[WN]เกิดใหม่เป็นขุนนางสารชั่ว แต่ดันเป็นที่หมายปองของเหล่าสตรีสูงศักดิ์ซะงั้น? - ตอนที่ 3 โรงเรียน
ตั้งแต่ตอนนั้น
ขณะที่ผมกินอาหารเช้าเสร็จและกำลังมุ่งหน้าไปโรงเรียน ทิวทัศน์ของเมืองก็ได้ผ่านเข้ามาในสายตา เป็นโทนสีพาสเทลที่มีความวิ๊บ วับ เล็กน้อย เชียมองมาที่ผมและทำหน้าเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง
“หืม? มีอะไรเหรอ?”
“อ๊ะ ขออภัยด้วยค่ะ….”
บางทีเธอคงคิดว่าผมกำลังโกรธ เธอรีบขอโทษทันทีและเดินตามหลังมาต้อยๆ ผมเหลือบมองเธออีกครั้ง เธอเอาปลายนิ้วชี้มาจิ้มกัน จึ๋งๆ ท่าทางดูกระสับกระส่าย
“ว่าแล้วเชียว”
“อ๊ะ…?”
“อ่าฮะๆ ไม่ต้องคิดมากหรอก ช่วยไม่ได้นี่นะเพราะฉันดูต่างไปจากเดิมโดยสิ้นเชิงเลยนี่ ตลอดมาที่คอยเดินหนีเธอไปโดยไม่สนใจเธอเลย ขอโทษจริงๆนะ…”
“ม- ไม่เป็นไรเลยเจ้าค่ะ!”
โดยปกติแล้วเบเรต์จะเดินนำหน้าเธอไปโดยไม่สนใจใยดีเลยสักนิด และเธอก็ถูกทิ้งเอาไว้ข้างหลังเพียงคนเดียว ถ้าเป็นตามปกติเธอคงจะรีบร้อนวิ่งตามให้ทัน
แต่ว่า ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ทุกอย่างมันก็แตกต่างไปจากเดิม
พวกเขากำลังเดินเคียงข้างกันไปตามการก้าวเท้าน้อยๆของเชีย
“….เอ่อ ทะ- ท่านเบเรต์เจ้าคะ”
“มีอะไรเหรอ?”
“…ท่านเบเรต์ไม่ต้องใส่ใจฉันขนาดนั้นก็ได้ค่ะ ฉันไม่เป็นไรจริงๆค่ะ ในฐานะที่ฉันเป็นผู้ติดตามของท่านเบเรต์…เอ่อ..คือเหตุการณ์เมื่อเช้า คือว่า…”
“เมื่อเช้าก็บอกแล้วนี่ ว่ามันช่วยไม่ได้อย่าไปคิดมากเลยนะ ฉันไม่โกรธเธอหรอก ฉันเข้าใจดีว่าเธอสำนึกผิดแล้ว”
“…….”
“แล้วก็นะ การปรับการเดินให้เข้ากับเชีย ฉันไม่คิดว่ามันน่ารำคาญหรอกนะ”
พยายามช่วยให้กำลังใจเธอก็จริง แต่นี่มันก็น่าอายเหมือนกันนะเนี่ย ชักจะเริ่มเขินๆเองซะแล้วสิ
ผมหันหน้ามองตรงไปข้างหน้า เหล่มองเชียเล็กน้อย สีหน้าเธอดูโล่งใจและเริ่มผ่อนคลายและยิ้มน้อยๆอย่างน่ารัก
“ต้องทำความคุ้นเคยให้ได้เร็วๆแล้วสิ..…..”
เชียน่าจะเริ่มตระหนักได้ถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของเบเรต์แล้วตอนนี้ ประโยคนั้นได้แว่วมาให้ผมได้ยิน ผมจึงตอบกลับไป
“—อื้ม ฝากตัวด้วยนะ”
“เห๊ะ!?”
“เอ่ออ..ไม่ต้องตกใจขนาดนั้นก็ได้..”
“อ่าา ค่ะ!”
เป็นเด็กที่ซื่อตรงจังเลยน้า
‘อุหวาา เขาได้ยินด้วยล่ะ!?’ สีหน้าเธอแสดงออกอย่างเข้าใจง่าย ไม่ได้แข็งเกร็งเหมือนแต่ก่อน
ความจริงข้อนั้นทำให้ผมยิ้มได้
“นี่ เชีย คือถ้าไม่รังเกียจขอถามอะไรสักหน่อยได้ไหม”
“ได้แน่นอนค่ะ”
“คือว่านะ ระหว่างตัวฉันคนเก่ากับ ตัวฉันตอนนี้เนี่ย เธอชอบคนไหนมากกว่ากันเหรอ?”
“เอ๋!?”
ผมรู้ว่ามันเป็นคำถามที่ตอบยาก แต่ผมก็ยังอยากรู้
“ตอบไม่ได้เหรอ?”
“……..”
เธอค้างไปชั่วขณะหนึ่ง และก็หันมามองด้วยท่าทางเกร็งๆเล็กน้อย ผมเดาว่าเธอคงไม่อยากตอบแต่มันเปรียบเสมือนคำสั่งเลยเลี่ยงไม่ได้
แก้มแดงไปถึงหู อ้าปากน้อยๆตอบด้วยท่าทางที่ดูเขินอาย
“เอ่อ คือว่า….ตอนนี้ฉันชอบท่านเบเรต์ที่ใจดีและอ่อนโยนอย่างตอนนี้มากกว่า ค- ค่ะ…”’
“งั้นเหรอ ดีจังเลยนะ โล่งอกไปที”
ถ้าเธอตอบว่าชอบท่าเบเรต์คนก่อนมากกว่าผมคงช็อคจนขาก้าวไม่ออกแหง
ผมแค่กังวลว่าเธอจะได้รสนิยมแปลกๆติดมาน่ะสิ โชคดีที่ความกังวลของผมนั้นไม่เป็นจริง
พอรู้สึกโล่งใจขึ้นมาผมก็เริ่มหันมองดูรอบข้าง
ที่จริงก็รู้สึกตัวมาสักระยะแล้วล่ะนะ
นักเรียนที่สวมเครื่องแบบเดียวกับผม กำลังจ้องมองพวกเราอยู่
เหมือนกำลังรอชมละครสัตว์ยังไงยังงั้นเลย พูดให้ถูกคือมองเชียที่กำลังจะโดนผมรังแกอย่างโหดร้าย
อ่า นี่มันน่าขยะแขยงชะมัด
แต่ผมกลับไม่มีคำถามในใจกับเหตุการณ์นี้เลยสักนิด
เพราะผมรู้อยู่แล้วเรื่องข่าวลืออันเลวร้ายของตัวผม ‘เบเรต์’ คนก่อน นั่นแหละคือคำตอบ
“เฮ้ออ ฉันก็รู้นะว่ามันก็เป็นความผิดของฉันเองอะแหละ แต่ว่าฉันก็น่าจะจัดการกับไอ้สายตาน่ารำคาญพวกนี้ได้นะ เนอะ…ช- เชีย? ”
“ฮึ่มม..!”
“พุ๊ฟ! อะฮ่า ฮ่าๆ โทษที โทษที”
แม้ผมจะพูดเป็นเชิงล้อเล่น
แต่เชียกลับดูจริงจัง หัวคิ้วของเธอเลิกขึ้น เชิดหน้าดวงตาสีฟ้ามองตํ่า ทำท่าทางเหมือนกับจะพูดว่า ‘ห๊าา มองหน้าหาพระแสงไรว๊ะ จะเอาออ จัดมาดิ๊– ‘ พร้อมกับพ่นลมออกจมูกฟึดฟัด
ผมสามารถรับรู้ได้เลยว่าเชียเชื่อใจผมมากแค่ไหน ถึงแม้ว่าตัวผมจะมีชื่อเสียงที่ไม่ดี หรือเคยทำเรื่องโหดร้ายกับเธอก็ตาม
ไงก็เถอะท่าทางของเธอมันน่ารักชะมัดเลยวุ้ย
“เรื่องนั้นเอาไว้ทีหลัง ก่อนอื่นเลยมาพยายามให้ดีที่สุดกันเถอะ หลายๆอย่างเลยน่ะนะ ”
“เอะ-อ๊ะ ค่ะ แต่ท่านเบเรต์ไม่ต้องห่วงนะคะ ฉันจะบอกกับทุกคนเองว่าที่จริงแล้วท่านเบเรต์ไม่ใช่คนแบบนั้น”
อ่าา เธอเชื่อผมแบบ100% เลยนี่นา เรื่องโกหกคำโตของผม เธอพูดพร้อมแสดงรอยยิ้มน่ารัก ที่ดูใสซื่อ
ในขณะที่ใจขุ่นมัวไปด้วยความรู้สึกผิด ผมก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้
“เดี๋ยวก่อนนะเชีย เธอช่วยอย่าไปพูดกับคนอื่นแบบนั้นเลยได้ไหม”
“เอ๊ะ? ทำไมล่ะคะ?”
“วิธีนั้นมันก็น่าจะเร็วที่สุดจริงๆนั่นล่ะน้า แต่ว่านะเชียสถานการณ์ปัจจุบันไม่ค่อยดีเท่าไหร่ใช่มั้ยล่ะ อาจจะมีคนกุข่าวลือขึ้นมาก็ได้ว่าฉันสั่งให้เธอพูดแบบนั้น”
“งืออ..เข้าใจแล้วค่ะ”
ใช่แล้วล่ะ ผมค่อนข้างคุ้นเคยกับเชียเพราะความทรงจำ ถ้าหากเด็กน่าสงสารแบบเธอ อยู่ดีๆก็เที่ยวป่าวประกาศไปทั่วว่า ‘นายท่านหนูเป็นคนดีนะคะ เจ้านายหนูเป็นคนดีนะคะ’ ถ้าไม่ดูแปลกก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว
“อืออ ถ้างั้น ถ้าท่านเบเรต์มีอะไรให้ช่วยก็รีบมาบอกได้เลยนะคะ! ”
“ได้สิ ขอบคุณมากเลยนะ”
ท่าทางของเธอเหมือนสิ่งมีชีวิตตัวน้อยๆน่ารัก กำลังพยายามช่วยงานเจ้านายเลยแหะ
โซคิ้วจริงๆเลยเจ้าเด็กตัวเล็กน่ารักนี่ หึ้ยยย อยากลูบหัวจังเลย อยากลูบหัวจังเลยน้าา แฮ่ก แฮ่กก แค่ก– อะแฮ่มๆ ไม่ได้ๆ
แค่นี้ภาพลักษณ์ของผมสำหรับคนรอบข้างแล้วมันคงใกล้เคียงกับคำว่าเลวร้ายถึงเลวร้ายที่สุดแล้ว
แต่อย่างน้อยๆผมก็มั่นใจได้อย่างนึง พันธมิตรเพียงหนึ่งเดียวของผมตอนนี้คือเชีย
(หลังจากนี้ก็ใช้ชีวิตอยู่อย่างเงียบๆดีกว่า สงบเสงี่ยม ไม่รบกวนคนอื่น บางทีสถานการณ์ตอนนี้อาจจะดีขึ้นบ้าง…..คิดว่านะ )
ผมคิดว่ามันไม่น่าจะง่ายขนาดนั้น ถึงอย่างงั้นตอนนี้ผมก็ได้มาเกิดใหม่ในร่างนี้ไปแล้ว น่ากังวลหน่อยๆแต่ก็มาพยายามให้ดีที่สุดดีกว่า
นั่นคือสิ่งที่ผมได้ตัดสินใจ
ผมเดินเลยต่อไปอีกสิบกว่านาทีได้ แล้วพวกเราก็มาถึงสถาบันการศึกษาที่รูปร่างดูเหมือนปราสาทซะมากกว่า
สวนของโรงเรียนมีพื้นที่กว้างขวาง แมกไม้เขียวขจีและเต็มไปด้วยดอกไหม้หลากสีนาๆชนิด และมีนํ้าพุที่ดูใหญ่เบิ้มตรงกลางพร้อมกับทางเดินหินที่มองก็รู้แล้วว่าดูแลมาเป็นอย่างดี
มียามเฝ้าประตู 4 คนที่ประตูทางเข้าหลัก
สำหรับคนที่ไม่ได้อาศัยอยู่ในโลกนี้คงทำใจยอมรับได้ยากว่านี่คือโรงเรียน
แต่ว่านี่ก็เป็นโรงเรียนจริงๆ เป็นสถานศึกษาของเหล่าขุนนางระดับสูงมากมาย
“ฉันถึงแล้วล่ะ”
เดินเข้าไปในเขตโรงเรียนแล้วหยุดตรงทางแยก
เชียเป็นเด็กใหม่ปี 1 ส่วนเบเรต์เป็นเด็กปี 3 แล้ว ห้องเรียนของพวกเขาอยู่คนละที่กัน
“อะ ท่านเบเรต์ คือฉัน…มีเรื่องอยากยืนยันอยู่เรื่องหนึ่งค่ะ”
“หืม?”
“วันนี้ท่านเบเรต์อยากทานอะไรเป็นอาหารกลางวันเหรอคะ? ฉันจะได้เตรียมตัวไว้ล่วงหน้า..”
“อ่อ เอ่อนั่นน่ะ คือว่าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเธอทุกอย่างภายในโรงเรียนฉันจะจัดการเองเธอไม่ต้องกังวลเรื่องของฉันหรอก เธอไปใช้ชิวิตในโรงเรียนให้สนุกเถอะ ถือซะว่าเป็นรางวัลของคนพยายามก็แล้วกันนะ?”
(เป็นอีกหนึ่งเป้าหมายที่ผมเล็งเอาไว้ นั่นคือลดภาระงานของเชีย ถ้าจะให้เธอคอยมาเป็นเด็กวิ่งส่งของให้ล่ะก็คงได้เพิ่มข่าวลือแปลกๆขึ้นมาอีกแหง)
ผมคิดแบบนั้นแหละ
“……”
เชียเบิกตากว้าง ตัวแข็งค้างไปแล้ว
“น่าประหลาดขนาดนั้นเชียว?”
“ขะ- ขอโทษค่ะ”
“อาๆ ไม่เป็นไรหรอก ไม่ต้องคิดมากนะ”
เพราะสาเหตุหลักก็มาจากตัวเขาในอดีตล่ะนะ ให้ผมได้ชดใช้ให้หน่อยละกัน ผมคิดพร้อมหัวเราะแหะๆออกไป
“เข้าใจแล้วเนอะ เชีย?”
“เข้าใจแล้วค่ะ”
“แล้วเจอกันหลังเลิกเรียนนะ”
“ค่ะ…”
นั่นคือคำสุดท้ายที่ได้พูดคุยกัน
—เชียเดินแยกออกไป ขึ้นบันไดของโถงทางเดินและหายลับตาไป