[WN]เกิดใหม่เป็นขุนนางสารชั่ว แต่ดันเป็นที่หมายปองของเหล่าสตรีสูงศักดิ์ซะงั้น? - ตอนที่ 28 เดทกับลูน่า (4)
- Home
- [WN]เกิดใหม่เป็นขุนนางสารชั่ว แต่ดันเป็นที่หมายปองของเหล่าสตรีสูงศักดิ์ซะงั้น?
- ตอนที่ 28 เดทกับลูน่า (4)
“พอรู้แบบนี้แล้วก็รู้สึกโล่งขึ้นมาเลย ต้องขอบคุณลูน่าเลยจริงๆ”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
ลูน่าส่ายหน้าปฏิเสธอย่างแผ่วเบา แต่ว่าคำแนะนำของเธอมันเป็นประโยชน์กับผมมากจริงๆนะ
“ส่วนมากเด็กผู้หญิงจะชอบของประเภทที่สามารถหยิบมาใช้ได้ทุกวันนะคะ”
“สำหรับเชียซัง บางทีเป็นของจำพวกเครื่องประดับก็น่าจะดีนะคะ”
ความเห็นสำหรับเด็กผู้หญิงเหมือนกันมันจะต้องมีประโยชน์แน่นอน
และท้ายที่สุดก็ซื้อกิ๊บติดผมสีเหลืองและสร้อยคอที่ประดับด้วยหินสีชมพูเป็นของขวัญ
“สรุปแล้ว…เธอไม่มีของที่อยากได้จริงๆเหรอ ลูน่า?”
“ค่ะ ก็มีของที่ดูจะใช้การได้อยู่บ้าง แต่คงไม่จำเป็นสำหรับฉันเท่าไหร่น่ะค่ะ”
“งะ งั้นเหรอ”
ถ้าเจอของที่น่าสนใจก็จะซื้อให้ลูน่าเพื่อเป็นการตอบแทน ผมเลือกมาย่านช้อปปิ้งก่อนด้วยสาเหตุนั้นเป็นเป้าหมายหลัก แต่ว่ากลับไม่เป็นไปตามแผนสักเท่าไหร่
ลูน่ามักจะหยิบนู่นนี่มาดู แต่ก็จบลงด้วยการวางมันกลับไปที่เดิมทุกครั้ง
เธอเป็นเด็กผู้หญิงประเภทที่ไม่รู้สึกอยากจะทำอะไรหรืออยากได้อะไรเป็นพิเศษ
“แต่ว่า เดินเล่นย่านช้อปปิ้งแบบนี้ก็สนุกดีเหมือนกันนะคะ ถึงจะเสียงดังไปหน่อยก็เถอะ”
“อะฮะๆ ถ้าเป็นงั้นก็โล่งอกไปที”
ถึงจะพลาดเป้าหมายหลักไป แต่การที่เธอดูพอใจแบบนั้นก็ดีแล้วล่ะ
“……ถ้าเธอชอบของขวัญที่คุณซื้อให้ก็ดีสินะคะ”
“อือ แต่บอกตามตรง ฉันกลัวว่าเธอจะไม่กล้ารับมันมากกว่าน่ะสิ ถ้าเป็นเชียก็คงจะส่ายหน้าพับๆปฏิเสธด้วยความเกรงใจแหง”
“เพราะงั้นคุณถึงต้องใช้ความสามารถของตัวเองโน้มน้าวเธอยังไงล่ะคะ ถ้าเป็นสาวใช้ตามปกติทุกคนก็คงจะไม่มีทางรับไว้หรอกค่ะ ”
“ไว้จะลองดู ของขวัญมันซื้อแล้วคืนไม่ได้ด้วยนี่นะ”
“พยายามเข้านะคะ”
ผมต้องหาวิธีให้ของขวัญเชียแบบสบายๆไม่ต้องมากพิธีการนัก
“แล้วเรากำลังจะไปที่ไหนต่องั้นเหรอคะ เดินมาสักพักแล้วแต่ดูเหมือนจะมีที่หมายอยู่ในใจแล้วสินะคะ”
“อื้อ เดินไปอีกหน่อยเดี๋ยวก็ถึงแล้วล่ะ”
ณ ถนนย่านช้อปปิ้ง
คู่หนุ่มสาวก็ได้เดินตามทางไปเรื่อยๆเป็นเวลากว่า 10 นาที
และแล้วก็ได้มาถึงที่หมาย
เด็กหนุ่มยืนจังก้าอย่างมั่นอกมั่นใจอยู่หน้าอาคารสามชั้นกว้างขวางที่มีลวดลายงดงามวิจิตร
ที่นี่คือหอสมุดหลวง แดนศักดิ์สิทธิ์ของเหล่านักอ่านตัวยง
และลูน่าก็สังเกตุเห็นหนังสือมากมายด้วยเช่นกัน
เธอจ้องมองพวกมันประดุจสัตว์ล่าเนื้อที่พบเจอเหยื่อของตน
(……ถ้าช่วยแสดงปฏิกิริยาแบบนี้ตอนเดินซื้อของด้วยมันจะช่วยได้มากเลยหนา ลูน่าคุง..)
ผมอดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่น
“เอ่อ.. ที่นี่คือหอสมุดหลวงงั้นเหรอคะ?”
“นั่นสิน้า เริ่มสนใจหน่อยๆแล้วใช่มั้ยล่ะ?”
“…ก็ไม่นะคะ”
“จริงเหรอ?”
“ค่ะ”
เธอยืนกรานปฏิเสธถึงสองครั้ง แต่มือที่จับกันอยู่กลับยุกยิกไม่หยุดซะอย่างงั้น
ปกติลูน่ามักจะอ่านหนังสือในห้องสมุดอยู่เสมอ เพราะงั้นมันจึงไม่มีทางที่เธอจะไม่รู้สึกหวั่นไหวกับแหล่งขุมทรัพย์แห่งใหม่นี้
บางทีเธอคงพยายามข่มความตื่นเต้นเอาไว้เพราะยังเกรงใจผมอยู่
“อ่าแย่จัง ถ้างั้นก็น่าเสียดายจริงๆ เพราะที่นี่ก็เป็นหนึ่งในแพลนที่วางไว้ซะด้วยสิน้า ช่วยไม่ได้งั้นก็ไปที่อื่นต่อก็แล้วกัน..”
“อะ”
ทันใดนั้น ลูน่าก็อ้าปากพะงาบๆ จากนั้นก็ส่งสายตาดุดันเล็กน้อยมาทางผม
“นี่ไม่ใช่ว่าจะเปลี่ยนแผนไปตามปฏิกิริยาของฉันหรอกนะคะ”
“ก็นะ มันก็ใช่อยู่หรอก”
“ไม่อยากจะเชื่อเลยค่ะ วันนี้ฉันตั้งใจจะมาเที่ยวเล่นกับคุณนะคะ แต่สถานที่อย่างหอสมุดนี่มันไม่เหมือนกับการเดินช้อปปิ้งเลยนะคะ ต้องคอยระวังไม่ให้เสียงดังเกินไปและก็ไม่สามารถโฟกัสไปที่อีกฝ่ายได้ ฉันว่าที่นี่มันไม่น่ามารวมอยู่ในแพลนเลยนะคะ”
“อ่าา ฉันก็เข้าใจที่เธอจะสื่อนะ แต่ว่า…”
“ถ้างั้นเราก็ไปที่อื่นกันเถอะค่ะ”
เธอพยายามดึงมือที่ประสานกันอยู่และพาผมเดินไป แต่ปรากฎว่ามันไม่ขยับเลยสักนิด
“ที่จริงจุดหมายหลักก็คือที่นี่แหละ ขอโทษที่ไม่ได้บอกก่อนนะ คือว่า เดี๋ยวมันไม่เซอร์ไพรส์น่ะ”
“ถ้างั้นช่วยตอบมาหน่อยค่ะ ทำไมถึงเลือกหอสมุดที่ไม่เหมาะกับการมาเที่ยวเล่นแบบนี้ล่ะคะ”
ลูน่ากำลังคิดว่าผมคงมีเหตุผลอะไรแน่ๆถึงได้เลือกที่หอสมุดนี่ แต่ความเป็นจริงแล้ว ไม่จ้า ในหัวผมไม่ได้มีอะไรทั้งนั้นแหละ
“ก็เพราะห้องสมุดเองก็เป็นสถานที่ที่คนสองคนก็สามารถเอ็นจอย(ค้าบผม)ด้วยกันได้ยังไงล่ะ! ”
“………”
“ความสนุกมันก็มีหลากหลายนา ฉันก็คิดว่าเราก็แค่หาเรื่องสนุกๆทำในแบบของพวกเราก็พอ แน่นอนว่าถ้ามองเป็นที่เที่ยว ที่นี่มันก็ไม่ได้สนุกอะไรนักหรอก แต่ก็เป็นที่ที่เหมาะจะใช้เวลาร่วมกันที่ไม่เลวเลยไม่ใช่เหรอ”
หอสมุดที่รวมอยู่ในแพลนคราวนี้
เดิมทีแล้วผมกะจะไม่บอกเธอจนกว่าจะเดินมาถึงน่าจะทำให้เธอประหลาดใจไม่น้อย แต่มันกลับทำให้เธอเข้าใจผิดซะงั้น
เมื่อผมค่อยๆอธิบายเหตุผลที่ละน้อยอย่างคล่องแคล่ว ลูน่าก็กระพริบตาปริบๆ จากนั้นแววตาของเธอก็กลับมาจ้องมองผมอย่างปกติอีกครั้ง
“เอาเป็นที่นี่จริงๆเหรอคะ?”
“อื้อ นอกจากที่ว่ามา ที่นี่มันก็เหมาะจะเป็นสถานที่พักผ่อนด้วยล่ะนะ”
“…….!”
ดวงตาของเธอมีปฏิกิริยากับคำว่า ‘พักผ่อน’ ของผม จากนั้นเธอก็เงยหน้าขึ้นถามผม
“ทำไมถึงรู้ล่ะคะ……เรื่องที่ฉันกำลังเหนื่อยอยู่”
“ฮ่าๆ ในฐานะที่เป็นพวกอินดอร์เหมือนกันฉันก็พอเข้าใจลูน่าอยู่นา เธอคงจะเริ่มเมื่อยแล้วใช่มั้ยล่ะเพราะต้องเดินมากกว่าปกตินี่นะ แถมสุขภาพจิตก็เริ่มอ่อนล้าเพราะต้องเจอกับสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคยด้วย”
“เป็นอย่างนั้นเหรอคะ……จะว่าไงดี.. คือว่าขอโทษนะคะ เพราะฉันไม่ค่อยได้ออกกำลังกายเท่าไหร่”
“ไม่ใช่เรื่องที่ต้องขอโทษหรอกน่า ฉันชอบอ่านหนังสือกับลูน่าออกนะ?”
“อะ”
ลูน่าที่หมดคำจะโต้แย้งก็ได้ก้มหน้างุดและดันหมวกมาปิดหน้าอีกครั้ง
“งั้นก็เข้าไปข้างในกันเถอะ”
“…..อะ เอ่อ คือว่าก่อนจะเข้าไป….”
“อะไรเหรอ?”
“ถะ ถ้าอ่านหนังสือเสร็จแล้ว ช่วยจับมือฉันอีกได้ไหมคะ……”
“ได้สิ เรื่องแค่นี้เอง”
“ขอบคุณนะคะ ฉันดีใจมากเลยค่ะ…..”
จากนั้นเธอก็ออกแรงให้กับมือที่ประสานกันให้แน่นขึ้น
ลูน่าไม่เพียงตอบสนองด้วยคำพูดแต่ใช้การกระทำด้วย
*******
หลังจากนั้น
“ดูสิคะ เบเรต์ เซนต์ฟอร์ด นี่เป็นหนังสือที่เลิกตีพิมพ์ไปแล้วด้วยค่ะ! สุดยอดเลย! ”
“โอ้โห สุดยอดๆ”
ลูน่ารีบปรี่เข้ามาหาผมอย่างรวดเร็วและแสดงหนังสือเล่มหนึ่งให้ดู เธอรายงานผมด้วยความตื่นเต้นและมีความสุขสุดๆ
–และหลังจากนั้นของหลังจากนั้น
“ขอโทษนะครับ ขอซื้อที่คั่นหนังสืออันนี้กับอันนี้หน่อยครับ ”
ฉวยโอกาสตอนที่เธอคนนั้นไม่อยู่ แอบซื้อที่คั่นหนังสือกับชายคนหนึ่งตรงเคาน์เตอร์แผนกต้อนรับในหอสมุด
‘เด็กผู้หญิงส่วนใหญ่ชอบของที่หยิบมาใช้ได้ทุกวัน’
เขาซื้อสิ่งนั่นโดยอิงจากคำแนะนำของเด็กสาว