[WN]หนุ่มผู้ไม่เชื่อใจใครกับแกลสาวไร้เพื่อน - ตอนที่ 7 ผมที่อยู่อย่าง(ไม่)โดดเดี่ยวในศูนย์อาหาร
- Home
- [WN]หนุ่มผู้ไม่เชื่อใจใครกับแกลสาวไร้เพื่อน
- ตอนที่ 7 ผมที่อยู่อย่าง(ไม่)โดดเดี่ยวในศูนย์อาหาร
[มาโกโตะ พอมีเวลาไหม?]
มันเป็นเช้าวันหยุดสุดสัปดาห์ ผมตื่นแต่เช้าเพื่ออัปนิยายตอนใหม่ของผม และกำลังออกจากบ้านของผม
ถ้าผมไม่ออกจากห้องนอนโดยเร็ว แม่เลี้ยงและน้องสาวไม่แท้จะเข้ามายุ่งกับผม
ผมมักใช้เวลาอยู่ที่สวนสาธารณะหรือศูนย์อาหาร
[ขอโทษนะครับ ผมมีธุระกับเพื่อน ผมต้องไปก่อน…,]
แน่นอนว่าที่จริงผมไม่มีเพื่อน ถ้าผมมีแผนจะเจอใครสักคน มันคงจบตั้งแต่ที่ผมคิดว่าผมน่าจะรบกวนวันหยุดของพวกเขา
น้องสาวของผมโผล่ขึ้นมาจากหลังของแม่เธอ
[นี่ พี่จ๋า ฉันเหมือนจะได้ยินสิ่งที่น่าตกใจมาก แต่ฉันจำไม่ได้แล้วว่ามันคืออะไร พี่พอรู้ไหมว่าที่ฉันพูดหมายถึงอะไร]
[ผมไม่รู้….]
ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเธอลืมมัน…ช่างเป็นผู้หญิงที่น่ากลัวเสียนี่กระไร
แม่เลี้ยงถอนหายใจและบอกน้องสาวผม
[ฮาฮา ทำไมลูกไม่ลองทำแบบพี่เขาบ้างละ เรียนและออกกำลังก็ได้]
[เฮอะ หนูรู้ หนูภูมิใจที่ได้เป็นน้องสาวของพี่ โอ้ใช่แล้ว วันนี้พวกเราจะไปช็อปด้วยกันนิ! หนูตั้งตารอวันที่จะได้ออกไปกินข้างนอก!]
[งั้นก็รีบไปเตรียมตัวซะ พี่แกพร้อมแล้ว]
[ไม่เป็นไรครับ ถ้าผมไปจะรำคาญเสียเปล่าๆ พวกคุณไปกันเถอะ]
แม่เลี้ยงผมแสดงสีหน้าขมขื่นเล็กน้อย
[รู้ไหม? การไปเที่ยวกับครอบครัวไม่ใช่อะไรที่ผิดเลยนะ ลืมเรื่องที่แม่เคยทำกับลูกในอดีตซะ ตอนนี้ลูกอยู่ ม.ปลายแล้ว อย่าไปใส่ใจกับเรื่องในอดีตเลย]
-ตอนนี้ลูกอยู่ ม.ปลายแล้ว…
ผมไม่จมไปกับสิ่งเหล่านั้นอยู่แล้ว ผมไม่ได้รู็สึกอะไรอีกแล้ว
ผมไม่ได้จะพยายามกลับไปเป็นคนงี่เง่าคนเดิมอีกแล้ว
อันที่จริง ทำไมแม่เลี้ยงอย่างคุณต้องมายุ่งกับผมในตอนนี้ด้วยล่ะ?
ในช่วงพิธีจบการศึกษา ม.ต้น น้องสาวและแม่เลี้ยงออกไปกินข้าวข้างนอกกันโดยไม่สนใจผมด้วยซ้ำ
ผมตรงกลับบ้าน และพวกเขากลับบ้านดึก
[โอ้ แม่ได้ยินจากฮารูกะว่า ลูกไปงานจบการศึกษากับเพื่อน ใช่….และลูกอยู่คนเดียว…]
[ไม่ต้องกังวลกับมันเลยครับ ผมอยากจะขอเรื่องหนึ่ง ผมขอทำงานพาร์ทไทม์จนเข้าม.ปลายได้ไหม?]
[ลูกหางานทำไม่ได้หรอก…ตอนนี้โรงเรียนปิดอยู่…]
[ขอบคุณครับ]
[จริงๆ แล้ว วันนี้เรามาเพื่อฉลอง…]
[มันสิ้นเปลืองเงิน ราตรีสวัสดิ์]
นิสัยของแม่เลี้ยงของผมไม่มีทางเปลี่ยนไป ไม่ว่าจะตอนนี้หรือในอดีตก็ตาม นิสัยของคนไม่ว่าใครก็ไม่เปลี่ยน
แม้แต่คุณก็เปลี่ยนไม่ได้หรอก
[เพื่อนของผมกำลังรอผมอยู่ ดังนั้นผมไม่สามารถออกไปกับพวกคุณอย่างฉุกละหุกได้]
น้องสาวขัดจังหวะการพูดของผม
[โอนี่จัง ได้โปรดอย่าพูดถึงเพื่อนที่ไม่มีตัวตนของพี่… นี่! ทำไมพวกเราไม่ออกไปด้วยกันล่ะ สนุกน้า ได้กินเนื้อด้วย ฮิฮิ แล้วก็หนูอยากเดินจูงมือของโอนี่จังด้วย]
ผมรู้ เธอรู้จักผมดี เพราะพวกเราไปและอยู่โรงเรียนเดียวกัน
[มาโกโตะ มากับพวกเราเถอะ ลูกเป็นลูกชายคนโตของครอบครัวเรา ด้วยการเรียนของลูกในตอนนี้ แม่เชื่อว่าลูกสามารถที่จะเข้ามหาวิทยาลัยดีๆ ได้งานในบริษัทที่ดี หาคู่ครองที่ดีและมีความสุข สิ่งที่ลูกขาดมีแค่ความสามารถในการสื่อสารแค่นั้น ดังนั้น เริ่มจากครอบครัว….]
ผมต้องการมีชีวิตที่สงบสุข
และไม่ใช่เส้นทางที่มีใครกำหนด โดยเฉพาะแม่เลี้ยงของผม
ไม่ว่าพวกเขาจะบอกว่าพวกเราเป็นครอบครัวแค่ไหน แต่สุดท้ายแล้ว พวกเราก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกัน ผมเป็นเพียงแค่คนแปลกหน้าและเป็นรูมเมท
ผมขอบคุณพ่อแม่ที่เลี้ยงดูผมตามหน้าที่ ทันทีที่ผมเรียนจบ ผมต้องการที่จะทำงานเพื่อที่จะใช้เงินคืนพวกเขาที่เลี้ยงดูผมมา
คำพูดของแม่เลี้ยงผม สำหรับผมเล่นมันไม่มีค่าที่จะใส่ใจ
เมื่อแม่เลี้ยงได้ยินเรื่องเล่าที่ถูกแต่งเติมผ่านน้องสาวของผม เธอพูดว่า :
[แม่ไม่สนใจว่าความจริงเป็นยังไง ไม่ว่ายังไงมันก็เป็นความผิดของลูก เมื่อข่าวลือมันออกมาแล้ว แม่ไม่รู้ว่าแม่จะทำตัวอย่างไร…แม่กำลังวุ่นวาย…และกำลังมีปัญหา..กับการพูดคุยระหว่างงานพบปะเพื่อนของแม่ แม่ไม่รู้จะทำตัวยังไงถ้าพวกเขาพูดถึงข่าวลือของลูก….]
นี่คือสิ่งที่แม่คิด ไม่ว่าผมจะทำหรือไม่ทำ เธอก็จะสนเพียงแค่หน้าของตัวเองในสายตาของเพื่อนๆ เธอเท่านั้น
ไม่ว่ายังไงก็ตาม น้องสาวของผมก็เป็นคนร้ายที่ทำเรื่องนี้อยู่ดีอย่างไม่ต้องสงสัย
ผมโค้งคำนับอย่างสุดซึ้ง (?)
-ผมต้องออกจากบ้านให้เร็วที่สุด ผมคิดแค่นั้น
[แม่ไม่เชื่อคำพูดของผมอย่างแน่นอน ผมขอโทษ มันคือความผิดของผมอีกครั้ง และอีกครั้ง]
[ม…แม่ไม่ได้หมายความแบบนั้น…]
[โอนี่จัง….]
ผมไปที่ห้างร้างที่ห่างจากบ้านของผมพอควร
ผมใช้เวลาในการเดินไปราวๆ 30 นาที ก็ถึง
ห้างใหม่ถูกสร้างขึ้นที่หน้าสถานีที่ใกล้ที่สุดและลูกค้าทั้งหมดก็ไปยังที่นั่น นั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมห้างถึงร้างไร้ผู้คน
ถ้าน้องสาวของผมต้องการไปเที่ยวเธอน่าจะไปห้างใหม่ เธอไม่คิดที่จะมาห้างร้างแห่งนี้หรอก
เมื่อผมไปถึงที่ศูนย์อาหารในห้างนั้น ผมเห็นชิโนซูกะซังกำลังกินอาหารอยู่คนเดียวในนั้น
-ไม่คิดว่าจะเจอเธอที่นี่
การที่เรามาเจอกันที่นี่ หมายความว่า บ้านของผมและเธอคงไม่ห่างกันมากนัก
ชิโนซูกะซังคงจะคุ้นเคยกับที่นี่ เธอนั่งอยู่ตรงท้ายสุดของศูนย์อาหาร
เธอสวมเสื้อเจอร์ซีย์ที่พวกแยงกี้มักชอบใส่ และมองไปยังมือถือของเธอด้วยสีหน้ากังวล สังเกตุได้จากคิ้วของเธอที่ขมวดเป็นปม และกัดขนมปังชิ้นเล็กๆ เข้าปาก
แต่ไม่ว่ายังไง…เธอยิ้มอยู่ในตอนนี้
มันไม่เหมือนว่าเธอจะโกรธแม้แต่น้อย เธอมีความสุขและสนุกไปกับมัน
หลังจากนั้น เธอก็เก็บมือถือของเธอและเริ่มพิมพ์คีย์บอร์ด?
ผมคิดว่าน่าจะเป็นเพจนิยาย
ผมอยากรู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป ดังนั้นผมจึงตัดสินใจเข้าเพจนิยายของผม
จากนั้นผมก็เข้าไปที่เพจของ โปเมโกะ
[โอ้ ไม่มีทางนาาาาาา]
ผมไม่ได้ตั้งข้อสงสัยอะไรกับสิ่งนี้ แต่ผมกำลังตกตะลึงกับสิ่งที่ผมได้พบ
งานเขียนของโปเมโกะเยอะมาก แบบเยอะโคตรๆ
….และ…มีเรื่องที่ [ได้ทำเป็นหนังสือ] มีตัวละครอยู่ในเรื่องนั้นด้วย
แต่ไม่ว่ายังไงเธอก็ไม่ได้อัปเดตมันราวๆ ปีได้แล้ว
เมื่อผมกลับมายังหน้าเพจนิยายของผม ผมก็พบกับข้อความสีแดงอีกครั้ง
[ฉันเอง โปเมโกะ ฉันได้อ่านตอนล่าสุดของอาจารย์แล้ว มันช่างเป็นเรื่องราวที่เจ็บปวด แต่เราไม่สามารถกลับไปยังอดีตเพื่อแก้ไขมันได้แล้ว…มันเยี่ยมมาก…ฉันดีใจที่ฉันได้อ่านเรื่องนี้จนมาถึงตอนนี้ ฉันเข้าใจความรู้สึกของตัวละครหลักเป็นอย่างดี มิคิ ซาบุโระ ฉันรู้ว่ามันยากในการเขียนแต่ละตอน แต่ขอให้คุณเขียนตอนต่อไปให้ดีแบบตอนนี้ ทำให้ดีที่สุด! โปเมโกะ]
เท้า 2 ข้างของผมขยับเดินไปเอง
ผมซื้อน้ำผลไม้ 2 แก้ว และเดินไปยังที่ที่ชิโนซูกะซังนั่งอยู่
ผมเดินเข้าไปใกล้จนได้ยินเสียงพึมพำของเธอ
เธอไม่ได้สังเกตุเห็นถึงการมาของผมเลยแม้แต่น้อย
[เยี่ยม เฮเฮ้ ขอให้โชคดี]
เสียงที่เธอพึมพำนั้นอ่อนโยน ต่างจากภาพลักษณ์ของเธอมาก
ผมหยุดเดิน และหยุดอยู่แต่เพียงตรงนั้น
ชิโนซูกะซังน่าจะรู้สึกได้ว่ามีใครบางคนมาถึง เธอใช้เสียงที่เธอใช้เป็นประจำ แต่ก็ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองคนที่มาแต่อย่างใด
[ถ้าแกกำลังมองหาที่นั่งอยู่ ที่นี่ไม่มีที่นั่งสำหรับแก ออกไปจากตรงนี้ซะ….เฮ้ย ฟังที่ตูพูดไหมเนี่ย โอ้–]
เธอยกหัวของเธอขึ้นอย่างช้าๆ และจ้องมองมายังผมที่ยังไม่เดินไปไหน
[นายมาทำอะไรที่นี่เนี่ย? …คุณชินโจ ฉันไม่รู้จักกับนายนะ-]
ผมเลือกที่จะนั่งลงตรงที่นั่งตรงเก้าอี้ว่างข้างหน้าของชิโนซูกะซัง
ชิโนซูกะซังทำหน้าเบื่อหน่าย ผมได้ยินเสียงเดาะลิ้นไม่พอใจจากเธอ
[ใช่ ผมไม่สนิทกับเธอเลยแม้แต่น้อย]
[หืม? นายไม่ใช้คำพูดสุภาพแบบตอนที่อยู่ในห้องเรียนเรอะ? ฉันหมายถึงนายไม่กลัวฉันหรอ? ฉันอาจจะไม่น่ากลัวเท่านาย แต่นายก็เคยได้ยินสิ่งที่ฉันเคยทำใช่ไหม? ออกไปเถอะ]
ผมขอโทษละกัน แต่ผมไม่รู้สึกว่ามันน่ากลัวเลยแม้แต่น้อย ตอนนี้เธอเหมือนแมวตัวน้อยที่กำลังข่มขู่ภัยคุกคาม ผมจะกลัวมากกว่าถ้าเธอเป็นคนใจจืดใจดำ ว่าแต่? ข่าวลือเรื่องของผมมีอีกแล้วหรอ? …อ่าช่างมันเถอะ ผมไม่เคยใส่ใจมันอยู่แล้ว
[ผมเคยได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับเธอมาแล้ว…เธอก็รู้ ผมไม่เคยสนใจข่าวลือ ผมไม่รู้ว่าเขาเป็นคนยังไง ไม่รู้ว่าถูกหรือผิด]
ผมรู้สึกว่าตอนนี้ผมได้ขาดความสามารถในการสื่อสารไปชั่วคราว…ทำไมผมถึงไม่ใช้คำสุภาพกันนะ?
มันเกิดอะไรขึ้น? ผมไม่ได้มีความพยายามที่จะเข้าไปยุ่งกับชีวิตของชิโนซูกะซัง (TSL : โม้)
ข้อความสีแดงที่ผมเคยได้รับกลับมาในความคิดผมอีกครั้ง
[โอเค…อย่าสนใจฉัน…ฉันไม่ต้องการที่จะยุ่งเกี่ยวกับใครก็ตาม]
ข่าวลือเกี่ยวกับชิโนซูกะซังเป็นสิ่งที่น่ากลัวมาก เธอเป็นลูกสาวของเจ้าพ่อมาเฟีย เธอเป็นคนเลว เธอเป็นยัยร่าน เอากับผู้ชายไม่เลือกหน้า และทำมันบนถนนตอนกลางคืน
ผมไม่เชื่อข่าวลือเหล่านั้น เพราะผมเคยได้รับประสบการณ์มาก่อนและผมรู้ดี ว่าข่าวลือมันเลวร้ายกว่าความเป็นจริงมากเพียงใด
ผมเอาแก้วน้ำผลไม้ที่ผมซื้อมายื่นให้ข้างหน้าเธอ
[เอาน้ำผลไม้ไหม?]
ผมรู้สึกว่าบรรยากาศรอบตัวเธอน่ากลัวขึ้น ใบหน้าเธอที่น่ากลัวอยู่แล้วดูน่ากลัวขึ้นไปอีก ผมว่าผมน่าจะไปสะกิดโดนอะไรบางอย่างในตัวเธอ แต่ผมก็ไม่รู้เช่นกันว่าผมไปสะกิดโดนอะไร
เธอพยายามที่จะปัดและส่งน้ำผลไม้คืนให้ผม
[เห้ย!]
ผมรับมันคืนอย่างระมัดระวัง แต่ด้วยโมเมนตัมเลยทำให้น้ำผลไม้บางส่วนกระเด็นและหกออกมาจากแก้ว
น้ำผลไม้หกใส่คีย์บอร์ดของชิโนซูกะซังอย่างช่วยไม่ได้
ผมวางแก้วน้ำผลไม้ไว้บนโต๊ะก่อนที่จะหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋า
ผมเช็ดน้ำผลไม้ที่หกอย่างระมัดระวัง
[ขอโทษนะ…มันสกปรกไปหมดเลย]
[…มันยากที่คีย์บอร์ดจะพัง มันเป็นน้ำผลไม้ที่ผมซื้อมา ผมไม่ต้องการให้คุณตอบแทนคืนหรืออะไรแบบนั้น ผมไม่ได้ทำแบบนี้เพื่อเธอ อย่าเข้าใจผิดไป]
[โอ้! แล้วแกต้องการอะไรจากฉ๊านนนน ห้ะ! ไม่ใช่ว่าแกไม่ต้องการเพื่อนคุยเรอะ!?]
ถามผมว่า ผมต้องการอะไรหรอ? ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผมต้องการอะไร…
รู้ตัวอีกทีผมก็เดินมาที่ชิโนซูกะซังอยู๋เสียแล้ว
หรือว่าผมมีอะไรอยากจะถามเธอหรอ? ผมต้องการอะไรกันแน่?
จู่ๆ ปากของผมก็ขยับไปเองซะอย่างนั้น
[มันไม่ใช่เพราะว่าผมอยากเป็นเพื่อนกับเธอหรอกนะ ผมไม่ต้องการที่จะเชื่อใจเธอ และเช่นเดียวกันผมก็ไม่อยากที่จะหักหลังเธอ]
[อืม…เช่นกัน ฉันก็ไม่อยากเป็นเพื่อนกับนาย ฉันไม่ต้องการมัน]
ผมจิบน้ำผลไม้ของผม
มือของผมสั่นและเปียกเล็กน้อย แต่ผมกลับรู้สึกสบายใจ
ใช่ พวกเราไม่อยากเป็นเพื่อนกัน
พวกเราไม่ต้องการเพื่อน
ชิโนซูกะซังในชุดเจอร์ซี่ทำให้เธอดูน่ากลัวน้อยลง
ตอนนี้เธอดูเหมือนหมาปอมเมอร์ริเนียนที่เคสมืถือของเธอ (TSL : มองผญ.เป็นหมาวะ)
[ทำไมคุณเลิกเขียนนิยายละ คุณโปเมโกะ]
[ฮาย๊ะ ทำไมนายถึงมาคุยเรื่องนั้นที่นี่? อย่าน้าาา อย่าพูดถึงมัน ฉันอายมากกกก ฉันนึกว่านายจะทำเป็นไม่รู้จักฉันแล้วใช้ชีวิตตามปกติต่อไป แต่นี่มันอะไรกันนน!?]
[นั่นก็จริง เราไม่ได้ต้องการจะเป็นเพื่อนกัน]
-แต่ผมหยุดมันไม่ได้
[เห้อ ไม่เป็นไรหรอก ฉันหมายถึง…นาย เนียนตะ เรื่องที่นายเขียนมันไม่ต่างอะไรจากโคนันเลยนะ ไปที่ไหนก็มีใครตาย ตายเต็มไปหมด นิยายของนาย มันทำให้คนอ่านอย่างฉันต้องรู้สึกบีบหัวใจ นายต้องแคร์ตัวละครที่นายสร้างขึ้นมาด้วยนะรู้ไหม? ไม่ใช่นายจะเอาอย่างโคนันมีคนตายทุกตอนไม่ได้!!! แต่ฉันให้อภัยได้…เพราะ นางเอก…โครตตตตน่าร๊ากกกกกกก อร๊ากกกกกก] (TSL:เติมข้อความเยอะไปนิด555)
[ผมสามารถอ่านนิยายที่เธอเขียนตอนนี้ได้ไหม? ผมไม่เคยอ่านมาก่อนเลยรู้ไหม?]
-มันไร้สาระมากที่จะคุยเรื่องนี้ อย่าพูดถึงมันอีกเลย
[เห้! อย่าทำแบบน้าาาาานนนน นิยายที่ฉันเคยเขียนมันแย่มากกกกก]
[หืม? แนวโรแมนติกเหรอ? ผมไม่เคยอ่านแนวนี้มาก่อนเลย]
-ทำไมผมถึงหยุดตัวเองไม่ได้?
[เนียนตะ อย่าดูมันนะ และก็อย่ามามองหน้าฉันตอนนี้ด้วย!!]
[โอ้…ดำเนินเรื่องเร็วมาก ห้ะ ตายแล้ว wtf?]
-ปากขยับไปเองอีกครั้ง
[เรื่องของนาย อยู๋ดีๆ ก็มีคนตายเหมือนกัน! และถ้านายอยากจะอ่านเรื่องที่ฉันแต่งมากนะ ไปอ่านที่บ้านไป๊!!! และอ่านมันช้าๆ อย่ามามองผ่านๆ แบบนี้!!!]
ผมไม่ได้ต้องการเป็นเพื่อนกับชิโนซูกะซัง คนที่อยู๋ภายในตัวชิโนซูกะซังนั้น คือ โปเมโกะซัง
-โอเค ผมจะไม่ทำผิดอีกต่อไปแล้ว
ตอนที่ผมคุยกับโปเมโกะซัง ด้วยเหตุผลบางอย่างผมรู้สึกว่าตอนนี้เธอจะมีตัวตนเดียวกับตอนที่ส่งข้อความมาให้ผม
สิ่งที่ผมรู้อีกอย่างคือ พวกเราอยู่ในศูนย์อาหารที่ห่างไกลไร้ผู้คน พูดกันไปเรื่อยๆ จนเวลาล่วงเลยไป ก็ยังไม่หยุดคุยกัน พวกเราไม่ได้พูดถึงเกี่ยวกับตัวตนของอีกฝ่าย แต่พูดถึงตัวตนของนักเขียนที่ชื่อโปเมโกะและเนียนตะเพียงเท่านั้น