[WN]หนุ่มผู้ไม่เชื่อใจใครกับแกลสาวไร้เพื่อน - ตอนที่ 23 ความพิเศษของมือชินโจ
============================
[มันสนุกมากเลย ฉันไม่เคยเหนื่อยขนาดนี้มาก่อนเลย]
พวกเราเดินออกมาจากบ้านผีสิง และรอกำลังรอเวลาให้ตาปรับเข้ากับแสงอาทิตย์ภายนอกได้
อากาศก็ยังคงแจ่มใสเหมือนในทุกๆวัน และนั่นทำให้การทัศนศึกษาครั้งนี้ราบรื่น
ฉันจำไม่ได้แล้วด้วยซ้ำว่าฉันเคยสนุกแบบนี้ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่
ฉันจำไม่ได้เลย..
เพราะสำหรับฉันแล้ว การทัศนศึกษาก็ไม่ต่างอะไรไปจากเกมลงทัณฑ์ ( Batsu game : TSL)
ไม่มีใครที่ไปเดินเล่นกับฉัน
ไม่มีใครอยู่ที่จุดนัดพบ
พวกเขาทำเหมือนฉันเป็นตัวตลก
ฉันก็ไม่รู้หรอกนะว่าตัวเองทำอะไรผิด แต่…อาจจะเป็นเพราะว่าฉันเป็นศัตรูตัวฉกาจของหัวหน้าห้อง ผู้หญิงที่ทรงอำนาจและมีผู้ติดตามและสนับสนุนเป็นจำนวนมาก
[ใครก็ตามที่เป็นเพื่อนกับอันริ ก็ต้องตัดเพื่อนกับฉัน]
[เธอเป็นตัวน่ารังเกียจ]
[อย่าไปสนใจยัยนั่นเลย]
ฉันไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมเธอถึงทำแบบนั้น? ทั้งๆที่เธอออกจะเป็นคนที่เงียบและเรียบร้อยแท้ๆ
ขนาดฉันขึ้น ม.ต้น แล้ว บรรยากาศต่างๆรอบตัวฉันก็ยังคงไม่เปลี่ยนไป
ผู้หญิงทุกคนในห้องต่างมองฉันเป็นศัตรู
ถึงจะเป็นแบบนั้น แต่ฉันก็ยังไม่รู้เลยว่า…ฉันทำอะไรผิดไป…สิ่งเดียวที่ฉันพอจะรู้คือ…
[ขนาดฉันยังไม่เคยได้อยู่กับเขาเลย แต่หล่อนกลับได้อยู่กับผัวของฉันตลอดเวลา]
[สายตาของยัยนั่นน่ารังเกียจมาก]
[ฉันว่ามันน่ารังเกียจทุกอย่างเลย ไม่ใช่แค่สายตาอย่างเดียว]
ตอนนั้นฉันยังคงเป็นยัยโง่ที่อ่อนต่อโลก คำพูดว่าร้ายอย่างไร้เหตุผลจึงเข้าทิมแทงฉันได้อย่างง่ายดาย
ฉันทำได้แค่ร้องไห้อยู่ในห้องคนเดียว จนกระทั่ง…
ฉันได้เป็นเพื่อนกับคนๆหนึ่งที่พบกันในห้องสมุด
-โมโมะ-จัง
ครั้งแรกที่ฉันคุยกับเธอ ฉันรู้ตัวเลยว่าทักษะการสื่อสารของฉันแย่มาก นั่นเป็นเพราะฉันไม่เคยได้คุยกับใครมานานมากแล้ว
ในตอนแรกโมโมะจังตกใจเล็กน้อยที่ฉันเข้าไปคุยด้วย แต่หลังจากนั้นเธอกลับดูตื่นเต้น และพวกเราก็เป็นเพื่อนกันอย่างรวดเร็ว
เธอเป็นเพื่อนที่ฉันเชื่อใจและสามารถคุยกับเธอได้ทุกเรื่อง และจะมีเพียงแค่เรา 2 คนที่รู้เรื่องความลับของกันและกัน
แต่แล้ว…เธอก็เปลี่ยนไป เมื่อเธอได้เข้าไปอยู่ในกลุ่มเพื่อนผู้หญิง และตอนนั้นเอง…ที่เธอเปลี่ยนฉัน
เมื่อฉันนึกถึงมันทีไร หัวใจของฉันก็รู้สึกเจ็บปวดอย่างช่วยไม่ได้
คำว่า [เพื่อน] จริงๆแล้วมันคืออะไรกันนะ? ฉันรู็สึกสับสนกับคำนี้จริงๆในตอนนั้น
เมื่อพวกเราเป็นเพื่อนกัน ฉันได้ทำในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ที่คนอื่นจะทำ
ฉันพูดในสิ่งที่ฉันไม่มีวันบอกใคร ฉันพูดความลับของฉันออกไป
ถึงแม้ว่าเธอจะพูดว่ามันเป็นแค่การแซว แต่เอาจริงๆ มันไม่ได้แตกต่างจากการบูลลี่คนอื่นเลย
ตอนนั้นเองที่ฉันได้รู้ว่ามนุษย์นั้นสามารถเปลี่ยนความสัมพันธ์ของตัวเองได้เร็วเพียงใด มนุษย์ก็ไม่ต่างไปจากกิ้งก่าที่เปลี่ยนสีไปตามสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป โมโฒะจังก็เช่นกัน
-คำว่าเพื่อนคืออะไรกันนะ? ถ้าความหมายของเพื่อนคืออย่างที่ฉันได้เจอจริงๆ ฉันว่าฉันไม่ต้องมีมัน ฉันก็ไม่ได้ขาดอากาศหายใจตาย
ฉันคิดอย่างนั้น
ฉันต้องเปลี่ยนให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น ถ้าฉันไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับใคร ก็ไม่มีใครที่จะมาทำร้ายฉันได้
มันเป็นเรื่องง่ายถ้าฉันจะตายๆไปจากโลกอันเน่าเฟะใบนี้
แต่ฉันยังมีครอบครัว
ฉันยังมีพี่สาวผู้แสนอ่อนโยนกับแม่สุดที่รักของฉัน รวมถึงคุณพ่อสุดหล่อของฉันที่กำลังทำงานอยู่ที่ต่างประเทศ แต่ก็ยังคงส่งข้อความมาคุยถามสารทุกข์สุขดิบกับฉันทุกวัน
ครอบครัวเป็นที่คนเพียงกลุ่มเดียวที่ฉันจะเชื่อใจได้ พี่สาวแนะนำให้ฉันรู้จักกับอาชีพนักเขียนนิยายและฉันก็ชื่นชอบมันมาก
ฉันยังคงไม่สามารถทำตัวเป็นคนเย็นชาไร้หัวใจได้
แต่ฉันก็มิอาจเป็นเพื่อนและเชื่อใจใครได้นอกจากคนในครอบครัว
-ตอนนี้ฉันควรที่จะสนุกสิ? ทำไมฉันถึงย้อนกลับไปนึกถึงอดีตอันแสนเศร้ากัน
ฉันยังคงไม่สามารถล้างภาพอดีตที่เลวร้ายออกจากความทรงจำฉันได้
ฉันรู้สึกสนุกมากเมื่ออยู่กับชินโจคุง ฉันรู้สึกเพลิดเพลินมาก ถึงฉันจะมีความสุขมากแต่ก็ยัง…
มันช่วยไม่ได้นิ ฉันยังคงอ่อนแอ ฉันเกลียดหัวใจตัวเอง
ฉันเกลียดหัวใจตัวเองที่อ่อนแอและอ่อนโยน…ชินโจคุงคงต้องเจอช่วงเวลาที่หนักหน่วงกว่าฉันแน่ๆ เขาถึงเป็นคนเย็นชาได้ขนาดนี้
เมื่อฉันหันไปมองหน้าของชินโจที่อยู่ข้างฉัน เขามีใบหน้าซีดเผือก
-เดี่ยวนะ? (หมดกัน…ความเย็นชาที่นางเอกมโน55555 : TSL)
[ป…โปเมโกะซัง ม…ไม่ใช่ว่า…มันดูน่ากลัวไปหน่อยหรอ?]
ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ มันไม่ได้น่ากลัวเลยนะ…แม้แต่เด็ก 3 ขวบยังไม่กลัวผีเหล่านั้นเลย
[นี่นายกลัวผีหรอเนี่ย? ฉันไม่นึกเลยนะว่านายจะกลัวอะไรแบบนี้ หน้านายซีดเป็นไข่ต้มเชียว]
ฉันรู้สึกสนุกที่ได้แกล้งเขา ในตอนที่เขากลัวอะไรสักอย่างจนหน้าซีดขนาดนี้
[ไม่ ไม่ ไม่ ผมไม่ได้กลัวผีหรอกนะ…เพียงแต่เสียงมันน่ากลัวมากแค่นั้น…เอาเป็นว่า…ผมยอมรับก็ได้ว่ากลัว…]
[ผีมันไม่จริงหรอกนะรู้ไหม? ยิ่งที่นี่เป็นเดสทินี่แลนด์แล้วด้วย ทุกอย่างถูกสร้างขึ้นมา นายลืมไปแล้วหรอ?]
[ผมขอโทษจริงๆ โปเมโกะซัง…แต่ผมกลัวจริงๆนะ…]
เมื่อไหร่ก็ตามที่ชินโจคุงตื่นตระหนกหรือทำตัวไม่ถูก เขาจะเรียกฉันด้วยชื่อโปเมโกะ
ฉันไม่ได้คิดจะว่าเขาหรอกนะที่เรียกฉันด้วยชื่อนั้น และมีเพียงเขาคนเดียวที่จะเรีกฉันด้วยชื่อพิเศษนี้ได้
[ผ…ผมขอจับมือเธอได้ไหม…สักนิดก็ยังดี] (มุขหลอกจับมือก็มา ไอ้หนุ่มนี่มันร้ายยยย ( ͡° ͜ʖ ͡°) : TSL)
[เอ๋? อ….อืม….เอาสิ! มันน่าจะทำให้นายหายกลัวได้เร็วขึ้น]
มาคิดๆดูแล้ว ฉันก็จับแขนเสื้อเขาแล้วลากเขามาตลอดทางจนกระทั่งถึงบ้านผีสิง หลังจากที่เข้าไปแล้วฉันก็ไม่ได้จับแขนเสื้อเขาแล้ว
ระยะห่างทางกายภาพของพวกเราถูกย่นลงเมื่อพวกเราผ่อนคลาย
หือ? เดี๋ยวนะ? มาลองคิดดูอีกที ตอนที่ฉันจับแขนเสื้อเขา ฉันไม่ได้คิดถึงอดีตที่ผ่านมาเลย ไม่แม้แต่จะเสียใจ
หรือว่าจะเป็น? คงไม่ใช่ว่าฉัน?
เมื่อฉันคิดถึงมัน…
ไม่ๆ ตอนนี้ฉันยังไม่พร้อม
ชินโจจับมือของฉันอย่างอ่อนโยน
เขาจับมือฉันอย่างอ่อนโยนมาก ราวกับกลัวว่ามือของฉันจะหัก
ตอนนั้นเองที่ฉันได้รู้ว่ามือคู่นั้นแข็งแกร่งเพียงใด
ความอบอุ่นจากมือของชินโจแล่นถูกส่งผ่านมายังมือและเข้าสู่ร่างกายของฉัน
-อา?…ฉันไม่ได้เศร้าซะหน่อย…แต่ทำไมน้ำตาถึงไหลกันนะ? หรือว่านี่คือสิ่งที่เรียกว่า น้ำตาแห่งความสุข
เมื่อฉันรู้แบบนั้น หัวใจของฉันก็รู้สึกอิ่มเอม
มันเหมือนกับว่าวันวานไม่มีความหมายอีกต่อไป ความกลัวในใจของฉันถูกปัดเป่าออกไปด้วยใบมือที่แข็งแกร่งคู่นี้
ชินโจ…นายนี่สุดยอดจริงๆ
[ผมผ่านมันมาได้แล้ว ตอนนี้ผมโอเคแล้ว…เธอน่าจะหิวข้าวแล้วสินะ? พวกเราไปหาข้าวกินกันเถอะ]
สีหน้าของชินโจยังคงดูไม่ดีนัก
[ถ้าเราจะยืนกันอยู่ตรงนี้อีกสักพัก ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอก นายก็รู้ว่าถ้าพวกเราปล่อยมือที่จับกัน ความทรงจำที่เลวร้ายในอดีตจะวิ่งกลับมาทำร้ายเรา]
ฉันพบว่าตัวเองซื่อตรงมากเมื่ออยู่ต่อหน้าชินโจ
ฉันไม่เคยซื่อตรงขนาดนี้มาก่อน แม้แต่ต่อหน้าพี่สาวของฉันก็ตาม
ชินโจยิ้มให้ฉัน
มันไม่ใช่รอยยิ้มจอมปลอมแบบที่เขาเคยทำ…มันเป็นร้อยยิ้มที่อ่อนโยนและบ่งบอกว่าเขาเป็นห่วงฉันจากก้นบึ้งของหัวใจ
เมื่อฉันเห็นรอยยิ้มของเขา ด้วยเหตุผลบางอย่าง ความรู้สึกที่ฉันไม่เคยมีมาก่อนกำลังเอ่อล้นในใจของฉัน
มันอบอุ่นและไม่เศร้า หัวใจของฉันเต้นแรง แต่มันไม่เจ็บ…
ฉันไม่รู้หรอกนะว่ามันเรียกว่าอะไร แต่ที่ฉันมั่นใจคือมันไม่ใช่ความรู้สึกที่เลวร้ายอะไร
[ทำไม? เราไม่เดินจับมือกันละ?]
ฉันมั่นใจว่าตอนนี้ฉันหน้าแดง
แต่…มันช่วยไม่ได้นิ…ฉันก็แค่…อยากจะลืมความเจ็บปวดในอดีต ใช่ ฉันก็แค่อยากลืมมันแค่นั้น
[มาทำกันเลยไหม? ฉันว่าตอนนี้หน้านายยังดูไม่ดีเลยนะ มันน่าจะช่วยได้]
[อ…อืม…ไปกันเถอะ เอ๊ะ? นั่นใครนะ?]
ชินโจคุงจับมือฉันและมองไปยังทางออกของบ้านผีสิง
ตรงนั้นมีเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง…น่าจะอยู่ชั้นประถมปลาย ยืนอยู่คนเดียวอย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย
เธอใส่ชุดนักเรียน ดังนั้นฉันจึงเดาได้ไม่อยากว่าเธอคงมาทัศนศึกษาเหมือนกับพวกเรา
เธอมองไปมองมารอบๆ
ด้วยท่าทีที่แปลกเช่นนี้จึงเดาได้ไม่ยากว่าเธอรู้สึกโดดเดี่ยว
ทุกอย่างที่เธอเป็นไม่ว่าจะเป็น ท่าทาง การแต่งตัวหรือ…อารมณ์ความรู้สึก ดูเหมือนตัวฉันคนเก่ามาก
เธอดูเหมือนกำลังร้องไห้แต่พยายามเก็บน้ำตาเอาไว้
มีเพียงแค่คนที่เคยอยู่ในจุดๆเดียวกับเธอเท่านั้นที่จะเข้าใจความรู้สึกเธอในตอนนี้
จริงๆฉันก็ไม่อยากจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับใครนอกจากครอบครัวของฉันและชินโจ แต่รู้ตัวอีกทีฉันก็ไม่อยากให้เธออยู่คนเดียวไปซะแล้ว ฉันกังวลว่าเธอจะทำในสิ่งที่เลวร้ายเมื่อเธออยู่คนเดียว
อาจจะเป็นเพราะว่าเธอดูเหมือนฉันในอดีตมาก
[ขอโทษนะชินโจ…ถ้าจะกินข้าวสายหน่อย นายจะว่าอะไรไหม?….ฉันอยากจะคุยกับเด็กคนนั้นสักหน่อย]
มือของชินโจจับฉันแน่นขึ้น
ฉันไม่สามารถนึกถึงเวลาที่ฉันคุยกับคนแปลกหน้าในช่วงเวลาปกติได้เลย
นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันก็ไม่สามารถนึกได้ว่าฉันจะคุยยังไงกับเด็กตัวน้อยคนนั้นในท่าทางแบบนั้น
[ไม่มีปัญหาอะไรนะ ฉันสบายดี ทำไมพวกเราไม่ไปหาเธอด้วยกันละ?]
คำพูดของชินโจทำให้ฉันรู้สึกสบายใจขึ้นมา
ฉันเดินเข้าไปหาเธอโดยที่ยังกุมมือกับชินโจอยู่
============================