[WN] การกวาดล้างมนุษยชาติของเจ้าหญิงแวมไพร์กับอดีตผู้กล้า - ตอนที่ 80 องค์ที่ 4 ล้างแค้น - เจ้าหญิงแวมไพร์, อดีตผู้กล้า และผู้ที่เก่าแก่ที่สุด
- Home
- [WN] การกวาดล้างมนุษยชาติของเจ้าหญิงแวมไพร์กับอดีตผู้กล้า
- ตอนที่ 80 องค์ที่ 4 ล้างแค้น - เจ้าหญิงแวมไพร์, อดีตผู้กล้า และผู้ที่เก่าแก่ที่สุด
เมืองของเผ่ามนุษย์มังกรนั้นตั้งอยู่ในหุบเหว ห่างออกไปหลายร้อยกิโลเมตรจากเมืองหลวงของอาณาเขตเผ่ามาร ‘แพนเดโมเนียม’
ทั้งโยมิ ทั้งฉัน ที่ไม่เคยไปที่นั่นมาก่อน เลยไม่สามารถเคลื่อนย้ายไปได้ พวกเราเลยขอให้คุณเฟเรียที่เคยไปที่นั่นมาแล้วครั้งนึงเป็นคนช่วยพาเราเคลื่อนย้ายไปที่นั่น
“…งั้น ฉันจะกลับไปก่อนนะ ขอให้พวกเธอโชคดีนะ”
“เอ๋ คุณเฟเรียจะไม่ไปด้วยกันเหรอคะ? มาไกลตั้งขนาดนี้ ไม่มาด้วยกันแล้วแวะเที่ยวเล่นซักหน่อยล่ะคะ?”
“โทษทีนะ ฉันยังมีงานต้องทำอยู่เลย… แล้วก็เผื่อไว้ก่อนน่ะ คือ ฉันเองก็ไม่อยากเจอท่านหญิงฟลูเรเทียด้วย…”
คุณเฟเรียตัวสั่นเทา ก่อนจะเตรียมการเคลื่อนย้ายอย่างตื่นตระหนกเลย นี่เธอคนนั้นเป็นคนแบบไหนกันแน่นะเนี่ย
ฟลูเรเทีย หนึ่งในผู้บริหารที่เก่าแก่ที่สุดของกองทัพจอมมาร
เธอเป็นตัวตนเยี่ยงวีรสตรีของกองทัพจอมมารที่อุทิศตนมามากกว่า 100 ปีตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง และมีผลงานในสมรภูมิมามากมายนับไม่ถ้วน
เกี่ยวกับพลังที่แข็งแกร่งจนน่ากลัวขนาดนั้น พวกเราก็ได้ฟังจากท่านจอมมารมาแล้วเรียบร้อย
เผ่ามนุษย์มังกรเป็นเผ่าพันธุ์หายากที่มีการวิวัฒนาการในเผ่าพันธุ์อยู่บ่อยครั้ง ทุกคนจะเกิดมาเป็น [มนุษย์มังกรระดับต่ำ] เหมือนกัน และจากตรงนั้น ก็จะค่อยๆ วิวัฒนาการขึ้นเป็นมนุษย์มังกรระดับกลางและระดับสูงตามลำดับ เงื่อนไขของการวิวัฒนาการเผ่าพันธุ์ของเผ่ามนุษย์มังกรนั้นง่ายมากๆ นั่นคือ ‘แข็งแกร่งมากกว่าระดับหนึ่ง’ เท่านั้นเอง
ถึงยังงั้น ถ้าเกิดเพิ่มเลเวลจนชนเข้ากับขีดจำกัดเลเวลแล้ว วิธีเดียวที่จะแข็งแกร่งขึ้นได้ก็มีแค่ผ่านการฝึกฝนอย่างต่อเนื่องเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ คนส่วนใหญ่เลยใช้ชีวิตโดยยังเป็นแค่มนุษย์มังกรระดับกลางเท่านั้น
คุณรูสเป็นคนที่อายุน้อยที่สุดรองจากฉันกับโยมิในหมู่ผู้บริหารเลย… ทั้งๆ ที่ยังอยู่แค่อายุ 20 กว่าๆ เท่านั้น เขาก็แข็งแกร่งจนวิวัฒนาการเป็นมนุษย์มังกรระดับสูงได้แล้ว มนุษย์มังกรส่วนใหญ่จะไปถึงขีดจำกัดเลเวลตั้งแต่ตอนที่เป็นมนุษย์มังกรระดับกลางแล้ว จึงล้มเลิกที่จะวิวัฒนาการต่อขึ้นไปเป็นมนุษย์มังกรระดับสูงกันไป เพราะฉะนั้น คุณรูสจึงถือว่าเป็นอัจฉริยะอย่างแท้จริงเลยล่ะ
…จริงๆ มันมีเรื่องราวมากกว่านี้อีกนะ
อายุขัยเฉลี่ยของมนุษย์มังกรน่ะอยู่ที่ประมาณ 300 ปี ก็ถือว่าอายุยืนอยู่นะ แต่ถ้าเทียบกับแวมไพร์ที่อยู่ได้เป็นพันปี หรือแฟรี่ที่อยู่ได้แทบจะตลอดกาลแล้ว พวกเขาก็ถือว่าตายค่อนข้างเร็วอยู่
แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีข้อยกเว้นอยู่ และโอกาสที่จะเกิดได้ยาก มนุษย์มังกรบางคนจะสามารถวิวัฒนาการไปสูงกว่ามนุษย์มังกรระดับสูงได้ก่อนที่พวกเขาจะหมดอายุขัย ขึ้นไปเป็นเผ่าพันธุ์ที่เรียกว่า [มนุษย์มังกรโบราณ] และย้อนสภาพร่างกายกลับไปเป็นสภาพที่สมบูรณ์ที่สุดของเขาคนนั้นอีกด้วย และเหมือนอายุขัยจะยืดออกไปหลายพันปีเลยด้วย
“…มนุษย์มังกรโบราณที่ว่านั่นก็คือท่านฟลูเรเทีย …แบบนั้นสินะ?”
“น่าจะเป็นแบบนั้นนะ หลังจากนั้น เหมือนเธอจะกลับไปทำงานให้ท่านจอมมารอยู่อีกซักพักนึง แถมยังแข็งแกร่งจนหาตัวจับยากเลย แต่ไม่นาน เธอก็เกษียณตัวเองไป และอยู่ในตำแหน่งที่คอยฝึกฝีมือให้กับเหล่าชนรุ่นใหม่แทน… ก็นะ สำหรับตอนนี้ เพราะอะไรไม่รู้ เธอถึงไปทำงานเป็นเมดให้คุณรูสซะแล้ว”
“…ทำไมล่ะ?”
“…ไม่รู้สิ”
ไม่ไหวเลย ไม่ว่าจะมองย้อนกลับไปยังไง ฉันก็หาไม่เจอเลยว่าทำไมเธอคนนั้นถึงเลือกไปเป็นเมดของคุณรูสได้
ถ้าเธอเป็นมนุษย์มังกรโบราณเพียงหนึ่งเดียวของเผ่าพันธุ์มนุษย์มังกรล่ะก็ จะไม่ใช่เรื่องแปลกเลยถ้าเธอจะได้รับการเคารพยกย่องดุจเทพเจ้าผู้มีชีวิต เหมือน [ต้นตระกูล] ของแวมไพร์ หรือก็คือ แบบท่านจอมมารนี่แหละ
“…งั้น พวกเราเข้าไปในเมืองกันเถอะ ถึงยังไงเราก็มาถึงที่นี่แล้วนี่นา”
“เห็นด้วยเลย พวกเขาน่าจะรู้กันอยู่แล้วล่ะว่าพวกเราเป็นขุนพลจตุเทวอสุรา เดี๋ยวพวกเราก็คงได้ไปเจอพวกคนใหญ่คนโตแล้วล่ะนะ”
เป็นไปอย่างที่คาดไว้เลย คนที่รู้หน้าตาของเราตั้งแต่ที่จุดตรวจคนเข้าเมืองบอกให้เราขึ้นไปยังชั้นบน ก่อนจะให้พวกเราผ่านเข้าไปถึงคฤหาสน์ที่จักรพรรดิมนุษย์มังกรอาศัยอยู่ ณ กลางเมืองอย่างราบรื่นเลย
“ยินดีต้อนรับนะครับ ท่านหญิงลีน ท่านหญิงโยมิ ข้าคือจักรพรรดิมังกร วาเบล ดราเกรย์ ลูกชายของข้าคงรบกวนพวกท่านไว้ไม่น้อยเลย”
“ไม่หรอกค่ะ แต่ตอนนี้มีเรื่องรบกวนอยู่หนึ่งเรื่องแล้ว… ขออนุญาตถามเรื่องลูกชายของท่านซักหน่อยนะคะ”
“อา… ข้าทราบเรื่องนั้นดี นั่นก็คือเหตุผลที่ขุนพลจตุเทวอสุราที่เลื่องลือถึง 2 คนมาที่นี่สินะครับ?”
“ค่ะ ต้องขออภัยเป็นอย่างสูงนะคะ แต่พวกเราคงจำเป็นต้องพาลูกชายท่านกลับไป แม้จะใช้กำลังลากออกมาก็ตาม ยิ่งถ้าคุณรูสหนีออกมาแบบนี้ มันจะสร้างความสูญเสียใหญ่หลวงต่อกองทัพจอมมารทั้งหมดเลยนะคะ”
“…คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ สินะครับ ถ้าเป็นไปได้ ข้าอยากขอให้ทุกท่านช่วยรอจนกว่าเจ้าลูกชายของข้าจะออกมาเองนะครับ”
“มันรอได้ที่ไหนกันล่ะคะ”
“ลีน ใจเย็นก่อนนะ ใจเย็นก่อน”
“…ช่วยไม่ได้นะครับ เช่นนั้น ข้าจะนำทางให้พวกท่านเอง ทางนี้เลยครับ”
ด้วยการนำทางของจักรพรรดิมังกรอย่างคุณวาเบล พวกเราก็มาถึงหน้าประตูห้องที่คุณรูสหมกตัวเองเอาไว้
อื้อ ใช่ หน้าประตู
……ประตู…
“…ประตูห้องเหรอ? นี่มันประตูรั้วชัดๆ เลยนี่นา”
“ฉันก็ว่างั้นเหมือนกัน… นี่คุณรูสอยู่ในนี้จริงๆ เหรอเนี่ย?”
“อ้า ไม่ผิดแน่ครับ”
พอฉันคิดว่าประตูนี่ก็คงถูกบิดเปิดได้ง่ายๆ ไม่ต่างจากบิดตู้กาชา… แต่ไอ้ประตูนี่มันใหญ่มากกก สูงเกือบ 10 เมตรเลย
“งั้น ก็พังเข้าไปกันเถอะ โยมิ ช่วยกันหน่อยนะ”
“เข้าใจแล้ว”
“อ๊ะ เดี๋ยวสิ… ทุกท่านหยุดเถอะนะครับ…”
นี่มาขนาดนี้แล้ว ยังจะต่อต้านอีกเหรอเนี่ย? เจ้าคนเป็นพ่องี่เง่าคนนี้นี่
พอฉันจ้องเขาอยู่ซักพัก เขาก็เหมือนจะเข้าใจสิ่งที่ฉันจะพูดแล้วนะ
“อ่า ไม่ใช่แบบนั้นหรอก… ที่ข้าพยายามจะบอกก็คือ การทำลายประตูนั่นน่ะ มันเป็นไปไม่ได้ต่างหากล่ะครับ”
แล้วก็ตอบมาแบบนั้น… เป็นไปไม่ได้ที่จะทำลายประตูนี่?
“หมายความว่ายังไงน่ะคะ?”
“ที่ประตูนั่น มีบาเรียของท่านฟลูเรเทียกางเอาไว้อยู่ ถ้าหากการโจมตีที่พุ่งเข้าใส่บาเรียนั่นไม่แกร่งพอแล้วล่ะก็ การโจมตีดังกล่าวนั้นจะสะท้อนกลับไปหาพวกท่านเองน่ะครับ”
ว่าไงนะ?
จากที่ท่านจอมมารบอกเอาไว้ ท่านฟลูเรเทียนั้นเป็นเลิศในด้านศิลปะการต่อสู้ และในขณะเดียวกัน ยังเป็นจอมเวทผู้คุ้มครองที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกอีกด้วย
“งั้น พวกเราจะทำยังไงดีล่ะ?”
“มี 3 วิธี วิธีแรกคือหาซักวิธีนึงพังประตูนี่ให้ได้ วิธีที่ 2 คือขอร้องให้ท่านฟลูเรเทียช่วยปลดบาเรียนี่ให้ที ส่วนวิธีสุดท้ายก็ เรา 2 คนต้องช่วยกันล้มท่านฟลูเรเทียให้ได้ และบังคับให้ถอนบาเรียออก”
“วิธีแรกนี่เป็นไปไม่ได้หรอกครับ นี่เป็นเวทคุ้มครองชั้นเลิศเลยแม้แต่กับพลังของท่านฟลูเรเทียก็ตาม ต่อให้จะเป็นนายน้อยซากุระก็ไม่อาจสร้างความเสียหายกับมันได้เลยด้วยซ้ำไป”
“จะถึกทนจนโกงอะไรขนาดนี้เนี่ย… แล้ววิธีที่ 2 ล่ะคะ?”
“ข้าไม่คิดว่าท่านฟลูเรเทียที่ก็ไม่ทราบเลยว่าด้วยเหตุใดท่านถึงได้โอ๋รูสขนาดนั้นและอยากให้ความต้องการของเขาเป็นจริง จะถูกพวกท่านโน้มน้าวได้นะครับ”
“งั้น ก็เหลือแค่วิธีสุดท้ายแล้วงั้นเหรอ… นี่พวกเราจะเอาชนะท่านฟลูเรเทียได้หรือเปล่านะ…”
“นั่นสิ ไม่เกี่ยวกันเลยว่าขุนพลจตุเทวอสุราจะแข็งแกร่งขนาดไหน แต่จะไม่เป็นไรจริงๆ เหรอครับ? เพราะท่านผู้นั้นน่ะ…”
“อาระอาระ~ นี่พวกเธอมีธุระอะไรกับดิฉันงั้นเหรอ?”
“อะไรน่ะ…!?”
“อ๊ะ…!?”
“ท- ท่านฟลูเรเทีย!?”
ไม่ทันรู้ตัวเลย…!?
คนๆ นี้น่ะเหรอ… สมาชิกที่เก่าแก่ที่สุดของกองทัพจอมมาร ‘แม่ทัพทลายดินแดน’ ฟลูเรเทีย
หนึ่งในวีรสตรีแห่งกองทัพจอมมาร เพื่อนร่วมทางตั้งแต่ยุคเริ่มต้นของท่านจอมมาร
ท่านดูเหมือน… ยัง 18 อยู่เลยมั้ยคะเนี่ย ดูแก่กว่าพวกเรานี่แหละ
เธอมีผมยาวสีเทาที่ยาวมาก ยาวไปจนถึงข้อเท้าเลย
และก็ มีหางสีขาวคล้ายกิ้งก่างอกออกมาจากตรงก้นกบ มีเขาเล็กๆ 2 เขาด้วย เอกลักษณ์ประจำเผ่ามนุษย์มังกรเลย
“ยินดีที่ได้รู้จักนะ ขุนพลจตุเทวอสุราทั้ง 2 คน ดิฉันคือฟลูเรเทีย ขอฝากตัวด้วยนะ”
“…เป็นครั้งแรกที่ได้พบกันเลยค่ะ ท่านฟลูเรเทีย เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ท่านรู้จักพวกเรานะคะ”
ฉันต้องกล่างทักทายก่อนสินะ
เพราะท่านเป็นผู้อาวุโสสุดๆ ไปเลย
“อาระอาระ~ ดิฉันน่ะชอบเด็กที่สุภาพเรียบร้อยแบบนี้มากเลยล่ะ ยินดีที่ได้พบกับโยมิที่ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยนะ”
“เอ๋… อะ ค- ค่ะ! ย- ยินดีที่ได้พบท่านเช่นกันขะ!”
โยมิ นั่นน่ะน่ารักมากจนทำให้ฉันอมยิ้มเลย แต่อย่าเผลอกัดลิ้นตัวเองสิ!
“แล้ว? สงสัยจริงๆ ว่าทำไมสมาชิกระดับสูงตั้ง 2 คนถึงถ่อกันมาถึงที่นี่? นี่ วาเบล… ดิฉันน่ะไม่เห็นด้วย ดิฉันไม่ยอมให้รูสจังออกไปทั้งๆ สภาพแบบนี้หรอกนะ ไม่เคยมีความคิดแบบนั้นเลยซักนิด…”
“อึก!? ก- ก็ช่วยไม่ได้นี่ครับ! น- น- น- น- นี่เป็นการตัดสินใจของท่านจอมมารนะครับ!”
“ดิฉันน่ะอยู่ในตำแหน่งเพียงพอที่ต่อให้ไม่สนการตัดสินใจของยัยเตี้ยนั่น ดิฉันก็ไม่มีโทษอะไรเลยด้วยซ้ำ แต่นี่ ยัยนั่นยังส่งเด็ก 2 คนนี้มาอีกงั้นเหรอ… รูสจังน่ะอ่อนไหวจะตาย เพราะงั้นดิฉันคิดว่ายังไงการรออีกหน่อยน่ะคุ้มค่ากว่าอยู่แล้ว เธอนี่ใจร้อนเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยนะ ฟิลิส”
เรียกท่านจอมมารว่ายัยเตี้ยหรือเรียกชื่อห้วนๆ แบบนี้นี่… เชื่อแล้วล่ะว่าเธอคนนี้ต้องเป็นสมาชิกรุ่นเก่าแก่จริงๆ นั่นแหละ
“…สำหรับเรื่องนั้นที่ท่านพูดถึงน่ะค่ะ ท่านฟลูเรเทีย ในสมรภูมิที่ท่านรูสหายไปนั้น พวกมนุษย์จึงกุมความได้เปรียบเอาไว้อยู่ ถ้าไม่รีบกลับไปล่ะก็ จะสร้างความเสียหายใหญ่หลวงต่อกองทัพจอมมารเลยนะคะ เพราะแบบนั้น…”
“ถึงอย่างนั้น ถ้ารูสจังไม่อยากออกมา นี่มันก็ไม่ต่างอะไรจากการลากเขาออกมาเลยนี่นา? ดิฉันเห็นเขาอยู่ในสนามรบก็ใจเสาะอยู่ตลอด แถมไม่เคยจะออกคำสั่งอะไรดีๆ เลยนี่ ถึงแบบนั้นจะน่ารักมากเลยก็เถอะนะ”
“อะ… ร- เรื่องนั้น…”
“…หลังจากลากตัวออกมาได้แล้ว เดี๋ยวเรากับลีนจะทำอะไรซักอย่างเองค่ะ อย่างแน่นอน… เพราะอย่างนั้น ช่วยถอนบาเรียออกทีนะคะ”
“ย- โยมิ…!”
อา… ช่างเป็นนางฟ้าที่พึ่งพาได้สุดๆ ไปเลยนะ
อาเระ เหมือนฉันจะเห็นปีกกับวงแหวนขึ้นมาเลย
“หืม… ถูกของพวกเธอ แต่ดิฉันไม่คิดจะถอนบาเรียนี้ให้หรอกนะ หากพวกเธออยากจะถอนมันออกจริงๆ ล่ะก็ พวกเธอก็ต้องเอาชนะดิฉันให้ได้เท่านั้น”
“อุ… สุดท้าย ก็เป็นแบบนี้สินะเนี่ย”
“ต่อให้เป็นขุนพลจตุเทวอสุรา พวกเธอน่ะ… จะเอาชนะฟลูเรเทีย ผู้บริหารยุคบุกเบิกของกองทัพจอมมารคนนี้ได้หรือเปล่านะ? ถ้างั้น… มาเริ่มกันเลย!”
เอ๊ะ! เดี๋ยวสิ! นี่เริ่มแล้วเหรอ!?
แต่ก็มีลางสังหรณ์อยู่แล้วล่ะว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นน่ะ
“รอเดี๋ยวก่อนสิครับ… ท่านฟลูเรเทีย โปรดสงบใจก่อนนะครับ! ข้าจะ…”
“ถอยไปให้ไกลเลย วาเบล นายตามการต่อสู้นี้ไม่ทันหรอก”
โห จักรพรรดิมังกรถึงกับต้องถอยไปเลยจากการแค่โดนเมดจ้องใส่นี่ ไม่ใช่อะไรที่จะเห็นได้ง่ายๆ เลยนะเนี่ย
“ฮ่า… คงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องทำมันแล้วสินะ ไปกันเถอะ โยมิ”
“อื้อ… แต่ลีน ไม่เป็นไรใช่มั้ย?”
“อา อีก 20 นาทีจะกลางคืนสินะ? แบบนี้ล่ะก็ เอาอยู่แน่”
และแล้ว การต่อสู้กับมนุษย์มังกรที่แข็งแกร่งที่สุดที่พวกเราเพิ่งจะพบก็กำลังจะเริ่มขึ้น แม้ฉันจะไม่ได้อยากทำมันเลยก็เถอะ
TN: มีปีศาจจากขุนนรกคนหนึ่งเคยสอนไว้ว่า “ปัญหาเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ของโลกใบนี้แก้ไขได้ด้วยความรุนแรง”
ดูแล้ว อาจจะจริงนะครับเนี่ย