[WN]ผมที่ปรึกษาเรื่องความรักของเพื่อนสนิท อยู่ๆเพื่อนสนิทของคนที่เขาแอบชอบก็มาตีซี้กับผม - ตอนที่ 3 เด็กผู้หญิงร่างเล็กและเงียบขรึม
- Home
- [WN]ผมที่ปรึกษาเรื่องความรักของเพื่อนสนิท อยู่ๆเพื่อนสนิทของคนที่เขาแอบชอบก็มาตีซี้กับผม
- ตอนที่ 3 เด็กผู้หญิงร่างเล็กและเงียบขรึม
ตอนที่ 3 เด็กผู้หญิงร่างเล็กและเงียบขรึม
เช้าวันถัดมา หลังจากซ้อมบาสเกตบอลตอนเช้าเสร็จ ผมมาที่นี่คนเดียว
ที่นี่คือบริเวณด้านหลังโรงยิมของโรงเรียน ซึ่งเป็นทุ่งหญ้ากว้าง
แม้จะเป็นทุ่งหญ้า แต่ด้านในสุดมีแปลงดอกไม้ขนาดใหญ่ ซึ่งใช้เป็นพื้นที่ทำกิจกรรมของชมรมพืชสวน และทุกเช้า เด็กผู้หญิงที่อยู่ชมรมพืชสวนและเป็นเพื่อนร่วมชั้นของผมโอสึกิ ชิซึกุจะมาทำกิจกรรมที่นี่
ตอนนี้เธอสวมชุดพละ ขะมักเขม้นทำงานขุดดินอยู่ที่แปลงดอกไม้
ที่ผ่านมา ถึงเราจะอยู่ห้องเดียวกัน แต่แทบไม่มีจุดร่วมใดๆ เลย ดังนั้น เราจึงไม่เคยคุยกัน แต่เมื่อรู้ว่าเธอคือคนที่เรโอะชอบ เรื่องนี้ก็กลายเป็นอีกเรื่องหนึ่งทันที
“โอสึกิสิซังนะ”
พูดตรงๆ ความประทับใจที่ผมมีต่อเธอค่อนข้างจาง เธอมักจะอยู่กับอาซาฮินะ ซึ่งเป็นเด็กสาวที่มีความโดดเด่นในห้อง
ท่าทางของโอสึกิที่ผมจำได้ มีเพียงการยิ้มและพยักหน้าตอบ เธอเป็นคนที่ไม่ค่อยแสดงตัวตนออกมา และไม่ใช่คนที่โดดเด่นในกลุ่ม จริงๆ แล้ว ผมแทบไม่เคยได้เห็นหน้าเธอชัดๆ เลยด้วยซ้ำ
แล้วผมก็นึกถึงบทสนทนากับเรโอะเมื่อคืน
‘ฉันควรจะสารภาพรักไปเลยดีไหม?’
คำถามนั้นทำให้ผมลังเลที่จะตอบตกลง
โอสึกิดูเหมือนจะเป็นเด็กผู้หญิงที่เงียบขรึมและไม่คุ้นเคยกับการเปิดเผยความรู้สึกแบบนี้
หากเป็นเรโอะ ซึ่งเป็นเด็กหนุ่มที่ดูสดใสและโดดเด่นอย่างมาก สารภาพรักเธออย่างตรงไปตรงมา เธออาจจะตกใจจนรับมือไม่ไหว ดังนั้น ผมจึงบอกให้เขารอไปก่อน และขออาสาเข้าไปพูดคุยกับโอสึกิแทน
การสนทนาเมื่อคืนจบลงที่ตรงนั้น
แม้จะเป็นเพื่อเพื่อนสนิท แต่การต้องเข้าไปพูดคุยกับเด็กผู้หญิงที่แทบไม่รู้จักเลย ก็ยังทำให้ผมรู้สึกอึดอัด
ผมไม่ค่อยเก่งเรื่องพูดคุยกับผู้หญิง และมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับผม แม้ว่าผมจะอยู่ในกลุ่มเด็กที่มีความโดดเด่นในห้อง แต่ตัวตนที่แท้จริงของผมกลับเป็นเด็กหนุ่มที่เรียบง่ายและไม่ค่อยมีเสน่ห์
แต่ในเมื่อเรโอะฝากความหวังไว้กับผม ผมก็อยากจะช่วยเขาให้ได้
ถ้าผมรู้ว่าโอสึกิชอบอะไร มันก็น่าจะช่วยให้ชิชิทำอะไรต่อไปได้ง่ายขึ้น ต่อให้ผมพูดจาไม่เก่งและเธอไม่ชอบผม ก็ไม่เป็นไร ผมเองไม่ได้ใส่ใจถ้าจะถูกผู้หญิงเกลียด
หลังจากสูดหายใจเข้าลึกๆ ผมก็ค่อยๆ เดินเข้าไปหาโอสึกิ
“อ…อรุณสวัสดิ์ครับ โอสึกิซัง”
“หา?”
โอสึกิในชุดพละหันกลับมามอง
รูปร่างเล็ก ดวงตากลมโตเป็นประกาย และใบหน้าที่สมส่วน
ผมสีน้ำตาลอ่อนมัดรวบเป็นหางม้าติดโบสีชมพูที่ดูเข้ากันมาก
ถึงผมจะไม่ค่อยรู้จักเธอ แต่ผมก็อดคิดไม่ได้ว่า เธออาจจะเป็นเด็กสาวที่น่ารักมากคนหนึ่ง
เพียงแค่ถูกบดบังอยู่ใต้ร่มเงาของอาซาฮินะเท่านั้นเอง
“เอ่อ…โคกุเระคุง?”
“ครับ”
เวลาผมคุยกับผู้หญิง ผมมักจะพูดด้วยภาษาสุภาพเสมอ
เหตุผลก็เพราะการพูดสุภาพกับคนที่โตกว่าหรือผู้หญิงช่วยให้ผมรู้สึกพูดง่ายขึ้น
โอสึกิเริ่มมองไปรอบๆ อย่างงงๆ
“นี่…หรือว่าเธอกำลังคุยกับฉัน?”
“ใช่ครับ เอ่อ…คือ…ก็เห็นคุณอยู่ที่นี่บ่อยๆ เลยคิดว่าควรลองทักดูครับ”
“อ๋อ…อย่างนั้นเหรอ…”
แล้วบทสนทนาของเราก็หยุดไปเฉยๆ
แม้ว่าผมจะเริ่มทักเธอได้ แต่กลับไม่มีคำพูดต่อไปที่จะพูด
จริงๆ แล้วผมอยากรู้ว่าโอสึกิชอบผู้ชายแบบไหน แต่การถามออกไปตรงๆ ดูจะไม่เหมาะสมเท่าไร และที่แย่คือ ผมไม่รู้เลยว่าจะคุยอะไรต่อดี ในขณะที่ผมกำลังคิดหนักอยู่นั้น โอสึกิก็มองไปที่โรงยิม
“เอ่อ…โคกุเระคุงใช่ไหม? เธออยู่ชมรมบาสเกตบอลนี่นา เมื่อเช้ามีซ้อมหรือเปล่า?”
โอสึกิช่วยหาเรื่องคุยให้ผม! ผู้หญิงคนนี้เป็นคนดีจริงๆ!
“อ๋อ…ใช่ครับ แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรมากหรอกครับ…ฮะๆ”
บทสนทนาเงียบไปอีกครั้ง
นี่ผมแย่เกินไปไหมเนี่ย! ในเมื่ออีกฝ่ายยกเรื่องชมรมขึ้นมา ผมก็ควรใช้โอกาสนี้ถามเรื่องของเธอบ้าง
“โอสึกิซังอยู่ชมรมพืชสวนใช่ไหมครับ? นี่ปลูกผักด้วยหรือเปล่า?”
ผมรู้ว่าที่นี่มีทั้งแปลงดอกไม้และแปลงผัก โอสึกิพยักหน้ารับ
“แล้วผักที่ปลูกได้นี่เอาไปทำอะไรเหรอครับ?”
“ส่วนใหญ่ก็เอาให้สมาชิกในชมรมเอากลับบ้านน่ะ แต่ถ้าเหลือเยอะก็จะเอาไปให้โรงอาหาร”
“อ๋อ เห็นว่าที่โรงอาหารมีเมนูที่ใช้ผักที่ชมรมปลูกด้วยใช่ไหมครับ”
“ใช่! แล้วรสชาติค่อนข้างดีเลยนะ โดยเฉพาะกะหล่ำปลีที่ปลูกได้ปีนี้ เอาไปผัดจะหวานอร่อยมากเลยล่ะ”
“เอ๊ะ หรือว่าโอสึกิซังชอบทำอาหารเหรอครับ?”
“ใช่! ฉันถนัดทำอาหารมากเลยล่ะ ก็มีเด็กวัยกำลังกินอยู่ด้วยนี่นา”
คำพูดดูแปลกๆ อยู่บ้าง แต่ผมเดาว่าคงหมายถึงมีน้องชายหรือน้องสาวมากกว่า คงไม่ถึงขั้นมีลูกเองแน่ๆ
โอสึกิชอบทำอาหาร… นี่เป็นข้อมูลที่ดีมาก
“นี่… ครั้งแรกเลยนะเนี่ยที่เห็นโคกุเระคุงพูดจาแบบนี้”
“เอ๊ะ?”
“ปกติเธอพูดแบบนี้เหรอ? ไม่ได้แปลกใจ… แต่ก็แปลกใจนิดหน่อย”
“ก็ปกติผมพูดแบบนี้กับอาจารย์อยู่แล้วครับ เวลาโดนเรียกตอบคำถามในห้องเรียนก็พูดแบบนี้”
“นั่นสินะ แต่ช่วงพักเบรกฉันไม่เคยเห็นเธอคุยกับพวกผู้ชายเลย”
นั่นคือเรื่องจริง
ตอนที่อยู่ในกลุ่มเพื่อนสายป็อปที่นำโดยเรโอะ ผมแทบไม่ได้พูดอะไร นอกจากพยักหน้าและตอบรับเป็นบางครั้ง
“อาริสะเคยบอกนะว่าเธอเหมือนเฟอร์นิเจอร์ชิ้นหนึ่งในกลุ่มเลยล่ะ”
“อันนั้นมันก็เกินไปหน่อย!”
“ฮะๆ ขอโทษนะ”
“ว่าแต่โอสึกิซังเองก็ไม่ค่อยเห็นพูดอะไรเหมือนกันนะครับ”
“ก็… ใช่แหละ เพราะเมื่อเทียบกับอาริสะแล้ว ฉันมัน…”
โอสึกิก้มหน้าลงเล็กน้อย และในจังหวะนั้นเสียงกริ่งก่อนเริ่มเรียนก็ดังขึ้น
“แย่แล้ว! ต้องรีบเก็บของกลับไปที่ห้องเรียนแล้ว! โคกุเระคุง ขอโทษนะ”
“ไม่เป็นไรครับ! เอ่อ… โอสึกิซัง”
“ว่าไง?”
ถึงจะเร่งรีบ แต่โอสึกิก็ยังหันมาตอบผมอย่างสุภาพ เธอเป็นคนที่ใจดีจริงๆ
“ถ้า… ถ้าผมจะมาทักคุณอีกครั้ง จะได้ไหมครับ?”
โอสึกิชะงักไปเล็กน้อย เธอเบิกตากว้างเหมือนตกใจ ก่อนจะพยักหน้าช้าๆ
“ได้สิ… แล้วเจอกันนะ”
เธอโบกมือเล็กๆ ให้ผมก่อนจะรีบวิ่งจากไป ท่าทางนั้นดูน่ารักมาก แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่ผมคิดว่าผมสามารถคุยกับเธอได้ดีกว่าที่คาดไว้
นี่น่าจะเป็นก้าวแรกที่สำคัญสำหรับผม