—-ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลยแฮะ
ใช่แล้วครับตอนนี้ผมรู้สึกประหม่าโคตรๆเลย
ในขณะที่รู้สึกแบบนี้ผมก็เหลือบมองไปที่สาวสวยที่กำลังทำงานบ้านอย่างขยันขันแข็ง ซึ่งเธอนั้นก็ได้รวบผมที่ยาวสลวยของตัวเองเอาไว้หรือที่เรียกกันว่าทรงหางม้า
เพราะเหตุนั้นผมจึงสามารถมองเห็นต้นคอของเธอได้ บอกตามตรงเลยนะมันช่างเป็นต้นคอที่สวยงามเสียจริงถึงขั้นที่สามารถทำให้เหล่าชายฉกรรจ์ทั้งหลายต้องมนเสน่ห์ของมันได้เลยละ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็สามารถอดกลั้นต่อความรู้สึกของตัวเองได้
แล้วด้วยที่ว่าวันนี้ผมไม่ได้เข้ากะเพราะงั้นหลังเลิกเรียนผมจึงสามารถกลับบ้านได้เลย และในขณะที่ผมกำลังเดินกลับบ้านวาคามิยะก็ได้เดินตามหลังผมมาราวกับว่านั่นเป็นเรื่องปกติของเธอ ผมที่เห็นแบบนั้นก็ไม่ได้วิ่งหนีหรืออะไรหรอกนะเพราะผมไม่มีความคิดที่จะทำแบบนั้นอีกแล้ว
แต่ก็อย่างที่เคยว่ามานั่นแหละการที่ทำแบบนั้นมันก็ได้ทำให้คนรอบข้างจ้องมองมาที่ผมด้วยสายตาอาฆาต มันช่างเป็นความรู้สึกที่เจ็บปวดเสียจริง
แต่ถึงอย่างนั้นความรู้เจ็บปวดก็ได้หายไปเมื่อวาคามิยะพูดออกมาว่า[วันนี้เรามีเวลาเรียนเยอะเลยนะคะ]ก่อนที่เธอจะเริ่มไปทำความสะอาดบ้าน ซักผ้า แล้วก็ตกท้ายด้วยการทำอาหารเหมือนทุกครั้ง
ผมรู้สึกขอบคุณเธอเป็นอย่างมากที่มักจะคอยช่วยเหลือผมในด้านต่างๆ
แต่ว่าตอนนี้น่ะหัวของผมมันไม่ได้จดจ่ออยู่กับการเรียนเลยเพราะมันเอาแต่นึกถึง[เรื่องนั้น]อยู่ตลอดเวลา
ถึงจะพยายามขนาดไหนปากกาในมือมันก็เริ่มไม่ยอมขยับแล้ว
พอวาคามิยะเห็นท่าทางที่แปลกไปของผมเธอก็ได้เอ่ยปากถามออกมา
“โทคิวากิซัง มีอะไรรึเปล่าคะ เห็นทำท่าเหม่อๆ”
“อ่าา ฉันแค่รู้สึกเหนื่อยนิดหน่อยน่ะ มันอาจจะเป็นเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ฉันตั้งใจเรียนขนาดนี้ละมั้ง”
หลังจากที่เธอถามออกมาแบบนั้นผมก็อ้างไปแบบมั่วๆ
แต่มันก็ไม่ได้มั่วไปซะทั้งหมดหรอกนะ ไอ้ที่ว่าเหนื่อยน่ะมันเหนื่อยจริง
ส่วนเหตุผลของความเหนื่อยนั้น นั่นน่ะพอคิดอะไรได้ผมก็พูดออกไปเลย…
“หืมมมเอาเถอะถึงมันจะเร็วไปหน่อย แต่เรามาพักกันก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวฉันจะไปเตรียมชากับขนมมาให้นะคะ”
“อื้ม ขอบคุณนะ”
จากนั้นผมก็ยืดเส้นยืดสายพร้อมกับหายใจเข้าลึกๆ
ทีนี้จะเอายังไงดีละ…ถึงเคนอิจิจะให้คำแนะนำมาแล้วก็เถอะ
แต่ว่า…
สิ่งที่สำคัญก็คือวันเกิดของเธอเนี่ยสิเพราะผมไม่รู้ว่าวันเกิดของเธอคือวันไหน
ถึงจะเคยถามเคนอิจิไปแล้วก็เถอะแต่สิ่งที่เขาพูดออกมาก็คือ
[ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันเพราะงั้นพยายามเข้าละ~~]
ดูจากท่าทางของเขาแล้วผมว่าเขาต้องรู้แน่ๆแต่้้เขากลับบอกมาแค่แนวทางการหา
ซึ่งมันก็มีอยู่แค่ 3 วิธี
1-ถามออกไปตรงๆ
2-ดูจากหลักฐานยืนยันตัวตนของเธอ อย่างเช่น บัตรประกันสุขภาพ
3-ดูจากสมุดบันทึกประจำตัวนักเรียน
พอมองแวบแรกทั้งสามวิธีมันอาจจะดูง่ายนะแต่ถึงอย่างนั้นวิธีที่ 1 ผมขอปัดไปอันสุดท้ายเลยเพราะถ้าเธอรู้ทันเธออาจจะปฏิเสธของขวัญที่ผมจะให้ก็ได้
แล้วอีกอย่างมันก็ขัดกับความตั้งใจของผมที่ว่า–
[ต้องรู้วันเกิดของเธอโดยที่ไม่ถูกจับได้]
[ต้องให้ของขวัญเธอก่อนที่จะถูกปฏิเสธ]
นี่คือภารกิจของผมและสิ่งที่ต้องเน้นย้ำเลยก็คือ{อย่าให้เธอจับได้}เพราะงั้นวิธีแรกจึงเป็นเรื่องยากสำหรับผม
“นี่มันจะยากเกินไปแล้วนะ”
ผมฟุบหน้าลงไปที่โต๊ะพร้อมกับพึมพำออกมา
รู้งี้น่าจะถามเคนอิจิเอาไว้ด้วยว่าวิธีไหนเป็นทางออกที่ดีที่สุด…
“มีปัญหาอะไรรึเปล่าคะ?”
หลังจากที่ได้ยินเสียงจากทางด้านหลังผมก็สะดุ้งโหยงขึ้นมา
วาคามิยะที่เห็นแบบนั้นเธอก็เอียงศีรษะด้วยความสงสัยก่อนที่เธอจะนำชาและขนมมาวางไว้บนโต๊ะ
หลังจากนั้นผมก็หยิบคุกกี้ที่เธอเอามาวางไว้เข้าปาก
“อื้ม ก็นิดหน่อย แต่ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้วละ”
“เหรอคะ ถ้ามีอะไรที่ฉันสามารถช่วยได้ก็บอกมาได้เลยค่ะ”
“โอเคร”
แล้วจะทำยังไงดีละ
ตัวเลือกที่เหลือตอนนี้ก็มีแค่2กับ3
วิธีที่2งั้นเหรอมันก็มีความเป็นไปได้ที่เธออาจจะไม่พกมันติดตัวแล้วยิ่งเป็นเอกสารสำคัญก็อย่าหวังเลยเพราะคนอย่างวาคามิยะจะเอามาเฉพาะเมื่อจำเป็นเท่านั้นแน่ๆเมื่อลองคำนึงถึงความปลอดภัย
งั้นก็เหลือแค่วิธีเดียวสมุดบันทึกประจำตัวนักเรียนแต่นั่นมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเหมือนกัน
ถึงเธออาจจะพกติดตัวมาด้วยแต่เธอก็คงไม่อยากให้ผมเห็นรูปถ่ายของตัวเองแน่ๆ
เพราะสภาพรูปถ่ายในสมุดบันทึกประจำตัวนักเรียนมันไม่ค่อยออกมาดูดีนัก
แม้แต่ผมเองก็ยังไม่อยากให้ใครเห็นเลย
บอกตามตรงรูปถ่ายของผมมันโคตรจะน่าเกลียดเพราะในรูปถ่ายนั้นผมทำหน้าอย่างกับคนง่วงนอนที่เปลือกตาเปิดแค่ครึ่งเดียวหรือที่เรียกกันว่าครึ่งหลับครึ่งตื่นนั่นแหละเพราะงั้นผมจึงอยากจะปิดผนึกรูปภาพรูปนี้ไปตลอดกาล
“ว่าแล้วเชียว วันนี้คุณมีอะไรแปลกไปจริงๆด้วย”
“หว๋า!!! อ๊ากกเจ็บ!! “
ผมตกใจที่จู่ๆวาคามิยะก็มานั่งข้างๆผมด้วยความที่ตกใจนั้นผมจึงเผลอเอาเข่าของตัวเองกระแทกไปที่โต๊ะอย่างจัง
เจ็บโว้ยยย…
“เป็นอะไรมั้ยคะ ขอโทษที่ทำให้ตกใจค่ะ..”
วาคามิยะมองมาที่ผมด้วยความเป็นห่วง
ทั้งความรู้สึกเจ็บปวดกับความรู้สึกที่ร้องระอุในใจมันผสมปนแปไปหมดถึงขั้นทำให้ร่างกายของผมร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างน่าประหลาดใจ
“ไม่เป็นไร ฉันเองก็ต้องขอโทษด้วย พอดีฉันเหม่อไปหน่อยน่ะ…”
“วันนี้คุณทำตัวแปลกๆจังเลยนะคะถ้ามีอะไรบอกฉันมาได้เลยนะคะ”
จากนั้นวาคามิยะก็นำมือขึ้นมาวางไว้บนตัวผมพร้อมกับมองมาด้วยสายตาที่ใสซื่อบริสุทธิ์ราวกับว่าจะไม่ยอมปล่อยผมไปหากผมไม่ยอมพูดออกมา
ป๊าดดด เจองี้ใครจะไปสู้ได้ฟะ…
พอเห็นการโจมตีแบบนั้นเข้าผมก็ทำได้แค่ยิ้มออกมาอย่างขมขื่นพร้อมกับถอนหายใจ
“มันไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรหรอกนะ… เธออยากจะฟังมันจริงเหรอ”
“ค่ะ”
“จะพูดยังไงดีนะ… จริงๆแล้วฉันเพิ่งจะรู้ตัวว่าตัวเองไม่รู้อะไรเลย”
“ไม่รู้? เกี่ยวกับอะไรเหรอคะ?”
“เรื่องการเรียนและความสัมพันธ์น่ะ โดยเฉพาะอย่างหลังคือฉันมีหลายอย่างเลยที่ไม่รู้เกี่ยวกับเคนอิจิจอมปากมากอ่ะและรวมถึงเพื่อนร่วมชั้นคนอื่นๆด้วย”
“งี้นี่เอง กังวลเรื่องนี้เองสินะคะ”
“อื้ม จู่ๆก็เพิ่งจะคิดได้น่ะ ดูไร้สาระมากเลยใช่มั้ยล้าา”
ผมเงยหน้าขึ้นแล้วถอนหายใจออกมา
ส่วนทางวาคามิยะก็ยิ้มให้กับผมอย่างอ่อนโยน
“ฉันว่านั่นมันไม่ใช่เรื่องไร้สาระหรอกนะคะ”
“จริงเหรอ?”
“การที่โทคิวากิซังได้รับรู้ในสิ่งที่ตัวเองไม่เคยนึกถึงมาก่อน ฉันคิดว่านั่นมันเป็นการก้าวหน้าครั้งใหญ่เลยค่ะ”
“ก้าวหน้า?”
“ค่ะ ถ้าคุณไม่แม้แต่จะสังเกตเห็นปัญหาของตัวเอง คุณก็จะไม่สามารถแก้ไขอะไรได้เลยค่ะเพราะงั้นการที่ตัวคุณได้รับรู้สิ่งต่างๆที่ไม่เคยรู้มาก่อนมันก็จะเป็นการทำให้ตัวคุณก้าวต่อไปอย่างถูกจุด จนก่อให้เกิดการพัฒนาค่ะ”
“อย่างนี้นี่เอง… “
“แล้วการที่ได้ตระหนักถึงจุดอ่อนของตัวเองก็จะทำให้คนเรานั้นเกิดความคิดที่ว่า [ฉันอยากเป็นคนที่ดีกว่านี้] หรือไม่ก็ [ฉันอยากจะรู้ให้มากกว่านีั] จากนั้นความคิดเหล่านี้ก็จะเป็นตัวเปิดทางให้กับการเติบโตของคุณค่ะ”
” เข้าใจแล้ว… สรุปคือการที่รู้เรื่องตัวเองมากขึ้นมันไม่ใช่เรื่องที่แย่ใช่เปล่า? “
และในขณะนั้นวาคามิยะก็หยิบสมุดบันทึกประจำตัวนักเรียนของตัวเองขึ้นมาแล้วใส่เข้าไปในมือผม การกระทำที่คาดไม่ถึงของเธอได้ทำเอาผมตกอกตกใจมากถึงขั้นทำให้ผมสงสัยว่า นี่เธอเห็นถึงความปรารถนาของผมงั้นเหรอ
“การเดินทางนับพันไมล์ก็ย่อมมีก้าวแรกเสมอ เพราะงั้นถ้าไม่รังเกียจคุณสามารถดูสมุดบันทึกประจำตัวนักเรียนของฉันได้นะคะ อ่ะ แต่แค่แป๊บเดียวเท่านั้นนะคะฉันไม่ค่อยอยากให้ใครดูรูปของตัวเองซักเท่าไหร่”
“อื้ม.. แต่ทำไมฉันถึงต้องดูสมุดบันทึกประจำตัวนักเรียนด้วยล่ะ?”
“มันไม่จำเป็นเหรอคะ? ฉันกะว่าจะสอนวิธีจำหน้ากับชื่อของผู้คนให้คุณน่ะค่ะ”
“อ่อออ เข้าใจแล้ว อย่างนี้นี่เอง”
ผมพยักหน้าอย่างแรง แรงแบบเวอร์ๆเลยอ่ะ
“ฟุฟุฟุ โทคิวากิซัง คุณเป็นพวกจำชื่อคนไม่เก่งสินะคะ”
“อื้ม ก็คงงั้น… แค่เพื่อนร่วมชั้นของตัวเองฉันยังจำได้ไม่ถึงครึ่งเลย”
“แล้วคุณรู้จักชื่อของฉันมั้ยคะ?”
“อ่ารู้สิ….. รินใช่เปล่า”
ผมรู้สึกอายที่จะต้องเรียกชื่อของเธอออกมาเพราะงั้นผมจึงพูดออกไปอย่างห้วนๆ
“ใช่ค่ะ แต่ระวังอย่าจำตัวคันจิผิดนะคะเพราะคนส่วนใหญ่มักจะจำสลับระหว่าง [ริน 凛] กับ [ริน 凜]ค่ะ”
(**若宮 凛 วาคามิยะ ริน)
“อ่องี้สินะ เธอถึงให้สมุดบันทึกประจำตัวนักเรียนมา… “
เข้าใจแล้วละ
หรือก็คือเธอต้องการฝึกให้ผมจำชื่อของเธอโดยเฉพาะตัวคันจิ
“แต่ถึงยังไงฉันก็ต้องจำชื่อของเธอได้อยู่แล้ว ก็ฉันได้เธอช่วยดูแลในหลายๆเรื่องเลยนี่นา”
ผมพูดออกมาพร้อมกับดูสมุดบันทึกประจำตัวนักเรียนของเธอไปด้วย… ก่อนอื่นก็ขอดูรูปเธอหน่อยแล้วกัน
บากะ แม้แต่รูปถ่ายยังไร้ที่ติ… สวดยอดเลยจริงๆ
อืมมม ต่อไปก็วันเกิด…
ในที่สุดก็จะได้เห็นแล้ว ผมละอยากจะร้องไห้ออกมาจริงๆ… แต่ว่าตอนนี้ต้องกลั้นเอาไว้ก่อน
เxี้ยไรเนี่ย มีรูปแต่ไม่มีวันเกิดงั้นเรอะ
เอาจริงดิตอนแรกผมก็นึกว่าคนที่เอาจริงเอาจังอย่างวาคามิยะจะกรอกเอาไว้ แต่เธอดัน….
“มีอะไรรึเปล่าคะ?”
“มะ-ไม่มีอะไร”
ผมพลิกหน้ากระดาษไปเรื่อยๆเผื่อจะเจอเบาะแสอะไรบางอย่างจนกระทั่งผมเปิดมาเจอหน้าที่มีปฏิทินที่มีวงกลมสีแดงอยู่
“ทำไมวันนี้ถึงมีวงกลมละ?”
“นั่นคือวันเกิดของโคโตเนะจังน่ะ”
“อ่อ ฉันก็นึกว่าของเธอซะอีก”
“ไม่ใช่หรอกค่ะ”
“เหรอ แล้วมันเมื่อไหร่ล่ะ”
กังวลแทบตายสุดท้ายก็ลงเอยด้วยการถามตรงๆสินะ
จากนั้นผมก็แสร้งทำเป็นเหมือนไม่รู้ร้อนรู้หนาวแต่ในจิตใต้สำนึกของตัวผมนั้นผมได้กรีดร้องออกมาอย่างบ้าคลั่งเลยละ
“วันนี้ค่ะ”
วาคามิยะเอียงศีรษะพร้อมกับชี้ไปที่ปฏิทิน
จากนั้นผมก็ตอบห้วนๆออกไปว่า
“อื้ม”
และเพื่อความเนียนผมก็พลิกหน้ากระดาษมั่วๆแล้วพึมพำออกมาว่า
“อะไรกันคร้าบเนี่ย เธอเขียนอะไรก็ไม่รู้เต็มไปหมดเลย”
จากนั้นผมก็พลิกกระดาษกลับไปในหน้าที่มีรูปของวาคามิยะติดอยู่ ผมที่เห็นรูปของเธอก็เผลอจินตนาการออกมาว่าวาคามิยะในรูปกำลังพูดอะไรบางอย่างออกมาประมาณว่า [ไม่เนียนเลยน้าาา]
อะไรกันนี่เราหยุดยิ้มไม่ได้งั้นเหรอเนี่ย
ส่วนวาคามิยะตัวจริงก็มองมายังผมด้วยใบหน้าที่แดงระเรื่อพร้อมกับไหล่ที่สั่นเทา
“เป็นอะไรรึเปล่า?”
“… ยะ”
ถึงเธอจะเป็นคนที่มีเสียงที่ชัดเจนแล้วฟังง่ายก็เถอะแต่การที่เธอทำเสียงอย่างกะยุงแบบนี้ผมไม่เข้าใจหรอกนะ…
“หืมมม? ว่าไงนะฉันไม่ค่อยได้ยินอ่ะ… “
“หยุดจ้องรูปของฉันได้แล้วค่ะะะะ”
ในขณะที่พูดออกมาแบบนั้นวาคามิยะก็คว้าสมุดบันทึกประจำตัวนักเรียนของตัวเองไปแล้วรีบเก็บเข้ากระเป๋าทันที จากนั้นเธอก็ทำท่าทางงอนๆออกมาพร้อมกับมองมาที่ผมอย่างไม่พอใจ
“โทคิวากิซังไอ้คนนิสัยไม่ดี”
“…. โทษที”
แล้วเพื่อเป็นการไถ่โทษผมจึงจำเป็นจะต้องเอาสมุดบันทึกประจำตัวนักเรียนของตัวเองให้เธอดู
หลังจากนั้นเธอก็ได้เห็นสภาพของคนครึ่งหลับครึ่งตื่น
และด้วยเหตุนี้ผมจึงได้รับข้อมูลที่ต้องการมาโดยแลกกับอดีตอันดำมืดของตัวเอง
นี่สินะ การแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียม
ท้ายที่สุดแล้วโทคิวากิ โทวะ ก็ได้รับรู้บางสิ่งบางอย่างเพิ่มขึ้นมาอีก 1 อย่างแล้ว
—-
แหม สุดท้ายก็จบตรงที่ถามตรงๆ
ช่างเป็นตอนที่ยาวจริงๆ
MANGA DISCUSSION