[WN]หนุ่มผู้ไม่เชื่อใจใครกับแกลสาวไร้เพื่อน - ตอนที่ 24 ซึนเดเระ
============================
ชิโนซึกะไปยืนตรงหน้าเด็กสาวที่กำลังร้องไห้
เธอเหมือนจะรับรู้ถึงการมาของพวกผม เธอจ้องเขม็งมาที่พวกผมด้วยใบหน้าบูดบึ้ง
ขณะที่เธอพูด เธอก็สูดขี้มูกเข้าไปด้วย
[มองมาที่หนูทำไม? อย่ามายุ่งกับหนูนะ!]
ชิโนซึกะพูดกับเด็กน้อยคนนั้นด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตร
[น้องหลงทางใช่ไหม? พี่หวังว่าจะช่วยอะไรน้องได้นะ] //โทนเสียงน่ารักๆ
สายตาของเด็กคนนั้นมองออกไปข้างหลัง ตรงที่มีเด็กรุ่นราวคราวเดียวกันอยู่
เด็กๆเหล่านั้นต่างพากันเดินออกห่างไปเรื่อยๆ หัวเราะเยาะ และปล่อยเธอทิ้งไว้ข้างหลัง
มันเป็นบรรยากาศที่ผมเกลียดที่สุด
เด็กน้อยพึมพำออกมา
[อา…]
.ใบหน้าของเธอตอนนี้ดูก้าวร้าวขึ้นมาก
เด็กสาวปล่อยกระเป๋าอันแสนหนักอึ้งลงบนพื้น
[พวกพี่จะมาสนใจหนูทำไม! หนูนะ…ไม่ได้รู้สึกเหงาหรือโดดเดี่ยวอะไรหรอกนะ อย่าสนใจหนูเลย อย่าเห็นใจหนูเลยนะ….]
ชิโนซึกะตอบเธอโดยยังคงสงวนท่าทีไว้
[อืม จริงสิ พี่ชื่อ ชิโนซึกะ แอนริ นะ แล้วก็พี่ชายคนนี้มีชื่อว่า ชินโจ มาโกโตะ พวกพี่มาที่นี่เพื่อมาทัศนศึกษาเหมือนกับน้องนั่นแหละ น้องชื่ออะไรบอกพี่ได้ไหม?]
[ฮิซากิ ชิศา อยู่ป.3 คงพอใจแล้วนะพี่? เอาเป็นว่าปล่อยหนูไว้ตรงนี้ แล้วไปจีบกันต่อเถอะ]
ชิโนซึกะก้มตัวลงมา เพื่อให้สายตาของเธออยู่ตรงกับสายตาของฮิซากิ
[อืม…แล้วน้องจะไปไหนต่อละ? หรือว่ามีนัดกับเพื่อนไว้ที่ไหนรึเปล่า? น้องมีแผนจะไปไหนกับใครสักคนไหม? แล้วน้องไปคนเดียวได้แน่นะ?]
[มันไม่ใช่เรื่องของพี่สาวสัหน่อยนิ! และหนูก็ไม่สนใจจะรับรู้เรื่องของใครก็ตามรวมถึงพี่สาวด้วย! คนพวกนั้นนะ…เต็มไปด้วยความริษยา เกลียดชังหนู หนูน้อยใจพระเจ้า…ที่ส่งให้หนูเกิดมาเจอกับเพื่อนๆที่ต่ำตมเหล่านี้…ใช่…หนูก็แค่น้อยใจ…ฮึก…]
ในตอนนี้ชิโนซึกะดูอ่อนโยนกว่าปกติมาก
ถึงแม้ว่าพวกเราไม่อยากที่จะข้องเกี่ยวกับคนแปลกหน้า
แต่ชิโนซึกะกลับทำมัน…และเธอไม่หยุดเพียงเท่านั้น
ชิโนซึกะหยิบหูของ Usapin ที่เธอพึ่งซื้อมาจากร้านขายของที่ระลึก และสวมลงไปที่หัวของเด็กคนนั้น
[นี่! เธอดูน่ารักมากเลยนะตอนสวมหู Usapin ว่าไหม? ชินโจ]
[น..นั่นสินะ แม้ว่ามันจะไม่เท่าเธอก็เถอะ…] (หยอดแล้วหนึ่ง : TSL)
ใบหน้าของเด็กสาวผู้ที่ยังคงมีคราบน้ำตาเหลืออยู่เปลี่ยนเป็นสีแดงและจ้องมองมาที่ผม
[หุบปาก! พวกพี่ก็สวมมันไว้บนหัวเหมือนกันใช่ไหม? หรือนี่คือการแกล้งรูปแบบใหม่กัน? พวกพี่คิดจะทำอะไรกับหนู? ฮึก…]
เด็กสาวพยายามที่จะกลบเกลื่อนเสียงที่สั่นเครือของตัวเอง
แต่ว่า…น้ำตาของเธอกลับไหล…
ชิโนซึกะและผมยืนอยู่ตรงหน้าเด็กสาว…เราไม่ได้พูดอะไรต่อหลังจากนั้น…และพวกเราไม่ได้ปลอบเธอแต่อย่างใด
นั่นเพราะ…เธอต่างจากพวกเรา
เธอยังร้องไห้ได้ นั่นเป็นข้อพิสูจน์
-มันยังไม่สายไปที่จะเอาเธอกลับมา
เมื่อใดก็ตามที่คุณเป็นคนไร้ความรู้สึก…แม้แต่น้ำตาก็จะไม่มีวันไหลออกมา และคุณจะไม่รู้สึกอะไรเลย แม้ว่าจะมีสิ่งที่ดีหรือแย่ที่สุดผ่านเข้ามาในชีวิต
ดังนั้น…มันยังคงไม่สายไปสำหรับเด็กคนนี้..
พวกเราอยู่กับเธอจนเธอหยุดร้องไห้
พอเธอหยุดร้องไห้แล้วชิโนซึกะก็จับมือของเธอ
เด็กสาวสับสนเล็กน้อย แต่ชิโนซึกะไม่ได้สนใจว่าเธอจะคิดอย่างไรและยังคงจูงมือเธอไป ผมเดินตามหลังพวกเธอ 2 คน โดยจับมืออีกข้างของเด็กสาวไว้ (พ่อ แม่ ลูก : TSL)
พวกเราเดินไปยังร้านอาหารหน้าบ้านแม่มด
[ด…เดี๋ยวสิ….มันน่าอายนะ….] คำพูดนั้นไม่ได้เข้าหูชิโนซึกะเลยแม้แต่น้อย
เด็กสาวนั่งในร้านอาหารแล้วไถมือถือไปพลาง…ผมคิดว่าเธอน่าจะไม่คุ้นชินกับสถานที่แบบนี้
[หนูรู้….หนูไม่อยากจะสนใจใคร อยากปิดกั้นตัวเอง…แต่ทำไม? ทำไมกัน? ทำไมหนูถึงเดินตามพวกพี่ๆมา….]
เธอจับหู Usapin บนหัวเธอแล้วลูบมันไปมาโดยไม่รู้ตัว
หนูชอบมันใช่ไหม? ผมอยากจะพูดออกไป แต่กลับทำไม่ได้ ผมเลือกที่จะถามสิ่งที่อยู่ในกระเป๋าแทน
[น้องชื่อ ฮิซากิใช่ไหม? ตุ้กตาที่ยัดอยู่ที่หลังน้องนั่นคือ….]
ร่างกายของฮิซากิสั่นเล็กน้อย…ผมว่าคำถามนี้น่าจะไปโดนจุดที่เธออ่อนไหว
ฮิซากิจ้องมองผมด้วยสายตาที่ก้าวร้าว
[อ….อึก…เขาเป็นเพื่อนคนสำคัญของฉัน อย่ามองว่ามันดูตลกเด็ดขาดเลยนะ! เขาเป็นทั้งสัตว์เลี้ยง…เพื่อน….คู๋หู…แต่ไม่ใช่คู่รักแบบพวกคุณหรอกนะ…]
เสียงเธอดูอ่อนกว่าท่าทีของเธอมาก นั่นแสดงให้เห็นว่าเธอแคร์เจ้าตุักตาตัวนี้มาก
แต่อันดับแรกฉันต้องแก้ความเข้าใจผิดนั้นก่อน
ผมกับชิโนซึกะพูดพร้อมกัน
[พวกเราไม่ใช่คู่รักกัน ฉันเป็นแค่ผู้ชายมืดมนคนนึง]
[ใช่ๆ ฉันก็เป็นแค่แยงกี้เท่านั้น]
ถึงแม้ว่าฮิซากิอยู่ ม.ต้น แล้วก็ตาม แต่เธอกลับตัวเล็กและน่ารักเหมือนหมาตัวน้อย
ผมมั่นใจว่าเธอไม่รู้ว่าจะเข้ากับเพื่อนในห้องยังไง…และในเรื่องนี้ผมก็แนะนำเธอไม่ได้ด้วย เพราะขนาดผมยังไม่….อะแฮ่ม ผมหมายถึง ต้องไปเจอด้วยตัวเอง ผมไม่ค่อยอยากพูดถึงมันมากนัก
พวกผมต่างรู้ดีว่าคนเลวๆทำอะไรกับพวกเราได้บ้าง มันแทบจะไม่มีเหตุผลในการกระทำของพวกเขา พวกเรารู้ดีว่าบรรยากาศที่โดนเกลียดชังมันเป็นยังไง และเราก็ยังรู้ว่าความเดียวดายมันอ้างว้างเพียงใด
ชิโนซึกะเปิดปากออกมาแล้วพูด เวลาในตอนนั้นของพวกเราเหมือนถูกหยุดไว้
[พี่ไม่ได้พูดคุยกับใครเลยตอนอยู่บนรถบัสโรงเรียน…พี่รู้สึกเหงา…มันเหงามาก] -ชิโนซึกะ
ผมพูดต่อ
[พี่ทำได้เพียงแค่ขอโทษซ้ำไปซ้ำมา แต่ก็ไม่มีใครรับฟังคำขอโทษเหล่านั้นเลย คำพูดของพี่เหมือนเป็นเพียงแค่ลมปาก หลังจากนั้นทุกคนในโรงเรียนก็เกลียดพี่] -ผม
[ไม่มีใครคิดที่จะคุยกับพี่เลย เพียงเพราะพี่ทำให้หัวโจกในห้องเกลียด] -ชิโนซึกะ
[ทุกคนล้วนมองพี่เป็นคนเลวทราม ทุกคนเรียกพี่ว่าไอ้สวะเพียงเพราะพี่ต้องการปกป้องผู้หญิงเพียงคนเดียว] -ผม
[ทุกคนเชื่อว่าพี่แย่งผู้ชายของเธอคนนั้น…โดยไม่ถามสักคำเลยว่าพี่ชอบผู้ชายคนนั้นไหม] -ชิโนซึกะ
[พี่ย้ายมายังโรงเรียนใหม่…เพื่อที่จะละทิ้งอดีต แต่อดีตกลับไม่เคยละทิ้งพี่เลย] -ผม
คำพูดที่ไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยของพวกผม ทำให้ฮารุกะสับสน
[พ…พวกพี่พูดเรื่องอะไรกัน? หมายความว่ายังไง? หนูไม่เข้าเลยว่าพวกพี่พูดถึงอะไร]
[เพื่อนที่พี่ไว้ใจที่สุด กลับนำความลับของพี่ไปบอกและทำให้ทั้งห้องมองพี่เป็นตัวตลก] -ชิโนซึกะ
[ทุกคนในบ้านมองพี่เป็นตัวประหลาด] -ผม
[พี่สัญญากับตัวเองไว้แล้วว่าจะไม่มีใครเป็นเพื่อนอีก…ไม่มีวันที่จะมีเพื่อนอีก…และจะไม่มีวันเสียน้ำตาให้กับใครอีก] -ชิโนซึกะ
[พี่สัญญากับตัวเองว่าจะไม่เชื่อใจใครอีก…พี่ละทิ้งความรู้สึกที่ตัวเองมีไป มันสายเกินไปแล้วละที่จะมีใครมายกโทษหรือขอโทษพี่] -ผม
ความรู้สึกของชิโนซึกะถูกระบายออกมา
ผมก็เช่นกัน
ผมมองดูมือที่จับกับชิโนซึกะ
อาจเป็นเพราะคำว่าเพื่อน
ถึงแม้ว่าการที่พูดมันออกมาจะทำให้ผมไม่ค่อยสบายใจ
เพราะว่าเด็กคนนี้ไม่ต้องการความช่วยเหลือจากเรา
มันมีทางไม่มากนักที่จะทำให้เธอเปิดใจให้พวกเรา
ดังนั้นเราจึงตัดสินใจที่จะเล่ามันออกมา
[น้องชอบ Tetsuro ใชไหม? เรื่องราวของ Tetsuro การผจญภัยของเขากับผู้ส่งสารและติบโตไปด้วยกัน…มีเรื่องไหนอีกไหมที่น้องชอบ?]
ฮิซากิพูดขึ้น
[อ…อืม…พี่สาวไม่ได้ล้อหนูเล่นใช่ไหม? พี่สาวรู้จัก tetsuro ด้วยหรอเนี่ย?…แล้วพี่สาวรู้จักเรื่อง “ Death Game kara hajimari Isekai Seikatsu” ไหม?]
[เห้ยยยยยย น้องก็ดูหรออออ พี่ก็ดูเหมือนกันนนนนน นี่ๆ ตัวละครไหนที่น้องชอบมากที่สุดหรอออ บอกพี่มาซิ!]
[เดี๋ยวก่อนพี่สาว…ถ้าหนูพูดออกไป…ทุกคนจะมองหนูเป็นพวก WEEB รึเปล่า?]
[ไม่มีเพื่อนในห้องน้องอยู่ที่นี่เลยใช่ไหมละ? ที่นี่มีแค่พวกเราที่ชอบในเรื่องเดียวกัน ไว้ใจพี่สาวอย่างโปเมโกะได้ น้องจะพูดอะไรกับเธอก็ได้ เธอรู้หมดนั่นแหละ]
[เห้! เนียนตะ นายพูดมากไปนะรู้ไหม? ไปสั่งอาหารได้แล้วเดี๋ยวฉันจะคุยกับเธอเอง]
ตอนแรกฮารุกะดูลังเลแต่พอผ่านไปเธอก็เริ่มจะพูดมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งเรื่อง นิยาย มังงะ และอนิเมะที่เธอชอบ
เมื่อโอตาคุได้พูดเรื่องของสิ่งที่พวกเขาชอบ เขาจะพูดไม่หยุด เช่นเดียวกับฮารุกะในตอนนี้…แม้ว่าอาหารจะมาถึงโต๊ะแล้ว เธอก็ยังพูดต่อไปเรื่อยๆ กินไปคุยไป
ผมว่าตอนนี้เธอแทบจะลืมความกังวลทุกอย่างก่อนหน้านี้ไปหมดแล้ว
แม้ว่าผมจะไม่รู้ว่าเธอพบเจออะไรมาบ้าง และตอนนี้เธอดูเป็นยังไงในสังคมเพื่อนในห้อง
แต่…ผมก็ไม่อาจทิ้งเธอไว้ได้หรอก…ไม่มีทางเด็ดขาดที่จะทิ้งเด็กที่ทำหน้าแบบนั้นไว้คนเดียว
หลังจากการพูดที่กินเวลายาวนานมาหลายชั่วโมง สุดท้ายฮารุกะก็หยุดเล่าเรื่องอันแสนยาวนาน
[โอ้…เวลาผ่านไปเร็วมาก…หนูไม่เคยคิดเคยฝันเลยว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นจริง…หนูไม่นึกว่าจะมาเจอพวกพี่ๆ ที่เข้าใจและชอบสิ่งเดียวกับหนู วันนี้เป็นวันที่หนูสนุกมากเลยล่ะ…]
ชิโนซึกะมองมาที่ผมเป็นการขอความเห็น
ผมพยักหน้าตอบรับคำขอ
[นี่! ฮิซากิ พวกพี่ก็มาที่นี่เพื่อสนุกสุดเหวี่ยงอยู่แล้ว และถ้าปล่อยเธอไว้อีกเธอคงจะต้องอยู๋คนเดียว….งั้นทำไมพวกเราไม่มาเดินเล่นในเดสทินี่แลนด์ด้วยกันละ?]
ฮิซากิโบกมือก่อนจะพูด
[แต่ถ้าหนูไปกับพวกพี่ ก็จะเป็นก้างขวางคอการเดทจู๋จี๋ของพวกพี่อะดิ…ไม่เป็นไรหรอกเดี๋ยวหนูอยู่ที่นี่แหละ จนกว่าจะถึงเวลากลับบ้าน ถ้าหยุดจู๋จี๋กันเมื่อไหร่ก็กลับมาคุยกับหนูบ้างแค่นั้น….]
ผมถอนหายใจ
ที่จริงแล้วที่นี้เหมือนดินแดนแห่งความฝันเสียมากกว่า ผมมาที่นี่แทบนับครั้งไม่ถ้วน แต่ใช่ครั้งนี้มันต่างเพราะมีชิโนซึกะมาด้วยแต่…
[พี่ไม่รู้หรอกนะว่าถ้าปั๊กน้อยพูดเรื่องที่เธอเป็น WEEB ให้เพื่อนๆในห้องฟังแล้วพวกเขาจะรังเกียจน้องมากขึ้นไหม?…น้องรู้ตัวไหมว่าค่อนข้างซึนเลยนะ และพี่บอกได้เลยว่าการซึนในชีวิตจริงมันต่างจากนิยายมาก….]
[แล้วพี่ชายมายุ่งอะไรกับหนูละห้ะ? พี่ชายคิดว่าหนูจะป่าวประกาศว่าหนูเป็น WEEB งี้หรอ? แล้วว่าแต่…ใครหมาปั๊กมิทราบคะ? พี่ชาย! นี่! พี่ชายคิดจะแกล้งยั่วโมโหหนูชิมิ]
[ฮิซากิซัง…ชินโจยังพูดไม่จบเลยนะ]
[ต…แต่]
[เอาเป็นว่า…ไหนๆเราก็อิ่มกันแล้ว เราไปตามหามูกกี้เลยกันดีไหม?]
[อ…อืม…หนูจะไปด้วยก็ได้…แต่หนูไม่ได้อยากจะไปด้วยหรอกนะ…เพียงแต่…]
ฮิซากิหลบไปอยู่ข้างหลังชิโนซึกะ…ท่าทางแบบนี้ช่างเหมือนหมาน้อยที่หลบอยู่ข้างหลังเจ้าของตอนที่มันกลัวอะไรสักอย่าง
หน้าของเธอแดงเล็กน้อย
[เอางี้ละกันชินโจ เดี๋ยวเราไปดูพาเหรดก่อน แล้วค่อยไปตามหามูกกี้กัน โอเคไหมฮารุกะ]
[แล้วแต่พี่สาวเลย]
ฮิซากิจับมือของชิโนซึกะอย่างกล้าๆกลัวๆ
มันก็ไม่ได้แย่อะไรหรอกนะผมว่า
ทิ้งความกลัวไปซะแล้วไปสนุกสุดเหวี่ยงดีกว่า
ในตอนที่ผมกำลังคิดอยู่นั้น ฮิซากิหันมามองที่ผม
เธอยื่นมือมาทางผมและสบัดมันเล็กน้อย
[พี่ด้วย เรามาจับมือกันเถอะ]
มันช่วยไม่ได้ที่ผมจะยิ้ม
และใช่ มันเป็นรอยยิ้มจากใจจริงของผม
ฮิซากิหันหน้ากลับไปและเริ่มเดินต่อ มือที่เธอจับกับชิโนซึกะดูแน่นขึ้นเล็กน้อย
============================