[WN]เกิดใหม่เป็นขุนนางสารชั่ว แต่ดันเป็นที่หมายปองของเหล่าสตรีสูงศักดิ์ซะงั้น? - ตอนที่ 106 กับอาเรียในห้องปิด 1
- Home
- [WN]เกิดใหม่เป็นขุนนางสารชั่ว แต่ดันเป็นที่หมายปองของเหล่าสตรีสูงศักดิ์ซะงั้น?
- ตอนที่ 106 กับอาเรียในห้องปิด 1
ตอนที่ 106 กับอาเรียในห้องปิด 1
“มี…ค่ะ”
คำพูดที่ไม่เหมาะสมกับคำว่า “นักร้องสาวผู้เลอโฉม” ถูกเปล่งออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
ยิ่งไปกว่านั้น อาเรียที่ตอนนี้ย่อตัวลง ปิดหน้าด้วยสองมือ ราวกับกำลังต่อสู้กับความอับอายตัวเอง ยิ่งทำให้เบเรธต้องกลั้นเสียงหัวเราะไม่อยู่
“ฮะๆ”
เขาหลุดหัวเราะออกมาอย่างไม่ตั้งใจ
‘แค่ถูกพามายังสถานที่แห่งนี้ และถูกตั้งคำถามว่า “ท่านมีเรื่องที่อยากจะพูดกับดิฉันใช่ไหมคะ?” แค่นั้นเอง… แต่ปฏิกิริยาแบบนี้ ก็ทำให้ข้าพอจะเข้าใจทุกอย่างแล้ว’
“ต้องขออภัยด้วยครับ ที่ผมไม่กล้าพูดตรงๆ และทำให้สถานการณ์ต้องขึ้นอยู่กับคุณแทน… ขอบคุณมากครับสำหรับที่ช่วยเหลือในงานเลี้ยงอาหารค่ำวันก่อน รวมถึงคำแนะนำในสวน”
“ม-มันใช่สิ! แผนทั้งหมดที่คิดไว้เละหมดเลยนะ! ที่ต้องวางตัวแบบเป็นทางการใส่คุณ มันน่าอายมากเลยนะ!”
“ฮะๆ ก็… ฝ่ายผมเองก็มีหลายสิ่งที่ต้องคิดเหมือนกันครับ แต่ผมต้องระวัง เพราะถ้าผิดพลาดขึ้นมา ก็อาจถึงขั้นล่มจมทั้งครอบครัวเลยทีเดียว”
เบเลธเพิ่งได้รับคำเตือนเช่นนั้นเมื่อไม่นานมานี้ ทำให้เขาไม่อาจตัดสินใจโดยประมาทได้
“อ้อ มีเรื่องที่สงสัยครับ… คุณรู้ได้ยังไงว่าผมคือคนเดียวกัน ทั้งที่ตอนนั้นมืดจนมองหน้าไม่เห็นเลย?”
“พอเทียบกับสิ่งที่ซาเนียบอก ก็รู้ทันทีเลย”
“ดูออกง่ายขนาดนั้นเลยเหรอครับ?”
“ก็มีแค่คุณเท่านั้นที่พูดถึงเรื่องดูแลเสียงของฉันได้ขนาดนั้น ตอนที่อยู่ในสวนวันนั้น คุณพูดในสิ่งที่ไม่มีใครรู้นี่นา”
ดวงตาสีชมพูสดใสของอาเรียหรี่ลงเล็กน้อย ขณะพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูน่ารักและจริงใจ
เบเรธมองดูเธอ รู้สึกว่าบรรยากาศระหว่างพวกเขายังคงเหมือนในวันนั้น ไม่มีอะไรเปลี่ยนไป
“แล้วก็… เอ่อ… ขอบคุณมากจริงๆ สำหรับวันนั้น คำแนะนำเรื่องการดูแลเสียงได้ผลมากเลย”
“ดีใจที่ได้ยินอย่างนั้นครับ ผมยังเป็นห่วงคุณหลังจากวันนั้นอยู่เลย”
“อุฟุฟุ คุณนี่แปลกคน รู้ตัวตนที่แท้จริงของฉันแล้วแท้ๆ แต่ก็ยังทำตัวแบบนี้ ทั้งที่คนอื่นถ้าเห็นฉันในสภาพจริงแบบนี้ต้องไม่ชอบแน่ๆ เลย”
สิ่งที่เธอพูดสะท้อนถึงแรงกดดันที่ต้องรักษาภาพลักษณ์ที่สมบูรณ์แบบมาตลอด
แต่ในเวลาเดียวกัน เบเรธรับรู้ได้ถึงความดีใจที่เธอได้รับจากการยอมรับในตัวตนที่แท้จริง
“พูดตรงๆ นะครับ ผมคิดว่าอาเรียในตอนนี้น่ารักกว่าตอนอยู่บนเวทีเสียอีก”
“ไม่จริงหรอกน่า~”
เธอตอบปฏิเสธ แต่สีหน้าเปี่ยมสุขของเธอกลับฟ้องความรู้สึกออกมาชัดเจน
ถึงแม้คำพูดของเบเรธจะฟังดูเหมือนคำชมเชยทั่วไป แต่เพราะเขาคือ “คนที่เธอคุยในสวน” ทำให้อาเรียรู้ว่ามันคือความจริงใจ
เธอเริ่มแกว่งตัวไปมาเบาๆ อย่างเห็นได้ชัดว่า ‘มีความสุข’
เพียงมองดูท่าทางนี้ ก็ยากจะเชื่อได้ว่าเธอคือคุณหนูผู้สง่างามที่เคยยืนบนเวทีร้องเพลงอย่างสง่าผ่าเผย
หากโลกนี้รู้จักอาเรียในแบบนี้มากขึ้น อาจมีคนที่ตกหลุมรักเธอมากขึ้นก็เป็นได้ แต่เบเลธก็รู้ดีว่าความเห็นเช่นนี้ คงเป็นเสียงส่วนน้อยในโลกแห่งความจริง
“ขอโทษนะ ที่ต้องทำให้เธอระวังตัวแบบนี้ เรื่องนี้มันเป็นปัญหาของครอบครัวน่ะ…”
“ไม่เป็นไรครับ อย่ากังวลไปเลย แค่ขอให้คุณอาเรียอย่าฝืนตัวเองเกินไปก็พอครับ… ผมจะไม่ลืมหรอกว่าคุณต้องเจ็บปวดกับเรื่องเสียงของคุณขนาดไหน”
“…”
แม้จะรู้ดีว่า “อย่าฝืนตัวเองเกินไป” เป็นคำขอที่อาจเป็นไปไม่ได้เพราะภาระหน้าที่ในครอบครัวของเธอ แต่เบเรธก็จงใจสบตาและพูดคำนี้ออกมาอย่างหนักแน่น
“แย่จริงเลย~ พอคุยกับคุณทีไร ฉันก็เริ่มควบคุมตัวเองไม่อยู่ทุกที… ก่อนหน้านี้ มีแต่ซาเนียที่พูดอะไรแบบนี้กับฉันได้นะ”
“จริงเหรอครับ?”
“ร-รู้อยู่แล้วแท้ๆ…”
อาเรียก้มหน้าลง เสียงที่พูดค่อยๆ เบาลงเรื่อยๆ ถึงจะมีบางจังหวะที่เธอพยายามใส่อารมณ์ขบขันเข้าไป แต่เบเรธก็รับรู้ได้ถึงความจริงจังในคำพูดของเธอ
“ฉันจะ…พยายามไม่ฝืนตัวเองให้มากเกินไปนะ”
“ตกลงเป็นสัญญาได้ไหมครับ? เพราะวันหนึ่งผมอยากฟังคุณอาเรียร้องเพลงอีกครั้ง”
“อืม… แน่นอน”
ถึงจะรู้ว่าในสถานการณ์ที่เธอถูกบังคับให้รับงานอย่างต่อเนื่อง การ “ไม่ฝืนตัวเอง” คงแทบเป็นไปไม่ได้ แต่เบเรธก็ต้องการให้เธอรับรู้ว่า “ยังมีคนที่อยู่ข้างเธอ”
“แบบนี้ ถ้าฉันดันทำลายเสียงของตัวเองก่อน คุณคงจะโกรธฉันแน่ๆ เลย…”
“เปล่าครับ ผมจะไม่โกรธหรอก”
“เอ๊ะ?”
“…ถ้าถึงเวลานั้นจริงๆ ผมแค่อยากบอกคุณว่า ‘คุณทำได้ดีมากแล้วครับ’ แต่แน่นอนว่า นั่นเป็นคำที่ผมไม่อยากพูดที่สุดเลยล่ะ~”
เบเรธเลียนแบบการลงท้ายประโยคแบบยืดเสียงของอาเรีย เพื่อไม่ให้บรรยากาศดูตึงเครียดจนเกินไป
“ฟุฟุ ไม่เหมาะกับคุณเลย~”
“ต-ติตรงนี้ทำผมเขินที่สุดเลยนะครับ…”
เบเรธที่รู้ตัวดีว่าเขาไม่ถนัดการเลียนแบบใคร ยิ่งเขินอายเมื่อโดนแซว แต่ถึงอย่างนั้น บรรยากาศที่ผ่อนคลายขึ้นก็เป็นไปตามที่เขาต้องการ
“คุณเป็นคนที่ยอดเยี่ยมจริงๆ เลยนะ ฉันเข้าใจแล้วล่ะว่าทำไมหลายๆ คนถึงหลงรักคุณ”
“ห-หลายคน…?”
“ใช่แล้ว~ เอเล่จัง ลูจัง แล้วก็เชียจังไงล่ะ ทั้งสามคนนั้นเป็นแฟนของคุณใช่ไหม?”
“อึ๊ก!? ค-คุณรู้ได้ยังไง…”
เรื่องที่เขาเพิ่งเริ่มคบหากับทั้งสามคนนั้นเป็นเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่วันก่อน และวันนี้ก็เป็นวันแรกที่พวกเขาใช้ชีวิตในโรงเรียนในฐานะแฟนกัน เบเาธจึงตกใจมากเมื่อความลับนี้ถูกอาเรียจับได้
“ฉันมีเหตุผลหลายอย่างนะ แต่สิ่งที่ทำให้มั่นใจก็คือตอนงานเลี้ยงวันนั้น ตอนที่ฉันร้องเพลง มีแค่สามคนนั้นที่มองคุณตลอดเวลาเลย ฉันดูออกชัดเจนเลยว่า ‘พวกเขาอดกลั้นความรู้สึกไม่ไหวแล้ว’ และฉันก็คิดว่า ‘หลังงานเลี้ยงนี้ พวกเขาคงสารภาพรักแน่ๆ’”
“…”
“แล้วยิ่งวันนี้ ดูจากระยะห่างระหว่างคุณกับเอเล่จัง ก็ยิ่งมั่นใจเข้าไปอีกว่าลูจังกับเชียจังก็เหมือนกัน”
“ห-แหะ… ดูออกง่ายขนาดนั้นเลยเหรอครับ? ผมไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนั้นนะ…”
“ไม่ใช่ตัวคุณหรอก แต่เป็นสายตาของเอเล่จังต่างหากล่ะ… เป็นสายตาที่มองคนพิเศษน่ะ”
“น-นั่นมันทั้งน่าดีใจแล้วก็น่าอายไปพร้อมกันเลย…”
สิ่งที่เขาไม่เคยสังเกตมาก่อนถูกอาเรียพูดออกมาอย่างตรงไปตรงมา เมื่อเขาคิดถึงเอเลน่าที่มักจะแสดงออกอย่างเย็นชา แต่กลับแสดงสายตาแบบนั้นกับเขา ก็อดรู้สึกเขินไม่ได้จนเผลอเกาแก้มด้วยนิ้วชี้โดยไม่รู้ตัว
“เอเล่จังที่เคยเย็นชาแบบนั้น พอเป็นเรื่องคุณ เธอก็เปลี่ยนไปเลยนะ… ฉันว่าตอนนี้เธอคงหลงคุณจนถอนตัวไม่ขึ้นแล้วล่ะ”
คำพูดที่เหมือนการโจมตีซ้ำของอาเรียทำให้เบเรธที่ตอนนี้หน้าแดงจัดก้มหน้าไปพักหนึ่ง