนที่ติดอยู่บนผนัง แล้วเริ่มนับกระดาษ
ผมคิดว่าหยิบมา 10 แผ่น แต่พอมาดูอีกที กลับกลายเป็นว่าผมหยิบมาเเค่ 8 แผ่น ผมเลยหยิบเพิ่มอีก 2 แผ่น เป็น 10 แล้วก็ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนได้ 38 แผ่นจากนั้นจึงนำไปใส่ในกล่องของห้อง 1-A
“… การนับกระดาษนี่ใช้เวลานานกว่าที่คิด”
ให้แยกเอกสารทั้งหมด 3 ชั้นปี 5 ห้องเรียนแบบนี้เหรอ? แล้วแบบนี้ผมจะไปทำงานทันไหมเนี่ย?
“ทสึจิโอะคุง ถูกคุณครูไหว้วานให้มาทำใช่ไหม”
เมื่อผมหันไปหาเสียงที่ผมได้ยิน ก็ได้พบกับ โยชิโนะ ซาระ เด็กสาวในห้องของผม กำลังยืนอยู่หน้าทางเข้าห้องเก็บของ
เธอมีผมสีดำเงางามเรียบสวย ขนตายาวและดวงตากลมโตเบิกกว้าง จมูกโด่ง ริมฝีปากอิ่ม และมีรูปร่างสูงโปร่ง ผิวพรรณขาวเนียนราวกับนางฟ้า ในชั้นเรียนและทั่วทั้งปีการศึกษาก็จัดว่าเป็นคนสวยอันดับหนึ่งหรือสอง ด้วยความที่เธอนั้นป็นทั้งหัวหน้าห้องและคณะกรรมการนักเรียน แถมยังเป็นคนที่อัธยาศัยดี เข้ากับคนง่าย และพร้อมที่จะช่วยเหลือผู้อื่นเสมอ เพื่อนๆ ในห้องเรียนต่างก็ชื่นชอบเธอ และมักจะเรียกเธอว่า”นางฟ้า*” (TL: อันนี้ขออนุญาตนะครับไม่รู้จริง ๆ ว่า 正しい太陽 ควรแปลว่าอะไรคือถ้าแปลแบบตรงความหมายก็จะกลายเป็นดวงอาทิตย์ที่่เเท้จริงอะไรแบบนี้ผมเลยว่ามันแปลก ๆ )
ผมรู้สึกประหลาดใจมากที่เธอจำชื่อผมได้ ทั้งๆ ที่เราเพิ่งเข้าเรียนมาได้แค่หนึ่งสัปดาห์ และยังไม่เคยคุยกันมาก่อนเลย ผมรู้สึกตื่นเต้นและดีใจในขณะเดียวกัน
แต่แล้วโยชิโนะซังก็เลื่อนกรอบแว่นเงินของเธอขึ้นแล้วพูดว่า
“อาทิตย์ที่แล้ว ฉันก็ทำงานนี้ไปแล้วล่ะ ดูเหมือนเจ้าหน้าที่ธุรการจะต้องเข้าโรงพยาบาลเพราะมีปัญหาสุขภาพ”
“อย่างนั้นเหรอครับ”
“เดี๋ยวช่วยนะ ทำหลายคนมันจะเสร็จเร็วกว่า เพราะตอนนั้นเพื่อนฉันก็มาช่วยเหมือนกันก็เลยทำเสร็จใน 30 นาที”
“เอ่อ… ขอบคุณครับ”
“ไม่เป็นไร”
โยชิโนะซังเริ่มแยกเอกสารอย่างเงียบ ๆ อย่างรวดเร็ว และตามคำที่เธอว่า งานเสร็จภายใน 30 นาที
“งั้นเจอกันพรุ่งนี้นะ เหนื่อยหน่อยนะ”
เธอพูดแล้วก็เดินจากไป ผมที่พยายามจะกล่าวขอบคุณ แต่เธอก็ดันไปถึงตู้รองเท้าแล้วเดินออกไปเสียก่อนแล้ว ทำให้คำขอบคุณของผมหายไปในช่องว่างของตู้รองเท้า
ก็ไม่รู้จะพูดว่าไงดี… สาวสวยมีความสามารถและจริงจัง… จริง ๆ แล้วก็มีคนแบบนี้อยู่ด้วยเหรอเนี่ย ผมรู้สึกประทับใจในตัวเธอโดยไม่รู้ตัว
ถ้าเป็นผมนะคงแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นแล้วเดินหนีไป
ผมรีบเช็คโทรศัพท์ พบว่ายังไม่ถึง 5 โมงเย็น เลยรีบวิ่งกลับห้องเรียนแล้วรีบออกจากโรงเรียนทันที น่าจะทันเวลาไปทำงานพอดี
“ผู้จัดการครับ ควรเอานี่ไปที่ไหนครับ?”
“ไปส่งที่ร้านแถวถนนนัมโทะริน”
“โอเคครับ”
ผมไปถึงที่ทำงานพาร์ทไทม์ทันเวลาเหลือเฟือ ถ้าออกจากโรงเรียนตอน 5 โมงเย็น ก็จะมาถึงที่นี่ตอน 6 โมงเย็นพอดี ผมถือกล่องใส่ไก่ทอดและมันฝรั่งทอด เดินออกไปทางด้านหลังของร้าน
กลิ่นฉุนของปัสสาวะโชยมาเตะจมูก ขยะจากร้านอาหารต่างๆ กองพะเนินเต็มถังขยะที่ซ่อนอยู่ตามซอกตึก แต่ผมก็วิ่งผ่านไปได้อย่างคล่องแคล่ว
ผมเป็นเด็กนักเรียนมัธยมปลายธรรมดาๆ มาจากครอบครัวที่มีพ่อแม่ทำงานประจำ แต่คุณยายฝั่งแม่ของผมเป็นเจ้าของผับหลายแห่งในย่านสถานบันเทิง ผมเคยเรียนไม่จบชั้นม.3 เพราะมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น ตอนนั้นคุณยายบอกว่า “ถ้าไม่มีอะไรทำก็วิ่งไปทำงานซะ!” แล้วก็ให้ผมมาทำงานส่งของที่ร้านนี้
แม่ผมโกรธมากที่ให้เด็กที่ไม่ได้ไปโรงเรียนมาทำงานในย่านแบบนี้ แต่สำหรับผมกลับเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ผมได้เห็นคนที่ฉลาดแต่ไม่มีวุฒิการศึกษาต้องไปเป็นผู้จัดการผับ คนที่ทำงานในบริษัทใหญ่แต่ชอบทำร้ายผู้หญิง คนที่จบสูงแต่ติดยาเสพติดแล้วไปทำงานเป็นโสเภณี
ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าตัวเองเคยอยู่ในโลกที่แคบมาก หลังจากทำงานพาร์ทไทม์มาได้เดือนนึง ผมก็กลับไปโรงเรียนและสอบเข้ามัธยมปลายได้สำเร็จ หลังจากนั้นก็ทำงานพาร์ทไทม์ที่นี่มาเรื่อย ๆ
ย่านนี้สกปรก ในตึกต่าง ๆ นั้นไม่ค่อยมีลิฟต์ให้เห็น ต้องอาศัยความชำนาญในพื้นที่และพละกำลัง
ผมวิ่งขึ้นบันไดไปที่คาบาเรต์แล้วไปบอกกับเจ้าของร้านว่า”ไก่ทอดมาส่งค้าบบบบบบ” และวางกล่องไก่ทอดไว้
หลังจากนั้น ผมก็ลงบันไดเพื่อจะกลับไปที่ร้าน แต่ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของผู้หญิง
“บอกแล้วไงว่าฉันไม่ใช่คนที่ทำ! อย่ามาลากฉันนะ!”
“มึงแน่เลย! หน้ามึงกูเคยเห็นมาหลายครั้งแล้ว! เป็นเพราะมึงพากูไปที่ร้านนั่น ชีวิตกูถึงได้พังไง!”(TL: เนื่องจากเป็นคนเมาเเลยขอใช้คำพูดที่ดูรุนแรงนะครับ)
ผู้ชายคนนั้นใส่สูท หน้าแดงก่ำ กำผมสีบลอนด์ของผู้หญิงคนหนึ่งไว้แน่น ส่วนผู้หญิงคนนั้นใส่กระโปรงสั้นและส้นสูง ดูเหมือนจะเป็นสาวแกลสินะ
“มึงพากุไป…” คงโดนหลอกให้ไปที่ร้านที่คิดเงินแพงแน่ๆ เลย คงจะเป็นคนที่โดนหลอกให้ไปกินกาแฟราคาถูกๆ แล้วพอจบก็เรียกเงินเป็นหมื่น อะไรประมาณนั้นสินะ
ผู้หญิงคนนั้นพยายามส่ายหัวเพื่อปฏิเสธ
“บอกแล้วไงว่าไม่ใช่ฉัน! ฉันไม่ได้ทำอะไรแบบนั้นสักหน่อย!”
ผมหันไปตามเสียงที่คุ้นเคยเเล้วผมก็พบโยชิโนะ ซาระที่เพิ่งช่วยงานผมไปตอนนั้นหนิ
แต่ตอนนี้เธอเปลี่ยนไปเยอะเลย เธอไม่ได้ใส่แว่นแล้ว แต่งหน้าจัดเต็ม ทั้งอายแชโดว์และลิปสติก ผมก็ยาวและหยิกฟู ไม่เหมือนตอนที่อยู่โรงเรียนที่ผมสั้นประบ่า แถมคอเสื้อก็คอกว้าง กระโปรงก็สั้นมากจนเห็นขาเกือบถึงต้นขา รองเท้าส้นสูงก็เกือบหลุดเพราะโดนผู้ชายคนนั้นจับผมลากไป
ถึงแม้ว่าเธอจะเปลี่ยนไปจนเหมือนคนละคน แต่เพราะผมทำงานในเมืองนี้มานานเลยเคยเห็นการเปลี่ยนแปลงแบบนี้บ่อยๆ ถึงเธอจะแต่งหน้าจัดเต็มก็เถอะ แต่ผมก็มั่นใจว่าเธอคือโยชิโนะ ซาระ
ผมคิดในใจว่าจะทำยังไงดีถึงจะช่วยโยชิโนะ ซาระให้รอดจากผู้ชายคนนั้นได้ แล้วผมก็รีบวิ่งไปหาเธอ
“คุณโย” ผมเรียกเธอเสียงดัง
“!! เอ๊ะ?! ทสึจิโอะคุง!! ทำไมมาอยู่นี่ได้?! เอ๊ะ?!”
โยชิโนะมองมาที่ผมด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความตกใจ แต่ตอนนี้ไม่มีเวลาอธิบายอะไรแล้ว สีหน้าของเธอตอนเห็นผม มันแตกต่างจากตอนที่อยู่โรงเรียนอย่างสิ้นเชิง
ผมรีบพาโยชิโนะ วิ่งเข้าไปในซอยเล็กๆ เพื่อหนีจากชายคนนั้นที่กำลังวิ่งตามมาติดๆ
“หยุดเดี๋ยวนี้ไอ้เด็กเวร กูมีเรื่องต้องเคลียร์กับมัน”
ผู้ชายเมาคนนั้นยังคงไล่ตามมาพวกเรา เราสองคนวิ่งผ่านซอยแคบๆ เลี้ยวขวาเลี้ยวซ้าย… แม้จะเป็นแบบนี้ เขาก็ยังคงไม่ยอมแพ้
ถึงแม้เขาจะเมาแล้วแต่ก็ยังมีแรงมาก แถมยังวิ่งตามพวกผมมาได้อย่างรวดเร็วอีก ในทางกลับกันโยชิโนะต้องวิ่งตามผมด้วยความยาก ผมวิ่งนำหน้าโยชิโนะ และระหว่างทางก็เตะถังขยะที่เต็มไปด้วยขยะ จนเศษขยะและสัตว์เล็กๆ เลื้อยคลานออกมาขวางทางชายคนนั้น ช่วงที่ผู้ชายคนนั้นต้องหลบหลีกนั้น ผมก็รีบวิ่งขึ้นบันไดของตึกที่อยู่ข้างหน้า แล้วเปิดประตูห้องด้วยระบบสแกนลายนิ้วมือ
“เอ๊ะ?!”
“รีบเข้ามาเถอะเร็ว”
หลังจากที่ผมพาโยชิโนะเข้ามาข้างในร้านได้เเล้ว ก็ทรุดลงตรงหน้าประตูด้วยความเหนื่อย
เสียงดังโครมครามจากการเตะประตูดังขึ้นมาจากข้างนอก
“เฮ้ย ออกมานี่! กูรู้นะว่ามึงหนีเข้ามาในนี้! ไอ้ผู้หญิงสารเ*ว! เพราะร้านที่แกพาไป กูเลยโดนไล่ออกจากงาน!!”
“เป็นเรื่องจริงหรือป่าว?”ผมหันไปถามโยชิโนะที่กำลังหายใจหอบๆ อยู่ เธอส่ายหน้าไปมาอย่างรุนแรง
ผมก็ไม่คิดหรอกว่าเด็กเรียนอย่างเธอจะไปพาใครไปร้านแบบนั้นได้หรอกหรอก แต่ก็นะ… ด้วยการแต่งตัวแบบนี้บางทีก็ไม่แน่เหมือนกัน ผมว่ามีโอกาส 80% ที่จะเป็นคนละคนกัน และก็มีโอกาสอีกแค่ 20% ที่จะเป็นโยชิโนะจริงๆ ที่ไปทำงานพาร์ทไทม์ที่ร้านแบบนั้นโดยไม่รู้ตัว บางครั้งเวลาคิดตังค์ ผู้หญิงอาจจะหนีออกจากทางลับและเรื่องนี้ถูกเก็บเป็นความลับได้ บางครั้งตัวของเธอเองก็คงไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้
ขณะที่ผมกำลังคิดอยู่นั้น ชายคนนั้นก็ยังคงเตะประตูและตะโกนอยู่ไม่หยุด ผมจึงเข้าไปใกล้โยชิโนะแล้วกระซิบ
“ขอบคุณที่ช่วยจัดเอกสารนะ เพราะเธอผมจึงได้ได้มาทำงานทันหน่ะ”
‘ไม่เป็นไรหรอก ดีใจที่ได้ช่วยนะแต่จะเรียกว่าช่วยได้ไหมนะเนี่ย? อ้อ ฉันขอโทษที่ทำให้ตกใจนะ ที่โรงเรียนกับตอนอยู่นอกโรงเรียนมันคนละแบบเลย แต่นายก็ยังจะสังเกตเห็นได้เนอะ ฮ่ะๆ!”
พอพูดจบโยชิโนะก็หัวเราะออกมาอย่างสดใส แม้ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ที่น่ากลัว แต่รอยยิ้มของเธอก็ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง
เสียงดังจากประตูที่ถูกเตะยังคงดังอยู่
ผมเปิดโทรศัพท์และดูเวลา
“ไม่ต้องห่วง เขาน่าจะมาในไม่ช้า”
“เอ๊ะ?”
พวกเรายังคงเงียบอยู่หน้าประตู แต่แล้วก็ดันมีเสียงฝีเท้าของคนกำลังเดินขึ้นบันไดก็ดังมา
ตามมาด้วยเสียงทุ้มต่ำที่ฟังดูน่ากลัว ก้องสะท้อนในพื้นที่แคบ
ดูเหมือนเขาจะมาถึงแล้ว
“เฮ้! แกมีเรื่องอะไรกับเด็กของร้านเราวะ?!”
“เอ๊ะ! ไม่ใช่นะครับ! ผู้หญิงที่หลอกผมหนีเข้ามาในนี้!”
“แม่มเอ้ย! ทุกคนแม่งก็พูดแบบนั้นหมดแหละ แกมานี่เลย!!”
“เหวอออ! อย่าาาาาา!!”
เสียงเตะประตูและเสียงโวยวายของคนเมาค่อยๆ ไกลออกไป จนในที่สุดก็เงียบสนิท
ผมลุกขึ้นยืน เดินไปเปิดหน้าต่างที่หันออกไปทางทางเดิน มองเห็นชายคนนั้นกำลังถูกพวกหนุ่ม ๆ ลากตัวไป …น่าจะปลอดภัยแล้วล่ะ พวกเขาคงจะจัดการให้เอง พอโล่งใจ ผมมองออกไปนอกหน้าต่างและคิดว่า “ดีแล้ว” แต่จู่ๆ ก็รู้สึกถึงความนุ่มนิ่มบางอย่างที่แขนของผม
หืม? พอผมมองไปข้างๆ ก็เจอเด็กสาวผมสีชมพูยืนอยู่ ดวงตาเปล่งประกาย
“นี่อากิโตะ~~ มีไอ้งั่งมาที่นี่อีกเหรอ? อ้อ แล้วนี่ นายเห็นบราของฉันไหม? มันหายไปอีกแล้วล่ะ”
“!!!!!”
ความรู้สึกนุ่มนิ่มเมื่อกี้ คือหน้าอกที่ไม่ได้ใส่บรา
เธอใส่แค่เสื้อสายเดี่ยวบางๆ และไม่ได้ใส่บรา ทำให้เห็นจุกนมชัดเจน
ได้โปรด อย่ามาอยู่ในสภาพแบบนี้ต่อหน้าเด็กมัธยมปลายเลย ผมพยายามเบนสายตาไปทางอื่น พร้อมกับแสดงท่าทีที่ดูใจเย็นที่สุด…
“……มินามิซัง ปกติแล้วคุณมักตากบราอยู่ที่ห้องน้ำใช่ไหมครับ?”
“อ๋า ลืมไปเลย โทษทีน้าา~~”
“แล้วก็ ช่วยเลิกเดินไปเดินมาในห้องแบบโนบราได้ไหมครับ แม้ว่าที่นี่เป็นพื้นที่หลบภัยฉุกเฉิน แต่ก็อาจจะมีผู้ชายเข้ามาก็ได้นะครับ”
“ก็มีแต่คนที่รู้จักกันนี่นา~~”
“ถึงอย่างงั้นก็เถอะช่วยเลิกเถอะครับ เอ่อ อีกอย่าง ถึงเวลาแล้วไม่ใช่เหรอครับ ผมว่าคุณควรรีบไปได้เเล้วนะ”
“เด็กใหม่เหรอ? น่ารักจัง ไว้เจอกันอีกนะ~!”
มินามิซังยิ้มให้โยชิโนะซังแล้วเดินออกไป
…เฮ้อ ในที่สุดก็สงบลงสักที
แม้จะเป็นสถานการณ์ฉุกเฉินที่ทำให้ต้องเข้ามาที่นี่ แต่ผมก็ยังไม่ชินกับการเจอเด็กสาวในชุดชั้นในเต็มห้อง บอกตรงๆ ว่ารู้สึกอึดอัดมาก
ผมพยายามบรรเทาอาการเขินด้วยการพัดลมใส่หน้าตัวเองก่อนจะหันไปทางโยชิโนะซัง
“ที่นี่เป็นห้องพักสำหรับพนักงานในร้านที่ทำงานกลางคืนครับ ถ้ามีคนบุกเข้ามาทำร้ายก็จะมีระบบนิ้วมือและประตูแข็งแรงคอยป้องกัน เป็นที่ที่สะดวกมาก”
“หื้ม…เเล้วทสึจิโอะคุง รู้จักที่แบบนี้ได้ยังไง?”
“ผมแค่ทำงานแถวนี้ เลยรู้จักครับ เอาล่ะ ดูแลตัวเองดีๆ นะครับ”
ผมพูดจบก็เผลอนึกขึ้นมาได้
“เอ่อ คือว่า ช่วยเก็บเรื่องที่ผมทำงานแถวนี้เป็นความลับจากเด็กในโรงเรียนได้ไหมครับ?”
ผมไม่ใช่คนที่โดดเด่นในโรงเรียน สูงกลางๆ ผมตรงสีดำ ไม่มีจุดที่ดูแปลกหรือสะดุดตา
ผมไม่อยากตกเป็นเป้าสายตา และไม่อยากให้ใครเอาเรื่องคุณยายที่ฉันเคารพมาล้อเลียนด้วย
โยชิโนะซังพยักหน้าเบาๆ
“ฉันเองก็อยากให้เธอเก็บเรื่องที่ฉันแต่งตัวแบบนี้เป็นความลับเหมือนกัน พรุ่งนี้หลังเลิกเรียนมาคุยกันได้ไหม? แล้วก็นะขอไลน์ใหน่อยสิ!”
เธอหยิบสมาร์ทโฟนออกมาจากกระเป๋าใบเล็ก
หัวใจของผมเต้นแรงทันที โยชิโนะซังที่น่ารักที่สุดในห้องมาขอแลกไลน์กับผมงั้นหรอเนี่ย
เอาเถอะ ไหนๆ เธอก็ขอมาแล้ว ผมเลยหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมา โยชิโนะซังถาม
“เอาเป็นไลน์ได้ไหม? พอดีอินสตาแกรมฉันปิดไว้เวลาออกจากโรงเรียนเพราะไม่อยากให้ใครรู้ว่าเข้าใช้งาน”
“โอเค ไม่มีปัญหา”
เราส่งไลน์ให้กัน
“งั้นเจอกันที่โรงเรียนพรุ่งนี้! เรื่องที่เจอที่นี่ ฉันจะไม่บอกใครเลยนะ จะเก็บเป็นความลับของเราสองคนเท่านั้น!”
พูดจบเธอก็วิ่งออกไป
ผมยืนส่งเธอไปจนลับตา แล้วก้มมองหน้าไลน์ที่เพิ่งได้รับ
ผมยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่ได้
หลังจากที่ช่วงนี้ได้แต่คุยไลน์กับแม่และคนที่ทำงาน ตอนนี้ก็มีชื่อของโยชิโนะซังปรากฏในรายชื่อเพื่อนของผม
โปรไฟล์ของเธอเป็นรูปเธอที่ถ่ายคู่เด็กผู้หญิงคนนคงที่มีหน้าตาคล้ายเธอมาก คงจะเป็นน้องสาวเธอละมั้งนะ ทั้งคู่ดูน่ารักมาก(TL:เป)
แค่คิดว่าเราสองคนมีเรื่องลับๆ ที่ไม่บอกใคร ก็รู้สึกดีใจจนใจจะขาดแล้
ฉันนั่งยิ้มอยู่ได้ไม่นานก็โดนผู้จัดการร้านโทรตามจนต้องรีบวิ่งกลับไป
คงโดนด่ายับแน่ ในเรื่องที่ผมใช้เวลาส่งของนานเกินไป…
พูดคุยหลังแปล
สวัสดีครับผมขอบอกก่อนเลยว่า เป็นการหัดแปลนะครับ เนื่องจากมีคนบอกว่าการใช้ภาษาบ่อย ๆ จะเป็นการฝึกที่ดีได้ เเล้วก็ถ้ามีการแปลแปลก ๆ ขออภัยด้วยครับ เนื่องจากนี่เป็นแปล จาก ญี่ปุ่น มา ไทย บางคำอาจจะเกลาไม่ดีหรืออาจจะมีความหมายที่ดีก็ได้เเต่ผมเเค่ยังเรียนไม่ถึง อิอิ เเล้วก็อันนี้มาแปลเช็คเรทติ้ง ครับ คือ พฤหัสนี้สอบปลายภาค นี่นั่งแปล เท่จ้าด ท้ายที่สุดนี้อยากฟังความเห็นการแปลจากทุกท่านนะครับ