[WN]หนุ่มผู้ไม่เชื่อใจใครกับแกลสาวไร้เพื่อน - ตอนที่ 9 ถ้าฉันเข้าใจในสิ่งที่ฉันคิด
[โอ้…พี่ชายกลับบ้านมากับเพื่อน]
ฉันมองออกมาทางหน้าต่างห้องฉันและเห็นพี่ชายของฉันอยู่กับสาวสวย…และแยงกี้ผู้โด่งดังในข่าวลือ
ฉันตกตะลึงมากจนโยนชุดนอนที่ฉันกำลังจะเปลี่ยนทิ้ง และนั่งตัวตรงที่กลางห้อง
[และฉันก็คิดมาตลอดว่านายไม่มีเพื่อน…ฉันคิดว่านายทำเหมือนมี…]
หัวใจของฉันมันเจ็บ..ความรู้สึกที่ฉันไม่ได้รู้สึกถึงมันมานาน…หึงหวงสินะ?
ตอนที่ฉันยังเป็นเด็ก ฉันรักพี่ชายของฉันมาก ฉันน้อยใจมากที่พี่ชายเอาแต่เล่นกับเพื่อนสมัยเด็ก ชิซูกะ
ตอนที่ฉันได้ยินข่าวลือที่เลวร้ายของพี่ในโรงเรียน ฉันก็เอามาบอกแม่ด้วยความสนุกปาก
ฉันคิดว่าถ้าฉันทำแบบนั้น พี่ชายจะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเล่นกับฉัน…
ฉันรู้ว่าทุกคนคิดยังไง ทุกคนอาจคิดว่าฉันเป็นงี่เง่า
แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะทุกคนรักฉันที่เป็นคนงี่เง่าแบบนั้น
ในตอนที่ฉันทำเรื่องงี่เง่า ฉันจะไม่รู้ว่าฉันเป็นใครและทำอะไรไปบ้าง..
พี่ชายของฉันหยุดที่จะคุยกับชิซูกะ และก็ยังไม่คุยกับใครเลย
ฉันไม่ชอบพี่ชายในตอนที่เขาเข้าสู่ด้านมืด มันน่าเบื่อมากที่จะอยู่กับเขา
เขาไม่ตอบสนองกับอะไรที่ฉันพูดเลย มันทำให้ฉันหงุดหงิดและสุดท้ายก็กลายเป็นเรื่องปกติที่ฉันจะพูดถึงข่าวลือเกี่ยวกับเขาอย่างเว่อร์เกินจริง
ทั้งพ่อและแม่ทำดีกับฉัน แต่สิ่งที่ฉันหวังไม่ใช่ให้พวกเขาทำดีด้วยแต่เป็นโอนี่จังของฉัน…
เขามองฉันเป็นเพียงคนแปลกหน้า
และฉันคิดว่าถ้าฉันทำดีกับเขา พี่น่าจะตกหลุมรักฉันอย่างง่ายดาย..ในสักวัน
ตอนชั้นม.ต้น ข่าวลือเกี่ยวกับพี่ก็เกิดขึ้นอีก…
ฉันไม่รู้หรอกว่ามันจริงหรือไม่จริง
แม่เบื่อหน่ายและก่นด่าพี่ชายของฉันด้วยน้ำเสียงก้าวร้าว และฉันก็ผสมโรงเข้าร่วมก่นด่าด้วย…ฉันไม่สามารถหยุดตัวเองได้
ส่วนพ่อนั้นไม่ได้ร่วมด้วย ถึงเขาจะเข้มงวดแค่ไหน…แต่เขาก็พยายามที่จะนำพี่ชายคนเดิมกลับมา
แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม…สิ่งนั้นทำให้พ่อกับแม่ผิดใจกัน สุดท้ายก็บ้านแตกสาแหรกขาด…
ตอนนี้เขาไปอยู่ในที่ห่างไกลจากพวกเรามาก ถ้าเขายังอยู่ เขาคงจะยังพยายามช่วยดึงพี่ชายคนเดิมกลับมาได้…
ไม่ว่าฉันจะค้นหาวิธีไหนในหัวสมอง ฉันก็ไม่สามารถดึงพี่ชายกลับมาได้
พี่ชายที่อยู๋ข้างนอกในตอนนี้…เขามีใบหน้าที่สบายใจ
ฉันไม่เคยเห็นมันอีกเลยตั้งแต่….ฉันยังเป็นเด็ก
พี่ชายมืดมนลง แต่เขากับหล่อและเท่ขึ้น…การเรียนของเขาดีขึ้นสุดๆ และเขาก็กลายเป็นพี่ชายที่ฉันภูมิใจ
ฉันหวังว่าฉันจะได้เป็นเพื่อนกับเขาในสักวัน และฉันก็คิดว่ามันถึงเวลาแล้วที่ฉันจะทำมันในตอนที่พวกเราขึ้น ม.ปลาย
แต่มันสายเกินไปแล้วที่จะทำดีกับเขาในตอนนี้…ถ้าเพียงแค่ฉันทำดีกับเขาเร็วกว่านี้…
ถ้าฉันเข้าใจเขาเร็วกว่านี้…
ฉันแกล้งทำตัวเป็นคนงี่เง่าและไม่เข้าใจเขา
สุดท้าย…ฉันก็กลายเป็นคนงี่เง่าจริงๆ เมื่อเวลาผ่านไป..
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ทุกครั้งที่ฉันพูดคุยหรืออยากรู้อะไรเกี่ยวกับเขา..เป็นใจของฉันที่เจ็บปวด…
นั่นเป็นเพราะ..เขามองฉันเป็นคนแปลกหน้า…
ฉันพยายามจะคุยกับเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ทุกคำที่เขาตอบกลับมานั้นล้วนแสดงว่าตัวเขารู้สึกว่างเปล่า
แต่นั่นไม่ทำให้ฉันย่อท้อ ฉันควรที่จะงี่เง่ามากกว่าเดิม และนอนหลับเพื่อลืมความเศร้าทุกอย่าง
[ทำไมถึงต้องเป็น…แยงกี้ที่มีข่าวลือเลวร้ายเช่นมัน? เอาล่ะ..ได้เวลาต้องถามเขาแล้ว]
ตอนนี้ฉันรู้สึกแน่นที่อก (TLN:ต้องยกออก)
ฉันทรุดตัวลง
ทำไมฉันถึงรู้สึกแบบนี้?
ฉันทำอะไรผิดกัน?
…เป็นเพราะว่า พี่ชายคิดว่าฉันเชื่อข่าวลือรึเปล่า?
หนูก็แค่หยอกๆ ..พี่ชาย..สำหรับหนู…มันช้าเกินไปแล้วหรอ?
ฉันอยากที่จะสารภาพว่าทั้งหมดเป็นเพียงการหยอกเล่น…
แต่นั่นคือความจริง ฉันรู้ตัวเองดีว่าตัวเองโง่งมแค่ไหนที่เชื่อข่าวลือเหล่านั้น แต่มันก็เป็นแค่หยอกล้อไม่ใช่หรอ?
ฉันวิ่งออกมาจากห้องทั้งๆ ที่ฉันไม่ได้ใส่กางเกงนอนออกมาด้วย
พี่ชายกำลังจะเปิดประตูและเข้าไปในห้องของเขา
[นี่! โอนี่จัง! หนูซื้อเค้กที่พี่ชอบมาฝากด้วยยยย พวกเรามากินกันเถอะ!]
เขาทำเพียงแค่โค้งคำนับ (TSL : โค้งคำนับน้องตัวเองทำเป็นคนแปลกหน้าคิดยังไงก็โครตเจ็บอะบอกเลย)
[ฮารุกะซัง ผมขอโทษ ผมอิ่มแล้ว ราตรีสวัสดิ์]
เขายิ้ม…แต่รอยยิ้มนั้นทำให้ใจฉันเจ็บปวด…มันเหมือนกับว่าเขาไม่คิดว่าฉันเป็นคนในครอบครัวด้วยซ้ำ…
ฉันไม่รู้ว่ามันเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่ที่พี่ชายเรียกฉันว่า ฮารุกะซัง มันทำให้ฉันรู้สึกว่าอยู่ห่างไกลจากเขามากและมัน…ทำให้ฉันเจ็บ…
ประตูห้องปิดลงอย่างเงียบๆ
ฉันยังคงยืนอยู่ตรงนั้นทั้งๆ ที่ฉันใส่แค่กางเกงในตัวเดียว…
[ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ฮารุกะจะลืมทุกสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากหลับ มันจะ…มันจะ..ไม่..ป…เป็น…]
ฉันตบแก้มด้วยมือของตัวเองเพื่อที่จะดึงสติกลับมาและเดินกลับไปยังห้องนอนของฉัน
*********************************
[ขอบคุณสำหรับการอัปเดตในครั้งนี้ ฉันเองโปเมโกะ ตอนนี้ดูสดใสกว่าตอนที่ผ่านๆ มา และทำให้ฉันรู้สึกสนุก …….ดูแลตัวเองด้วยล่ะ ขอให้ผลงานดีแบบนี้ในตอนต่อๆ ไป ฉันรอคุณอยู๋นะ]
รู้ตัวอีกที…มันก็กลายเป็นกิจวัตรประจำวันไปเสียแล้ว
ฉันเช็กมือถือหลังคาบโฮมรูมผ่านไป ซึ่งทุกครั้งก็จะมีข้อความของโปเมโกะซังมาต้อนรับอยู่เสมอ
เวลาผ่านไปไม่กี่วันหลังจากวันนั้น แต่ฉันก็ไม่ได้คุยอะไรกับเธออีกเลยนับแต่นั้น
ผมไม่รู้เหตุผลของเธอหรอกนะ แต่พวกเราก็เคยถูกทรยศโดยใครสักคนที่เราเชื่อใจ
ผมไม่คิดที่จะเป็นเพื่อนกับใคร
หลังจากที่ผมเช็กมือถือเสร็จ ผมก็หยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน
ชิโนซูกะที่นั่งอยู่ข้างผมเองก็อ่านหนังสือเหมือนกัน
มันเป็นพื้นที่ที่เงียบสงบ
มันเป็นพื้นที่ที่สบายใจของเราสองคน
ในคาบโฮมรูม มีการกล่าวถึงรูปแบบการทัศนศึกษาที่กำลังจะจัดขึ้น
อาจาร์ยบอกให้พวกเราจับกลุ่มและส่วนที่เหลือปล่อยให้พวกเราจัดการกันเอาเอง
คนในห้องเสนอแนวคิดของตัวเองอย่างเก้ๆ กังๆ ที่หน้าห้อง
เหตุผลทั้งหมดที่ต้องทำแบบนั้นเป็นเพราะว่าพวกเขาต้องการสร้างกลุ่มตามที่พวกเขาหวัง
เพื่อนร่วมชั้นมีความสุขที่ได้จับกลุ่ม
มีเพียงแค่ชิโนซูกะจังกับผมที่ยังไม่คิดจะไปอยู่กลุ่มไหน
ยังไงพวกเราก็ต้องหาทางออกให้ได้ด้วยตัวพวกเราเอง
ดังนั้นพวกเราจะรอให้เวลาผ่านไป
ผมได้ยินเสียงกริ่งดังจากนอกห้อง
ในเวลาเดียวกัน ชิโนซูกะซังก็ยืนขึ้นอย่างฉับพลัน จึงช่วยไม่ได้ที่เก้าอี้จะส่งเสียงดัง
[เหอ…ช่วยไม่ได้สินะ]
เธอจ้องมาที่ผมก่อนที่จะเดินไปที่กระดานดำหน้าห้อง
นักเรียนในห้องต่างตื่นตระหนกเมื่อเห็นชิโนซูกะซัง
ทุกคนในห้องเริ่มที่จะซุบซิบกัน
[เธอดูไม่สบอารมณ์เลยนะ]
[น่ากลัวอิ้บอ๋าย]
[ฉันว่าฉันขาดวันไปทัศนศึกษาดีกว่าวะ]
ชิโนซูกะคำนับเล็กน้อยและพยายามจะคว้าชอล์กจากเพื่อนร่วมห้องด้วยแรง
[เห้ย!]
[มองหาพระแสงอะไร? หุบปาก! แล้วส่งนั้นมา ตูอยากกลับบ้านให้เร็วที่สุด]
เธอเริ่มเขียนอะไรบางอย่างด้วยชอร์ก
ตัวอักษรใหญ่และอ่านง่ายอย่างน่าประหลาด เธอเขียน ชิโนซูกะ ชินโจ และล้อมรอบมันด้วยวงกลม
ไซโตะซังกรีดร้องออกมาอย่างช่วยไม่ได้
[เอ๋!!!!!!!! ทำไม??? น…นั่นสินะ]
ส่วนชิโนซูกะซังเลือกที่จะละเลยเสียงนั้นและถามอาจารย์
[นี่คือกลุ่มของฉัน ไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหมคะ? ฉันไม่มีปัญหาอะไรกับเขาหรอกนะคะ ยังไงพวกเราก็ไม่เข้าพวกอยู่แล้ว]
[อ..อาจารย์]
นักเรียนคนอื่นถามอาจารย์เพื่อหาคำตอบ
อาจารย์บอกว่าไม่มีปัญหาอะไร
[อาจารย์คิดว่าไม่มีปัญหาอะไรนะที่จะมีกันแค่ 2 คน แค่วันจริงพวกเธออย่าพลาดที่จะไปก็พอแล้วแค่นั้นแหละ]
ชิโนซูกะซังถอนหายใจเล็กน้อยและกลับไปยังที่นั่งของเธอ
ผมสังสัย ว่าทำไมเธอถึงทำอย่างนี้?
ผมไม่ได้เป็น—
ชิโนซูกะซังพูดกับผมหลังจากที่นั่งลงแล้ว
[มันไม่ใช่ว่าฉันอยากรู้จักนายหรือว่าอะไร แต่ฉันแค่อยากที่จะกลับบ้านให้เร็วที่สุด]
[ผมรู้ ไม่เป็นไร]
คาบโฮมรูมก็จบลง ทั้งฉันและชิโนซูกะซังก็กลับบ้านเร็วกว่าปกติ
พวกเรากลับบ้านด้วยกัน แม้ว่าจะไม่ใช่เพื่อนกัน
แต่…
[ทำไมถึงสร้างกลุ่มสองคนกับผมละ? โปเมโกะซัง?]
[อะไร? ฉันก็แค่รอดูว่านายจะทำอะไรจนเมื่อยแล้ว ถ้าฉันไม่ทำมันล่ะก็ มันก็คงจบลงที่นายจะไปอยู่กับกลุ่มที่นายไม่ชอบ]
[นั่นก็จริง ผมไม่อยากไปอยู่กลุ่มไซโตะซัง…]
[ใช่ไหมล่ะ? เนียนตะ บางทีนายก็ควรที่จะพูดมันออกไปบ้างนะ]
[อืม..]
ผมรู้ดีว่ามันโดดเดี่ยวแค่ไหนที่จะไปทัศนศึกษาด้วยตัวคนเดียว
แม้ว่าทุกคนจะสนุกเมื่ออยู่กับเพื่อนๆ ของพวกเขา แต่ความเหงาและความแปลกแยกยังคงครอบงำผมอยู่ตลอด
ผมอยากจะมีจิตใจที่เข้มแข็งกว่านี้ มันยากมากในตอนนี้ที่ผมจะละเลยสิ่งเหล่านั้น
มันยังคงมีบางสิ่งที่ผมไม่เคยสัมผัส แต่จากประสบการณ์ที่ผมได้รับมาตลอดทำให้ผมคิดว่ามันไม่สำคัญอะไร
พวกเรากลับมาอยู่ที่โรงอาหารร้างแห่งเดิมกับเมื่อไม่กี่วันก่อน
มันไม่มีเหตุผลอะไรมากหรอก
เมื่อไหร่ก็ตามที่ผมมาที่นี่ ผมก็จะเจอโปเมโกะซังอยู่ที่นี่เช่นกัน
มันไม่ใช่เพราะผมอยากเจอชิโนซูกะ ผมแค่คิดว่าที่นี่ทำให้ผมแต่งนิยายได้ดีกว่าที่บ้าน ช
โปเมโกะดื่มน้ำผลไม้ขณะที่เธอยังคงกดแป้นพิมพ์อย่างเมามัน
[ว่าแต่ ตอนต่อไปเป็นยังไงบ้าง ฉันหมายถึง ต้นแบบนิยายที่ใช้ตีพิมพ์เป็นไงบ้าง?]
[ผมทำมันเสร็จแล้วเมื่อคืน แค่ปรับแก้นิดหน่อย ก็เสร็จละ มันพร้อมที่จะตีพิมพ์…]
ความจริงแล้ว…ผมลังเลมาก ผมต้องทำให้มันตราตรึงใจใครก็ตามที่หยิบมาอ่านให้มากที่สุด
แต่ผมยังไม่มีประสบการณ์มาก่อน…มันอาจจะมีผลต่อครอบครัวของผม ถ้าพวกเขารู้ว่าผมทำอะไร…
[ดี ทำให้ดีที่สุดละ นายต้องไปพบกับพี่สาวฉันอีก 2 วันหลังจากนี้ใช่ไหม? ถึงเธอจะพูดมากไปหน่อย แต่เธอก็เป้นคนที่เอาการเอางานมากเลยล่ะ…นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเธอถึงไม่มีแฟนสักที]
เกิดอะไรขึ้น? ชิโนซูกะ เธอเหมือนจะอารมณ์อ่อนลง? เหมือนตอนเป็นโปเมโกะ?
ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าเธอคิดยังไงกับเซโกะซัง
[เธอดูชื่นชอบพี่สาวของเธอมากเลยนะ]
[ไอ้คนงี่เง่า! ไม่ มันไม่ใช่แบบนั้น…พวกเราเป็นครอบครัว…]
[อา…ครอบครัวสินะ]
พ่อของผมละ? ผมไม่เคยเจอเขามานานมากละ แต่ผมคิดว่า…ถ้าเขายังอยู่ตรงนี้ เขาคงสนับสนุนผม
[นี่ เนียนตะ อย่าทำหน้าเศร้าแบบนั้นสิ มาแข่งกันดีกว่า]
[หัวข้อละ?]
[หืมมม เกี่ยวกับการทัศนศึกษาเป็นไง?]
[ได้! 500 คำเป็นไง?]
[โอเคร เริ่ม!]
พวกเรากำลังจะเขียนเรื่องย่อ และให้พี่สาวของเธอตัดสินว่างานของใครดีกว่า
นี่เป็นเกมที่มีแค่ผมกับโปเมโกะที่เล่นได้
ผมไม่ได้มีเจตนาที่จะสนิทกับเธอ และผมคิดว่าเธอก็คงคิดเช่นเดียวกับผม
-ผมกลัวที่จะถูกทรยศ
ดังนั้นผมจะไม่ก้าวข้ามเขตของกันและกันไปมากกว่านี้
[เย้! ฉันเสร็จแล้ว ฉันชนะ ความเร็วมักเป็นของปีศาจ!]
[โปเมโกะ เธอดูสนุกกับมันนะ]
[หุบปากไปเลย ไหนขอดูของนายซิ]
พวกเราแลกเปลี่ยนมือถือกัน ผมไม่เคยที่จะให้มือถือกับใครมาก่อน เพราะผมกลัว
ผมเคยโดนขโมยมือถือไปดูมาก่อนเช่นกัน…ผมไม่คิดที่จะจำเรื่องนั้นไว้ในความทรงจำด้วยซ้ำ
โปเมโกะซังอ่านเรื่องย่อของผมในมือถือ และเธอแสดงสีหน้า โคตร-มี-ความ-สุข
ผมรู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกไปที่หน้าของผมไว้ ผมจึงลองสัมผัสใบหน้าของผม
ใบหน้าของผมบิดงอไปจากปกติ..
ไม่สิ..มันน่าจะเป็นใบหน้ายิ้ม ยิ้มอย่างแท้จริง ไม่มีการเสแสร้ง
เยี่ยม..ผมว่าผม…ก็รู้สึกสนุกเช่นกันในตอนนี้
มันก็ควรที่จะสนุกแหละ แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง บางสิ่งบางอย่างกำลังจะออกมาจากส่วนลึกที่สุดในใจ
ผมพยายามที่จะข่มความรู้สึกภายในใจที่กำลังจะออกมานั้นให้มากที่สุด และก้มตาอ่านเรื่องย่อของโปเมโกะ
ตัวอักษรที่โปเมโกะเขียนนั้น เริ่มเลือนรางและเบลอจนอ่านไม่ออก…
[เฮ้! นายร้องไห้เหรอ? เนียนตะ!? ใจเย็นๆ มันแค่งานเขียนนะ!]
ผม—ตอบคำถามเธออย่างจริงใจ
[ใช่…นั่นเป็นเรื่องจริง…โปเมโกะเป็นคนที่น่าอัศจรรย์ ]
[ฮึมๆ …อย่าชมแบบนี้สิ…]
รอยยิ้มของโปเมโกะสลักอยู่ภายในใจของผมเป็นที่เรียบร้อย