[WN]ผมที่ปรึกษาเรื่องความรักของเพื่อนสนิท อยู่ๆเพื่อนสนิทของคนที่เขาแอบชอบก็มาตีซี้กับผม - ตอนที่ 8 การถูกคนที่ดังที่สุดในโรงเรียนเพ่งเล็ง 4
- Home
- [WN]ผมที่ปรึกษาเรื่องความรักของเพื่อนสนิท อยู่ๆเพื่อนสนิทของคนที่เขาแอบชอบก็มาตีซี้กับผม
- ตอนที่ 8 การถูกคนที่ดังที่สุดในโรงเรียนเพ่งเล็ง 4
ตอนที่ 8 การถูกคนที่ดังที่สุดในโรงเรียนเพ่งเล็ง 4
ในวินาทีที่ผมสังเกตได้ อาซาฮินะซังก็คว้าเมนูขึ้นมาแน่น แล้วจู่ๆ ใบหน้าของเธอก็ขึ้นสีแดงจนเห็นได้ชัด
“อะ…อะ…อะ…เมื่อวานนี้กาแฟพิเศษประจำวันยังเป็นแบบไซฟอนอยู่เลยแท้ๆ!”
(TLN: ก็ ประจำวัน…)
ดูเหมือนว่าแม้จะเรียกว่า “ประจำวัน” แต่บางทีทางร้านอาจจะใช้เมนูเดียวกันซ้ำในวันถัดๆ ไป
สายตาของอาซาฮินะซังจ้องมาที่ผมอย่างคมกริบ ถึงอย่างนั้นกลับดูน่ารักกว่าเดิม
เหมือนเธอต้องการจะกล่าวหา “แกล้งกันใช่ไหม? หลอกฉันใช่ไหม?” ถึงจะไม่ใช่ความตั้งใจของผมเลยก็ตาม
“ก็จริงอยู่ครับ ว่าฟังคนพูดอะไรผิดๆ แล้วมันตลกไปหน่อย”
“อึ่ก…”
“แต่ถึงอย่างนั้น การได้ฟังเรื่องราวของอาซาฮินะซังก็สนุกดีนะครับ เรื่องไซฟอนที่เล่ามาก็น่าสนใจมาก ผมว่าได้ฟังแล้วก็ดีใจนะ”
“อืม…”
การหัวเราะเยาะฝ่ายเดียวมันไม่เหมาะสมเท่าไหร่หรอก การแกล้งหยอกและชมเธอในระดับที่พอดีจะช่วยให้บทสนทนาราบรื่นขึ้น
“โคกุเระคุง…เธอนี่…”
แต่ในตอนนั้นเอง เสียงน่ารักๆ ดัง “?~~” ก็หลุดมาจากท้องของอาซาฮินะซัง
(TLN: จินตนาการว่าเสียงท้องร้องละกัน ไม่รู้จะไส่คำไหนดี)
แน่นอนว่าเสียงนั้นมีแค่เธอกับผมเท่านั้นที่ได้ยิน
“ฉ…ฉันขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ!”
อาซาฮินะซังลุกขึ้นพรวด แล้วรีบเดินไปด้านหลังร้าน ท่าทางจะหิวสินะ
ที่จริงผมมองว่าเธอดูจะเป็นคนที่สมบูรณ์แบบและเยือกเย็น แต่กลับมีด้านที่เผลอพลั้งพลาดออกมาแบบนี้ได้
ใครจะไปคิดว่าเธอจะมั่นใจเล่าความรู้เรื่องกาแฟผิดๆ ออกมาแบบนี้
“แต่นั่นมันก็น่ารักดีนะ”
การได้เห็นฉากที่น่าขำปนแอบน่ารักแบบนี้จากสาวสวยที่สุดในโรงเรียน ถือว่าเป็นภาพหายาก
“ต้องการอะไรเพิ่มเติมอีกไหมครับ?”
มาสเตอร์ยังคงยืนรอคำสั่งด้วยความนิ่งสงบ ทั้งๆ ที่เรื่องเมื่อกี้ดูจะไม่ได้รบกวนเขาเลย
“อาซาฮินะซังมาที่นี่บ่อยใช่ไหมครับ?”
“ครับ เธอมากันเกือบทุกวันยกเว้นวันที่เธอมีงานต้องทำ”
“อืม ถ้าอย่างนั้นเมนูที่เธอชอบสั่งเป็นอะไรครับ?”
“อาหารจานนี้ครับ”
“เหรอครับ แล้วมีท็อปปิ้งอะไรเป็นพิเศษไหม?”
หลังจากผ่านไปประมาณยี่สิบนาที อาซาฮินะซังก็กลับมา เธอยืนกอดอกในท่าเคร่งขรึม จ้องมองผมที่ยังนั่งอยู่ราวกับผู้ชนะที่อยู่เหนือกว่า
เมื่ออาซาฮินะซังกลับมาที่โต๊ะ เธอก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
“ขอพูดไว้ก่อนนะ ว่าที่กลับมาช้าน่ะเพราะฉันโทรศัพท์ ไม่ใช่เพราะอะไรอย่างอื่น อย่าคิดอะไรผิดๆ ล่ะ”
“ฮะๆ…”
ดูเหมือนเธอจะอยากแก้ต่างเรื่องนี้เต็มที่ แน่นอนว่าใช้เวลาสองสิบนาทีในห้องน้ำนั้นดูยาวนานเกินไป ถึงแม้ผมจะไม่คิดอะไรก็เถอะ แต่เธอคงไม่อยากให้ใครเข้าใจผิดเรื่องที่ดูไม่เหมาะกับผู้หญิง
“แพนเค้กที่สั่งได้แล้วครับ”
“ว้าว…!”
พอดีกับที่เธอกลับมา อาหารที่สั่งก็ถูกนำมาเสิร์ฟ แพนเค้กร้อนๆ ที่ดูนุ่มฟูทำให้อาซาฮินะซังแสดงออกถึงความดีใจ ดูเหมือนเธอจะชอบของหวานจริงๆ อย่างที่ได้ยินมา
“นี่…โคกุเระคุงเป็นคนสั่งหรือเปล่า?”
“ใช่ครับ แต่ผมตั้งใจให้คุณทาน ผมเห็นว่าคุณไม่ได้สั่งเหมือนปกติ คิดว่าอาจจะเกรงใจผมเลยสั่งมาให้”
“ขอพูดอะไรหน่อยนะ”
“ครับ”
“เสียงที่นายอาจจะได้ยินเมื่อกี้…อาจจะฟังเหมือนว่าท้องฉันร้องก็จริง”
“ครับๆ”
“แต่มันเป็นภาพลวงตา”
“…”
“หมายถึงเสียงลวงหูต่างหาก!”
เธอถึงกับแก้คำพูดตัวเองด้วยท่าทีเคร่งขรึม
“ฮะๆ…”
“อย่าหัวเราะสิ!”
ความเงอะงะของเธอทำให้ผมหัวเราะออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ ผมบอกให้เธอรีบทานก่อนที่มันจะเย็น อาซาฮินะซังจึงยอมเอื้อมมือไปจับขวดซอสเล็กๆ ที่วางอยู่บนโต๊ะ
“เอ๋…นี่ไม่ใช่ซอสน้ำผึ้งแบบเดิมนี่…ทำไมมันเป็นสีขาวล่ะ?”
“ลองราดดูสิครับ”
“ไม่ได้ใส่อะไรแปลกๆ ไว้ใช่ไหม? ฉันเคยได้ยินข่าวเกี่ยวกับเรื่องแบบนี้นะ”
“มาสเตอร์เป็นคนเตรียมให้ครับ”
แม้จะลังเลเล็กน้อย แต่เธอก็ลองราดซอสลงบนแพนเค้ก ใช้มีดตัดชิ้นเล็กๆ แล้วใช้ส้อมจิ้มขึ้นมากิน
“อื้ม~~!”
ทันทีที่เธอเคี้ยว แววตาของเธอเปลี่ยนไป เธอแสดงสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสุข
“นี่มันอะไรเนี่ย หวานมาก! อร่อยมาก! เหมือนคาราเมลเลย!”
ท่าทีที่เคร่งขรึมเมื่อครู่หายไป กลายเป็นความสดใสเหมือนเด็กๆ เธอดูมีความสุขมากที่ได้กินแพนเค้ก
“ที่จริงผมเดาไว้แล้วว่าอาซาฮินะซังน่าจะชอบอะไรที่หวานจัด ก็เลยให้มาสเตอร์ช่วยปรับซอสน้ำผึ้งโดยใส่นมกับน้ำตาลทรายเข้าไปครับ”
“มันเข้ากันได้ดีมากเลย โคกุเระคุงนี่ถนัดทำอาหารหรือเปล่า?”
“ก็พอทำได้ครับ มีเพื่อนที่ชอบของหวาน ผมเลยลองทำบ่อยๆ ดีใจที่คุณชอบนะครับ”
จู่ๆ อาซาฮินะซังก็นิ่งไป เธอมองผมด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปนิดหน่อย ทำเอาผมอดไม่ได้ที่จะยิ้มเขินๆ
จากนั้นเธอก็มองไปที่จานแพนเค้กที่หมดเกลี้ยงอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เธอจะลุกพรวดขึ้น
“มาสเตอร์! ขอแพนเค้กเพิ่มอีกสามชิ้นค่ะ!”
“สามชิ้น!?”
“ปกติฉันก็สั่งสามชิ้นนี่! แถมซอสแบบนี้ยิ่งทำให้หยุดไม่ได้เลย!”
เธอพูดพลางยิ้มสดใส ท่ามกลางแพนเค้กสามชิ้นที่เพิ่งเสิร์ฟมาใหม่ พร้อมซอสสูตรพิเศษ เธอดูมีความสุขมากที่ได้กิน
“แล้วมื้อเย็นล่ะครับ?”
“ก็ทานตามปกติสิ”
“แต่เพิ่งกินแพนเค้กไปตั้งเยอะแล้วนะครับ?”
“ของหวานมันเป็นกระเพาะแยกต่างหากอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?”
ผมได้แต่คิดในใจว่าประโยคนั้นมันใช้ได้กับคนที่กินจนอิ่มแล้วเท่านั้น แต่ไม่ใช่ตอนที่กินแพนเค้กกองโตแบบนี้ตั้งแต่แรก…