[WN]ในโลกที่ค่านิยมทางเพศสลับกัน อัตราส่วนชายหญิงคือ 1:5 ผมหวังว่าตัวเองจะได้ใช้ชีวิตตามปกติ - ตอนที่ 14 สาวออฟฟิศสายซึนเดเระกำลังร้องไห้
- Home
- [WN]ในโลกที่ค่านิยมทางเพศสลับกัน อัตราส่วนชายหญิงคือ 1:5 ผมหวังว่าตัวเองจะได้ใช้ชีวิตตามปกติ
- ตอนที่ 14 สาวออฟฟิศสายซึนเดเระกำลังร้องไห้
หมดคาบเข้าเรียนกับโคอุมิแล้ว
วันนี้ไม่ใช่วันศุกร์เลยไม่ต้องไปทำงานที่บาร์ ปกติแล้วผมจะกลับบ้านทันที ไม่ก็ไปเล่นบาส หรือหาอะไรฆ่าเวลา แต่คุณไอกะส่งข้อความมาว่า “ขอโทษนะวันนี้ขาด 1 คน ช่วยมาได้มั้ย?” ผมเลยต้องไปแทน
เข้ากะเพิ่มเหรอ? เอาสิ จะได้เอาตังค์ไปจ่ายค่าเรียนด้วย
แต่วันนี้วันพุธ ผมไม่แน่ใจว่าคนที่เลือกผมประจำอย่างคุณเซระจะมามั้ย เพราะแบบนั้นผมอาจจะอยู่หน้าเคาน์เตอร์ ไม่ก็ทำเครื่องดื่มแทน
ถ้าผมไม่ได้นั่งกับลูกค้า งั้นใส่เสื้อสตาฟก็คงไม่มีปัญหาอะไร
“ยินดีต้อนรับกลับครับ!”
ตอนนี้ก็ 6 โมงเย็นหน่อย ๆ
บาร์เปิดแล้ว ตอนนี้ในห้องพักมีคนอยู่คนเดียว ขณะที่ผมมองกระจกเพื่อเซตทรงผมอยู่ รุ่นพี่ก็เห็นผมพอดี
“โอ้! มาซาโตะ ไม่เจอกันนานเลย! ขอบคุณสำหรับวันนี้นะ ได้ยินว่านายมีลูกค้าประจำแล้วนี่ ดีไปเลยนะ!”
“ขอบคุณที่เหนื่อยนะครับ คุณยูสุเกะ คือมันแค่บังเอิญน่ะครับ…”
“นายอาจจะต่างจากเราไปบ้าง แต่ชั้นว่านายต้องป๊อปแน่ ๆ ถึงคุณไอกะบอกว่านายเข้ากะแค่วันศุกร์ก็เถอะ”
คุณยูสุเกะคอยช่วยผมเรื่องต่าง ๆ ตอนผมทำงานที่นี่ใหม่ ๆ ในบรรดาผู้ชายที่อยู่ในบาร์นี้ เขาอาจจะเป็นคนเดียวเลยมั้งที่มีมายเซตใกล้เคียงกับผู้ชายโลกเดิมมากที่สุด ถึงเขาจะเป็นเพลย์บอยก็เถอะ แต่เขาก็ไม่ได้ทำตัวอวดดี หรือวางมาดเลย ผมเลยรู้สึกนับถือเขาจากใจจริง
และด้วยเหตุผลบางอย่าง ที่แขนขวาเขาพันผ้าพันแผลไว้
“…เอ๊ะ? แขนขวาเป็นอะไรเหรอครับ?”
“อ๋อ นี่เหรอ? แฟนชั้นเป็นคนทำเมื่อหลายวันก่อนน่ะ อะฮะฮะ”
ถึงจะมีผู้หญิงมาชอบเยอะแถมต้องพัวพันกับเรื่องความรักเพราะงานนี้ก็เถอะ แต่…เอิ่ม..
“จะว่าไปแล้ว… นายมานี่แปปสิ”
“เอ๊ะ? อะไรเหรอครับ?”
คุณยูสุเกะกวักมือเรียกแล้วให้ผมนั่งลง จากนั้นก็หยิบแว็กซ์เซตผมขึ้นมา
“ชั้นว่านายน่ะดูดีในทุก ๆ สไตล์นะ ชั้นทำผมให้เอามั้ย?”
“เอ๊ะ?”
“น่า ไม่เป็นไรหรอก! ชั้นเรียนเสริมสวยมานะ เชื่อใจชั้นสิ”
เอาเถอะ วันนี้คุณเซระก็ไม่มาด้วย
ถ้าคุณเซระที่มาหาผมทุกอาทิตย์ เห็นผมในสไตล์ที่ไม่เข้ากันแบบนี้แล้วพูดว่า “เอ่อ…มาซาโตะคุง แบบนั้นมันแปลก ๆ นะ” ผมจะไม่แปลกใจเลย
คงเจ็บไม่น้อยเลยถ้าลูกค้าที่เลือกผมเป็นประจำพูดแบบนั้นออกมา
“แค่วันนี้นะครับ”
“โอเค ไว้ใจได้เลย”
คุณยูสุเกะหยิบแว็กซ์เซตผมกับที่หนีบผมออกมา เอาจริง ๆ นะ ผมว่าไม่น่าเข้ากันหรอก
“มาซาโตะ! โต๊ะ 3 สั่ง Gin & Tonic!”
“ได้ครับ!”
กะแล้วเชียววันพุธคนก็เยอะเหมือนกัน มีลูกค้าประจำที่ชอบมาทุกวันด้วย ผมทำเครื่องดื่มตามที่สั่งและเอาไปวางบนโต๊ะ
“ขอโทษที่ให้รอครับ”
“มาเป็นของชั้นซะ”
“เอ๋~อย่าล้อกันเล่นสิครับ…”
จริง ๆ เธอคงแค่พูดเล่นนั่นแหละ แบบนั้นดีแล้ว
พอวางแก้วเสร็จผมก็กลับไปที่เดิม มันเป็นงานนี่นะ
ขณะที่ผมล้างแก้วที่ซิงค์ล้างจานอยู่นั้นเอง
“มาซาโตะ! โทษทีนะ นายช่วยไปร้านขายยาที่อยู่ใกล้กับสถานี แล้วซื้อทิชชู่ให้หน่อยสิ พอดีมันหมดน่ะ!”
คุณยูสุเกะโผล่มาบอกผม
ทิชชู่หมดแบบนี้ไม่ดีแน่ เมื่อวานลืมเช็คงั้นเหรอ?
“ได้ครับ เดี๋ยวผมรีบกลับมา!”
“โทษทีนะ ทุกคนยุ่งกันหมดเลย…การ์ดอยู่ตรงนั้นนะ! ขอใบเสร็จด้วยนะ!”
“ได้ครับ!”
ผมล้างมือแล้วเดินออกจากบาร์ น่าอายนิด ๆ แหะที่ต้องออกมาในสภาพนี้ แต่เอาเถอะ รอบ ๆ ก็มืดหมดแล้ว
บริเวณใกล้กับสถานีอัดแน่นไปด้วยพนักงานออฟฟิศกับนักเรียนที่กำลังกลับบ้าน
ก็ไม่ได้เยอะเท่าสถานีในเมืองใหญ่ ๆ หรอก แต่ก็ยังเยอะอยู่ดีต้องเดินระวังไม่ให้ชนคนอื่น
“รีบซื้อรีบกลับดีกว่า”
ผมไม่กล้าเดินไปมาในสภาพนี้หรอกนะ ยิ่งเป็นที่ที่คนเยอะด้วย
รีบซื้อรีบกลับ ก็คิดไว้แบบนั้น
“ขอโทษนะคะ…! ชั้นทำคอนแทคเลนส์ตก..! ขอโทษนะคะ..!”
ผู้หญิงคนนึงกำลังนั่งยอง ๆ หาของที่พื้นพลางร้องไห้ไป
ผมไม่รู้ว่าเธอร้องไห้เพราะทำคอนแทคเลนส์ตก หรือเพราะเรื่องอื่นกันแน่ แต่ที่แน่ ๆ คนรอบข้างดูจะไม่สนใจเธอเลย
จะให้ทำเป็นมองไม่เห็นไม่ได้หรอกนะ
“เป็นอะไรมั้ยครับ? คอนแทคเลนส์ใช่มั้ย? งั้นเดียวผมช่วยหานะ”
“เอ๊ะ…? …ขอโทษจริง ๆ ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ”
เธอทำคอนแทคเลนส์หายไปข้างนึง หาคนเดียวคงยาก ต่อให้เป็นคนสายตาปกติก็เถอะ
“ขอโทษนะครับ เรากำลังหาคอนแทคเลนส์น่ะครับ!”
ผมพูดขณะที่ก้มคลานมองพื้นรอบ ๆ โชคดีที่ใส่เสื้อสตาฟ ถ้าเกิดเปื้อนค่อยซักก็ได้
พอหาประมาณนาทีนึง ผมสังเกตเห็นจุดเล็ก ๆ บนพื้น คอนแทคเลนส์ล่ะ
“เจอแล้ว! อยู่นี่ครับ!”
“…!”
เธอเบิกตากว้าง ขณะที่ผมค่อย ๆ หยิบและวางคอนแทคเลนส์ไว้บนผ้าเช็ดหน้า
“นี่ครับ คราวหน้าระวังหน่อยนะ”
“ขอบคุณ…มากค่ะ”
“อ๊ะ ผ้าเช็ดหน้าไม่ต้องคืนหรอกครับ งั้นผมไปแล้วนะครับ!”
“เอ่อ เดี๋ยว รอเดี๋ยวค่ะ!!”
อืม เดินจากไปทั้งแบบนี้ก็ดูดีเหมือนกันแหะ
ผมหันไปมองเธออีกรอบ
…
เดี๋ยวนะ
เธอเรียกผมเหรอ?
“เอ่อ…ขอโทษนะครับ! ผมกำลังรีบ!”
“อ๊ะ…”
ปวดใจชะมัด แต่หน้าที่ต้องมาก่อน ได้คอนแทคเลนส์แล้วคงไม่เป็นไรหรอก! ทำดีนี่รู้สึกดีชะมัด
“กลับมาแล้วครับ!”
“โอ้ ค่อนข้างนานนะ คนเยอะเหรอ?”
“ครับ เหมือนทุกทีเลย”
ผมรีบไปที่ห้องน้ำใส่ทิชชู่ แล้วก็ทำความสะอาด แต่ตอนที่กำลังจะเขียนชื่อตัวเองในรายการที่ทำ ผมสังเกตบางอย่าง
“เอ๊ะ? ปากกาหายไปไหน?”
เมื่ออาทิตย์ก่อนใส่คาไว้ที่กระเป๋าเสื้อนี่นา
เอาเถอะค่อยยืมเอาก็ได้
“นี่มาซาโตะรีบเปลี่ยนชุดเลย!”
“เอ๊ะ?”
“มีคนเลือกนายน่ะ ลูกค้าที่ชอบเลือกนายมั้ง? ยังไงก็เถอะเธอเลือกนายน่ะ”
แต่ผมเคยบอกไว้ว่าจะมาเฉพาะวันศุกร์ไม่ใช่เหรอ? อ๋อ คงลองเรียกเฉย ๆ แล้วถ้าผมไม่มาคงเรียกคนอื่นแทนล่ะมั้ง?
“เข้าใจแล้วครับ”
“ชั้นจะพาเธอไปนั่งที่โต๊ะ 2 นะ”
“ครับ”
ผมโยนชุดสตาฟใส่ล็อกเกอร์ และเปลี่ยนเป็นชุดทำงานแทน
…ผมรีบใส่ชุดที่เหมือนพวกไอดอล จากนั้นก็เดินไปที่โต๊ะ 2 ตรงนั้นมีผู้หญิงใส่สูทนั่งเกร็งอยู่เหมือนเคย
“สายัณห์สวัสดิ์ครับ คุณเซระ กลับมาแล้วสินะครับ”
“…อืม” เธอตอบกลับ
หืมม? ไม่สบายเหรอ? ทรงผมดูกระเซอะกระเซิงนิดนึง แก้มก็ซูบผอมหน่อย ๆ ด้วย แต่ยังสวยอยู่ดีนั่นแหละ
คงเหนื่อยจากที่ทำงาน ถ้างั้นผมต้องให้กำลังใจเธอเหมือนครั้งก่อน ๆ วันนี้ต้องทำให้เต็มที่สินะ
“ผมแปลกใจนะ คุณเซระบอกว่าจะมาแค่วันศุกร์นี่นา”
“…ชั้นเห็นเธอเดินเข้ามาที่บาร์พอดีน่ะ” เธอตอบกลับ ขณะที่ก้มหน้า
“อ๊ะ งี้นี่เอง พอดีผมออกไปซื้อของน่ะ ผมก็ไม่คิดว่าวันนี้ต้องมาเข้ากะเหมือนกัน ตะกี้ผมยังใส่เสื้อสตาฟอยู่เลย น่าอายจัง…”
ปกติเวลาผมพูดเธอจะทำตาลอกแลกไปมาไม่ก็หลบตาผม แต่วันนี้เอาแต่ก้มหน้าแหะ
หืมม คงรู้สึกแย่อยู่นั่นแหละ…
“ไม่เป็นไรครับ พูดออกมาได้เลยคุณเซระ ผมไม่รู้หรอกนะว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ผมอยากฟังเรื่องที่คุณเล่าเหมือนทุกทีนะครับ”
“…!”
คุณเซระกำมือแน่นวางไว้ที่ตัก
คงเจอเรื่องเศร้ามาสินะ
“ขอโทษ…นะ”
“…เอ๊ะ?”
ผมสังเกตว่ามีบางอย่างหยดใส่มือของคุณเซระ
เธอกำลังร้องไห้
“ชั้นขอโทษ…ขอโทษนะ!..ขอโทษจริง ๆ..! ชั้น…!”
ผมทนดูไม่ได้ เลยเผลอเอามือลูบหลังเธอโดยไม่รู้ตัว
“ไม่เป็นไรนะครับ ผมไม่รู้หรอกว่าเกิดอะไรขึ้น แต่คุณไม่ใช่คนแย่อะไรหรอกนะคุณเซระ คุณน่ะเป็นคนใจดีนะ”
ผมรู้ว่าที่พูดมามันดูว่างเปล่า เรารู้จักกันแค่เดือนเดียวเอง เจอกันแค่อาทิตย์ละครั้ง แถมส่วนใหญ่เธอจะเมาระบายเรื่องที่ทำงานไม่ก็แฟนเก่าให้ฟัง ถึงอย่างงั้นผมก็ไม่เกลียดที่เธอเป็นแบบนี้หรอก
ถึงจะพูดหยาบคายไปบ้าง แต่ลึก ๆ แล้วเธอเป็นคนใจดี คำพูดผมอาจจะดูว่างเปล่า แต่ถ้ามันช่วยเธอได้ ผมก็พร้อมเป็นกำลังใจให้ ขณะที่ผมนั่งอยู่นั้น เธอเอนตัวเข้าหาผมจนไหล่ชนกัน
อ๊ะ ถ้ามีคนเห็นจะแย่เอานะ…? เอาเถอะค่อยแก้ตัวก็ได้
แต่พูดจริงนะ ผมทนดูเฉย ๆ ไม่ได้จริง
“ไม่เป็นไรครับ คุณเซระ ผมรู้คุณเป็นคนใจดี” ผมปลอบประโลมเธอ
“…ชั้นขอโทษ…ชั้นมันแย่ที่สุด…!” แล้วเธอก็ปล่อยโฮออกมา
ขณะที่ผมลูบหลังเธออยู่ ผมก็อดคิดไม่ได้ว่าทุกครั้งที่ผมใจดีกับเธอ หรือทุกครั้งที่เราอยู่ใกล้กัน เธอจะยิ่งร้องไห้มากกว่าเดิม