[WN]เกิดใหม่เป็นขุนนางสารชั่ว แต่ดันเป็นที่หมายปองของเหล่าสตรีสูงศักดิ์ซะงั้น? - ตอนที่ 30 เดทกับลูน่า (ุ6)
- Home
- [WN]เกิดใหม่เป็นขุนนางสารชั่ว แต่ดันเป็นที่หมายปองของเหล่าสตรีสูงศักดิ์ซะงั้น?
- ตอนที่ 30 เดทกับลูน่า (ุ6)
“อร่อยมากเลยนะคะ”
“อื้อ สมคำรํ่าลือเลยจริงๆ”
ร้านอาหารที่ดูสะอาดตาพร้อมกับแสงไฟสลัวๆ ให้บรรยากาศสบายๆและเงียบสงบ
ไม่มีลูกค้าที่ส่งเสียงโหวกเหวกโวยวาย ลูกค้าทุกคนล้วนช่วยกันรักษาบรรยากาศของร้านเป็นอย่างดี
ทั้งสองคนมาถึงร้านตามที่ตั้งใจไว้ สั่งอาหารมาสามอย่าง ซุป สลัด และพาสต้าทะเล พวกเขากำลังกินมันอย่างเอร็ดอร่อย
“เมื่อไม่นานมานี้ ฉันก็ได้กินข้าวกับคุณแบบนี้เหมือนกันสินะคะ”
“อะ จริงด้วย ตอนนั้นน่าจะเป็นครั้งแรกที่เราเจอกันที่ห้องสมุดรึเปล่านะ?”
“นั่นสินะคะ”
“พูดตอนนี้อาจจะไม่เหมาะเท่าไหร่ แต่ว่าแซนด์วิชที่ลูน่าแบ่งให้ฉันกินตอนนั้นก็อร่อยเหมือนกันนะ”
แน่นอนที่พูดไปเพราะเขาจำรสชาติตอนนั้นได้
เมื่อผมพูดถึงความหลังด้วยความคิดถึงเล็กน้อย ลูน่าก็เอียงหัวแล้วถาม
“ให้ฉันเอาส่วนของคุณมาให้อีกมั้ยล่ะคะ”
“ไม่เป็นไร ฉันไม่อยากรบกวนเธอขนาดนั้นหรอก มันจะเพิ่มภาระให้กับคนรับใช้ของบ้านเธอเปล่าๆ ”
“ถ้าเรื่องนั้นล่ะก็ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ จะว่าไปฉันยังไม่เคยบอกเลยสินะคะ จริงๆแล้วแซนด์วิชพวกนั้นฉันเป็นคนทำเองแหละค่ะ”
“เอ๊ะ!?”
อย่างที่เธอพูด นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้ยินเรื่องนี้
ผมแปลกใจมากจนเผลอหยุดมือ ลูน่าม้วนพาสต้าอย่างช่ำชองและเอาเข้าปากและใช้มืออีกข้างจับปอยผมมาทัดไว้หลังหู
“ลูน่าทำอาหารเป็นด้วยเหรอ?”
“ก็พอทำได้ในระดับหนึ่งค่ะ”
“ไม่สิ แค่พอทำได้ระดับหนึ่งก็ยังสุดยอดอยู่ดี น่าแปลกจังเลยนะ? ทำไมถึงไม่ให้คนรับใช้ทำให้ล่ะ”
“ร่างกายก็คือต้นทุน ฉันก็แค่อยากทำอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายของตัวเองก็เท่านั้นเองค่ะ”
“ฮะๆ เป็นเหตุผลที่สมกับเป็นลูน่าดีนะ”
เธอแสดงความคิดเห็นในเชิงปรัชญา ไม่ใช่เพราะว่าการทำอาหารนั้นเป็นทักษะที่มีประโยชน์ในอนาคตหรืออะไรทำนองนั้น
“แล้วเธอไม่โดนครอบครัวห้ามเหรอ การทำอาหารบางทีมันก็อันตรายอยู่นะ”
“ฉันก็ถูกห้ามจริงๆนั่นแหละค่ะ พวกเขาบอกว่าไม่ไหวหรอกอย่าฝืนเลย”
“นั่นสินะ ตอนทำอาหารมันก็ค่อนข้างจะน่ากังวลอยู่นี่นา โดยเฉพาะตอนใช้มีด ช่วงแรกๆก็อาจจะยากหน่อย ตอนหั่นก็ต้องใช้มืออีกข้างทำมือให้เหมือนอุ้งมือแมว ระหว่างนั้นก็ต้องหั่นมีดลงไปใกล้ๆมือด้วยเลยต้องระวังหน่อย”
“อะ หรือว่าคุณเองก็เคยทำอาหารเหมือนกันเหรอคะ”
“ทำไมถึงคิดอย่างนั้นล่ะ….?”
“ก็คุณพูดว่าตอนใช้มีดให้ทำมือเหมือนอุ้งมือแมว โดยส่วนใหญ่ถ้าคนที่ทำอาหารไม่เป็นก็ไม่รู้หรอกนะคะ”
“อ๊ะ อาา…”
งั้นเหรอ เป็นเรื่องที่เข้าใจง่ายแบบนี้นี่เอง
โดยปกติแล้วขุนนางส่วนใหญ่จะไม่ทำอะไรอันตรายๆอย่างการใช้ของมีคมในการทำอาหาร ทั้งหมดจะปล่อยให้คนรับใช้เป็นคนจัดการ
พูดอีกนัยหนึ่งคือ ไม่มีขุนนางคนไหนรู้จักคำว่า ‘ทำมือให้เหมือนอุ้งมือแมว’ แน่นอน
“อะ..เอ่ออ ก ก็แค่นิดหน่อยเองนะ? เคยทำแค่นิดหน่อย”
เป็นเรื่องปกติที่ต้องตอบอย่างถ่อมตัว
(ชาติที่แล้วผมเคยทำอาหารก็จริง แต่ในโลกนี้ผมไม่เคยทำอาหารเลยสักครั้งเดียว….เบเรต์คุงคนก่อนเองก็ไม่เคยมีประสบการณ์ในการทำอาหารเลยเช่นกัน)
ผมพยายามพูดให้คลุมเคลือที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เพื่อไม่ให้เกิดความแตกต่างมากนักระหว่างก่อนกับหลังที่มาเกิดใหม่
“คุณเปลี่ยนไปมากจริงๆสินะคะ เรื่องอย่างที่ลูกชายของมาร์ควิสจะชอบทำอาหาร ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยจริงๆค่ะ พูดแบบนี้อาจจะฟังดูไม่ดีเท่าไหร่ แต่ว่าการทำอาหารมันถือเป็นงานสำหรับคนที่มีฐานะทางสังคมค่อนข้างตํ่า ถ้าหากเป็นคนที่มีฐานะรํ่ารวยอาจจะไม่ชอบหรือไม่ก็ถึงขั้นเกลียดไปเลยก็ได้”
“ก็นะ ถ้าฉันเป็นแบบนั้นจริงก็คงไม่แม้แต่จะสามารถเจียดเข้ามาใกล้ลูน่าแบบนี้ได้ล่ะนะ แล้วอีกอย่างฉันไม่ได้คิดว่าการทำอาหารจะเป็นงานของคนที่มีฐานะทางสังคมตํ่าหรอก มันเป็นงานที่ยอดเยี่ยมมากเลยนะ เป็นงานที่สามารถยืดอกภูมิใจได้อย่างเปิดเผยเลยล่ะ”
(เพราะผมเคยอาศัยอยู่บนโลกที่ไม่มีการแบ่งแยกสูงตํ่ามาก่อนล่ะนะ ถึงจะมีแต่ก็ไม่ได้โจ่งแจ้งแบบนี้ จะยากดีมีจนส่วนใหญ่ล้วนก็เคยผ่านการทำอาหารกันมาบ้างแหละ….)
ไม่มีความคิดที่จะดูถูกคนทำอาหารเลยแม้แต่น้อย กลับกันเลยผมเคารพพวกเขาอย่างมากเลยต่างหาก เพราะผมรู้ดีว่าการทำอาหารนั้นยากแค่ไหน
“เอ่อ ทำไมคุณถึงทำอาหารล่ะคะ คงมีเหตุผลอะไรเหมือนกับฉันสินะคะ”
ทำไมล่ะ? ลูน่ายิงคำถามออกมาพร้อมมองอย่างพินิจพิเคราะห์ ‘อ่อ ผมกลับชาติมาเกิดใหม่น่ะครับ’ จะให้พูดแบบนั้นไปก็คงจะไม่ได้
นี่จึงจัดว่าเป็นคำถามที่ยากพอควร เพราะไม่สามารถใช้เหตุผลข้างๆคูๆมาแถได้
จะต้องถูกจับได้อย่างแน่นอน
“คะ..คือว่าเรื่องนั้นน่ะนะ…..”
“ค่ะ”
“ก็แบบว่า หรือก็คือ……”
พยายามพูดอ้อยอิ่งเพื่อยื้อเวลาให้ได้มากที่สุด เพื่อหาเหตุผลที่ดูสมเหตุสมผลที่สุด
“เอ่อ อาจจะเข้าใจนากนิดนึงนะ ถ้าหากฉันมีทักษะการทำอาหารติดตัวอยู่บ้าง ในบางโอกาสก็อาจจะช่วยเหลือคนรับใช้ของตัวเองได้ใช่มั้ยล่ะ อย่างเช่นตอนกำลังไม่สบายอะไรทำนองนั้นล่ะมั้ง? ก็นะหรือก็คือมีทักษะลับติดตัวไว้ก็ไม่เสียหาย! ”
“ถ้าเป็นในกรณีนั้น ฉันคิดว่าน่าจะเป็นการเลิกจ้างคนรับใช้คนนั้นมากกว่านะคะ ถ้าหากทำให้เจ้านายเดือดร้อนโดยปกติแล้วก็เป็นเช่นนั้น”
“แต่มันก็ไม่มีใครเกิดมาสมบูรณ์แบบนี่นา แม้แต่ฉันเองก็อดไม่ได้ที่จะก่อปัญหาในบางครั้งเลยทั้งที่ไม่ได้ตั้งใจด้วยซํ้า เพราะงั้นแหละ ไม่ว่าจะดูแลร่างกายตัวเองดีแค่ไหนมันก็ต้องมีสักครั้งแหละที่พลาดขึ้นมา”
“………….”
“ลูน่า?”
“มีความคิดที่ลึกซึ้งมากเลยนะคะ ฉันชอบนะคะ แนวคิดแบบนั้น”
“อะ อะฮ่าฮ่าฮ่า……”
“…….ถ้าคุณมีแนวคิดแบบนั้น ข่าวลือแย่ๆเกี่ยวกับตัวคุณก็คงจะถูกขจัดออกไปในไม่ช้านี้แล้วล่ะค่ะ”
ชั่วขณะนั้น แววตาของเธอก็อ่อนลงราวกับจะเปิดเผยความรู้สึกของเธอออกมา แต่เขากลับไม่รู้สึกถึงเรื่องนั้น
“ขอบใจนะ ฉันเองก็กำลังอยู่ในช่วงวิกฤตที่โรงเรียนด้วยสิ ถ้าเป็นอย่างที่เธอว่าก็คงดี”
“คุณกำลังเข้าใจอะไรผิดอยู่รึเปล่าคะ ขอโทษด้วยนะคะ แต่ฉันไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบที่คุณหวังหรอกนะคะ ”
“เอ๋~ พูดแบบนั้นไม่โหดร้ายไปหน่อยเหรอ?”
“โหดร้ายสิคะ เพราะงั้นฉันถึงได้ขอโทษไงคะ”
ด้วยคำตอบของลูน่าและนํ้าเสียงของเธอ ดูเหมือนจะไม่ได้ล้อเล่นเลยสักนิด
หรือก็คือนั่นเป็นความจริงที่เธอคิดแบบนั้น
‘พวกข่าวลือแย่ๆพวกนั้นน่ะไม่จำเป็นต้องหายไปก็ได้ กลับกันเธออยากให้มันคงอยู่แบบนี้ตลอดไปเลยด้วยซํ้า’ //TN: แอบน่ากลัวนะครับเนี่ยลูน่าจัง O_O;
“คือว่า แล้วทำไมเธอถึงคิดอย่างนั้นล่ะ?”
“ไม่เข้าใจเหรอคะ”
“อือ….”
“เพราะเดี๋ยวจะมีผู้หญิงมาติดพันเยอะขึ้นยังไงล่ะคะ”
“เอ๋?”
“คุณเป็นถึงลูกชายของมาร์ควิสเลยนี่คะ ไม่มีเรื่องแบบนั้นเลยต่างหากที่แปลก”
เพราะลูน่าเป็นเพียงแค่ขุนนางชั้นบารอน
เธอตระหนักถึงความต่างของลำดับชนชั้นของขุนนางดี
“ถ้าเกิดมีเด็กผู้หญิงมากหน้าหลายตามาเข้าหาคุณ ฉันก็คงหมดสิทธิ์ที่จะได้คุยกับคุณแบบนี้แน่นอนค่ะ ถ้าลองมองในมุมของฉันก็น่าจะเข้าใจได้นะคะว่าทำไมมันถึงเป็นแบบนั้น”
“…..”
“ฉันอยากจะใช้เวลาในช่วงพักกลางวันที่ห้องสมุดกับคุณ แต่ว่าถ้าสถานการณ์เปลี่ยนไปก็คงจะไม่มีโอกาสนั้นแล้ว เมื่อคิดแบบนั้นแล้วมันก็น่าเสียดายจริงๆค่ะ”
ไม่มีการเปลี่ยนนํ้าเสียงหรือสีหน้า ท่าทางเรียบเฉยของลูน่ายังคงเหมือนเดิม แต่ว่าอาหารที่เธอนำเข้าปากกลับลดลงอย่างเห็นได้ชัด
“บอกตามตรง ฉันคิดว่าฐานะของฉันมันจะเป็นยังไงก็ช่างขอแค่สามารถมีเวลาให้กับงานอดิเรกของตัวเองได้ก็พอ แต่ว่าตอนนี้หลายๆอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว ฉันคิดว่าตอนนี้เริ่มจะอิจฉาคุณหนูเอเลน่าที่อยู่ห้องเดียวกับคุณหน่อยๆแล้วค่ะ เธอต่างจากฉัน ต่อให้มีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้น ก็คงไม่มีผลกระทบอะไรเลยแม้แต่น้อย”
“ลูน่า….”
พอได้ฟังสิ่งที่เธอคิดผมถึงกับพูดไม่ออก ตอนนี้ผมไม่รู้จะพูดอะไรกับลูน่าจริงๆ
นี่คือความแตกต่างของระบบชนชั้นของขุนนางที่ไม่สามารถเลี่ยงได้
บรรยากาศเริ่มหนักอึ้งรวมกับที่ผมไม่สามารถพูดอะไรตอบลูน่าได้เลยมันยิ่งหนักอึ้งยิ่งขึ้นไปอีก
“….เอ่อ อาจจะเป็นการพูดก้าวก่ายไปหน่อยนะคะ แต่ว่าได้โปรดอย่าหลงกลพวกผู้หญิงที่หวังเพียงแค่เงินทองหรือตํ่าแหน่งเด็ดขาดเลยนะคะ นั่นก็เพื่อตัวคุณเองด้วย”
“คิดว่าฉันจะโดนหลอกง่ายๆเหรอ?”
“ค่ะ”
“เดี๋ยวๆ ตรงนั้นมันต้องช่วยปฏิเสธให้ไม่ใช่เรอะ”
“เป็นแค่ความเห็นส่วนตัวของฉันค่ะ”
“ให้ตายสิ….”
ผมรู้สึกสับสนกับความเห็นส่วนตัวของลูน่า
ถ้าเธอมองว่าเป็นอย่างนั้น ผมก็คงพูดอะไรไม่ได้
“พูดจาโหดร้ายจังเลยน้า เดี๋ยวก็ไม่ให้ซะหรอก ‘ของขวัญ’ น่ะ”
“ของขวัญ?….หมายความว่าไงคะ?”
“ลูน่าไม่รู้จักเหรอ? มันก็คือการให้สิ่งของกับคนๆหนึ่งไง?”
ผมตอบเธออย่างรู้สึกเหนือกว่าเพื่อเป็นการเอาคืน เธอผงะไปเล็กน้อยและกระพริบตาปริบๆ
“ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้นค่ะ สรุปแล้วมันคืออะไรคะ ของขวัญที่ว่าน่ะ”
“ฮ่าๆๆ งั้นรอเดี๋ยวนะ”
ผมวางแผนจะมอบของขวัญให้เธอหลังจากที่กินข้าวกันเสร็จแล้ว แต่ว่า ช่วงเวลานี้น่าจะเหมาะสมที่สุดแล้วล่ะ
ผมเปิดกระเป๋าและหยิบห่อของขวัญออกมาสองชิ้น
“ก็ไม่ใช่ของที่ลํ้าค่าอะไรมากมายหรอกนะ อ่ะ..นี่”
“อะ ขะ-ขอบคุณค่ะ”
ผมวางมันลงบนโต๊ะพลางซ่อนความกระอักกระอ่วนไว้ ลูน่าค่อยๆหยิบมันขึ้นมาไว้ในมือของเธอ
“นี่อะไรเหรอคะ”
“นั่นสิ อะไรกันนะ”
“ขอเปิดเลยได้มั้ยคะ”
“เอาสิ”
ลูน่าพยักหน้า แววตาง่วงนอนของเธอเบิกกว้างขึ้นและเธอก็ค่อยๆแกะผ้าห่อออกอย่างระมัดระวัง
และสิ่งนั้นก็ปรากฎออกมา
อันหนึ่งเป็นรูปช้างและอีกอันเป็นทรงขนนกทำมาจากโลหะที่ดูแวววาวสวยงาม
“…..”
ลูน่าหยิบมันขึ้นมาดูอย่างเบามือและพึมพำ
“สวยมากเลยค่ะ…..นี่คือที่คั่นหนังสือใช่มั้ยคะ”
“ถูกต้อง ฉันคิดว่ามันน่าจะเป็นประโยชน์กับลูน่าน่ะ เธอพูดเอาไว้นี่ว่าเด็กผู้หญิงส่วนใหญ่จะชอบของที่สามารถหยิบมาใช้ได้ทุกวัน”
“อะ……เซนส์ดีใช้ได้เลยนะคะ คุณน่ะ”
“เพราะฉันอยากให้เธอดีใจยังไงล่ะ”
“ขอบคุณมากเลยนะคะ จะรักษาไว้เป็นอย่างดีเลย”
“ถ้าทำแบบนั้นก็ช่วยได้มากเลย”
“ค่ะ”
เสียงของลูน่าสั่นเครือเล็กน้อย เธอจับที่คั่นหนังสือด้วยสองมือมาประสานไว้ที่อกและก้มหน้าลง
เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นก็รีบหันไปรอบๆและเอาที่คั่นหนังสือเก็บคืนใส่กล่องอย่างสงบใจไม่ได้
เธอไม่ได้แสดงอารมณ์เป็นพิเศษ แต่ความรู้สึกของเธอก็ถูกถ่ายทอดออกมาอย่างชัดเจน
“ฟุฟุ~ ถ้าชอบก็ดีแล้วล่ะ”
“ยะ อย่ามองฉันด้วยสายตาแบบนั้นจะได้มั้ยคะ ฉันจะโกรธแล้วนะคะ”
“เข้าใจแล้วๆ โทษที โทษที”
ลูน่าที่ถอดหมวกอยู่ตอนนี้ก็ได้ใช้แขนเสื้อมาปิดหน้าครึ่งหนึ่งและหรี่ตามองเขาอย่างขุ่นเคือง
“…ไม่หรอกค่ะ ที่ต้องขอโทษควรจะเป็นฉันมากกว่า”
“เอ๊ะ? เรื่องอะไรล่ะ?”
“ฉันได้ของขวัญที่แสนวิเศษแบบนี้แท้ๆ แต่กลับไม่มีอะไรจะให้คุณเลย”
“ไม่ใช่แบบนั้นหรอกนะ? ฉันได้รับมามากมายแล้วล่ะ”
“ฉันไม่เห็นจำได้เลยว่าเคยให้อะไรคุณนะคะ?”
มันก็จริงที่เธอไม่เคยให้สิ่งของอะไรกับเขาเลย แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาหมายถึง
“จะให้พูดมันก็น่าอายหน่อยๆแหะ แต่ว่า ฉันสนุกมากเลยนะเวลาที่ได้อยู่กับลูน่า สนุกจนเผลอคิดว่าทำไมเวลามันช่างผ่านไปเร็วขนาดนี้กันนะ? ต้องขอบคุณลูน่าจริงๆ”
“….ช ชะ ช่วยหุบปากไปสักเดี๋ยวจะได้มั้ยคะ”
ทันทีที่ผมบอกความรู้สึกของตัวเองออกไปและกำลังรอดูรีแอคชั่นของลูน่า คราวนี้เธอก็ได้เอาแขนเสื้อมาบังทั้งใบหน้าแทน
“ถึงจะไม่มีข่าวลือแย่ๆและเริ่มมีคนมาเข้าหาฉันเยอะขึ้น แต่ว่าถ้าฉันเจอลูน่าฉันก็จะเรียกหาเธอก่อนอย่างแน่นอน เพราะงั้นฉันเลยคิดว่าคงไม่ได้มีเวลาว่างไปให้คนอื่นขนาดนั้นหรอกนะ?”
“กะ ก็บอกให้ช่วยหุบปากไปก่อนไงคะ!”
“เอ๋~~”
“แล้วก็เลิกมองฉันแบบนั้นด้วยค่ะ….. ฉันจะโกรธจริงๆแล้วนะคะ! ”
“ฮ่าๆๆๆ โทษทีๆ”
จากนั้นไม่นานลูน่าก็ได้เอามือที่ปิดหน้าจนถึงเมื่อครู่ลง และจ้องมาที่เขาอย่างเอาเรื่องและเริ่มกินอาหารต่อ
อาหารเริ่มเย็นชืดแล้ว แต่สำหรับลูน่ามันก็ยังคงร้อนเกินไปที่จะทำให้ใบหน้าอันร้อนฉ่าของเธอเย็นลงได้