หลังจากที่ผ่านพ้นอีเวนต์ปั่นจักรยานกับสาวสวยในที่สุดผมกับวาคามิยะก็ได้มาถึงโรงเรียน
โดยระหว่างโถงทางเดินนั้นก็เต็มไปด้วยเหล่านักเรียนที่พูดคุยกันบ้าง ติวหนังสือกันบ้างหรือแม้กระทั่งคนที่เอาหน้าฟุบลงไปกับโต๊ะเพื่อที่จะนอน
ซึ่งท่ามกลางคนเหล่านั้นท่านเทพธิดาของพวกเราก็ดูเจิดจ้าดึงดูดสายตาเป็นอย่างมาก แต่ว่าวันนี้มันไม่ได้มีแค่สายตาชื่นชมเนี่ยสิเพราะมันแทรกไปด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอิจฉาที่พุ่งตรงมายังผม
แน่นอนว่าผมรู้เหตุผลว่าทำไมพวกเขาถึงมองมาอย่างนั้น
พวกคุณก็คงจะสงสัยกันอยู่สินะทั้งๆที่รู้เหตุผลแล้วทำไมถึงยังนิ่งดูดายได้
นั่นก็เพราะวิธีแก้ปัญหาสถานการณ์ในตอนนี้ก็คือการถอยห่างออกมาจากเธอ
แต่ผมทำแบบนั้นไม่ได้เนี่ยสิเพราะท่านเทพธิดาได้ทำให้ผมรู้ซึ้งแล้วว่าการกระทำแบบนั้นมันไร้ประโยชน์และถ้าขืนผมทำไปแล้วละก็ผมคงจะโดนการโจมตีของเธอเหมือนเมื่อวานที่ราวกับประหารชีวิตแน่ๆ
ผมละไม่อยากจะคิดเลยถ้ามันเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นมาจริงๆสภาพของผมจะเป็นยังไง
“มีอะไรรึเปล่าคะ โทคิวากิซัง?”
“ไม่มีอะไรหรอก ฉันแค่คิดว่าต่อจากนี้เธอคงจะต้องเจองานหนักแน่ๆ”
“หมายความว่าไงกันคะ?”
วาคามิยะเอียงศีรษะด้วยความสงสัย
ท่าทางของเธอในตอนนี้น่ะมันโคตรจะน่ารักเลยละ
“ก็ตอนนี้มีแต่คนมองมาที่พวกเราใช่มั้ยล้า ฉันเลยคิดว่าเธอคงจะรู้สึกลำบากใจแย่เลยอะไรประมาณนี้ละนะ”
“ก็จริงนะคะ มันก็มีบ้างที่ฉันรู้สึกแบบนั้นแต่ตอนนี้ฉันไม่แคร์แล้วค่ะ”
“อ่ะ ใช่สิเธอน่าจะชินกับเรื่องแบบนี้แล้วนี่นา”
นั่นสินะเพราะวาคามิยะนั้นเธอเองก็เด่นใช่ย่อยเลย ไม่แปลกหรอกที่เธอจะชินกับเรื่องแบบนี้ไปแล้ว
ไม่อยากจะนึกภาพของตัวเองเลยถ้าผมได้ไปอยู่ ณ จุดๆเดียวกับเธอ แค่สภาพของผมในตอนนี้ยังอยากจะวิ่งหนีไปที่ที่ลับตาคนหรือไม่ก็พูดออกมาว่า[อย่ามองกันแบบนั้นสิมันน่ากลัวนะ]หรือไม่ก็[อย่ามองมาที่ฉันเลยนะะะะ]อะไรทำนองนี้เลย…
เฮ้ออ ผมละอยากรู้จริงๆเธอทำยังไงถึงทนได้ขนาดนั้นกันนะ
พูดแล้วมันก็เศร้า..
“ฉันไม่ได้ชินอะไรหรอกค่ะ การที่ถูกคนอื่นนินทาหรือกระซิบกระซาบเกี่ยวกับเรื่องของตัวเองเป็นใครก็รู้สึลำบากใจทั้งนั้นค่ะ”
“ก็จริง….”
“แต่ถ้าทำเป็นเมินๆไปหรือเอาเวลามาโฟกัสกับอย่างอื่นแทนมันก็จะดีกว่าการที่เอาเวลามาวิตกกังวลกับเรื่องแบบนี้เยอะเลยค่ะ”
“อ๋อ เข้าใจแล้วละ”
ก็จริงอย่างที่เธอพูดเพราะเวลาที่ผมจดจ่อกับอะไรสักอย่างมากๆ ผมแทบจะลืมสิ่งรอบข้างไปเลยถ้าให้เปรียบเทียบเลยก็คือตอนที่เล่นกีฬาเวลาที่ผู้เล่นได้ย่างก้าวลงสนามสติสัมปชัญญะของพวกเขาก็จะจดจ่ออยู่แค่บริเวณสนามเท่านั้น
แล้วอีกอย่างก่อนหน้านี้ดูเหมือนว่าวาคามิยะจะเคยพูดอะไรสักอย่างแนวๆว่าตัวเองสามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ นั่นจึงทำให้ผมสรุปได้ว่าความสามารถพิเศษของเธอก็คือการโฟกัส
“แล้วก็นะคือว่าช่วงนี้มันมีอะไรให้ฉันคิดเยอะแยะไปหมดเลยค่ะ เพราะงั้นฉันจึงไม่อยากเอาสมองของตัวเองมากังวลเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้หรอกค่ะ
“เห~~~ ฉันละสงสัยจริงๆว่าอะไรที่สามารถทำให้เธอต้องคิดเยอะได้ หรือว่าจะเป็นโดนัทกันนะ~~”
“ถึงฉันจะชอบโดนัทก็เถอะแต่ฉันก็ไม่ได้ตะกละตะกลามถึงขั้นเก็บเรื่องพวกนี้มาคิดหรอกนะคะ.. “
วาคามิยะพูดออกมาด้วยท่าทางเขินอายผมที่เห็นแบบนั้นก็พลอยเขินไปด้วย…
” อะ-เออ แล้วมันเรื่องอะไรละ”
“ถ้าเป็นตอนนี้ก็คงจะเป็น[ แนวทางการสอนโทคิวากิซัง] ละมั้งคะ”
“พูดอย่างกับพวกคณะอาจารย์เลย”
“แล้วก็ยังมีเรื่อง[สมดุลของอาหาร] อ๊ะ แล้วก็ๆเรื่องนี้ด้วยค่ะ [บทลงโทษของเด็กดื้อที่ไม่ยอมเชื่อฟัง]ค่ะ เอ๋~~มีแต่เรื่องนู่นนี่นั่นให้คิดเต็มไปหมดเลยค่ะ”
“แล้วไหงถึงจ้องมาที่ฉันเวลาพูดเรื่องพวกนั้นด้วยฟะ… “
เฮ้ออ ผมละอยากรู้จริงๆอะไรมันดลใจให้เธอกระตือรือร้นถึงขนาดนั้นละนั่น
“ฉันจะต้องพยายามเพิ่มขึ้นแล้วค่ะถึงจะสามารถทำตามสัญญาที่ว่าจะช่วยคุณเพิ่มคะแนนได้”
“เอาจริงดิ”
” ค่ะ “
“จริงๆไม่ต้องฝืนก็ได้นะฉันรู้ดีว่าตัวเองเรียนไม่เก่งเพราะงั้นถึงมันจะไม่เป็นไปตามสัญญาก็ไม่เป็นไรหรอก”
“สัญญาก็คือสัญญาค่ะ คอยดูเถอะนะคะฉันจะทำให้คุณเห็นเองว่าฉันน่ะทำได้”
ในขณะที่พูดวาคามิยะก็ชูกำปั้นขึ้นไว้ตรงหน้าอกของตัวเองพร้อมกับไฟที่ร้อนแรงที่มาจากไหนก็ไม่รู้
” เอาเถอะ ทำแค่พอประมาณนะอย่าฝืนเกินไปละ ฉันจะพยายามไม่ทำตัวเป็นนักเรียนที่แย่แล้วกัน”
“ฟุฟุ”
“…. อะไร.. หัวเราะอะไร”
“ก็มันน่าตลกนี่นาที่คุณพูดว่าให้ฉันทำอย่างพอประมาณน่ะ”
“หืม?”
“ก็คุณมักจะดูถูกตัวเองตลอดเลยนี่นาแต่ว่าในสายตาของฉันที่ได้เห็นคุณตั้งอกตั้งใจทำแบบฝึกหัดที่ฉันมอบหมายให้กับคุณฉันว่าการกระทำแบบนั้นไม่ได้อยู่ในขอบเขตพอประมาณเลยค่ะ”
“… เงียบไปเลย นั่นน่ะก็แค่ทำผ่านๆเท่านั้นแหละ”
” ฟุฟุ อย่างงั้นเองเหรอคะ”
จากนั้นผมก็หันไปมองด้านนอกของตัวอาคารซึ่งก็มีเหล่านักเรียนที่กำลังเดินอย่างเร่งรีบเข้ามาในโรงเรียน…
ดูเหมือนว่าใกล้จะถึงเวลาเข้าเรียนแล้วสินะ
“งั้นฉันเข้าไปในห้องก่อนนะ”
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของผมวาคามิยะก็เหลือบไปมองดูนาฬิกาก่อนที่จะพูดออกมาด้วยความประหลาดใจ
“อ๊ะ ถึงเวลาแล้วนี่นา”
“อื้ม”
“ฉันเองก็ต้องรีบเข้าไปในห้องแล้วด้วยสิ… แล้วก็โทคิวากิซังอย่าหลับในคาบนะคะ”
“รู้แล้วน่าา งั้นไว้เจอกันนะ”
“ค่ะ ฉันเองก็ขอตัวก่อนนะคะ”
วาคามิยะโค้งศีรษะอย่างสุภาพก่อนที่จะเดินจากไป
พอเห็นแบบนั้นตัวผมเองก็เริ่มเดินเข้าไปในห้องเรียนของตัวเอง
แต่หลังจากที่ผมย่างก้าวเดินเข้าไปบรรยากาศในนั้นก็เงียบลงทันทีและทุกสายตาในนั้นก็เริ่มจับจ้องมาที่ผม
และในขณะเดียวกันไอ้คุณเพื่อนที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะของผมก็ยิ้มร่าออกมา…ดูเหมือนว่าเขากำลังรอผมอยู่สินะ
MANGA DISCUSSION