[WN]หนุ่มผู้ไม่เชื่อใจใครกับแกลสาวไร้เพื่อน - ตอนที่ 11 การพูดคุยของคนบาป
============================
ฉันคือ ชิซูกะ มิยาซากิ ฉันมีหลายสิ่งหลายอย่างที่รู้สึกเสียใจ
มาโกโตะ เพื่อนที่ดีของฉันในตอนเด็ก กลายเป็นคนเลวเพราะฉัน
ตอนนี้ฉันสามารถพูดได้ว่า มันเป็นแค่เรื่องตลก แต่ฉันไม่สามารถพูดได้ในบรรยากาศนั้น
ใครก็ตามที่ปกป้องมาโกโตะจะกลายเป็นศัตรูกับคนทั้งห้อง เรื่องนี้รับรู้ได้จากบรรยากาศในห้องเรียน แม้เด็กอย่างเราจะไร้เดียงสาและโง่เขลา แต่สามารถทำสิ่งที่โหดเหี้ยมได้ มันเป็นบรรยากาศที่แม้แต่ผู้ใหญ๋ก็มิอาจเข้าใจได้
แม้มาโกโตะจะขึ้น ม.ต้นแล้ว เขาก็ยังมืดมนหมือนเดิม อาจจะมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ
…ฉันพยายามที่จะไม่คิดถึงการมีตัวตนอยู่ของมาโกโตะ
ฉันรู้ว่าถ้าฉันยุ่งเกี่ยวกับเขา ฉันจะโดนทำร้ายเสียเอง ถึงแม้ว่าฉันจะเป็นคนเดียวในตอนนั้นที่สามารถหยุดข่าวลือเหล่านั้น…แต่ฉันเลือกที่จะยืนดูและปล่อยมันไป
ฉันได้ยินข่าวลือเลวร้ายทุกรูปแบบเกี่ยวกับเขา เขาทำร้ายไซโตะซัง เขาปฏิเสธคำสารภาพรักของเด็กสาวอย่างไร้เยื่อใย หรือแม้แต่ข่าวลือที่เขาทุบตีผู้หญิง
ฉันไม่รู้ว่าเรื่องไหนจริงไม่จริงบ้าง…..แต่ถ้าเขาเป็นมาโกโตะคนเดิม เขาจะไม่ทำสิ่งเหล่านั้นอย่างแน่นอน
มันต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่ฉันจะเข้ากลุ่มกับเพื่อนผู้หญิงได้ งานโรงเรียนและการสอบต่างๆล้วนเต็มตารางในแต่ละวันของฉัน
ในงานจบการศึกษา ฉันเห็นมาโกโตะอยู่โดดเดี่ยวเดียวดาย
ฉันนึกถึงอดีตและพบว่าตัวเองเรียกเขาอย่างไม่รู้ตัว
[มาโกโตะ ไม่ได้คุยกันนานเลยนะ ยินดีด้วยกับการจบการศึกษานะ นายจะไปงานเลี้ยงห้องไหม?]
ฉันมีความสุข มันเหมือนกับฉันได้กลับไปในอดีตอีกครั้ง
…แต่มันมีบางอย่างที่แตกต่างออกไป
[…ยินดีด้วย มิยาซากิซัง ไม่ต้องสนใจผมหรก ปล่อยผมไว้เถอะ]
มันเป็นรอยยิ้มก็จริง แต่มันกลับทำให้ฉันรู้สึกหนาวเหน็บ ฉันไม่รู้เลยว่าเขารู้สึกยังไง มันเหมือนมีระยะห่างเกิดขึ้น และฉันไม่สามารถก้าวไปหาเขาได้
ฉันตกตะลึง แต่ในใจลึกๆนั้น มีความคิดที่อยากจะกลับไปคุยกับเขาได้เหมือนที่เคย
หัวใจของฉันเจ็บปวดมากกว่าที่ฉันคิด
ฉันไม่สามารถพูดอะไรได้อีก ฉันกลัวที่จะพูด
ฉันได้แต่มองหลังของมาโกโตะที่ห่างออกไป และพูดกับตัวเองในใจ
-พวกเราจะไปเรียน ม.ปลายที่เดียวกัน และถ้าฉันได้คุยกับเขา เขาจะกลับมาเหมือนเดิมไหมนะ? ….น่าจะ โอเคร ฉันจะทำมัน!
ณ จุดๆนี้ ฉันรู้สึกว่าตัวเองงี่เง่ามาก มาโกโตะคือรักแรกของฉัน ฉันหลงมัวเมาไปกับการใช้ชีวิตจนลืมคิดถึงมัน
[ดังนั้น ไซโตะซังและฉันพบกันที่หน้าสถานี เขาก็เดินมาที่สถานีเช่นกันพร้อมกับสาวสวยคนนึงและก็ชิโนซูกะซัง ถ้าฉันจำไม่ผิด]
ที่นี่คือ SAIGERIA อยู่ติดกับโรงเรียนที่ฉันเรียนอยู่ มันเป็นร้านอาหารครอบครัวที่ราคามิตรภาพสำหรับเด็ก ม.ปลายอย่างพวกเรา โต๊ะที่ฉันนั่งมีอยู่ด้วยกัน 4 ที่ แต่มีแค่ 3 คนที่นั่งอยู่ที่นี่ ประกอบด้วย ไซโตะซัง เพื่อนร่วมชั้นของมาโกโตะ ฮารุกะซัง น้องสาวของเขา และฉัน ที่เป็นเพื่อนสมันเด็กของเขา
[ใช่! เธอสวยโครตๆ เอาจริงๆ ชิโนซูกะซัง แม้เธอจะเป็นแยงกี้ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเธอน่ารักเหมือนกัน จากมุมมองของมิยู ฉันอิจฉาเธอมากที่มีผิวสวยแบบนั้น]
ก่อนหน้านี้พวกเราไม่ได้คุยกันมากขนาดนี้
เหตุผลที่พวกเราคุยกันมากขนาดนี้เพราะแค่เรามีเป้าหมายเดียวกัน ฉันเข้าโรงเรียนแห่งนี้ เพื่อที่จะนำมาโกโตะคนเดิมกลับมาแต่เขากลับไม่แม้แต่จะสนใจฉันเลย…
-ฉันรู้สึกเจ็บปวดทรมาณภายในใจของฉัน
[หืม? แยงกี้คนนั้นชื่อชิโนซูกะหรอ? เธอเป็นคนเดียวกันกับที่มาส่งโอนี่จังที่บ้าน]
ฉันและฮารุกะไม่รู็เรื่องเกี่ยวกับชิโนซูกะมากนัก เมื่อพวกเรามาดักรอมาโกโตะในตอนเช้า ชิโนซูกะก็เข้ามายุ่งเรื่องของพวกเรา ฉันได้ยินมาว่าเธอเป็นเพื่อนกับโมโมะจัง แต่—
โมโมะจังไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่เลวร้าย แค่แข็งกร้าวไปหน่อย ซึ่งเธอเป็นคนเดียวที่จะตอบทุกอย่างได้
[ไซโตะซัง คิดว่าเธอเป็นคนยังไง? …มีข่าวลือหรืออะไรที่ตรงเกี่ยวกับข่าวลือของเธอไหม?]
ไซโตะซังตอบขณะที่ใช้มือเล่นผมของตัวเธอเอง
[ก็แบบที่บอกไป เธอเป็นแยงกี้ แต่…ตรงไปตรงมา เท่าที่ฉันรู้ เธอมักจะอยู่โดดเดี่ยวในห้อง ด้วยความสัตย์จริง ฉันคิดว่าเธอคงไม่ได้แกล้งตีสนิทกับมาโกโตะ แต่ฉันเห็นว่าเขาดูจะมีความสุขมากเมื่อคุยกับเธอ]
ใช่…ฉันเห็นเขายิ้มขณะคุยกับเธอที่หน้าสถานี
นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้ฉันรู้สึกตกตะลึงมาก
[นี่ คิซารากิ เธอรู้ตัวไหมเนี่ย? เธอเป็นห่วงพี่ชายฉันอยู่นะ…ด้วยความสัตย์จริงเลยนะ มันอธิบายเป็นคำพูดยากมาก คิซารากิกับนานาโกะดูธรรมดาไปเลย….]
คิซารากิเป็นคนถ่อมตัว แต่ก็เป็นที่นิยมมากในหมู่นักเรียนชาย
เธอเป็นคนอ่อนโยน คอยรับฟังคนอื่น และเป็นคนดี
เพื่อนๆรอบตัวเธอยกเธอเปรียบเสมือนเป็นเจ้าหญิง
[แต่เมื่อเช้านี้ พี่ชายใจดีกับฉันมาก! เขารับคุซาโมจิที่ฉันส่งให้ด้วย!]
[คุซาโมจิ?]
[อ่อนโยน?]
ฮารุกะ น้องสาวของมาโกโตะ แม้จะงี่เง่าแต่ก็จริงใจ
ไม่ว่ายังไงบางครั้งเธอก็พูดสิ่งที่มีประโยชน์ แต่ก็ยังคงงี่เง่า…ฉันไม่เข้าใจจริงๆว่าเธอคิดอะไรอยู่
มันเหมือนกับว่าเธอก็ถูกพี่ชายเธอเมินเช่นกัน
ฮารุกะสายศีรษะอย่างบ้าคลั่ง
[ใช่ๆ และรอยยิ้มของเขาก็ไม่น่ากลัวเหมือนแต่ก่อน…อาจจะเป็นเพราะชิโนซูกะซัง? หรือ เป็นการขอบคุณกางเกงในของฉัน?]
พอเข้าใจได้อยู่…ว่าแต่ กางเกงใน? หมายถึงอะไร?
หลังจากที่เงียบไปสักพักนึง ฉันหายใจเข้าและมองพวกเธอ
[นี่…พวกเราเคยทำร้ายมาโกโตะกันใช่ไหม? ฉันทำลายรักครั้งแรกของเขาในวัยเด็ก ไซโตะซังทำให้เขาบาดเจ็บทั้งกายใจ ส่วนฮารุกะ–]
[ฉันรักพี่ชายของฉัน]
[ในรูปแบบที่ผิด..ใช่..พวกเราทำผิดกันทุกคน]
ทุกคนเงียบเมื่อฉันพูดจบ
ฉันไม่สามารถช่วยใครได้แต่เราต้องจดจำความรู้สึกนี้ไว้ ฉันกลืนความเสียใจทั้งหมดกลับเข้าไป
แต่เราต้องเดินหน้าต่อไป
ฉันมองหน้าทุกคนอีกครั้ง
[ฉันเสียใจกับมัน…ฉันยังคงเป็นห่วงมาโกโตะ แต่…มันเป็นความผิดของฉัน ถ้าฉันทำมันเร็วกว่านี้ พูดคุยกับเขาเร็วกว่านี้ ฉันคิดแต่ว่ามันมีอะไรบ้างที่ไม่สามารถเอากลับมาได้]
พวกเธอยังมองฉันและตั้งใจฟังเงียบๆ
[แต่เราไม่ควรขอโทษในสิ่งที่เราทำ เพราะมันไม่มีประโยชน์อะไรแล้วที่จะพูดมันออกไป เขาไม่เชื่อพวกเราอีกแล้ว ไม่ว่าเราจะทำอะไร เขาก็จะมองว่าเป็นสิ่งที่เราหลอกลวงเขาทั้งหมด]
ใช่..เราถูกมองว่าเป็นคนโกหกในสายตาเขาไปแล้ว
[อืม แล้วมิยูควรทำอะไรละ? ฉันเข้าใจที่ชิโนซูกะพูด แต่…ถ้าเราไม่ขอโทษ แล้วจะทำอะไร?]
[ฉ-ฉันก็อยากขอโทษเขาเช่นกัน…แต่พี่เขามี…กำแพงที่มองไม่เห็น..]
มันเป็นความผิดของพวกเรา
พวกเราเปลี่ยนมาโกโตะไป และไม่มีพลังมากพอที่จะเปลี่ยนเขากลับ
แต่ว่า…
[พวกเราไม่มีทางเลือก พวกเราต้องนำมาโกโตะคนเดิมกลับมา และค่อยขอโทษเขา]
[เยี่ยม! มิยูเป็นความคิดที่ดี ฉันเป็นกำลังใจให้เธอ สู้ๆ]
[ฮารุกะก็เห็นด้วยๆ สู้ๆ นะมิยู นำพี่ชายกลับมาให้ได้]
[ไม่ พวกเราทำอะไรแบบนั้นไม่ได้อีกแล้ว ฉันหมายถึง ตอนนี้เราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขาแล้ว..]
ไซโตะซังทำน้ำเสียงไม่พอใจ
ฮารุกะฟังบทสนทนาอย่างเงียบๆด้วยใบหน้าเคร่งเครียด
[บู… มิยูอยากเป็นเพื่อนกับมาโกโตะ]
ฮารุกะเงยหน้าขึ้น พร้อมกับประกายในดวงตา
[นี่ ฉันรู้แล้ว เราทำร้าย…พี่จ๋า และเป็นความจริงที่เราไม่สามารถเปลี่ยนมันได้ ถ้านั่นเป็นเรื่องจริง เราก็จะไม่สามารถเข้าใกล้เขาได้เลย ดังนั้นเราจะไม่สามารถลดระยะห่างระหว่างพวกเรากับเขาได้ คำขอโทษไม่ทำให้เขากลับมาหรอก…แต่ไม่ว่ายังไง มันไม่ได้เป็นทางเดียวที่จะทำให้ภารกิจนี้สำเร็จนิ!]
[[เอ๋!?!?!?!?]]
พวกเรา 2 คนร้องออกมาพร้อมกัน ฉันไม่เข้าใจว่าฮารุกะต้องการสื่ออะไร ฉันแค่คิดเกี่ยวกับ…
ไซโตะซังจ้องไปที่ฮารุกะและพูด
[….ฮารุกะจัง นั่นมันเยี่ยมไปเลย….ใช่ อดีตที่น่ากลัวยังคงอยู่ และ ใช่ ฉันจะเก็บความรู้สึกนี้ไว้ และครั้งนี้มาโกโตะ–]
[ใช่! ฉันจะช่วยให้ชิโนซูกะซังเป็นเพื่อนที่เข้าใจมาโกโตะ!]
นั่นสินะ พวกเราควรที่จะสนับสนุนพวกเขาให้เข้าใจกัน ฉันไม่ต้องการให้ชิโนซูกะซังทำผิดแบบที่พวกเราเคยทำ ฉันไม่อยากทำร้ายมาโกโตะอีกแล้ว ชิโนซูกะซังเป็นคนเดียวที่จะเติมเต็มหัวใจที่ว่างเปล่าของเขาได้ แม้เพียงสักนิด และฉันเชื่อว่ามันจะเป็นไปได้ด้วยดี
ชีวิตจริงไม่ใช่เกมที่สามารถล้างข้อมูลแล้วเริ่มใหม่ได้ ชีวิตจริงเราต้องหาวิธีแก้ไขแทนที่จะเริ่มใหม่
แล้วก็–พวกเราต้องเดินหน้าต่อไป
[เอาล่ะ! เรามาเข้าประเด็นกันเถอะ สิ่งแรกที่เราต้องทำคือหยุดคิซารากิซังและนานาโกะซังไม่ให้ตามหรือเข้าไปยุ่งกับมาโกโตะตอนทัศนศึกษา ดังนั้นเราจะไม่ไปทัศนศึกษากับกลุ่ม แต่เราจะแยกตัวออกมาเพื่อทำภารกิจนี้กัน]
มันเป็นช่วงเวลาความลับระหว่างเรา 3 คน
มันคืออะไรกัน? ฉันอาจจะหยาบคายแต่…นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันมีเพื่อนที่สามารถพูดคุยได้โดยไม่ต้องวิตกกังวลหรือกลัวอะไร
[แต่!!!!!!!! ไม่ว่ายังไงก็ตาม พี่บอกว่าไม่ให้ฉันเรียกเขาว่าพี่ชายยยยยย ฉันควรจะทำยังไงดี ทำยังไงดี อืมมมมมม อืมมมมมมม โอเค ฉันจะทำแบบเดิมเหมือนที่เคยทำ]
….แม้ว่าฉันจะกังวลถึงอนาคตของกลุ่มเราก็เถอะ…
**********************************
ศูนย์อาหารก็ยังคงเงียบเหงาแบบที่มันเคยเป็น
พวกเรานั่งอยู่ที่นั่น ดื่มน้ำผลไม้ และพูดคุยเกี่ยวกับนิยาย
พวกเราไม่พูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นที่โรงเรียน ตรงนี้มีแค่เพียงเนียนตะกับโปเมโกะ
[เป็นอะไรไป? เนียนตะ]
[เกิดอะไรขึ้น? นายหนาวหรอ? นายจะเอาน้ำอะไรที่ร้อนๆดื่มไหม?]
[ไม่ ผมสบายดี ว่าแต่ โปเมโกะซัง ได้ดูหนังเรื่อง To The Man Who Eat My Liver?] (TSL : คุ้นๆไหมครับ… I Want to Eat Your Pancrease ตับอ่อนเธอนั้นฉันขอนะ ล้อชื่อเรื่องนี้ครับ55555 ใครเคยดูหรืออ่านคงจะเดาได้ไม่ยาก)
[ใช่ ฉันดูแล้ว บทและองค์ประกอบดีมาก ฉันหวังว่าฉันจะเขียนนิยายแบบนี้ได้บ้าง]
[ใช่ไหมละ? มันดีมากกก…ผมไม่คิดว่ามันจะสนุกขนาดนี้]
สิ่งที่พวกเราเขียนคือนิยาย ดังนั้นไม่ว่ายังไงไม่ว่านิยายหรือเรื่องสั้นก็คือชีวิตของนักเขียนนิยายเช่นเดียวกัน
ข่าว หนัง เกม หนังสือทั่วไป หนังสือภาพ หรือแม้แต่เรื่องเล่าของเพื่อนบ้าน ล้วนเปลี่ยนเป็นนิยายได้หมด
แม้แต่เหตุการณ์สั้นๆในชีวิตของพวกเราก็ล้วนเปลี่ยนมันเป็นนิยายได้
ผมพบว่าผมสามารถนำสิ่งเหล่านั้นมาเสริมเติมแต่งนิยายผมได้อย่างเป็นธรรมชาติ
อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ผมเริ่มเขียนนิยายของผม เพราะผมต้องการสร้างเรื่องที่เกี่ยวกับตัวผมเอง
[พี่สาวฉันมาช้าเสียจริง]
โปเมโกะหยิบมือถือขึ้นมาเพื่อเช็คข้อความในนั้น
[โอ้…เนียนตะ ขอโทษนะ พอดีพี่สาวฉันติดงาน อาจจะช้าสักหน่อย]
มันคงเป็นเรื่องยากที่เธอจะมาทันเวลาถ้างานมันหนักและเยอะ ผมคิดว่าไม่เป็นไร ที่ผมจะรออีกสักหน่อยกับการช้าเพียงเล็กน้อย มันไม่เสียหายอะไร
[ไม่เป็นไรหรอก…ว่าแต่เรื่องการทัศนศึกษา จะเอายังไงดี?]
การทัศนศึกษาที่จะเกิดขึ้นจัดที่สวนสนุกที่ชื่อ destinyland (TSL : ดีสนีย์แลนด์นั่นแล)
ผมไม่รู้ว่าควรที่จะทำอะไรที่สวนสนุก ถ้าโปเมโกะซังต้องการที่จะโดดและโดนปรับตก ผมก็พร้อมที่จะโดดไปกับเธอ ผมคิดว่าโรงเรียนคงไม่มีสิทธิ์มากพอที่จะไล่พวกเราออก
ด้วยเหตุผลบางอย่าง โปเมโกะดูอารมณ์เสีย
[อ…อืม เดสตินี่ย์แลนด์สินะ ทำไมเราไม่เดินไปและดูรอบๆก่อนละ?]
[อา…เจ้าหนู มูกกี้ ใช่ไหม? เขาดูน่ากลัวนิดหน่อยว่าไหม?] (TSL : มิกกี้5555)
โปเมโกะจ้องมาที่ผม
[อะไรนะ? นายบ้ารึเปล่า! มันไม่ใช่หนู! มันคือชินชิลล่า*! มันไม่ใช่น่ารักธรรมดา มันโครตน่ารักเลยต่างหาก!!! เนียนตะ อย่าบอกว่ามันเป็นหนูหรือมันน่ากลัว นั่นมันผิด!] (TSL : ฮาวทูเลี่ยงลิขสิทธ์)
*ชินชิลล่าเป็นสัตว์ฟันแทะที่มีหูกางใหญ่คล้ายหนู ขนาดรูปร่างคล้ายกับกระต่าย ขนมีลักษณะแน่นและหนา เพื่อป้องกันตัวเองจากอากาศหนาวเย็นบนเทือกเขาสูง อุ้งเท้าออกแบบมาเพื่อการเดินบนแผ่นหิน มีหลากหลายสีสันเช่น สีเทา สีเทาอ่อน สีดำ หางยาวเป็นพวงคล้ายกระรอก
โอเค ฉันรู้แล้วว่าเธอไม่ได้เพียงชอบ แต่คงรักมันเลยแหละดูทรง
[โอเค งั้นเธอไม่ควรพลาดที่จะไปทัศนศึกษา โปเมโกะ เธอควรที่จะเพลิดเพลินไปกับการทัศนศึกษาครั้งนี้]
โปเมโกะดูไม่ค่อยมีความสุขนัก
[…น..นายนี่มัน ใช้ไม่ได้เลยจริงๆ ไม่เป็นไร! เดี๋ยวฉันจะสอนทุกอย่างเกี่ยวกับเดสตีนีย์แลนด์แบบเจาะลึกให้เอง]
[อ…อา]
[อย่า! มันไม่ได้ไร้สาระนะรู้ไหม?]
มันไม่บ่อยหรอกที่พวกเราจะพูดคุยเรื่องอื่นนอกจากเรื่องเกี่ยวกับนิยาย
แต่มันก็ไม่ได้แย่เลย
มันมีความรู้สึก 2 อย่างตีกันในใจของผม ความรู้สึกหนึ่งคือความสนุก อีกอันคือความรู้สึกว่าถ้าโปเมโกะหักหลังผม…มันจะเป็นยังไง…
ผมไม่อยากที่จะคิดถึงมัน แต่ก็อดคิดไม่ได้ เพราะระยะห่างระหว่างพวกเรามันเริ่มสั้นลงเรื่อยๆ และมันยังไม่มีท่าว่าจะหยุด
โปเมโกะซังคุยกับผมโดยยังคงคิ้วขมวดอยู่
ผมได้เรียนรู้อะไรบางอย่างมาจากการอยู่ด้วยกันกับเธอมาหลายวัน การที่เธอขมวดคิ้วนั้นเป็นเพราะว่าเธอประหม่าไม่ใช่โกรธ…
[น…นี่ ฟังนะ! เนียนตะ นายควรจะเพลิดเพลินไปกับ…การทัศนศึกษานะ เข้าใจไหม? หึ!]
โปเมโกะหันหน้าหนีผมหลังพูดเสร็จ
แม้ว่าเธอจะพูดด้วยน้ำเสียงที่น่ากลัว แต่ผมกลับมองว่าท่าทางแบบนี้ของเธอน่ารักอย่างบอกไม่ถูก
และใบหน้านั้นก็ถูกประทับลงในความทรงจำของผม…อีกครั้ง
============================
ขออภัยที่หายไปนานด้วยครับ ติดสอบและซื้อโน้ตบุ๊คใหม่ด้วยครับ