นี่มันแย่สุดๆ เพียงแค่พริบตาเดียวข่าวลือเกี่ยวกับผมก็แพร่สะพัดไปทั่ว
นี่สินะคือสิ่งที่เขาเรียกกันว่า[เครือข่ายในหมู่นักเรียน]
แต่ก็ยังดีที่ข่าวลือของผมเป็น[ไอ้แมงดาโทคิวากิที่เกาะแดกวาคามินะ ริน] แทนที่จะเป็น
[โทคิวากิกับวาคามิยะคบกัน]
…เหตุผลก็คงจะเป็นเพราะคำพูดที่ผมอธิบายให้ฟูจิกับเคนอิจิฟังก่อนหน้านี้ทำให้ข่าวลือเรื่องคบกันโดนปัดตก
แต่ถึงยังไงผมก็ไม่สามารถหนีจากการนินทาได้ซึ่งชื่อเสียงของผมในตอนนี้มันก็ค่อยๆแย่ลงเรื่อยๆสภาพก็เหมือนกับกราฟในตลาดหุ้นที่ลากเหล่านักลงทุนลงนรกอะไรทำนองนั้น
ดูทรงแล้ววรรณชนชั้นในโรงเรียนของผมจากที่เคยอยู่กลุ่ม D คงร่วงไปกลุ่ม E แล้วแหงๆ
แต่มันมีบางสิ่งบางอย่างเนี่ยสิที่น่ากังวลกว่าข่าวลือพวกนั้น
เพราะวันนี้ในตอนที่ผมรีบออกจากโรงเรียนเพื่อที่จะไปทำงานพาร์ทไทม์ตามปกติผมก็เจอวาคามิยะที่ดักรออยู่แถวๆหน้าประตูโรงเรียนแต่ผมก็ทำเป็นเมินถึงแม้เธอจะเรียกชื่อของผมออกมาก็ตาม
การที่ผมทำตัวแบบนี้ใส่ผู้มีพระคุณของตัวเองเนี่ยมันทำเอาผมรู้สึกผิดสุดๆเลยละ
แต่ที่ผมทำไปก็เพราะคนที่เดินอยู่แถวนั้นมันเยอะแล้วยิ่งไปกว่านั้นผมก็เพิ่งจะโดนลือไปในทางแปลกๆด้วย
ผมเลยไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเมินเธอ
“เหนื่อยหน่อยนะครับ”
ผมกล่าวทักทายผู้จัดการหลังจากที่เข้ามาในร้านทางประตูหลัง
“โทคิวากิคุง!! วันนี้เองฉันก็คาดหวังในตัวนายอยู่นะ”
“ครับ ถ้าได้เงินผมก็จะลุยเต็มที่ครับ!!”
“ฮ่าฮ่า นายเนี่ยยังเป็นคนตรงไปตรงมาเหมือนเดิมเลยนะ”
ผู้จัดการหัวเราะออกมาในขณะที่กำลังใช้คอมพิวเตอร์ตรวจกะของพนักงานพาร์ทไทม์ไปด้วย
“วันนี้นายก็จะทำงานเต็มกะใช่ปะงั้นถึง3ทุ่มโอเคเปล่า?”
“อ่ะ ผู้จัดการ คือว่า…”
“มีอะไรเหรอ?”
“วันนี้ผมขอเลิกงานเร็วกว่าปกติ 1 ชั่วโมงได้มั้ยครับ”
ผู้จัดการเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ
“เอ๋ แปลกใจนะเนี่ยปกตินายจะอยู่เต็มกะตลอดเลยนิ…ขอถามได้มั้ยว่ามันเกิดอะไรขึ้น?”
“ช่วงนี้มันใกล้สอบแล้วน่ะครับผมเลยอยากจะกลับบ้านเร็วๆแล้วจะได้มีเวลาอ่านหนังสือเยอะๆ”
“อย่างนี้นี่เอง…”
จากนั้นผู้จัดการก็กลับไปตรวจกะในคอมพิวเตอร์อีกครั้งพร้อมกับขมวดคิ้วคิดไปด้วย
“อืมมม มันก็ขึ้นอยู่กับลูกค้าละนะ แต่ปกติแล้ววันจันทร์ลูกค้าก็ไม่ค่อยเยอะด้วยสิแล้วนายก็ตั้งใจทำงานมาโดยตลอดด้วยเพราะงั้นเอาตามที่นายต้องการแล้วกัน”
“ขอบคุณครับ งั้นผมขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะครับ”
“อะ แล้วก็ดูเหมือนว่าเพื่อนของนายจะมาที่นี่ด้วยนะ…ก่อนทำงานก็ไปคุยกับเธอก่อนก็ได้นะ”
“ครับ ขอบคุณครับ….ถ้าผมรู้สึกอยากคุยเมื่อไหร่ไว้ผมจะเข้าไปหาครับ”
พอพูดเสร็จผมก็ตัดสินใจมุ่งหน้าไปห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าแต่ก่อนที่จะไปผมก็ได้ยินเสียงของผู้จัดการแวบเข้ามา
“หืม? คู่รักทะเลาะกันสินะ วัยรุ่นเนี่ยดีจริงๆเลยเนอะ~”
แต่ผมก็ทำเป็นเมินแล้วเดินออกไป
หนึ่งชั่วโมงหลังจากที่ผมทำงาน วาคามิยะก็ได้ยืนขึ้นจากที่นั่งประจำของเธอและเดินเข้ามาต่อแถวเพื่อสั่งอาหาร แล้วด้วยที่ว่าจันทร์ถึงศุกร์จะมีเคาน์เตอร์เปิดเพียงที่เดียวเธอเลยต้องมาเข้าแถวตรงเคาน์เตอร์ที่ผมยืนอยู่อย่างเลี่ยงไม่ได้
พอถึงคิวของวาคามิยะเธอก็จ้องมาที่ผม ส่วนทางผมก็ยิ้มตอบกลับตามปกติ
“จะรับอะไรดีครับ”
“โดนัทสองชิ้นค่ะ”
“ครับผม!!”
ดูเหมือนว่าวาคามิยะมีเรื่องอยากจะพูดกับผมถึงแม้เธอจะรู้ตัวดีว่าไม่ควรรบกวนในเวลางานแต่เธอก็ยังดึงดันเหมือนจะต้องคุยให้ได้
แต่ถึงอย่างนั้น…
“กรุณารอด้านข้างตรงนี้เพื่อรอรับอาหหารนะครับ”
ตอนนี้ผมอยู่ในคราบของพนักงานพาร์ทไทม์ผมจึงต้องตอบกลับไปตามฉบับของพนักงาน ถึงแม้ว่ามันอาจจะดูเย็นชาถ้าทำแบบนี้กับคนรู้จักก็เถอะ แต่มันก็ช่วยไม่ได้
พอวาคามิยะได้ยินคำพูดของผมเธอก็ถอนหายใจออกมา
และหลังจากที่ได้รับโดนัทเธอก็ไม่ได้มาสั่งอะไรเพิ่มอีกเลย
— 2 ชั่วโมงต่อมา
“แล้วฉันจะคืนกล่องอาหารให้เธอยังไงดีเนี่ย..”
ผมพึมพำออกมาในขณะที่เปลี่ยนเสื้อผ้า
มันเป็นเรื่องยากสำหรับผมเลยละที่จะเข้าหาวาคามิยะในขณะที่ผมกำลังพยายามรักษาระยะห่างเอาไว้ถ้าเป็นไปได้ผมก็อยากจะรอจนกว่าข่าวลือจะหายไปแต่ถ้าทำแบบนั้นมันก็จะนานเกินไปด้วยสิ
หลังจากที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จผมก็สอดส่องดูว่าท่านเทพธิดายืนดักรออยู่ที่ประตูหลังร้านรึเปล่า
…..สุดท้ายก็เป็นอย่างที่คิดเพราะเธอนั้นไม่รู้ว่าผมแอบเปลี่ยนกะของตัวเองให้เร็วขึ้น
จากนั้นผมก็ไปคว้าจักยานขึ้นมาขี่และปั่นด้วยความเร็วสูงสุด…บรรยากาศแบบนี้ช่างน่าคิดถึงจริงๆถึงแม้มันจะแค่หนึ่งอาทิตย์ก็เถอะที่ผมไม่ได้ปั่นจักรยานกลับบ้าน
“อุ๊ยตายว้ายกรี๊ด ขับบ้าอะไรของเธอยะ!!”
หลีกไปนี่คือการหลบหนีของผมถ้าไม่มีผู้เสียสละชัยชนะก็จะไม่บังเกิดไงละ
โทษทีนะที่เห็นแก่ตัว
ผมได้ถอนหายใจออกมาในขณะที่มองท้องฟ้าไปด้วยซึ่งท้องฟ้าในตอนนี้มันก็มืดสนิทและไร้ดวงดาว
จะว่าไงดีละมันเหมือนกับหัวใจของผมในตอนนี้เลย
“หืม?”
ทันใดนั้นผมก็สังเกตเห็นใครบางคนที่ยืนอยู่หน้าอพาร์ทเม้นท์ของผม…รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีเลยแฮะ
เขาคนนั้นไม่น่าจะใช่เจ้าของอพาร์ตเมนต์ด้วย
พอผมเข้าไปใกล้เขาคนนั้นเรื่อยๆสิ่งที่ผมสงสัยก็ค่อยๆกระจ่างขึ้นมา
“…กำลังรออยู่เลยค่ะ โทคิวากิซัง ฉันมีเรื่องที่อยากจะบ่นเยอะเลยค่ะ”
ในขณะนั้นก็มีรถผ่านพวกเราไปพอดี
ซึ่งแสงไฟจากหน้ารถนั้นก็ทำให้ผมมองเห็นท่านเทพธิดาที่จ้องมาทางผมอย่างชัดเจน
MANGA DISCUSSION