[WN]หนุ่มผู้ไม่เชื่อใจใครกับแกลสาวไร้เพื่อน - ตอนที่ 6 ความคิดของฉันภายใต้แว่นหนาเตอะ
============================
มิยูต้องการที่จะเป็นคนที่ได้รับการเอาใจใส่จากทุกคน
ฉันเกลียดตัวฉันในตอนที่ฉันยังอยู่ม.ต้น ฉันเกลียดแว่นหนาเตอะที่ฉันสวมเป็นประจำ
[–เมื่อก่อนเธอเคยน่ารักกว่านี้..ไซโตะซัง….]
ด้วยคำพูดนั้น…ฉันไม่สามารถเดินก้าวออกจากห้องได้เลย
ความตกตะลึงเข้ากลืนกินร่างฉัน
ฉันคิดว่าตอนนี้ฉันสวยกว่าเมื่อก่อนมาก…
ฉันยืนโดดเดี่ยวและจ้องมองไปยังประตูทางเข้าห้องเรียน
ความรู้สึกไม่เป็นมิตรหมุนวนรอบตัวฉัน มันทำให้ฉันป่วย
ฉันไม่อยากที่จะเดินในทางเดินที่ผิดแบบนาย
ฉันดีใจนะที่ได้อยู่ห้องเดียวกับนายตอน ม.ปลาย มาโกโตะคุงยังคงเป็นคนมืดมนคนเดิม แต่การยิ้มของเขาบางครั้งมันเท่มาก
ฉันรับรู้ในตอนนั้นว่า..
ผู้หญิงที่ฉลาดคนหนึ่งกำลังสับสนเกี่ยวกับความรู้สึกของเธอที่มีต่อเด็กหนุ่มผู้แสนใจดี มาโกโตะ
…ฉันรู้สึก…เกลียดตัวเอง…มาโกโตะคุง ฉันอยากจะเป็นเพื่อนคนแรกของนาย
มันเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่นะ…ที่ฉันทำสิ่งที่ผิดต่อเขา?
ตอนฉันอยู่ ม.ต้น ฉันรู็สึกมีความสุขกับการใช้เวลาในห้องสมุดกับมาโกโตะคุง
แม้ว่าเขาจะหลุดพ้นจากข้อกล่าวหาในตอนอยู่ชั้นประถม แต่มาโกโตะคุงก็ยังคงไม่มีเพื่อน
เขาดูเป็นแค่ผู้ชายธรรมดาๆคนหนึ่ง แต่ใบหน้าของเขาก็หล่อมาก
ตอนเขาคุยกับฉัน เขาดูร่าเริงและสนุกสนานมาก
การไปห้องสมุดกลายเป็นเป้าหมายของฉันทุกครั้งที่ไปโรงเรียนในเวลาต่อมา
ในตอนนั้น ฉันสวมแว่นกลมหนาเตอะ ชุดใหญ่ยาวเกินตัว และไว้ผมหางเปีย (TSL : นึกไม่ออกให้นึกถึงผีเสื้อปีกหัก แพทเทิลเดียวกันหมด)
ทุกคนเรียกฉันว่ายัยน่าเกลียดลับหลังฉัน มีเพียงมาโกโตะคุงที่ใจดีกับฉัน
และแล้วมันก็เกิดขึ้น วันนั้นเกิดแผ่นดินไหวขึ้น หลังจากที่มันสงบลง มาโกโตะคุงก็วิ่งเข้ามาหาฉัน
[ไซโตะซังงงงง]
ฉันกำลังกังวลและตกใจตอนที่เขาวิ่งเข้ามาหาฉัน รู้ตัวอีกทีเขาก็คร่อมตัวของฉันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในเวลานั้นฉันกลัวทุกอย่างที่เกิดขึ้น ตอนนั้นฉันลืมทุกอย่าง แม้แต่เรื่องที่เขาเป็นเพื่อนที่ดีกับฉันแค่ไหน และตอนนั้นเองทุกคนก็มารุมล้อมที่พวกเรา
หลังจากนั้น มาโกโตะก็ตื่นขึ้นและลุกออกจากฉันอย่างช้าๆ
ฉันตกอยู่ในความมึนงง
บนหัวของเขามีบาดแผลและเลือดไหลออกมา สิ่งที่ฉันรับรู้ต่อมาคือ นักเรียนคนอื่นๆรุมเข้าไปทำร้ายเขา
และทุกคนกังวลเกี่ยวกับตัวฉันอย่างน่าประหลาด
[เป็นอะไรไหม? ไซโตะซัง]
[ไปห้องพยาบาลกันไซโตะซัง]
[เจ็บไหม? เอาน้ำไหม? เขาได้ทำอะไรเธอรึเปล่า?]
เนื่องจากฉันเป็นคนขี้อายและยังมึนงงอยู่ ฉันเลยไม่อาจตอบกลับคำตอบเหล่านั้นได้ดีนัก
[เอ๋ อืม อือ ฉันไม่เป็นไร มาโกโตะคุงได้รับบาดเจ็บ -โอ้ แว่นตาของฉันอยู่ไหน แว่นตาของฉัน]
บรรยากาศโดยรอบดูหนักอึ้งขึ้นทันทีที่ฉันพูดแบบนั้น (TSL : เดาว่าในความทรงจำของมาโกโตะกับไซโตะ แตกต่างกัน น่าจะเป็นเพราะเธอมึนงงหรืออาจจะเพราะเธอจำแต่เรื่องที่เธอคิดว่ามันเป็นสิ่งที่เธอทำแล้วดี อันนี้ผมบอกไม่ได้)
ฉันไม่สามารถรับรู้อะไรได้เลย ฉันมองไม่เห็นเมื่อฉันไม่มีแว่นของฉัน ฉันกลัวเมื่อเห็นบรรยากาศที่หนักอึ้ง
[อย่าไปสนใจมันเลย แว่นหรอ? หืม? หรือว่าเธอคือไซโตะซัง?]
[ใช่ เขาจะไม่สามารถเข้าทำร้ายเธอได้อีก]
[เดี๋ยวฉันไปส่งเธอที่ห้องพยาบาลนะ]
[นี่ๆ ไซโตะซัง เธอดูน่ารักกว่านะถ้าเธอไม่ใส่แว่น]
นักเรียนทุกคนเป็นกังวลเกี่ยวกับฉัน
เหมือนฉันกลายเป็นตัวละครในนิยาย ทุกคนล้วนรุมล้อมและดูแลฉัน
มันเป็นสิ่งแปลกใหม่ แต่ฉันก็รู้สึกมีความสุขมากๆ (TSL : แต่ผัวคุณเธอในตอนนั้นตกนรก)
นั่นคือเหตุผลว่าทำไมฉันถึงไม่พูดถึงสิ่งที่มาโกโตะทำกับคนอื่น… ในความคิดของฉัน ฉันรู้ดีว่าไม่มีทางที่มาโกโตะผู้อ่อนโยนจะทำร้ายฉันอย่างแน่นอน…แต่…
มาโกโตะหักล้างข้อกล่าวหาที่ตัวเองได้รับ โดยไม่ได้พูดแม้แต่คำเดียว แต่หลังจากนั้นมาดวงตาเขาก็มืดมนเหมือนหลุมดำ ไม่มีแสงในดวงตาเขาเหมือนแต่ก่อนอีกต่อไป
มีข่าวลือว่าเขาเคยทำร้ายเด็กผู้หญิงตอนยังอยู่ประถม และอีกมากมายเกี่ยวกับข่าวลือของเขา แต่ฉันไม่เคยเชื่อมัน แต่….
ฉันรู้ว่าฉันเป็นเพียงแค่คนธรรมดา แต่ถ้าฉันเข้าข้างมาโกโตะในตอนนั้น…
ฉันมันไม่ดีเองแหละ ฉันไม่สามารถอ่านบรรยากาศในตอนนั้นได้ และถึงฉันจะพูดแก้ในตอนหลังฉันอาจจะโดนโจมตีเช่นเดียวกับมาโกโตะคุง
-ไม่ต้องห่วง ฉันมั่นใจว่าฉันจะได้คุยกับมาโกโตะคุงในภายหลัง
นั่นเป็นเหตุที่ว่าทำไมฉันตามน้ำแทนที่จะสารภาพความจริง
หลังจากนั้น ฉันได้เหมือนเกิดใหม่ และทุกๆวันที่อยู๋ที่โรงเรียนไม่น่าเบื่ออีกต่อไป
เหตุการณ์ในตอนที่มาโกโตะโจมตีฉันได้จางหายไปอย่างรวดเร็ว
ฉันได้รู้จักเพื่อนผู้หญิงที่เป็นชนชั้นสูงในห้อง ฉันได้เริ่มที่จะเรียนแต่งหน้าและแต่งตัว
ทุกคนบอกว่าฉันน่ารัก การได้ยินคำเหล่านั้นทำให้ฉันมีความสุขมาก ฉันได้รับการสารภาพรักครั้งแรก แต่ฉันปฏิเสธมันเพราะเขาไม่ดีเท่ามาโกโตะคุง…
ทุกคนเอาอกเอาใจฉัน
ไม่อยากกลับไปเป็นแบบเดิมอีกแล้ว
หลังจากจบการศึกษา ก็มีผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งคุยกับฉัน เธอเหมือนฉันตอนที่ยังใส่แว่นอยู่
[ไซโตะซัง ฉันอยากจะบอกคุณว่า…ตอนนั้น…มาโกโตะคุง…เขาได้รับบาดเจ็บเพราะต้องการปกป้องคุณ และ… ไม่ ฉันขอโทษที่ไม่ได้บอกตั้งแต่ตอนนั้น ฉันกลัวบรรยากาศรอบตัว ฉันเลยไม่สามารถที่จะบอกได้]
เธอพูดแค่นั้นแล้ววิ่งออกไป
ตอนแรกฉันไม่เข้าใจว่าเธอพูดถึงอะไร
แต่แล้วคำพูดนั้นก็ค่อยๆ ดึงความทรงจำของฉันออกมาอีกครั้ง
ฉันไม่ได้โง่เกินไปที่จะไม่เข้าใจมัน แต่…มันสายเกินไปแล้ว…วันของฉันกับมาโกโตะคุง…
ตอนนั้น มาโกโตะคุงเดินผ่านหน้าฉัน
เขาไม่แม้แต่จะชายตามองมาที่ฉัน สายตาของเขามีแต่การมุ่งไปข้างหน้า ดวงตาเขาว่างเปล่า
เมื่อฉันเห็นเขา ความทรงจำทั้งหมดในห้องสมุดของฉันกับเขาก็ย้อนกลับมาอีกครั้ง
มันมีทั้งความสงบความอ่อนโยน สนุกและทำให้หัวใจของฉันเต้นอย่างบ้าคลั่ง
[เฮ้ มิยู รีบไปกันเถอะ]
เพื่อนของฉันจากกลุ่มผู้หญิงเรียกหาฉันจากระยะไกล
ฉันไม่เกลียดพวกเขา…แต่มีบางอย่างที่แตกต่าง..ถึงฉันจะมีความสุข แต่มันเป็นความสุขจอมปลอมที่ฉันได้รับ เพื่อนผู้หญิงทุกคนที่ฉันคบด้วยล้วนเห็นแก่ตัว
หากมองแค่ผิวเผิน พวกเขาก็ดูเป็นมิตร แต่เขามักจะมีการนินทากันลับหลัง
มันเป็นโลกที่ฉันพึ่งรับรู้ว่า มันไม่ได้มีความสุขอยู่เลย มันเป็นโลกที่ต้องเอาชีวิตรอดและอยู่อย่างยากลำบาก
[ทำไม..มิยูถึง…ปล่อย…มาโกโตะ]
ความเสียใจเข้ามาโจมตีในใจฉันอย่างรวดเร็ว ทำไมฉันถึงไม่คุยกับนายตอนนั้น ฉันมันยัยโง่…
ฉันไม่พยายามที่จะค้นหาความจริง ฉันปล่อยให้ตัวเองไหลตามนั้น และสนุกไปกับความสนุกจอมปลอม
ทั้งที่…เขาปกป้องฉันไว้
ฉันยังคงเห็นใบหน้ามาโกโตะที่มีเลือดไหลออกจากหัวอยู่ในความทรงจำของฉัน
ในขณะนั้นเองที่ฉันเข้าใจทุกอย่าง…ใจของฉันมันสั่นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน…ใช่…มาโกโตะคุง เขาคือรักแรกของฉัน
ฉันมองตามเขาด้วยสายตาของฉัน
เขาออกจากโรงเรียนเพียงลำพัง พ่อแม่ของเขาล่ะ? น้องสาวล่ะ? ทำไมเขาถึงกลับบ้านคนเดียว?
[มาโกโตะคุง!!…เดี๋ยวก่อน!!]
มาโกโตะคุงน่าจะได้ยินเสียงฉัน แต่เขาไม่แม้แต่จะหันหลังกลับมามองฉันด้วยซ้ำ
[มิยู อย่าช้า มานี่เร็วเข้า!]
สิ่งเดียวที่ฉันได้ยินคือเสียงหงุดหงิดจากเพื่อนๆของฉัน
-ใช่ฉันจำได้ว่า ฉันเข้าโรงเรียนม.ปลายเดียวกับเขา ดังนั้นฉันน่าจะได้ขอโทษใช่ไหม? ไม่เป็นไร คราวนี้ฉันจะไม่ทำพลาดแล้ว
[ฉันขอโทษ เดี๋ยวฉันจะไปเดี๋ยวนี้แหละ]
ฉันเดินไปหากลุ่มเพื่อนของฉัน
[ฉันผิดทุกอย่างมาตั้งแต่แรก…มิยูงี่เง่าที่สุด]
ตอนที่ฉันอยู๋ห้องเดียวกับเขา เขาไม่แม้แต่จะมองฉันด้วยซ้ำ
ฉันอยากให้เขาเห็นว่าตอนนี้ฉันสวยแล้ว ฉันคู่ควรกับเขาแล้ว
หลังจากเหตุการณ์กับฉัน ข่าวลือแย่ๆเกี่ยวกับมาโกโตะทุกประเภทก็เกิดขึ้น แต่ฉันไม่เชื่อมันหรอก
ฉันรวบรวมความกล้าที่จะคุยกับเขา แล้วเขาก็ยิ้มให้ฉัน
ฉันตื่นเต้นมากในตอนนั้น
ฉันคิดว่ามันแปลกมากที่จะใช้คำสุภาพคุยกับฉัน
เมื่อฉันเดินตามเขาไป และพูดในขณะที่กำลังเดิน รอยยิ้มที่ได้รับดูแข็งขึ้นเล็กน้อย
ฉันพูดทุกสิ่งออกมาอย่างไม่อดกลั้น ฉันอยากทำให้เขาขุ่นเคืองไม่ว่าทางใดทางหนึ่ง
ฉันอยากที่จะขอโทษ แต่ฉันพูดทุกสิ่งทุกอย่างโดยไม่ปิดกันไปแล้ว ฉันจึงไม่รู้จะพูดยังไงอีก
ฉันหยุดพูดไม่ได้ เพราะฉันไม่อยากให้เขาเกลียดฉัน
ฉันอยากที่จะเป็นเพื่อนกับเขา
ทันใดนั้นฉันก็ได้รู้ความจริงในที่สุด ที่เขายิ้มนั้นไม่ได้ออกมาจากใจ แต่เป็นรอยยิ้มจอมปลอมที่ถูกสร้างขึ้นเพี่ยงแค่ยกมุมปากเป็นเส้นโค้ง
ไม่มีบรรยากาศที่อ่อนโยน ฉันไม่รู้สึกถึงอารมณ์ใดๆที่เขาแสดงออกมาเลย เขาไม่แม้แต่จะมองฉันด้วยซ้ำ
ตอนที่เราคุยกันก่อนหน้านี้ ฉันมั่นใจอย่างยิ่ง
ฉันมั่นใจว่า มาโกโตะคนเดิมได้จากไปแล้ว เขาถูกลบออกจากโลกไปแล้ว และเขาเป็นคนในปัจจุบันนี้เพราะฉัน
ฉันอยากจะขอโทษ อยากจะบอกว่าฉันยังคงเชื่อใจเขา
[แน่นอนว่า…ทั้งหมดเป็นความผิดของมิยู…ฉันนี่มันโง่จริงๆ….]
หน้าประตูห้องเรียนยังคงว่างเปล่า
จะเป็นอย่างไรถ้าฉันฟังมาโกโตะและแก้ความเข้าใจผิดเหล่านั้น?
จะเป็นอย่างไรถ้าฉันไม่ทำเรื่องโง่ๆแบบนั้น?
จะเป็นอย่างไรถ้าฉันเชื่อใจมาโกโตะ?
จะเป็นอย่างไรถ้าฉันไม่ทำตัวห่างเหินจากนาย?
จะเป็นอย่างไรถ้าฉันสารภาพผิดทุกอย่างออกมาจากหัวใจของฉัน?
[ฮึก…ฉันรู้ ฮึก…ว่าฉันผิด…แต่ฉันกลัวและพูดได้แค่เรื่องตลกเท่านั้น…ฉันไม่กล้าพอที่จะสารภาพมันออกมา]
ฉันนี่มันงี่เง่าจริงๆ ฉันเตรียมแว่นมาเพราะคิดว่ามันจะทำให้มาโกโตะมีความสุข…
ความเสียใจ อารมณ์ กำลังเข้ามาปะทะหัวใจของฉันอย่างแรง
ฉันไม่สามารถหยุดสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นได้ ฉันหยุดร้องไห้ไม่ได้
[มาโกโตะคุง…ฉันขอโทษ…ฉันขอโทษ….ฉันขอโทษจริงๆ]
ฉันย้ำคำนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเช่นเดียวกับเครื่องเล่นเพลงเก่าที่ตกร่องและเล่นแต่ท่อนเดิมซ้ำๆ
ฉันไม่สามารถกลับไปยืนที่จุดเดิมได้แล้ว ทุกอย่างพังทลายไปหมดแล้ว
มาโกโตะคุง ฉันรู้ว่านายมีรอยแผลเป็นที่ไม่มีวันจางหายไป
ทุกอย่างมันกลับไปเป็นแบบเดิมไม่ได้อีกแล้ว
ฉันแน่ใจว่า มาโกโตะคุงจะไม่มีวันยกโทษให้ฉัน
ฉันยังขอโทษที่มันสายเกินไปแล้ว…
-ถ้าฉันพยายามที่จะกลับไปมีความสัมพันธ์แบบเดิมในตอนนี้ ฉันว่ามันคงสายไปแล้วล่ะ
ฉันตระหนักเป็นครั้งแรกว่าตอนนี้ฉันกำลังร้องไห้…
===============================================
กำลังไล่แก้คำผิดนะครับ