[WN]เกิดใหม่เป็นขุนนางสารชั่ว แต่ดันเป็นที่หมายปองของเหล่าสตรีสูงศักดิ์ซะงั้น? - ตอนที่ 26
หลังจากรวมกลุ่มกับลูน่าแล้วผมก็เลือกใช้บริการรถม้าที่อยู่ใกล้ๆเพื่อเดินทางไปยังถนนสายที่เต็มไปด้วยร้านค้าต่างๆมากมาย
ลูน่ามองไปรอบๆอย่างลุกลี้ลุกลน
โดยปกติเธอมักจะใช้เวลาว่างในวันหยุดไปกับการอ่านหนังสือในห้องของตัวเองเงียบๆ
เพราะงั้นเธอจึงไม่คุ้นกับสถานที่ที่ดูมีชีวิตชีวาแบบนี้
“…..คนเริ่มเยอะขึ้นแล้วนะคะ”
“ก็นะเป็นย่านช้อปปิ้งนี่นา”
“ตอนอยู่ในรถม้าก็ยังต้องจับมือกันอยู่อีกเหรอคะ”
“ก็ไม่เห็นน่าแปลกตรงไหนนี่? ดูสิ รถม้าคันโน้นเขาก็ทำเหมือนกันนะ”
“…..ถ้าเกิดมีข่าวลือแปลกๆฉันไม่รู้ด้วยนะคะ”
“ทั้งที่ลูน่าเป็นคนบอกให้ฉันจับมือก่อนเองแท้ๆ”
“……..”
เมื่อผมพูดหยอกเธอไปแบบนั้น ลูน่าก็ทำท่าทีไม่พอใจด้วยกระพยายามสบัดมือทิ้ง
แต่ก็ไม่เป็นผลเพราะพลังของเธอช่างอ่อนปวกเปียก ทำทีเหมือนต่อต้านแต่แท้จริงแล้วแค่พยายามปกปิดความอายของตัวเองซะมากกว่า
“……ทำเหมือนชินแล้วแบบนั้น ขี้ขลาดจังค่ะ”
“หืม?”
“ก็มีแค่ฉันที่ประหม่าแบบนี้นี่คะ ไม่ยุติธรรมเลยค่ะ”
“ก็ฉันเป็นคนคุ้มกันของเธอนี่นา”
(แล้วก็ไม่ใช่ว่าผมชินหรอกนะ? แค่ความรู้สึกกลัวว่ามันจะมีอะไรเกิดขึ้นกับลูน่ามันมากกว่าก็เท่านั้นเอง)
พอเริ่มประหม่าขึ้นมาก็แค่คิดถึงสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดซึ่งอาจจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้ มันก็ทำให้ผมสงบสติอารมณ์ลงได้ในที่สุด
แต่ต่อให้เธอเป็นผมก็คงจะรู้สึกกังวลอยู่ดีล่ะมั้ง
“แล้วอีกอย่าง ฉันว่ามีคนที่ชินกับเรื่องแบบนี้มากกว่าฉันอยู่อีกเยอะเลยนะ ในโรงเรียนเราน่ะ”
“เอ๊ะ?”
“เรื่องแบบนั้นฉันไม่เชื่อหรอกค่ะ”
“แต่ว่ามีคู่ชาย-หญิงจำนวนไม่น้อยเลยนะที่แอบออกไปเที่ยวกันตอนกลางคืนน่ะ? เธอคิดดูเอาเองแล้วกันว่าพวกเขาไปทำอะไรกัน”
“อะ”
ผมค้นหาข้อมูลนี้จากความทรงจำและพูดกับลูน่าไปแบบนั้น ทันใดนั้นลูน่าก็เงยหน้าขึ้นและมองหน้าผม
ดวงตาเบิกกว้างรูม่านตาหดขยายแบบอึ้งๆ
ลูน่าที่ให้ความสำคัญกับการอ่านหนังสือมาเป็นอันดับแรกเสมอและไม่เคยไปเที่ยวตอนกลางคืนเลย เธอดูจะตกใจกับสิ่งนี้มาก
“ระ เรื่องแบบนั้นไม่มีทางเป็นไปได้ค่ะ ยังเป็นผู้เยาว์อยู่เลยนะคะ เรื่องอย่าง ‘จูบ’ เนี่ยต้องเป็นหลังจากโตเป็นผู้ใหญ่แล้วสิคะ”
“เอ๊ะ?”
“ไม่มีทางที่คนส่วนใหญ่จะทำเรื่องงี่เง่าแบบนั้นแน่นอนค่ะ”
“…….”
(ไม่ๆๆ เดี๋ยวนะ นี่เธอคิดว่าเขาแค่จูบกันหรอกเหรอ? ….งั้นเหรอ เป็นแนวคิดพื้นฐานของลูน่าสินะที่คิดว่าการจะจูบได้ต้องหลังจากเป็นผู้ใหญ่แล้ว อย่างงี้นี่เอง)
คำตอบของลูน่าดูใสซื่อผิดคาด
ทำเอาผมแทบจะกลั้นขำเอาไว้ไม่อยู่
“หน้าแบบนั้นมันอะไรกันคะ ฉันว่าฉันก็ไม่ได้พูดอะไรแปลกๆเลยนะคะ ”
“กะ..ก็นะ…..”
“พูดะไรคลุมเครือจังเลยนะคะ คุณกำลังจะบอกว่าพวกเขาจูบกันจริงๆอย่างนั้นใช่มั้ยคะ”
“ไม่นะ เอ่ออ มันก็…..”
(คือว่าน้าเรื่องนั้นน่ะมันยิ่งกว่าจูบอีกนา? บางทีพวกนั้นคง ‘จัดกัน’ ไปเรียบร้อยแล้วน่ะสิ….)
จริงๆแล้วแค่จูบมันอาจจะเซฟที่สุดแล้วก็ได้ในการแอบหนีออกไปเที่ยวเล่นข้างนอก แต่ว่าน้า…
ด้วยเหตุนี้ผมได้รู้ข้อเท็จจริงอย่างนึง คือลูน่ามีแนวคิดเรื่องความรักที่ค่อนข้างจะใสซื่อบริสุทธิ์เป็นอย่างมาก เป็นคนที่ใสซื่อผิดคาดเลยล่ะ
(เอาล่ะทีนี้ จะอธิบายยังไงดีล่ะเนี่ย….)
ผมเริ่มรู้สึกสับสนขึ้นมา ไม่บอกความจริงอาจจะดีกว่ารึเปล่านะ? และผมก็ตัดสินใจแบบนั้น
“อะเอ่อ โทษทีนะ จริงๆแล้วพวกเขาไม่ได้จูบกันหรอก….อื้อ! ”
“ฉันคิดถูกสินะคะ ไม่มีทางจะทำเรื่องแบบนั้นได้หรอกค่ะ”
เมื่อผมมองหน้าเธอราวกับว่าลูน่าเปล่งรัศมีออร่าแสงศักดิ์สิทธิ์ออกมายังไงยังงั้น ผมเห็นเป็นแบบนี้จริงๆนะ (อ๊ากกแสบตา?)
“อะ เอ่อ คือว่านะ? ฉันคิดว่าฉากจูบในนิยายรักวัยรุ่นมันก็น่าจะมีเยอะพอดูนา นั่นน่ะ เธอยอมรับได้เหรอ?”
“เรื่องราวในนิยายรักเป็นแค่ฟิคชั่น(Fiction)ค่ะ ไม่ใช่น็อน-ฟิคชั่น(Non-fiction)สักหน่อยนี่คะ” //TN: สั้นๆก็ Fiction = เรื่องแต่ง Non-fiction = เรื่องจริง
“อา นั่นมันก็จริง”
ผมสามารถพูดได้อย่างมั่นใจเลยว่าลูน่าเป็นคนที่มีจิตใจบริสุทธิ์ผุดผ่องสูสีกับเชียอย่างแน่นอน
“แต่ฉันก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมคู่ชาย-หญิง ถึงแอบหนีออกไปเที่ยวกลางคืนกัน สรุปแล้วพวกเขาไปทำอะไรกันแน่นะคะ”
“เอ๊ะ…..”
“ช่วยบอกฉันด้วยค่ะ เบเรต์ เซนต์ฟอร์ด”
(ยาเบ้! ไม่ๆ ถามจริงดิ……)
ในหัวของผมพลันขาวโพลนทันทีเมื่อผมได้ยินประโยคสังหารของลูน่า
การกระทำที่ใจกล้าที่สุดสำหรับลูน่าคงเป็นแค่การ ‘จูบ’ ธรรมดาๆไม่ผิดแน่ ‘แล้วหลังจากจูบแล้วเขาทำอะไรกันต่อเหรอ’ เป็นเรื่องปกติที่จะมีคำถามแบบนี้ต่อๆมาแน่นอน
“อะ อะเอ่อ จะว่ายังไงดีหนาา….”
“ไม่มีทางที่คุณจะไม่รู้แน่ค่ะ คุณเองก็น่าจะเคยแอบไปเที่ยวกลางคืนอยู่บ้างนี่คะ เพราะงั้นคุณจะต้องรู้เรื่องนี้อยู่แล้วแน่นอน”
“อะ อะห้า ห้า ห้า ห้า…ฮา”
“หัวเราะกลบเกลื่อนอะไรอยู่คะ”
วิญญาณเชอร์ล็อค โฮล์มส์เข้าสิงรึไงฟะเธอเนี่ยถามจี้จัง ไม่สิไม่สิ บางทีในนิยายของโลกนี้อาจจะไม่เหมือนชีวิตจริงก็ได้ ….บางทีนะ?
ผมยิ้มอย่างขมขื่นขณะที่พยายามคิดหาเหตุผลมาอธิบาย
“อะ เอ่ออ….อื้อ! ก็ประมาณว่าคุยกันในสถานที่อันเงียบสงบแล้วก็นั่งชมดวงจันทร์ด้วยกันไงล่ะ! และบางครั้งก็จับมือกันไปด้วย ”
“อย่างนี้นี่เอง นั่นฟังดูน่าสนุกดีนะคะ ฉันเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมคุณถึงดู ‘คุ้นเคย’ กับสถานการณ์แบบนี้”
“อื้ม อื้ม!”
“หรือก็คือ คุณก็แอบออกไปเที่ยวเล่นตอนกลางคืนอยู่หลายครั้งเลยสินะคะ แล้วก็เปลี่ยนผู้หญิงไม่ซํ้าหน้าด้วยสินะคะ”
(อะ อาเร๊… ทำไมถึงจ้องผมด้วยแววตาแบบนั้นล่ะครับ ลูน่าซัง! มันน่ากลัวนะ……)
ชั่วขณะ นั่นแรงบีบก็ส่งมาถึงมือของผมแรงขึ้นจนน่าหวาดหวั่น
“ไม่ใช่นะ ฉันแค่ทักทายเสร็จแล้วก็กลับบ้านเลยทันทีแค่นั้นเอง”
“ท ทำไมล่ะคะ ฉันเคยได้ยินมาว่ามันเป็นงานปาร์ตี้ที่สนุกมากเลยนี่คะ”
“พวกเขาระแวงพวกที่มีข่าวลือแย่ๆอย่างฉันน่ะสิ ไม่มีใครอยากไปเที่ยวกับคนอย่างฉันหรอก”
“งั้นเหรอคะ แค่ฟังดูเฉยๆก็เห็นภาพตามเลยค่ะ น่าสงสารจังเลยนะคะ”
“เป็นความจริงที่เถียงไม่ออกเลยครับ…. ว่าแต่ เดี๋ยวนะ..ไม่ใช่ว่าเธอดูดีใจหน่อยๆไม่ใช่รึไงเนี่ย?”
“คิดไปเองค่ะ”
ผมรู้สึกแบบนั้นและก็เอ่ยถามลูน่า
เธอส่ายหน้าเล็กน้อยและเริ่มดึงหมวกปีกกว้างของเธอมาบดบังใบหน้าอีกครั้ง
“…..เอ่อ ช่วยพูดอะไรหน่อยสิคะ …คือฉันทำตัวไม่ถูกแล้วค่ะ.”
“อะ อะเอ่อ ถ้างั้นก็คุยเรื่องนี้ก็แล้วกัน ลูน่ารู้จักกับเชียไหม?”
“ค่ะ เป็นเมดส่วนตัวของคุณสินะคะ แล้วเรื่องนั้นมันทำไมงั้นเหรอคะ? ”
“คือว่าช่วงนี้น่ะ พฤติกรรมของเชียดูแปลกๆยังไงก็ไม่รู้น่ะสิ เธอก็ไม่ได้ดูเหมือนว่าจะโกรธอยู่นะ แต่บางทีก็พูดจารุนแรงเหมือนจะโกรธยังไงก็ไม่รู้ ฉันก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน— ”
เรื่องราวที่หยิบยกมาพูดระหว่างเดินทางไปตามถนนย่านช้อปปิ้งก็คือ เรื่องความกังวลของเขาเกี่ยวกับเชียเมดสาวตัวน้อย
แต่ทว่า
‘คุณก็แอบออกไปเที่ยวเล่นตอนกลางคืนอยู่หลายครั้งเลยสินะคะ แล้วก็เปลี่ยนผู้หญิงไม่ซํ้าหน้าด้วยสินะคะ’
หลังจากที่ลูน่าพูดไปแบบนั้นแต่ตอนนี้เขากลับยกเรื่องของสาวอื่นมาพูดในเวลานี้ มันดูจะเป็นการเดินหมากที่ไม่ค่อยจะฉลาดสักเท่าไหร่
ผู้โดยสารโปรดทราบ : หลังจากนี้ผมจะไปทำงานต่างจังหวัดประมาณ 1 อาทิตย์กว่าๆนะครับ น่าจะไม่มีเวลาว่างแปลเลย ไว้หลังกลับมาแล้วจะรีบปั่นต่อลงให้หนักๆเลยครับ