[WN] ยมทูตแห่งความมืด ผู้รับใช้สตรีศักดิ์สิทธิ์แสนขี้เกียจจอมโลภมาก - ตอนที่ 64 บทที่ 4 คู่แข่งสีส้ม - ทำไมถึงยังมีชีวิตอยู่
- Home
- [WN] ยมทูตแห่งความมืด ผู้รับใช้สตรีศักดิ์สิทธิ์แสนขี้เกียจจอมโลภมาก
- ตอนที่ 64 บทที่ 4 คู่แข่งสีส้ม - ทำไมถึงยังมีชีวิตอยู่
“ฮือ… เป็นเจ้าสาวไม่ได้แล้วเจ้าค่ะ”
“พูดเกินไปแล้วน่า เธอก็แค่โดนบังคับให้เดิน 4 ขากับพูดภาษาคนไม่ได้เท่านั้นเองนี่”
“คุณหนู แบบนั้นฉันคิดว่ามันเป็นเรื่องใหญ่มากๆ สำหรับมนุษย์คนนึงเลยนะเจ้าคะ”
4 วันต่อมาหลังจากที่พวกเรามาถึงสหพันธ์สาธารณรัฐ เราก็กำลังเดินเล่นไปรอบๆ เมือง
ตลอด 3 วันที่ผ่านมา เรา 4 คนกับอีก 1 ตัวก็ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน เยี่ยมชมตามสถานที่ต่างๆ ที่คุณลุคเซียแนะนำให้
วันนี้ ในที่สุดพวกเราก็สามารถนับ 1 ตัวเป็น 1 คนได้ซักที เราก็เลยออกมากัน 5 คนเป็นครั้งแรกหลังจากที่ไม่ได้เป็นมาพักใหญ่จนได้
“ต- แต่ว่า… ตอนที่ต้องเป็นสุนัขคอยฟังคำสั่งของคุณหนูแบบนั้นก็ไม่เลวเหมือนกันนะ… อุเฮะเฮะ”
“ใครก็ได้ช่วยทำอะไรกับยัยลามกนี่ทีเถอะ”
หลังจากที่ผ่านมาได้ซักวันนึง ฉันก็รู้สึกได้ว่าเธอดูเหมือนจะหน้าแดงขึ้นมาประมาณนึงด้วย
แบบนี้นี่เอง นั่นคือช่วงเวลาที่ความมาโซคิสม์ของเธอตื่นขึ้นงั้นสินะ
รู้สึกแย่จัง เหมือนกับว่าตัวเองได้เจอกับฉากที่ไร้สาระที่สุดในโลกยังไงยังงั้นเลย
“เงียบได้แล้วน่าโอโตฮะ ที่สำคัญ ท่านโนอามารีครับ วันนี้เราจะไปที่ไหนกันเหรอครับ?”
“ฉันว่าจะไปซื้อเสื้อผ้าให้สแตน่ะ ดูสิ มันดูเล็กกว่าตัวเธอแล้วด้วยจริงมั้ย?”
“อืม เล็ก”
“อาระ หมายถึงหน้าอกงั้นเหรอ?”
“ไม่ยกโทษให้แน่”
“ใจเย็นก่อนนะสแต เธอเพิ่งจะ 10 ขวบเอง เรื่องนั้นน่ะไม่เป็นไรอยู่แล้ว โอโตฮะเองก็อย่าไปแหย่เธอแบบนั้นสิ”
ฉันเหลือบลงมาดูที่หน้าอกของตัวเองด้วยเหมือนกัน
ก็ สำหรับเด็ก 14 ฉันอยากจะเชื่อว่าตัวเองโตขึ้นตามปกตินะ
ท่านโนอะอาจจะพอๆ กับฉันก็ได้ล่ะมั้ง
สแตนี่ไม่ต้องพูดถึงหรอก
ส่วนโอโตฮะ
“อะไรเหรอเจ้าคะ คุณคุโระ?”
…มันน่ารำคาญจริงๆ เลยกับการที่เธอเป็นคนที่เติบโตขึ้นที่สุดในบรรดาพวกเราน่ะ
โอโตฮะเป็นแค่คนเดียวที่เห็นความโค้งนูนของร่างกายได้ ขนาดอยู่ใต้เสื้อผ้าแล้วนะ
“ฉันกำลังคิดว่าขนาดหน้าอกมันอาจจะแปรผกผันกับขนาดมันสมองก็ได้น่ะ”
“ถ้าจะหาเรื่องกัน ฉันก็พร้อมนะเจ้าคะ”
“เปล่า ฉันแค่กำลังสงสัยว่าถ้าฉันใช้เวทความมืดลบไขมันที่หน้าอกของโอโตฮะออกไป มันจะทำให้เธอฉลาดขึ้นมาได้ซักนิดนึงหรือเปล่าก็เท่านั้นเอง”
“นี่คุณพูดเรื่องโหดเหี้ยมอำมหิตอะไรออกมาน่ะเจ้าคะ?”
ตอนที่ฉันแกล้งโอโตฮะเพื่อระบายความหงุดหงิดนิดหน่อย พวกเราก็มาถึงหน้าร้านขายเสื้อผ้าพอดี
“เอาล่ะ ไปกันเถอะสแต”
“อืม”
พวกเราเองก็รีบเข้าไป และเริ่มมองหาเสื้อผ้าขนาดสำหรับเด็กกัน
“อันนี้เป็นยังไงบ้าง?”
“ท่านยังชอบสไตล์โกธิคโลลิต้าเหมือนอย่างทุกทีเลยนะคะท่านโนอะ ถึงฉันคิดว่าชุดน่ารักๆ ตรงนั้นจะดูเข้ากับเธอมากกว่าก็เถอะ”
“เธอเองก็ยังชอบชุดเดรสผ้ากันเปื้อนเหมือนกันไม่ใช่หรือไงเล่า ครั้งนี้ลองเลือกแบบที่ต่างจากทุกทีกันดีกว่านะ”
“จะเอา ทั้งคู่เลย”
“นั่นสินะ งั้นเอาแบบแนวเด็กผู้ชายแบบนี้หน่อยมั้ย? สแตต้องดูเหมือนเด็กชายหล่อเหลาในชุดนี้แน่เลย”
“ลองกิโมโนแบบนี้ดูเลยดีมั้ยคะ? ต้องเข้ากับเธอแน่”
“……ไม่ได้ยินอะไรเลย”
ฉันกับท่านโนอะยังคงถกประเด็นกันไม่หยุดเพื่อหาชุดที่ดีที่สุดสำหรับสแตกันอย่างพิถีพิถัน
แต่เราก็ตัดสินใจกันไม่ได้ซักที ใครจะคิดล่ะว่าหน้าตาน่ารักน่าชังของสแตที่ใส่อะไรก็ดูเข้าไปซะทุกอย่างมันจะกลายมาเป็นปัญหาแบบนี้ได้น่ะ?
“อึม ตัดสินใจไม่ถูกเลยนะ”
“นั่นสินะคะ จะทำยังไงดี?”
“คุณหนูครับ คุณคุโระ ถ้าเป็นชุดนี้ คิดว่ายังไงบ้างครับ?”
ตอนนั้น โอโตฮะก็หยิบชุดๆ นึงมาให้ดู
นั่นมัน
“…ชุดเมดนี่คะ”
“ต้องเข้ากับเธอแน่นอน อย่างไม่ต้องสงสัยเลย”
“พูดเรื่องแปลกๆ ออกมาอีกแล้วนะ…”
ก็ต้องยอมรับล่ะนะว่ามันดูเข้ากับเธอจริงๆ
ยังไงซะ ด้วยความน่ารักขนาดนี้ ขนาดเป็นคนรับใช้ของท่านโนอะอยู่แล้วก็ตาม แต่สแตก็ยังสามารถดึงดูดความสนใจมาได้จนอันตรายเลย ซึ่งมันก็ขึ้นอยู่กับชุดที่เธอใส่นั่นแหละ เอาชุดเมดไปใส่ให้คนที่น่ารักแบบวัวตายควายล้มแบบนี้เนี่ยนะ แบบนั้นมันล่อเป้าให้พวกโลลิค่อนทั้งหลายมาลักพาตัวเธอชัดๆ
แต่วันนี้เราแค่มาหาชุดธรรมดาๆ ให้เธอเท่านั้นเอง ไม่ได้มาหาชุดอะไรแบบนั้นซักหน่อย
เมดสแต งั้นเหรอ
เด็กสาวคนนี้ที่แทบไม่เคยเปลี่ยนสีหน้าด้วยซ้ำ พูดก็ประหยัดสงวนคำให้น้อย แล้วยังใจเย็น นิ่งสงบอยู่ตลอด
เดี๋ยวนะ แบบนั้นมันก็แปลว่า
เมดโลลิคูลเดเระหน้านิ่งไร้อารมณ์…?
ไม่ได้นะ อย่าไปโดนไขว้เขว้แบบนั้นสิ
มันก็จริงที่ความน่ารักขนาดนั้นมันขึ้นระดับโลกได้เลย แต่อย่าลืมจุดมุ่งหมายตั้งต้นของพวกเราไปสิ
“เขาบอกว่าถ้าซื้อตอนนี้ มีหูแมวกับหางแถมให้ด้วยนะครับ”
“ท่านโนอะ ให้เราซื้อสิ่งนี้ไปเลยได้หรือเปล่าคะ?”
“ให้ผ่านฉลุยอยู่แล้วสิ ผ่านฉลุยไปเลย”
จุดมุ่งหมายตั้งต้นมันหายไปแล้ว
ทั้งหมดที่เหลืออยู่ก็มีแต่สแตที่หน้าแดง สับสนไปหมด กับท่านโนอะและฉันที่ต่างดูจะพอใจกันซะเหลือเกิน
ระหว่างที่เดินอยู่พร้อมกับถือถุงใส่ชุดสาวเมดหูแมวที่เพิ่งซื้อมาไว้ในมือ พลางรู้สึกอิ่มเอิบใจอยู่เต็มอก ฉันจะสังเกตเห็นตึกหน้าตาคุ้นๆ นิดหน่อยหลังนึง
มันดูเหมือนร้านเหล้านะ แต่มันเป็นอาคารไม้ 2 ชั้น ประดับด้วยรูปปั้นหญิงสาว 2 คนกำลังร่ายเวทมนตร์ และบรรดาผู้คนที่มีอาวุธติดตัวก็พากันเดินเข้าเดินออกจากอาคารหลังนั้นด้วย
“กิลด์ทหารรับจ้างนี่นา เมืองนี้เองก็มีเหมือนกันเหรอคะเนี่ย”
“ก็ ถ้ามั่นใจในความแข็งแกร่งกับเวทมนตร์ของตัวเอง นี่ก็เป็นทางเลือกที่ไม่เลวนะ”
กิลด์ทหารรับจ้าง ก็อย่างที่ชื่อบอกนั่นแหละ เป็นหน่วยงานของทหารรับจ้างที่กระจายไปตามพื้นที่ต่างๆ อยู่ทั่วโลกเลย
มันเป็นที่ที่รวมตัวเหล่าผู้มีฝีมือเอาไว้มากมาย เพื่อรับทำงานที่ยากลำบาก ไม่ว่าจะจ้างไปเป็นกองกำลังทำสงคราม ออกล่าสัตว์ประหลาด ภารกิจคุ้มกันบุคคลสำคัญ หรืองานอื่นๆ อีกมากมายหลายแบบ
ถ้าเกิดทำงานที่ได้รับมอบหมายสำเร็จ หรือทำให้ความแข็งแกร่งของเจ้าตัวเป็นที่รู้จักกันในสังคมล่ะก็ อาจจะลงเอยถูกจ้างงานโดยกลุ่มขุนนางได้เลย
แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม มันก็ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ว่า สำหรับโอกาสที่เป็นไปได้ในชีวิตของตัวเอง มันคุ้มค่ากับการเสี่ยงต้องเอาชีวิตตัวเองไปทิ้งหรือเปล่า เพราะแบบนั้น จำนวนสมาชิกก็เลยไม่ได้เยอะอะไรขนาดนั้น
ถึงโลกนี้จะมีเวทมนตร์สายวายชนม์ แต่มันไม่มีเวทมนตร์สายคืนชีพหรอกนะ ฉะนั้น แทนที่จะเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงหาลาภก้อนโต คนทั่วไปเลยเลือกจะเอางานที่มั่นคงและปลอดภัยมากกว่า
“เป็นโอกาสที่ดีในการเรียนรู้พฤติกรรมของสัตว์ประหลาดเลยนะ ฉันว่าฉันลงทะเบียนเอาไว้ดีกว่า”
“อย่าเลยนะคะขอร้อง โปรดคิดถึงตำแหน่งและฐานะของท่านด้วยเถอะค่ะ”
“แต่รูปปั้นหญิงสาวตรงนั้นก็คือนักเวทย์แสงสว่างที่ก่อตั้งกิลด์ทหารรับจ้างขึ้นเมื่อ 100 ปีก่อนนี่ เพราะแบบนั้น บรรดาทหารรับจ้างมากมายจึงเทิดทูนบูชานักเวทย์แสงสว่างยิ่งกว่าประชาชนทั่วไปซะอีก ฉันไม่คิดว่าฉันจะโดนเสียมารยาทใส่หรอกนะ”
“ต่อให้จะเป็นแบบนั้นก็ตาม การที่ขุนนางจากประเทศอื่นเข้ามาลงทะเบียนกับกิลด์ทหารรับจ้างของต่างประเทศก็ยังดูไม่ดีอยู่ดีนั่นแหละค่ะ ผู้คนจะเริ่มคิดกันว่าท่านอาจวางแผนอะไรบางอย่างอยู่ก็ได้”
“ก็จริงของเธอนะ”
ทหารรับจ้างเหรอ เอาจริงๆ ฉันไม่เคยมีความทรงจำดีๆ เกี่ยวกับพวกเขาเลยนะ
หรือถ้าจะพูดให้ตรงกว่านั้น ฉันมีความทรงจำเกี่ยวกับการพูดคุยเจรจากับทหารรับจ้างแค่เรื่องเดียว แถมมันยังเป็นความทรงจำที่แย่ที่สุดด้วย
“ไปกันเถอะค่ะท่านโนอะ รีบกลับกันก่อนดีกว่า จำได้ใช่มั้ยคะว่าเรามีนัดทานมื้อกลางวันกับคุณลุคเซียด้วย”
“อา จริงด้วยสินะ”
“เอ้า พวกสแตเองก็ด้วย”
“อืม เข้าใจแล้ว”
“ทหารรับจ้างเหรอ เมื่อก่อนผมเองก็เคยอยากเป็นแบบนั้นบ้างเหมือนกันนะครับ”
“โอรันนี่สมกับเป็นเด็กผู้ชายเลยนะ”
ฉันพยายามออกห่างจากที่นั่นมา เพื่อที่ฉันจะได้ไม่ต้องย้อนนึกถึงความทรงจำแย่ๆ พวกนั้นขึ้นมา
ตอนนั้นเอง
*―――ปึก*
ฉันก็ดันเผลอไปชนเข้ากับใครซักคนที่ออกมาจากหน้าอาคารอยู่พอดี
พวกโอโตฮะเข้ามากวนสมาธิพอดี ฉันเลยไม่ทันได้มองข้างหน้าน่ะ
“อะ ขอโทษค่ะ”
“ไม่หรอก ความผิดของทางนี้… เอง…?”
ฉันขอโทษผู้ชายคนนั้นที่เผลอเดินชน ก่อนจะพยายามเดินต่อแล้ว
แต่ ฉันเดินต่อไม่ได้ ผู้ชายคนนั้นยังยืนอยู่กับที่ นิ่งไม่ไปไหนเลย
“ทำไม… ทำไม ถึงได้ ยังมีชีวิตอยู่…?”
เสียงของผู้ชายคนนั้นสั่นไปหมด
ฉันสงสัยว่าอะไรมันยังไงกันแน่ ก็เลยเงยขึ้นไปดูที่หน้าของคนคนนั้น
แล้วฉันก็ตัวแข็งทื่อไปด้วยอีกคน
“ก็ เธอ… เมื่อตอนนั้น…”
ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้
ทำไม ผู้ชายคนนี้ถึง
“อาระ? คุณคุโระ รู้จักชายคนนี้ด้วยเหรอเจ้าคะ?”
“คุโระรู้จักกับทหารรับจ้างด้วย? เธอเคยไปเจอใครซักคนมาก่อนเหรอ”
ไม่ว่าจะคำถามของโอโตฮะ หรือความสงสัยของท่านโนอะ ฉันตอบอะไรกลับไปไม่ได้เลย
เพราะในหัวของฉันตอนนี้ ภาพในอดีตมันเริ่มฉายย้อนกลับมา
ในถ้ำมืด
ร่างนิ่งไม่ไหวติง
งูตัวยักษ์
เลือดของตัวเอง
หลังที่ไกลออกไป
จากนั้น พลังเวทของเวทความมืด ก็ถูกปลดปล่อยออกมาจากตัวฉัน
ไม่ผิดแน่ ผู้ชายคนนี้
“…ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ ยังสบายดีหรือเปล่า?”
คนที่ใช้ฉันเป็นเหยื่อล่อคิลลิงเซอเพนท์ ――― เขาคือ 1 ใน 3 ทหารรับจ้างเมื่อตอนนั้น
TN: อุ๊ปส์!?
ขอแปะ Discord สำหรับแจ้งเตือนนิยาย กับมุมพูดคุยกันไว้ตรงนี้ด้วยนะครับ ใครสนใจก็แวะมาได้นะ ^^
https://discord.gg/Fm9NsqeH2r