“เหลือจะเชื่อเลย เพียงเพราะผู้หญิงคนเดียวคนเราสามารถเปลื่ยนไปได้ขนาดนี้เลยงั้นเหรอ…”
ในช่วงพักกลางวันเคนอิจิก็ได้พึมพำอะไรบางอย่างออกมาด้วยสายตาที่เหม่อลอย จะว่าไงดีละด้วยที่ว่าเขานั้นเป็นหนุ่มรูปงามอยู่แล้วเป็นทุนเดิม แล้วพอเขาตกอยู่ในภวังค์ความคิดมันยิ่งเพิ่มเสน่ห์ให้กับเขาหลายต่อหลายเท่าเลยละ พอเห็นแบบนั้นมันก็ชวนให้ผมรู้สึกหงุดหงิดหน่อยๆละนะ
“แล้วนี่อะไรกันทำไมต้องมาอยู่กับฉันทุกช่วงพักเที่ยงละเนี่ย เอ็งมีแฟนก็ไปอยู่กับแฟนสิฟะ”
ในขณะที่พูดผมก็ขีดเส้นใต้เนื้อหาในส่วนที่ตัวเองไม่เข้าใจจากคาบที่ผ่านๆมาไปด้วย
หืมมม
รู้สึกว่าช่วงนี้จำนวนที่ขีดเส้นใต้มันจะน้อยลงเลยแฮะ ก็นะวาคามิยะสอนเก่งจริงๆนั่นแหละ
“ไปอยู่กับแฟนงั้นเหรอ? พวกเราก็ไม่ได้ตัวติดกันหรือร้อนแรงเหมือนกับคู่ของนายที่เล่นกระหนุงกระหนิงกันตั้งแต่เช้าซะหน่อย”
“ความสัมพันธ์ของพวกเราไม่ใช่แบบนั้นหรอก”
“จริงเหรอ? ก็ฉันเห็นนายยืนคุยกับวาคามิยะซะสนิทสนมขนาดนั้นเป็นใครจะไม่คิดละนั่น แล้วเรื่องมันเป็นมายังไงละ? บอกฉันมาเถอะฉันไม่เอาไปบอกใครหรอก หรืออย่างน้อยก็บอกฉันหน่อยว่าพวกนายเจอกันได้ยังไง”
” ฉันไม่อยากเสวนากับพวกพูดมากหรอกนะ “
” โหดร้าย!! “
จะว่าไงดีละเคนอิจิน่ะเป็นที่นิยมความสามารถในด้านต่างๆก็อยู่ในระดับท็อปเรียกได้ว่าอยู่ในระดับเดียวกันกับเทพธิดาของโรงเรียนเลย
แต่ที่ผมไม่บอกก็ไม่ได้หมายความว่าเขาเป็นคนปากรั่วหรอกนะ เขาน่ะเป็นคนที่มีความเที่ยงธรรมและรักษาความลับได้ดีด้วยซ้ำ
ถึงอย่างนั้นพฤติกรรมที่รู้มากของเขาก็ทำเอาผมไม่อยากบอกแค่นั้นแหละ
ต่อให้ผมบอกไปผมก็ไม่รู้ว่าควรเรียบเรียงคำพูดออกมายังไงเพราะมันก็ยังมีส่วนที่ตัวผมเองก็ไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกันเช่น
อะไรเป็นเหตุให้ผมต้องไปพัวพันกับวาคามิยะ หรือทำไมเธอถึงทำดีกับผมจังนะอะไรแบบนี้เนี่ยแหละ
เธอทำอย่างกับว่าเรื่องพวกนี้เป็นภารกิจที่ต้องทำยังไงอย่างงั้นเลยผมละไม่เข้าใจจริงๆ
“แต่ว่าเมื่อคืนนี้ทั้งคู่ก็อยู่ด้วยกันไม่ใช่เหรอ?”
“อ๊ะ….. “
หลังจากที่ผมได้ยินคำถามแบบนั้นผมก็แสร้งทำเป็นมึนเพื่อซ้อนสีหน้าที่มีพิรุธ
“ก็มันมีคนมาบอกฉันอ่ะว่าเห็นทั้งคู่เดินอยู่ด้วยกันในตอนกลางคืน”
“อ่ออ นั่นน่ะแค่บังเอิญพอฉันเลิกงานฉันก็ดันไปเจอเธอพอดี”
“สองวันติดเลยเหรอ? “
“… ชะ-ใช่สองวันติด… “
พอพูดเสร็จผมก็เบือนหน้าหนีเคนอิจิ
ซวยแล้วตู ดันโดนเห็นสองวันติดซะได้…
“จะแน่เรอะ~~ยอมรับออกมาซะดีๆ~~”
“ไม่มีอะไรให้ต้องยอมรับทั้งนั้นแหละ”
“อย่าซึนไปเลยน่า~~~”
“ไม่ได้ซึนเฟ้ย”
ถึงผมจะพยายามปฏิเสธไปซะขนาดไหนเคนอิจิก็ยังคงยิ้มร่าออกมา….ผู้ชายคนนี้เล่นเอาซะหืดขึ้นคอเลย
“แหมๆหัวรั้นจังเลย แต่ว่าฉันก็ดีใจนะที่มีคนอื่นเห็นคุณค่าในตัวโทวะเพิ่มขึ้นมาอีกคน”
“เชอะ… ไปไกลๆทีนเลยเฟ้ย มันรบกวนการเรียนของฉัน”
“โอ๊ะ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคำๆนี้จะออกมาจากปากของโทวะได้ นี่สินะพลังแห่งความรัก”
“หยุดพูดเรื่องแบบนี้ได้แล้วนายทำตัวอย่างกะผู้หญิงที่ชอบเจี๊ยวจ๊าวไปทั่วเลยแหนะ”
จากนั้นผมก็ถอนหายใจออกมาแล้วกลับไปเช็คการบ้านของคาบถัดไป…
อื้ม ไม่มีขาดตกบกพร่องทำหมดแล้วเรียบร้อยบอกตามตรงเลยนะตั้งแต่ที่ได้เข้าเรียนมัธยมนี่เป็นครั้งแรกเลยละที่ผมทำการบ้านมา…
“งั้นฉันขอถามแบบจริงจังเลยนะ… เมื่อวานนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
เคนอิจิพูดออกมาด้วยสีหน้าที่จริงจัง
พอเห็นแบบนั้นผมก็พูดออกมาตามตรง
“ฉันได้เรียนรู้แล้วน่ะ…. ว่าตัวเองไม่มีวันที่จะเอาชนะผู้หญิงได้”
ใช่แล้วละครับ หากเป็นชายฉกรรจ์คงไม่มีใครที่จะเอาชนะน้ำตาของหญิงสาวได้หรอก
“หืมมมม เอาเถอะเมื่อวานนายก็ทำตัวเลวจริงๆนั่นแหละพอได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของวันนี้ก็ดีแล้วละ”
“ขอโทษด้วยแล้วกัน”
“คนที่ต้องขอโทษไม่ใช่ฉันหรอกแต่เป็นวาคามิยะ… เดี๋ยวนะ”
ในขณะนั้นเคนอิจิก็เอามือขึ้นมาจับคางในคณะที่ครุ่นคิด
ส่วนทางผมก็ยังคงตรวจเช็คสิ่งต่างๆต่อพร้อมกับมองเขาจากหางตา
“เอาเป็นว่าซื้อของขวัญให้เธอกันเถอะ”
“ห๊ะ ไหงถึงเป็นงั้นไปได้…. ฉันก็ขอโทษเธอไปแล้วนะ”
“โธ่ นายเนี่ยไม่เข้าใจอะไรเลยนะโทวะ~~ การขอโทษน่ะมันเป็นเรื่องง่่าย พวกผู้ชายหลายๆคนเลยคิดว่าแค่ขอโทษแล้วเรื่องมันจะจบแต่นั่นน่ะก็ไม่ได้เสมอไปหรอกนะ”
ผมไม่เข้าใจที่เคนอิจิอยากจะสื่อแล้วอะไรคือถึงจะขอโทษไปแล้วเรื่องยังไม่จบ
จากนั้นผมก็วางปากกาลงแล้วครุ่นคิด
“งั้นฉันต้องให้ของขวัญแล้วขอโทษเธองั้นเหรอ”
“นายเนี่ยไม่เข้าใจจริงๆเลยสินะ~~ถ้านายเอาไปให้แบบนั้นเธอคนที่ได้รับของขวัญไปคงจะคิดว่า [นายให้ของขวัญฉันเพื่อที่จะขจัดปัญหางั้นเหรอ ดูไม่จริงใจสุดๆ] อะไรแบบนี้แน่ๆ”
“อ่าาาา… แล้วฉันต้องทำยังไงละขอโทษโดยไม่ต้องให้ของขวัญเหรอ”
“เอ๋~~….ฉันผิดเองแหละนายเป็นพวกที่ไม่เข้าใจจิตใจของหญิงสาวนี่นา”
เคนอิจิพูดพลางยักไหล่เหมือนกับนักแสดงตลกชาวอเมริกัน
ใครจะไปรู้ฟะ…ก็ผมเป็นพวกไม่มีประสบการณ์ในเรื่องนี้เลยนี่นา
“คำตอบที่ถูกต้องก็คือการ[เซอร์ไพรส์เพื่อขอบคุณ]ไงละ”
“ไม่ใช่ขอโทษงั้นเหรอ?”
“โดยปกติแล้วการให้เพื่อขอบคุณย่อมดีกว่าการให้เพื่อขอโทษใช่มั้ยละ นายเองก็ลองคิดบ้างสิถ้านายให้ของขวัญกับวาคามิยะไปหลังจากที่ขอโทษสภาพจะเป็นไง”
“เออ… เธอก็น่าจะไม่เอาละมั้ง..”
ถึงผมกับวาคามิยะจะเพิ่งรู้จักกันได้ไม่นานแต่ผมก็เห็นภาพเลยละว่าเธอจะพูดอะไรออกมาถึงแม้นั่นจะเป็นการให้เพื่อขอบคุณหรือขอโทษก็ตาม
และอีกอย่างเธอเองก็ไม่เคยขอแม้แต่สิ่งตอบแทนหรือรางวัลใดๆเลย
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผมรู้
เพราะท้ายที่สุดมันมักจะจบอยู่ที่คำพูด[ฉันทำเพราะอยากทำ]
หลังจากที่ผ่านการคิดวิเคราะห์แยกแยะแล้วผลก็คือ—
“เคนอิจิ พอมาคิดๆดูถึงฉันจะให้เพื่อขอบคุณ เธอก็ไม่น่าจะรับเหมือนกันนะ”
เคนอิจิยิ้มออกมาราวกับว่ากำลังรอคำตอบแบบนั้นอยู่
“แหมๆโทวะ~~ เรื่องนั้นฉันรู้หรอกน่าา”
“ถ้ารู้อยู่แล้วจะพูดเรื่องนี้ทำไมฟะงั้นที่ผ่านๆมามันก็ไร้ประโยชน์น่ะสิเสียเวลาสุดๆ.. ให้ตายเถอะ”
“ฮ่าๆๆๆๆ โทษทีๆ”
เคนอิจิยิ้มออกมาอย่างไร้ความกังวลและสดใสซึ่งแสดงให้เห็นถึงเสน่ห์ของเขาอย่างจัง
“แต่มันก็ไม่ได้ไร้ประโยชน์ไปซะทั้งหมดหรอกนะขอบอก”
“งั้นก็รีบๆบอกมาซะสิ อย่าทำให้ฉันเสียเวลา”
“คร้าบๆพ่อหนุ่มใจร้อนหัวรุนแรง~~”
“เชอะ”
ผมถอนหายใจออกมาในขณะที่คิดไปด้วย[สรุปแล้วฉันควรให้ของขวัญเธอดีมั้ยนะ]
“เอาน่า เอาน่า ที่ฉันอยากจะบอกเลยก็คือไอ้ที่พูดว่า เซอร์ไพรส์เพื่อขอบคุณน่ะมันเป็นเรื่องจริงนะเพราะงั้นมันไม่เสียเวลาเปล่าหรอกที่นายระดมเอาสมองไปคิดเกี่ยวกับเรื่องของขวัญน่ะ”
“อย่าอ่านความคิดกันโต้งๆแบบนี้สิเฟ้ย”
นี่ตัวผมมันอ่านทางง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ…
ไม่ใช่แค่เคนอิจินะแม้กระทั่งวาคามิยะก็ยังดูออกเลย…
หรือว่าผมจะเป็นพวกที่แสดงความรู้สึกออกจากทางสีหน้ากันนะ…?
“ที่ฉันอยากจะสื่อเลยก็คือถ้าให้แบบปกติไม่ได้ก็ให้เนื่องในวันพิเศษไงละอย่างเช่นวันเกิด”
“แค่เนี้ย พูดตั้งแต่แรกก็จบละจะอ้อมไปมาทำซากไร… “
“แต่ถ้าฉันพูดแบบนี้ตั้งแต่แรกนายคงจะพูดออกมาว่า[จู่ๆถ้าไปให้ของขวัญวันเกิดเธอมันไม่แปลกไปหน่อยเหรอ]อะไรแบบนี้แหงๆ”
“มะมะไม่สักหน่อย”
“แหมๆพูดติดอ่างแล้วนั่น”
หลังจากที่ได้ยินแบบนั้นผมก็เดาะลิ้นแล้วนำมือขึ้นมาเท้าคาง
“ท้ายที่สุดนายก็จะสามารถขอบคุณและขอโทษโดยใช้ข้ออ้างว่าเป็นวันเกิดได้ไงละ…แล้วอีกอย่างนายเองก็จะสามารถคิดได้ว่า[ฉันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องทำละนะ]อะไรแบบนี้ไง”
“อย่าพูดอะไรที่เหมือนสอนฉันไปในตัวสิฟะ”
“แต่มันก็ดีสำหรับตัวนายใช่ปะละ”
“อะเออ.. ก็จริง”
หลังจากที่ได้ฟังมาทั้งหมดผมก็ได้ถอนหายใจออกมาอีกครั้ง
เฮ้ออ นี่ตูเต้นอยู่บนฝ่ามือของเคนอิจิมาโดยตลอดเลยสินะ
จากนั้นผมก็แหงนหน้าขึ้นด้วยท่าทางที่แพ้หมดรูป
“ครับ ผมพ่ายเเพ้แล้วครับเพราะงั้นได้โปรดช่วยกระผมเรื่องของขวัญด้วยเถอะนะครับผมไม่รู้ว่าควรเลือกอะไรดี”
“ได้เลยย~~~ปล่อยให้เป็นหน้าที่ฉันเอง”
และในที่สุดช่วงพักกลางวันของผมก็ได้หมดลงโดยที่ถูกหนุ่มหล่อแสยะยิ้มใส่พร้อมกับยกนิ้วโป้งให้
MANGA DISCUSSION