[WN]เกิดใหม่เป็นขุนนางสารชั่ว แต่ดันเป็นที่หมายปองของเหล่าสตรีสูงศักดิ์ซะงั้น? - ตอนที่ 78 งานเลี้ยง 12
- Home
- [WN]เกิดใหม่เป็นขุนนางสารชั่ว แต่ดันเป็นที่หมายปองของเหล่าสตรีสูงศักดิ์ซะงั้น?
- ตอนที่ 78 งานเลี้ยง 12
ตอนที่ 78 งานเลี้ยง 12
‘ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ได้นะ…’
‘ทำไมถึงกลายมาเป็นแบบนี้…’
ทั้งเบเรธที่ยืนอยู่ และเด็กสาวลึกลับที่นั่งอยู่บนม้านั่ง ต่างรู้สึกเช่นเดียวกันในตอนนี้
(เธอคงไม่ใช่คนไม่ดีหรอก แต่… เป็นคนที่แปลกมาก)
เบเรธซึ่งจับจังหวะที่จะจากไปไม่ได้เสียทีคิดต่อว่า…
‘เอาเถอะ ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ก็อย่าไปกระตุ้นเธอเลยดีกว่า…’
เพราะไม่อาจเดาได้เลยว่าอีกฝ่ายเป็นใคร เบเรธจึงระมัดระวังตัวอย่างยิ่ง
ในขณะเดียวกัน เด็กสาวซึ่งกำลังร้องเพลงแปลกๆ นั้นอยู่ด้วยอารมณ์คล้ายซ้อมเบาๆ ก็คิดในใจว่า…
‘ฉันจะให้ใครรู้ไม่ได้เด็ดขาด ว่าฉันเป็นคนแบบนี้…’
ตัวเธอเองรู้ดีอยู่แก่ใจ
เธอไม่อาจปล่อยให้ภาพลักษณ์ของ “นักร้องผู้เลอโฉม” ต้องพังทลายลงได้ ไม่มีทางยอมให้ใครมาเห็นด้านนี้ของเธอ
ดังนั้น เธอจึงพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้ตัวตนที่แท้จริงถูกเปิดเผย ด้วยการสร้างบรรยากาศที่แตกต่างและการเปลี่ยนคำแทนตัวเอง
สิ่งที่โชคดีเพียงอย่างเดียวของเธอในตอนนี้คือ ความมืดช่วยซ่อนตัวตนของเธอได้
“เอ่อ คุณพูดแบบสบายๆ ก็ได้นะ? ยังไงคุณเองก็คงมาแค่พักผ่อนเหมือนกัน”
“อืม… ถ้าจะพูดแบบสบายๆ หน่อย มันคงจะค่อนข้างแตกต่างไปเลยนะ โอเคใช่ไหม?”
เบเรธ แม้จะได้รับคำแนะนำจากอีกฝ่าย แต่ก็ยังอดยืนยันไม่ได้
“อืมๆ สบายเลย ดูสิว่าฉันยังพูดแบบนี้ได้เลย”
“งั้นเหรอ? ถ้างั้น… ก็ได้ ขอบคุณนะที่ให้ฉันพูดตามสบาย”
“ว้าว! เปลี่ยนไปเยอะเลยนะเนี่ย”
“ฮะๆ ใช่แล้วล่ะ เมื่อเทียบกับพวกขุนนางคนอื่น ฉันเองก็รู้ตัวดีว่าฉันค่อนข้างจะสบายๆ มาก”
“งั้นเวลาต้องพูดแบบสุภาพๆ มันก็เหนื่อยใช่ไหมล่ะ? ดูฉันสิ ฉันเองก็เป็นแบบนั้น”
“ถ้าจะพูดตรงๆ มันก็เหนื่อยนะ แต่นั่นก็เป็นเรื่องของมารยาท ฉันเลยพยายามเต็มที่อยู่”
“เราเหนื่อยเหมือนกันเลยเนอะ~”
“นั่นสิ~”
เสียงพูดที่ยืดยาวในตอนนี้ได้แพร่ระบาดไปยังเบเรธโดยไม่รู้ตัว
“…”
“…”
ในตอนนี้ ทั้งสองต่างรู้สึกว่า…
‘ทั้งที่ยังไม่ได้สนิทกันเลย แต่ทำไมถึงรู้สึกคุยด้วยง่ายจัง’
‘ทั้งที่ไม่สนิทกัน แต่ทำไมมันสบายใจแบบนี้นะ’
แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะหากตัดเรื่องฐานะออกไป เบเรธและเด็กสาวคนนี้ก็มีนิสัยที่คล้ายกันมาก
เบเรธ ซึ่งแม้จะมาจากตระกูลมาร์ควิส แต่ไม่เคยถูกหล่อหลอมด้วยระบบชนชั้นมาก่อน ทำให้เขาไม่ได้ใส่ใจว่าอีกฝ่ายจะอยู่ในตำแหน่งใด
เด็กสาวจากตระกูลดยุก ซึ่งเกลียดการถูกลากเข้าไปในความขัดแย้งและการใช้อำนาจ ต้องการเพียงชีวิตที่เรียบง่าย จึงไม่ได้ใส่ใจเรื่องตำแหน่งของผู้อื่นเช่นกัน
แม้ความคิดและสถานการณ์จะต่างกัน แต่ปลายทางที่ทั้งสองมองกลับตรงกัน
“เฮ้อ…”
“ดูเหมือนคุณจะเหนื่อยมากเลยนะ?”
“งานเลี้ยงวันนี้สนุกมาก แต่… ก็ใช้พลังไปเยอะเหมือนกัน(พลังการแสดงน่ะนะ)”
“ของฉันเหนื่อยทางจิตใจน่ะ เพราะมัวแต่กังวลว่าจะไปทำผิดกับคนระดับสูงหรือเปล่า”
“พวกคนใหญ่คนโตนี่เยอะจริงๆ นะ~ กลับบ้านแล้วเราต้องพักผ่อนเยอะๆ เลยเนอะ”
“นั่นสิ ว่าแต่ คุณล่ะ กลับบ้านไปแล้วมีแพลนอะไรบ้าง?”
“เอ่อ… พรุ่งนี้ก็ทั้งวันจะอยู่แบบปล่อยตัวเฉื่อยๆ ล่ะ”
“ว้าว… เดี๋ยวนะ พรุ่งนี้ทั้งวัน? หมายถึงคุณจะไม่ทำอะไรเลย?”
“อื้ม”
คำตอบที่เปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิใจจนทำให้เบเรธอดรู้สึกแปลกใจไม่ได้
และเมื่อมีช่วงเงียบที่เกิดขึ้น เบเรธก็เกิดคำถามหนึ่งขึ้นในใจ
“เอ่อ ขอถามตรงๆ ได้ไหม? คุณมีอะไรที่กำลังทุกข์ใจอยู่หรือเปล่า?”
“หืม? ทำไมเรื่องที่ฉันจะอยู่นิ่งๆ กลายเป็นว่าฉันมีเรื่องทุกข์ใจไปได้ล่ะ?”
“เอ่อ… แบบว่า แต่ก่อนฉันเองก็เคยเป็นแบบนั้น แน่นอนว่าเรื่องแบบนี้มันขึ้นอยู่กับนิสัยด้วย แต่เวลาที่รู้สึกว่า ‘ไม่อยากทำอะไรเลย’ มันมักจะเกิดในช่วงที่จิตใจเหนื่อยล้า… ทำนองนั้นน่ะ”
นี่คือประสบการณ์ตรงของเบเรธ…
—ความทรงจำในอดีต(TLN:ชาติก่อน)
ช่วงที่เพิ่งเริ่มต้นทำงานได้ไม่นาน เบเรธต้องเผชิญหน้ากับคลื่นลมอันโหดร้ายของสังคม
สิ่งแวดล้อมใหม่ ที่ทำงานอันเข้มงวด การถูกดุด่าอย่างไร้เหตุผล การถูกบังคับให้เข้าร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์ และการทำงานล่วงเวลาที่มากมาย
ผลลัพธ์ก็คือ… แม้จะได้วันหยุด แต่กลับไม่มีแรงจูงใจจะทำอะไรเลย
“คำว่าจิตใจเหนื่อยล้า… ฉันเพิ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรก”
“แต่อืม… ถึงจะพักผ่อนกายแล้ว แต่ความเหนื่อยล้าก็ยังไม่หายไป ถ้าคุณรู้สึกเฉื่อยๆ ไม่สดชื่น มันอาจจะไม่ใช่ความทุกข์ใจ แต่เป็นความกังวลที่คอยเกาะกินมากกว่านะ”
“ว้าว! คุณนี่เก่งจังเลยนะ? พูดได้ถูกเป๊ะจนฉันตกใจ”
“ก็… มันเหมือนเป็นความรู้สึกที่เดาได้จากประสบการณ์น่ะ”
แน่นอน เบเรธไม่ได้บอกว่า “เพราะเขาเคยเกิดใหม่มาแล้ว”
“ความกังวลนี่หมายถึงแบบของชนชั้นขุนนางใช่ไหม?”
“ใช่เลย~ ฉันคิดว่ามันเหมือนกันกับทุกคน อย่างถ้าฉันไม่สามารถทำตามที่คุณแม่หรือคุณพ่อคาดหวังได้ ซึ่งมันจะแย่ หรือพลาดไม่ได้เลยถ้าต้องทำเพื่อเป้าหมายของครอบครัว ไหนจะการถูกเข้าใจผิดจากคนรอบข้างอีก พอมีเรื่องการหมั้นขึ้นมา ก็ยิ่งต้องเหนื่อยกับการสร้างภาพลักษณ์ เพราะยังไงก็ไม่อยากทำให้วงศ์ตระกูลต้องเสื่อมเสีย”
ในโลกนี้ ผู้ปกครองที่มีอำนาจมักมีบทบาทสูงในการชี้นำ และธรรมเนียมสังคมที่เข้มงวดทำให้ขุนนางต้องรวมพลังกันเพื่อรักษาอำนาจของตระกูล
สำหรับขุนนาง การเสื่อมเสียเกียรติของตระกูลนั้นไม่ต่างจาก “ความตาย”
“ฟังจากที่คุณพูดมา ดูเหมือนคุณจะอยู่ในสถานะที่สูงพอสมควรเลยใช่ไหม?”
“อันที่จริงก็ไม่เท่าไหร่หรอก แล้วคุณล่ะ?”
“ฉันก็… ประมาณนั้น”
“เข้าใจล่ะ~”
ทั้งสองต่างรู้สึกได้ในใจว่า ‘อีกฝ่ายกำลังโกหก’
แต่ถึงจะคิดแบบนั้น ก็ไม่มีหลักฐานยืนยันได้ และแม้ว่าจะยืนยันได้ ก็ไม่มีใครอยากซักไซ้
เพราะการที่ทั้งสองพูดคุยกันได้อย่างสบายใจในตอนนี้ ก็เป็นเพราะต่างฝ่ายไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของอีกคน หากสถานะที่แท้จริงถูกเปิดเผยขึ้นมา ความสัมพันธ์ในตอนนี้ก็จะต้องเปลี่ยนไป
“กลับมาที่เรื่องก่อนหน้านี้นะ… ‘การถูกคนรอบข้างเข้าใจผิด’ นี่มันดูเหมือนจะหนักสุดเลยไม่ใช่เหรอ?”
“ไม่ใช่ ‘ความผิดพลาดที่ยอมให้เกิดไม่ได้’ เหรอ?”
“อืม ฉันว่ามันหนักเหมือนกันนะ แต่ความผิดพลาดยังแก้ไขได้ มันกลายเป็นบทเรียนและทำให้เราเติบโตขึ้นได้ แถมบางทีก็มีคนคอยให้กำลังใจเราใช่ไหม? แต่ถ้าคนรอบข้างเข้าใจเราผิดล่ะก็ เราก็คงไม่สามารถแสดงตัวตนที่แท้จริงออกมาได้ แถมการแสร้งทำตัวไปเรื่อยๆ มันก็เหนื่อย และดูเหมือนจะไม่มีจุดสิ้นสุดด้วย”
“ฮะๆ ความคิดเห็นที่ตรงเป้าขนาดนี้ ฉันเพิ่งเคยได้ยินเลยนะ ความจริงแล้วฉันก็คิดเหมือนกันนั่นแหละ เพราะในกรณีของฉัน ถ้าตัวตนที่แท้จริงถูกเปิดเผยขึ้นมา มันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่น่ะ”
สำหรับเธอซึ่งถูกมองว่า “สมบูรณ์แบบไร้ที่ติ” ความเป็นตัวของตัวเองจะกลายเป็น “ช่องว่าง” ที่ถูกมองว่าเป็นข้อเสีย
และการแสดงด้านที่แตกต่างจากความสมบูรณ์แบบออกมา อาจกลายเป็นการถูกมองว่าครอบครัวของเธออบรมเลี้ยงดูไม่ดี ซึ่งจะทำให้เกียรติของตระกูลต้องมัวหมอง
การที่เธอถูกพบเจอในวันนี้เป็นครั้งแรก จึงทำให้เธอเกิดความหวาดระแวง
“เอาเถอะ ปัญหาที่ว่ามานี่มันก็เหมือนจะพอแก้ไขได้อยู่นะ?”
“หืม? ทำไมคุณถึงคิดแบบนั้น?”
“ก็ถ้าคุณได้หมั้นกับคนที่เข้าใจตัวตนของคุณจริงๆ แล้ว เขาช่วยปกปิดให้คุณใช้ชีวิตตามสบายได้ มันก็ดูไม่เลวนี่”
“ปุ๊! ฮะๆๆ อืม ก็จริงอยู่หรอก แต่สำหรับฉันน่ะ ฉันว่ามันเหมือนเป็นการยอมแพ้ไปแล้วน่ะ เพราะจริงๆ แล้วฉันแค่อยากใช้ชีวิตแบบสบายๆ น่ะสิ”
“ขนาดนั้นเลย?”
“ใช่เลย อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้ วันหยุดของฉันก็แค่ขลุกตัวอยู่บนเตียง นอนกอดผ้าห่มทั้งวันน่ะ~”
“…เอ๊ะ”
——นั่นคือสิ่งที่เขาเคยได้ยินมาก่อน…
“อ๊ะ! เมื่อวันก่อน ถูกเรียกว่า ‘หนอนผีเสื้อ’ ไปซะแล้วล่ะ!”
“หา!? เอ่อ…เหรอ…”
ทำไมก็ไม่รู้ แต่มันเป็นเรื่องที่เหมือนเคยได้ยินมาก่อน
“แต่ว่า…ถึงอย่างนั้น เธอก็ยังทำสิ่งที่ต้องทำอยู่ใช่ไหม? ถ้าเป็นแบบนั้น ฉันก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะ”
“ดีใจจังที่ได้ยินแบบนั้น แต่ว่านะ วันหนึ่ง ฉันอาจจะทำสิ่งที่ควรทำไม่ได้แล้วล่ะ”
“หา!? ทำไมล่ะ?”
“อืม…จะว่าไป มันอาจจะอธิบายยากนิดหน่อยนะ แต่มันเหมือนกับว่า ฉันต้องใช้สิ่งต่าง ๆ มากขึ้น… อารมณ์แบบนั้นแหละ แล้วมันก็เป็นของที่เรียกได้ว่า ‘ของใช้สิ้นเปลือง’ พอมีตารางงานยุ่ง ๆ เข้า มันก็จะเริ่มหนักขึ้น แถมบางครั้งยังเจ็บปวดอีกด้วย…”
“เจ็บปวด? แบบนั้นน่าจะลองจัดตารางเวลาใหม่ดูนะ มันสำคัญมากเลย!”
“ขอบคุณที่เป็นห่วงนะ แต่คนที่พูดอะไรแบบนั้นกับฉันน่ะมีไม่มากเลยนะ”
“…”
เสียงที่เรียบสงบจนทำให้ฉันไม่กล้าเถียง
“ก็แบบนั้นล่ะ ที่บ้านฉันไม่มีสิทธิ์ออกความเห็นเลย ดูเหมือนจะยึดถือ ‘อำนาจ’ เป็นหลัก เพราะแบบนี้ ฉันถึงอยากรีบหมั้นแล้วออกไปจากบ้านเร็ว ๆ น่ะ… จะปล่อยให้ข้อดีของฉันกลายเป็นข้อเสียไปเฉย ๆ ไม่ได้หรอก”
“…ลำบากมากเลยสินะ แบบนั้นไม่แปลกเลยที่เธอจะอยากพักผ่อนยืดตัวสบาย ๆ บ้าง”
“หึหึ ถ้ามีคนแบบคุณอยู่ในชีวิตฉัน…น่าจะได้เจอในที่ที่ต่างออกไปกว่านี้นะ…”
“เอ๊ะ?”
เธอพึมพำออกมาเหมือนเสียงจากใจที่เล็ดลอดออกมาอย่างไม่ตั้งใจ
“…เอาล่ะ ฉันคงต้องกลับไปแล้วล่ะ ถ้าพักนานเกินไป เดี๋ยวโดนดุอีก”
“อ๋า…อืม เข้าใจแล้ว…”
เด็กสาวในเงามืดลุกขึ้นจากม้านั่งไม้
“วันนี้ ขอบคุณมากจริง ๆ นะ ฉันรู้สึกโล่งใจขึ้นเยอะเลย”
“ทางนี้ก็เหมือนกัน ไว้เจอกันอีกนะ ถ้ามีโอกาส”
“อืม…ถึงเราต่างก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับกันและกันเลยก็ตาม…ฉันแอบมองอยู่นะ”
เพราะมองหน้าเธอไม่เห็น เธอเลยพูดออกมาให้รู้ว่าเธอจ้องมองฉันอยู่
“ฮ่าฮ่า ก็จริง แต่แบบนั้นมันก็ดูโรแมนติกเหมือนกันนะ”
“…คุณน่ะ มักจะถูกเรียกว่า ‘คนซื่อบื้อ’ ใช่ไหม?”
“หา!? อยู่ดี ๆ ทำไมพูดถึงเรื่องนั้น…”
“หึหึ ดูท่าจะจี้ใจดำเลยล่ะสิ”
นั่นเป็นคำพูดสุดท้ายของเธอ
เธอละลายหายไปในความมืด พร้อมก้าวเล็ก ๆ กลับไปยังห้องจัดเลี้ยง
“…เอ๋?”
เสียงอึ้งของเบเรธที่มองตามแผ่นหลังของเธอ จางหายไปในอากาศ
ตอนที่เธอลุกขึ้นยืน ส่วนสูงที่พอ ๆ กับเซีย
และเงาร่างที่เห็นชัดว่ามีทรวดทรงบางอย่างที่โดดเด่น
สองสิ่งนี้ตรงกับคำบอกเล่าของ ‘นักร้องสาวผู้เลอโฉม’ อาเรีย อย่างไม่มีข้อสงสัย…