[WN]เกิดใหม่เป็นขุนนางสารชั่ว แต่ดันเป็นที่หมายปองของเหล่าสตรีสูงศักดิ์ซะงั้น? - ตอนที่ 119 บทสนทนาแสนอบอุ่น
- Home
- [WN]เกิดใหม่เป็นขุนนางสารชั่ว แต่ดันเป็นที่หมายปองของเหล่าสตรีสูงศักดิ์ซะงั้น?
- ตอนที่ 119 บทสนทนาแสนอบอุ่น
ตอนที่ 119 บทสนทนาแสนอบอุ่น
เช้าวันศุกร์ในห้องเรียน หลังจากผ่านไปสี่วัน และวันเดตกับเซียกำลังจะมาถึงในวันพรุ่งนี้
“นี่นาย ฉันคิดว่าการตอบสนองแบบนั้นไม่ค่อยเหมาะสมเลยนะ”
“อุฟุฟุ คุณอุตส่าห์ใส่ใจฉันสินะคะ”
“…คิดว่าตอนนี้อาจจะเป็นช่วงเวลาที่ไม่ควรเข้าไปกวนน่ะ…”
“โอะ จริงๆ เลย… เราเป็นคนรู้จักกันนี่นา จะทำตัวห่างเหินขนาดนั้นทำไมกันคะ”
“ฮะฮะฮะ…”
ในขณะที่เอเลนา คุณหญิงแห่งตระกูลเคานต์ และอาเรีย คุณหญิงแห่งตระกูลดยุค กำลังคุยกันอย่างสนิทสนม เบเรธเดินเข้ามาในห้องเรียน
เขาทำเพียงโค้งคำนับเล็กน้อยเพื่อ ‘ไม่ให้ขัดจังหวะ’ และกำลังจะนั่งลงที่ที่นั่งของตัวเอง แต่ก็ถูกเรียกด้วยน้ำเสียงแข็งเล็กน้อยจากเธอ
“เอ่อ สองคนคุยต่อกันไปเลย ไม่ต้องสนใจผมหรอกครับ”
“อย่าพูดเหมือนคนไม่สนใจแบบนั้นสิ นายก็ควรเข้ามาร่วมสนทนาด้วยนะ ใช่ไหมคะ ท่านอาเรีย?”
“ค่ะ ถ้าไม่มีธุระอะไรก็เชิญเข้ามาร่วมพูดคุยเถอะค่ะ”
“เอ่อ… ถ้าอย่างนั้น ผมจะขอรับคำเชิญด้วยความยินดี…”
อาเรียในแบบธรรมดา กับอาเรียที่กำลังปิดบังตัวตนนั้นมีบรรยากาศที่แตกต่างกันชัดเจน
แม้พวกเขาจะเคยพูดคุยด้วยภาษาสบายๆ กันมาก่อน แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าอาเรียในลักษณะนี้ เบเรธกลับรู้สึกต้องพยายามรักษามารยาทให้มากขึ้นโดยไม่รู้ตัว
—แต่ช่วงเวลานั้นกลับไม่ยาวนานนัก
“ท่านเบเรธ ไม่ต้องใช้ภาษาทางการกับฉันก็ได้นะคะ ฉันจะรู้สึกยินดีกว่าด้วยซ้ำ”
“เห็นไหม เบเรธ”
“ถ้าคุณพูดแบบนั้น… ฮะฮะ เข้าใจแล้วครับ”
อาเรียยิ้มอย่างไร้ช่องโหว่คล้ายปิดเส้นทางหลบหนีทุกทาง แต่ในขณะเดียวกันก็ยังคงความอบอุ่นแบบเดิม ทำให้เบเรธรู้สึกโล่งใจ
นี่เป็นครั้งแรกในรอบสี่วันที่เขาได้เจอกับอาเรีย นับตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมา
เพราะอาเรียต้องไปร่วมงานเลี้ยงตอนเย็นหรือร้องเพลงในงานเฉลิมฉลองบ่อยๆ เธอจึงมาโรงเรียนสัปดาห์ละสองครั้งเท่านั้น
เบเรธซึ่งรู้ถึงภาระงานที่หนักและเสียงที่เธอต้องใช้อยู่เสมอ จึงรู้สึกดีใจที่ได้เห็นอาเรียในสภาพที่ไม่เปลี่ยนไปจากเดิมเลย
“ว่าแต่ ก่อนหน้านี้สองคนคุยอะไรกันอยู่เหรอ?”
“เรื่องความรักแบบลอยๆ น่ะ”
“เรื่องความรัก…?”
“ค่ะ แต่ฉันไม่มีประสบการณ์เลยค่ะ เลยมีแต่ฟังเรื่องของเอเล่จังเท่านั้น”
“แบบนั้น… ไม่ค่อยเหมือนที่คิดเลยนะ”
“ได้ยินแบบนี้แล้วดีเลยนะ เบเรธ ลองดูสิ”
(TLN: หมายถึงให้ลองจีบนาง)
“ฉันควรตอบกลับยังไงถึงจะถูกล่ะ… เอ่อ…”
‘ได้เลย!’ แน่นอนว่าเขาไม่กล้าตอบแบบนั้น เพราะกลัวว่าจะถูกคนที่ชื่นชอบอาเรียเข้าใจผิดและโกรธจนสุดท้ายอาจถึงกับโดนฆ่าก็ได้
ในขณะที่เบเรธตอบอย่างจริงจังเพื่อไม่ให้ดูเหมือนว่าเขากำลัง ‘ได้ใจ’ อาเรียก็ยิ้มและเริ่มพูดขึ้นมา
“นั่นเป็นหลักฐานว่าเอเล่จังไว้วางใจคุณค่ะ ท่านเบเรธ”
“ไว้วางใจเหรอครับ?”
“ถ้าคุณไม่ได้ถูกมองว่าเป็นคนที่มีวุฒิภาวะ ก็ไม่มีทางที่เธอจะพูดแบบนั้นกับคุณ แม้แต่พูดเล่นๆ หรอกค่ะ”
“อึก! เอ่อ… ไม่ต้องอธิบายขนาดนั้นก็ได้นะคะ ท่านอาเรีย ถ้าชมเขาแบบนี้เดี๋ยวเขาก็เริ่มเหลิงขึ้นมาอีกหรอก…”
“โอ้… เอเลน่าจอมปากแข็งกลายมาเป็นแบบนี้สินะ”
“เห็นไหมล่ะ มันเป็นแบบนี้ทุกที!”
“ถึงแบบนั้นแต่ก็เป็นสิ่งที่คุณชอบใช่ไหมคะ?”
“มะ… ไม่ต้องเข้าข้างเบเรธขนาดนั้นก็ได้นี่…”
“ฟุฟุ ขออภัยค่ะ”
การเป็นคนที่ไม่มีเจ้าของ
การที่เอเลน่าเข้าใจเรื่องนั้น
เพื่อขอบคุณเบเรธสำหรับการเน้นย้ำถึงสองเรื่องนี้ อาเรียก็เลยเปิดเผยความรู้สึกแท้จริงของเอเลน่า ที่ปกติไม่ค่อยจะแสดงออกมา
“อย่างน้อย… เบเรธ ถ้านายคิดจริงจังกับคำพูดเมื่อกี้ ฉันจะไม่ให้อภัยนายแน่”
“ดีใจจัง งั้นขอถือว่าคิดจริงจังแล้วกัน”
“พูดแบบนี้ฉันชักจะเกลียดเธอขึ้นมาแล้วล่ะ”
“ฮะฮะ นั่นคงเรื่องใหญ่เลย”
แม้จะต่างฐานะและตำแหน่งกัน แต่พวกเขาก็ยังพูดคุยกันอย่างเท่าเทียมและเปิดอกสนทนากันทุกเรื่องอย่างสนุกสนาน
ตอนงานเลี้ยงอาหารค่ำ ลูน่าและเซียก็มีท่าทางแบบนั้นเหมือนกัน
นี่อาจเป็นเพราะความใจกว้างของเบเรธที่ทำให้เกิดบรรยากาศแบบนี้
และยิ่งใช้เวลาร่วมกับเบเรธมากขึ้นเท่าไร อาเรียก็ยิ่งมั่นใจว่า ‘คนที่เลือกไว้’ นั้นไม่มีผิดพลาด
เมื่อคิดถึงอนาคตที่จะได้ใช้ชีวิตร่วมกับเขา ภาพที่เห็นตรงหน้าก็ทำให้อาเรียอดอิจฉาไม่ได้
—เพราะอาเรียเติบโตมาในครอบครัวที่ให้ความสำคัญกับอำนาจเหนือสิ่งอื่นใดและถูกเลี้ยงดูมาอย่างเข้มงวด เธอจึงรู้สึกแบบนั้นมากยิ่งขึ้น
“ดูเหมือนคุณสองคนสนิทกันมากเลยนะคะ”
“เอ่อ… ถ้าจะพูดถึงเรื่องนี้ ฉันต้องยอมรับว่ามัน… เป็นเพราะเบเรธเลยก็ว่าได้… ถึงจะทำตัวแบบนี้แต่เขาก็ยังให้อภัยฉันอยู่เสมอ”
“ฟุฟุ นั่นทำให้เข้าใจเลยว่าทำไมเซียถึงมีความรู้สึกพิเศษกับเขา”
“…ขอบคุณครับ”
ในโลกนี้ คนที่มีฐานะต่ำกว่ามักจะถูกกดดันและถูกใช้งานอย่างไม่ใส่ใจ
ตำแหน่งอย่างสาวใช้ประจำตัวมักจะต้องคอยรับคำสั่งและทำงานอย่างหยาบๆ
แต่การที่สาวใช้จะอยากใช้ชีวิตร่วมกับเจ้านายของตนในอนาคต นับว่าเป็นเรื่องที่หาได้ยาก
หากไม่ได้รับการดูแลอย่างดี มันคงไม่มีทางเกิดขึ้นได้เลย
“ว่าแต่ ฉันไม่ได้เจอเซียเลยหลังจากงานเลี้ยงอาหารค่ำ นายได้ทำอะไรที่สมกับเป็นคู่รักให้เซียบ้างไหม?”
“อืม… จริงๆ แล้วพรุ่งนี้เรามีแผนจะใช้เวลาร่วมกันน่ะ”
“อุ๊ย ฟังดูดีจังเลยนะคะ”
“ฉันสบายใจขึ้นมาหน่อย แต่ถ้าเธอทำให้เซียเบื่อ ฉันไม่ยกโทษให้แน่”
“เอ่อ… เรื่องนั้นฉันเองก็ไม่ค่อยมั่นใจเท่าไร…”
“หืม? ทำไมถึงคิดแบบนั้นล่ะ?”
เมื่ออาเรียถามขึ้นก่อน เอเลน่าก็เอียงคออย่างสงสัยเช่นกัน
“จริงๆ แล้วฉันเสนอว่าเราจะออกไปข้างนอกกัน แต่เซียบอกว่าอยากอยู่ในคฤหาสน์มากกว่า… ฉันก็เลยทำตามที่เธอต้องการ แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้เลยว่าจะทำอะไรให้สนุกในคฤหาสน์”
“อ๋อ แบบนั้นสินะ สำหรับเซียแล้ว การได้ใช้ชีวิตประจำวันร่วมกับนานน่าจะมีความหมายมากกว่าการทำอะไรพิเศษๆ ล่ะมั้ง นี่อาจเป็นเหมือน ‘โรคอาชีพ’ แบบหนึ่งก็ได้”
(TLN: โรคอาชีพ ก็โรคที่มาจากอาชีพนั่นแหละ)
“ถ้าอย่างนั้น แทนที่จะพยายามทำให้คุณเซียสนุก คุณอาจจะลองใช้เวลาร่วมกันแบบสบายๆ ดูก็ได้ค่ะ”
“อ่า จริงด้วยนะ”
เมื่อได้ยินคำแนะนำของอาเรีย เบเรธก็พยักหน้าเห็นด้วย
“ถ้าอย่างนั้น ทำไมไม่ลองทำตามที่เซียอยากทำทั้งหมดดูล่ะ? ปกตินายอยู่ในฐานะเจ้านาย แต่ลองเปลี่ยนมาอยู่ในฐานะที่ถูกสั่งบ้าง น่าจะสนุกนะ”
“โห ความคิดดีเลย! เอาแบบนั้นแหละ! เซียเองก็คงเกรงใจไม่น้อยแน่ๆ”
“!?”
อาเรียที่ได้ยินคำพูดนั้นก็ตกใจจนแข็งทื่อ
ปกติไม่มีทางที่เจ้านายจะยอมรับคำแนะนำแบบ ‘ลองถูกสั่งโดยสาวใช้ดู’
มันควรจะเป็นเรื่องที่แค่เสนอขึ้นมาก็อาจจะทำให้เจ้านายโกรธได้แล้ว แต่เบเรธกลับยิ้มอย่างพึงพอใจเหมือนกับว่าได้ยินอะไรดีๆ
“แต่ก็ระวังอย่าให้ดูเหมือนบังคับเกินไปนะ ต้องให้ทั้งสองฝ่ายพอใจถึงจะสำเร็จ”
“เข้าใจแล้ว ฉันจะคอยดูสถานการณ์ไปด้วย”
“ฝากด้วยนะ”
“อืม”
อาเรียที่ยังคงได้แต่ตกตะลึงกับการสนทนาที่ไม่น่าเป็นไปได้ของทั้งสองคน
“อ๊ะ โทษที ฉันขอตัวไปห้องน้ำก่อนนะ เมื่อกี้ยังเครียดเรื่องพรุ่งนี้จนคิดอะไรไม่ออกเลย”
“ไม่ต้องอธิบาย รีบไปเถอะ”
“ฮะฮะ งั้นฉันขอตัวก่อน ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะ”
เบเรธก้มหัวขอบคุณ แล้วหมุนตัวออกจากห้องเรียนไปยังทางเดิน
อาเรียมองตามแผ่นหลังของเขาด้วยความงุนงง