[WN]เกิดใหม่เป็นขุนนางสารชั่ว แต่ดันเป็นที่หมายปองของเหล่าสตรีสูงศักดิ์ซะงั้น? - ตอนที่ 31 เดทกับลูน่า (7) - มุมมองลูน่า
- Home
- [WN]เกิดใหม่เป็นขุนนางสารชั่ว แต่ดันเป็นที่หมายปองของเหล่าสตรีสูงศักดิ์ซะงั้น?
- ตอนที่ 31 เดทกับลูน่า (7) - มุมมองลูน่า
หลังมื้ออาหารเย็น พวกเราก็ได้นั่งรถม้าเดินทางกลับบ้านด้วยกัน
พอมาถึงคฤหาสน์ของตัวเองฟ้าก็มืดแล้ว ดวงดาวมากมายพร่างพราวส่องแสงบนท้องฟ้า
“ฉันถึงแล้วล่ะค่ะ….ช่วงเวลาแห่งความสนุกแบบนี้มันผ่านไปเร็วจังเลยนะคะ”
นี่อาจจะเป็นครั้งแรกของเธอที่รู้สึกว่าทำไมเวลามันช่างผ่านไปเร็วขนาดนี้
“ฉันดีใจนะที่ลูน่าคิดแบบนั้น”
“ฉันพูดอาจจะฟังดูแปลกๆไปสักหน่อยนะคะ คือว่าที่ออกไปเที่ยวเล่นวันนี้ฉันคิดว่าไม่เลวเลยจริงๆค่ะ ฉันเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมผู้คนถึงอยากออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกกัน”
“อะฮ่าๆๆ ก็ถือว่ายังไม่สายเกินไปล่ะนะ”
“…..”
(ไม่เห็นต้องหัวเราะกันขนาดนั้นเลยนี่คะ…..)
ถ้ารู้ว่าพูดไปแล้วจะถูกหัวเราะเยาะใส่แบบนี้ รู้งี้ไม่น่าพูดเลยดีกว่า น่าอายจริงๆเลยค่ะ…
“ถ้างั้นเธอเองก็คงจะได้ออกมาเที่ยวเล่นบ่อยๆแล้วสิเนี่ย? เธอคงจะตอบรับคำชวนที่ปฏิเสธมาตลอดนั่นเข้าสักครั้งแล้วมั้งแบบนี้ ”
“เอ่อ ฉันไม่คิดจะตอบรับคำชวนของใครนอกจากคุณหรอกค่ะ”
(คงไม่มีใครเหมือนคุณแล้วล่ะที่จะเลือกห้องสมุดเป็นสถานที่เดทน่ะ…..)
แล้วอีกอย่างให้ไปกับคนอื่นก็คงไม่สนุกเหมือนอยู่กับคุณด้วย
“เอ๊ะ? แต่ออกไปเที่ยวแบบนี้มันก็สนุกดีไม่ใช่เหรอ?”
“ก็ใช่น่ะสิคะ”
“ถ้างั้นการได้ไปเล่นกับคนหลายๆแบบจะไม่ดีกว่าเหรอ?”
“….ทะ ที่สนุกก็เพราะได้ไปกับคุณต่างหากล่ะคะ ช่วยเข้าใจสักทีเถอะค่ะ”
“อะ อาา …เข้าใจแล้ว ขอโทษที”
(ทำไมฉันต้องมาพูดอะไรแบบนี้ด้วยคะ…..มันน่าแปลกที่คุณเป็นคนเอาใจใส่แต่กลับไม่เข้าใจเรื่องแบบนี้)
น่าแปลกจริงๆเลย
ถ้าคุณพูดเพราะตั้งใจจะแกล้งฉัน ฉันจะโกรธแล้วนะคะ
“ไม่สิ แต่ว่านะ นี่เป็นครั้งแรกที่ลูน่าได้ออกไปเที่ยวเล่นไม่ใช่เหรอ ตัดสินใจง่ายๆแบบนั้นมันจะดีเหรอ?”
“ค่ะ ไม่ได้เหรอคะ?”
พระเอกของงานนี้คือเจ้าหมวกใบนี้จริงๆ ไม่รู้ว่ากี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้วที่ฉันเอาหมวกมาปกปิดใบหน้าอันร้อนฉ่าของตัวเองและถอยหลังเพื่อรักษาระยะห่างกับเขา
ฉันนึกถึงประโยคที่ตัวเองพูดเอาไว้ก่อนหน้านั้นขึ้นมา
“ไม่หรอก มันก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้ แต่ว่า….ถ้ามีข่าวลือแปลกๆขึ้นมาฉันไม่รู้ด้วยนะ?”
“ข่าวลือแปลกๆอะไรคะ”
“ก็อย่างเช่น ข่าวลือที่ว่าเราคบกันอยู่อะไรประมาณนั้น? มันก็มีโอกาสที่พวกนักเรียนจากโรงเรียนเดียวกันจะมาเห็นพวกเราในวันนี้นี่นา”
“อะ”
ออกมาเที่ยวเล่นด้วยกัน เดินจับมือกัน สำหรับนักเรียนแล้วมัน….
พลาดซะแล้ว ฉันไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้นเลย เพราะคุณชอบทำให้ฉันหัวหมุนอยู่เรื่อยนั่นแหละค่ะ….
“ย๊ะ— ยังไงข่าวลือก็เป็นแค่ข่าวลือ สบายๆค่ะ”
“ไม่ต้องทำตัวเข้มแข็งก็ได้นี่นา เมื่อกี้นี้เธอกัดลิ้นตัวเองแล้วนะ”
(ถึงจะรู้อยู่แล้วก็ไม่เห็นต้องพูดออกมาเลยก็ได้นี่คะ! ขะ…ข่าวลือแบบนั้นมันน่าอายมากเลยนะคะ….)
ไม่ว่ายังไงก็ตาม นี่คือจุดที่ต้องระมัดระวังมากที่สุด
“ก็บอกว่าสบายๆไงคะ ข่าวแปลกๆที่ว่ามีแค่นั้นเองเหรอคะ”
“ยังมีอีกนะ ฉันคงจะมีข่าวลือว่าไปคุกคามเธอแล้วก็พูดกับเธอแบบนี้ ‘ห้ามไปเล่นกับคนอื่นนอกจากฉัน’ อย่างนี้ไม่ผิดแน่ ผู้คนก็คงจะมองเธอด้วยท่าทีประมาณว่า ‘อาเด็กคนนี้น่าสงสารจังโดนบังคับด้วย’ อะไรประมาณนั้น”
“ถ้าเรื่องนั้นล่ะก็หายห่วงค่ะ เพราะฉันก็อยู่แค่ที่ห้องสมุดแล้วก็ตั้งใจจะอ่านแต่หนังสือด้วย ไม่มีเวลาไปสนใจความเห็นของคนอื่นหรอกค่ะ”
“ฮะๆ สมกับเป็นลูน่าเลยนะ”
“ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ”
(ฉันก็ดีใจที่ถูกชมอยู่หรอก แต่ว่า ฉันมีเรื่องที่ต้องบอกคุณอยู่ )
ถ้าฐานะของฉันสูงกว่านี้ก็อาจจะต่างออกไปสักหน่อย
“บอกไว้ก่อนเลยนะคะ ถ้าข่าวลือแบบนั้นหลุดออกไป ฉันจะแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้”
“เอ๊ะ!? ตรงนั้นฉันอยากให้ช่วยแก้ต่างมากกว่านา….”
“เว้นเสียแต่จะเป็นข่าวลือที่ทำให้คุณเสียหายจริงๆ แต่ถ้าเป็นสถานการณ์อย่างตอนนี้มันก็ไม่ใช่แบบนั้นนี่คะ”
“มะ มันก็ใช่อยู่หรอก…”
“แล้วอีกอย่างถ้าเกิดไปช่วยแก้ต่างให้ล่ะก็ บางทีข่าวลือมันอาจจะดูจริงขึ้นมามากกว่านะคะ ฉันคิดว่าวิธีนี้มันมีประสิทธิภาพมากกว่าค่ะ”
“นั่นก็จริง….”
ฉันพูดอะไรที่ดูสมเหตุสมผลก็จริง แต่ว่าแท้จริงแล้วฉันไม่ได้คิดแบบนั้นเลย
(ถ้าเกิดข่าวลือของคุณถูกขจัดไปหมดแล้ว ฉันนี่แหละที่จะลำบาก….. เพราะงั้นแหละฉันถึงไม่อยากช่วยคุณเว้นเสียแต่จะจำเป็นจริงๆ…….)
การคาดหวังให้คนอื่นเจอเรื่องร้ายๆนั้นมันแย่มากจริงๆ ขอโทษนะคะ
แต่ว่าฉันอยากจะอยู่กับคุณให้มากกว่านี้
ไม่อยากเสียที่ว่างข้างๆคุณให้กับใคร
“….เอ่อ ที่ฉันพูดอาจจะดูเห็นแก่ตัวไปหน่อย แต่คุณก็ต้องช่วยฉันนะคะ ”
“ให้ช่วยที่ว่านี่หมายถึงเรื่องอะไรเหรอ?”
“ถ้าเกิดฉันถูกตามตื้อแบบว่า ‘ถ้าไปเล่นกับท่านเบเรต์ได้ ก็มาเล่นกับฉันมั่งสิไม่เห็นจะเป็นไรเลย’ ฉันก็คงตอบไปตามปกติว่า ‘ไม่มีเรื่องแบบนั้นสักหน่อย’ แต่คุณก็ต้องช่วยซัพพอร์ตฉันด้วยนะคะ”
“ถ้าเรื่องแค่นั้นล่ะก็ฉันช่วยได้อยู่แล้ว แต่ลูน่าก็น่าจะจัดการได้ไม่ยากมั้ง?”
“เรื่องนั้นมันก็ไม่แน่นอนเสมอไปหรอกค่ะ เป็นคุณที่ชวนฉันออกไปเที่ยวเพราะงั้นก็ช่วยรับผิดชอบฉันด้วยนะคะ เข้าใจมั้ยคะ?”
“เข้าใจแล้วน่า”
“ขอรบกวนด้วยค่ะ”
(ถึงจริงๆแล้วคุณไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบอะไรเลยก็เถอะ เพราะที่คุณชวนฉันวันนี้มันทำให้ฉันสนุกมากจริงๆ)
แต่ฉันไม่สามารถบอกความรู้สึกจริงๆตรงนั้นได้ ไม่งั้นความพยายามที่จะกันคนอื่นออกจากเขาคงจะสูญเปล่าแน่
ช่วยไม่ได้นี่คะ ก็ฐานะทางสังคมของเรามันต่างกันมากขนาดนั้น
แล้วบทสนทนาของเราก็จบลง พวกเราสื่อสารก็ทางสายตาและก็เห็นพ้องร่วมกัน
“…..ได้เวลาแล้วสินะคะ”
“งั้นเหรอ”
“ค่ะ”
(การที่ต้องแยกจากกันนี่มันน่าเศร้าขนาดนี้เลยเหรอ…..ทุกคนก็รู้สึกแบบนี้ทุกครั้งที่แยกกันหลังจากไปเที่ยวเล่นด้วยกันรึเปล่านะ)
เมื่อลองคิดดู การไปเล่นด้วยกันแบบนี้มันก็ไม่ใช่แค่เพื่อความสนุกอย่างเดียวด้วย
“ฉันอาจจะยุ่งกับเรื่องของคุณมากไปหน่อย แต่ว่าคุณเองก็ช่วยให้ของขวัญกับเชียซังให้ได้ด้วยนะคะ ทำให้เธอมีความสุขเหมือนกับที่ทำกับฉัน”
“ขอบใจนะ”
“ฉันก็รู้สึกไม่ดีเท่าไหร่ที่ต้องทำให้คุณคนขับรถม้าต้องรอ แต่ว่า ก่อนจะไปฉันขอจับมือหน่อยได้มั้ยคะ”
“จ..จับมือเหรอ?”
“ค่ะ ฉันเสียใจจริงๆที่ต้องแยกจากคุณแบบนี้”
“อะ!? วะ วิธีการพูดแบบนั้น ไม่อายบ้างรึไงเนี่ย…..?”
“หายากนะคะเนี่ยที่คุณจะลนลานแบบนี้ ดูเป็นธรรมชาติมากๆเลยค่ะ”
“…งะ งั้นเหรอ”
(ฉันดีใจนะคะที่คุณมีปฏิกิริยาแบบนี้ เพราะถ้าหากคุณตอบรับด้วยท่าทีสบายๆล่ะก็ ฉันคงจะอายมากแน่ๆ)
ตอนที่จับมือกับเขามันทำให้รู้สึกสบายใจมากจริงๆค่ะ
(การได้สัมผัสความอบอุ่นจากมือเขาแบบนี้เป็นครั้งสุดท้ายแล้ว….น่าเสียดายจังเลย)
ฉันจับมือที่ทั้งหนาและใหญ่(?)ของเขาอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็ปล่อยมือ
“….ขอบคุณที่ทำตามความเอาแต่ใจของฉันนะคะ ถ้างั้นก็ เบเรต์ เซนต์ฟอร์ด เดินทางปลอดภัยนะคะ”
“อื้อ แล้วเจอกันที่โรงเรียนนะลูน่า”
“ค่ะ”
ฉันมองดูเขาเดินไปขึ้นรถม้า
จนรถม้าขับออกไป
จนเขาหายลับตาไป
‘อยากอยู่กับคุณมากกว่านี้จัง’ บางทีคู่อื่นๆก็คงจะรู้สึกแบบนี้เหมือนกันแต่ก็ต้องอดทน
เมื่อย้อนนึกดู พวกคนที่แอบออกไปเที่ยวเล่นกันตอนกลางคืนนี่สุดยอดเลยนะคะ
แค่จับมือกันแค่นี้ก็ยังมีความสุขมากขนาดนี้แล้ว
แต่ตอนนี้ฉันกลับรู้สึกไม่พอใจเพียงแค่จับมือซะแล้ว เป็นผู้หญิงที่โลภมากเหมือนกันนะคะ ฉันเนี่ย
ฉันคิดแบบนั้นขณะที่แหงนมองท้องฟ้ายามค่ำคืน
*******
และต่อจากนั้น
“คนๆนั้น ใจร้ายจังเลยนะคะ…จริงๆเลย”
หลังจากอาบน้ำเสร็จเธอก็มานั่งอ่านหนังสือในห้องและบ่นพึมพำออกมา
“นี่เป็นการกลั่นแกล้งแบบไหนกันคะ ถึงให้ของขวัญที่ทำให้สงบใจไม่ได้แบบนี้ ไม่มีสมาธิในการอ่านเลย”
ขณะที่กำลังอ่านหนังสือ ฉันก็เบนสายตาไปทางที่คั่นหนังสือที่เขามอบให้เป็นของขวัญ
ชั่วขณะนั้นความทรงจำในวันนี้ก็แล่นผ่านเข้ามาในหัวอย่างชัดเจน แม้แต่สัมผัสไออุ่นจากการจับมือกัน
มันทำให้อ่านหนังสือไม่เข้าหัวเลย สมาธิของฉันกำลังถูกรบกวน
ความสับสน นี่เป็นครั้งแรกของเธอที่รู้สึกแบบนี้
ถ้าไม่มีเจ้าที่คั่นหนังสือนี่ล่ะก็—
เมื่อคิดได้แบบนั้นฉันก็วางที่คั่นหนังสือไว้ที่หัวเตียงด้านหลัง ถึงจะไม่มีความหมายก็เถอะ
ตอนนี้เธอกลับรู้สึกกังวลว่ามันจะหายไปแทน เธอคอยหันมาเช็คมันอยู่เรื่อยๆเพื่อให้แน่ใจ
ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป ฉันคงอ่านหนังสืออย่างสนุกสนานเหมือนเดิมไม่ได้อีกแล้ว
“โม่วว…..ฉันไม่น่ารับของขวัญที่ยุ่งยากแบบนี้มาเลย……”
เธอถอนหายใจ ปิดหนังสือเล่มโปรด และลุกขึ้นจากเก้าอี้ด้วยท่าทางไม่พอใจแล้วเดินไปที่เตียงอย่างรวดเร็ว
จ้องมองมันอย่างว่างเปล่าและค่อยๆหยิบที่คั่นหนังสือทั้งสองอันขึ้นมา
และจากนั้น…
“หุหุ❤~ จริงๆเล๊ย โธ่~…. ”
ไม่นานริมฝีปากของเธอก็คลี่ยิ้มออกมาอย่างอ่อนหวาน
ลูน่าไม่อาจสลัดคราบความสุขในวันนี้ออกจากหัวไปได้เลย
TN: ก็จบกันไปแล้วนะฮะสำหรับบทของคุณหนูลูน่าของเรา บอกได้เลยได้ว่าปักแล้วปักซํ้าปักยํ้าอยู่นั่นแหละ เรียกได้ว่าบาปหนาจริงๆเลยไอ้หมอนี่ หลังจากนี้ก็น่าจะไปไล่ยํ้าธงเรียงคนแหงๆ ไปให้สุดแล้วหยุดที่แบ่งแขนขากันคนละข้างเลยพ่อหนุ่ม