When I Made The Cheeky Childhood Friend Who Provoked Me With “You Can’t Even Kiss, Right?” Know Her Place, She Became More Cutesy Than I Expected - ตอนที่ 3.2 ส่วนที่ 2/3 // บทเรียนสำหรับคนพิเรนทร์
- Home
- When I Made The Cheeky Childhood Friend Who Provoked Me With “You Can’t Even Kiss, Right?” Know Her Place, She Became More Cutesy Than I Expected
- ตอนที่ 3.2 ส่วนที่ 2/3 // บทเรียนสำหรับคนพิเรนทร์
ร-รอยยิ้มนั่น น่าขนลุกชะมัด
พอเห็นไอริยิ้มน่ารักๆแล้วโบกมือให้แล้ว มันก็ทำให้ผมรู้สึกขยุกขยิกตัวแปลกๆ
แม้ว่าสัญชาตญาณของผมจะแจ้งเตือนว่ามีเรื่องอะไรผิดแปลกไป แต่ผมก็พยายามเมินเฉยแล้วหันมาโฟกัสกับหนังสืออ้างอิงที่ผมวางอยู่หน้าผมแทน
ผมพยายามอดกลั้นแล้วบอกตัวเองให้ตั้งใจเรียน…แต่ก็อดแคลงใจในตัวไอริไม่ได้
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ไอริดูทำตัวใกล้ชิดแปลกๆ
สมัยตอนเราอยู่ประถมเธอก็มักจะเข้ามากอดหรือไม่ก็ใช้แขนโอบรอบไหล่ของผม แต่เมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆผมก็เริ่มรู้สึกอายเวลาไอริทำอะไรแบบนั้น
แต่จะว่าไป ตั้งแต่พวกเราขึ้นมัธยมต้น เราก็ไม่ค่อยได้สัมผัสอะไรกันทางกายภาพเท่าไหร่นัก ไอริเริ่มพยายามทำตัวสงบเสงี่ยมมากขึ้น ถ้าพูดให้ถูกก็คงประมาณว่า ‘ทำตัวสมเป็นกุลสตรีมากขึ้น’ ไม่ใช่แค่กับผมแต่รวมถึงกับคนอื่นๆด้วย
เพราะฉะนั้นเลยเป็นไปได้ค่อนข้างยากที่จะได้เห็นไอริทำตัวใกล้ชิดแบบนี้
แล้วมันไม่มากเกินไปหรอสำหรับ ‘เพื่อนสมัยเด็ก’?
แล้วไอเรื่องที่ไอริบอกว่า ‘ทำด้วยกัน’ ล่ะ? มันไม่เกินไปหน่อยหรอแม้ว่าอาจจะเป็นแค่เรื่องที่พูดเล่นๆก็เถอะ
อ่า หรือว่าจะเป็น
การเอาคืนหรอ?
เธอจะเอาคืนผมสำหรับเรื่องก่อนหน้านี้หรอ?
ก็จริงแหละที่ผมทำเกินไปหน่อย แต่ว่า…ม่ายๆ ผมก็บอกไปชัดเจนแล้วหนิว่ามันเป็นแค่เรื่องหยอกเล่นเฉยๆ แล้วไอริก็รับรู้แล้วด้วย
ประเด็นมันอยู่ที่รอบนี้ไอริไม่ได้อธิบายเรื่องไรเลย ที่เธอทำทั้งหมดนี่เธอไม่ได้ขออนุญาตหรืออะไรผมเลยทั้งสิ้น…นี่มันไม่ยุติธรรมสุดๆ
“อ่ะ…”
ผมจมอยู่กับความคิดของตัวเองมากไปละมั้ง เลยเผลอทำยางลบตกซะได้
…มันกลิ้งไปใต้ที่นั่งของไอริที่นั่งอยู่ข้างๆผม
“…?”
ไอริสังเกตเห็นยางลบแล้วหยิบมันขึ้นมา เธอมองมาที่ผมแล้วค่อยๆยื่นมือมา
“…หึๆ”
แต่เพราะเหตุผลอะไรสักอย่าง ไอริคลี่ยิ้มออกมาก่อนจะดึงมือกลับไป
ผมถมึงหน้าใส่เธอ
“เอา-คืน-มา-นะ” ผมส่งสัญญาณปากให้เธอเงียบๆ
ไอริถือยางลบของผมขึ้นหนีบไว้ระหว่างนิ้วแล้วโชว์มันให้ผมดู
จากนั้นเธอก็ค่อยๆลดมือลงช้าๆ ผมจ้องตามมือของเธอไปเรื่อยๆ
“…!”
ขาอ่อนสีขาวของไอริปรากฏขึ้นตรงหน้าของผม
ไอริเลื่อนกระโปรงขึ้นนิดๆด้วยมือ เผยให้เห็นขาอ่อนทั้งหมด ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจากจุดนั้นสามารถมองเห็นกางเกงในของเธอได้รึปล่าว เธอวางยางลบของผมไว้ใต้เงาของกระโปรงที่ถูกยกขึ้น ผมรีบหลบสายตาออกมา แล้วหันไปจ้องหน้าของเธอ
ในทางกลับกัน ไอริยิ้มออกมาอย่างซาดิสต์ คงอยากบอกประมาณว่า “โห? เป็นอะไรไปล่ะ?”
ริมฝีปากสีชมพูของเธอขยับเบาๆ “มา-เอา-ไป-สิ”
“ไม่มีทางที่ฉันจะทำอย่างนั้นได้อยู่แล้วมั้ย!”
ผมพยายามขอร้องด้วยการสื่อสายตาหวังว่าไอริจะคืนให้ แต่เธอกลับไม่ได้สนใจจะให้คืนเลย
ทำไงดีนะ…?
ผมครุ่นคิดอยู่สักครู่ก่อนจะก้มหน้ามองลงไปอีกครั้ง
นี่มันโซนอันตรายชัดๆ ที่สำคัญคือผมไม่รู้ว่ายางลบมันอยู่ตรงไหนกันแน่ เธอคงไม่ได้ซ่อนไว้ในที่แปลกๆใช่มั้ย?
ผมจินตนาการถึงส่วนใต้กระโปรงของไอริ…ใบหน้าของผมรู้สึกรุ่มร้อนขึ้น
มันทำได้ที่ไหนล่ะ…ไม่มีทางที่ผมจะยื่นมือเข้าไปแล้วคล่ำหารอบๆเพื่อเอายางลบคืนมาได้อยู่แล้ว
เดี๋ยวค่อนเอาคืนแล้วกัน
ผมพยายามตั้งสมาธิจดจ่อไปกับหนังสือเรียนตรงหน้า แต่ก็เพราะไอรินั้นแหละ ทำให้ไม่อาจตั้งสมาธิได้เลย
※
“ไอริ!”
หลังคาบเรียนจบ ผมเดินตรงไปหาไอริทันที
“อะไรหรอ?”
ไอริมองมาที่ผมพร้อมเอียงคอไปด้านข้าง
“เอายางลบของชั้นคืนมานะ”
ถึงเราจะเป็นเพื่อนสมัยเด็กกัน แต่จะทำอะไรก็ควรรู้ขอบเขตบ้าง การเอาของของคนอื่นไปโดยไม่ได้รับอนุญาตเนี่ยมันข้ามเส้นเกินไปแล้ว
ไอริที่รู้จักผมเป็นอย่างดี เธอก็น่าจะรู้เรื่องนี้อยู่แล้วว่าผมไม่ชอบอะไรแบบนี้
“เอางายดีน้า~?”
“…ไอริ”
ผมพูดด้วยน้ำเสียงแข็งขันขึ้นทำให้ไอริสะดุ้งตกใจ
ผมไม่ได้ตั้งใจทำให้เธอกลัวหรอก ผมรู้สึกผิดนิดหน่อยแต่ผมก็ไม่ชอบเวลาไอริทำอะไรแบบนี้เหมือนกันเลยต้องแสดงออกให้ชัดเจนหน่อย
“เอาคืนมา อย่าให้ชั้นต้องพูดอีกรอบเลย”
“ก-ก็ได้…ตามฉันมาสิ เดี๋ยวจะคืนให้”
“ไม่ เอาคืนมาตอนนี้เลย”
ผมยื่นมือออกไปเพื่อให้เธอคืนยางลบให้ ไอริเหลือบมองมาที่ผมแล้วทำหน้าครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
เธอมองสลับไปมาระหว่างมือของผมกับยางลบ
“ตามฉันมาก่อนแล้วเดี๋ยวจะคืนให้”
คิ้วของผมขมวดขึ้น ผมจ้องมองไปที่ไอริ
ไอริสะดุ้งโหยง แล้วทำสีหน้าหวาดกลัวนิดๆ
“เห่อ…”
ผมเผลอถอนหายใจออกมา
ไม่ยุติธรรมเลยไอสีหน้าแบบนั้น
“ก็ได้”
ไอริดูมีความสุขเมื่อได้ยินเช่นนั้น เธอฉายรอยยิ้มสดใสออกมา
ไอริหันส้นเท้า เดินมุ่งออกห้องเรียนไปแล้วหันมากวักมือเรียกให้ผมตามเธอไป
ผมเดินตามเธอไปเรื่อยๆ ขึ้นบรรไดมาชั้นดาดฟ้า
“…แล้ว มีอะไรล่ะ?” ผมเอ้ยถามไอริ
ถ้าไม่มีอะไรเธอคงไม่ลำบากเดินขึ้นมาชั้นดาดฟ้าหรอก คงมีเหตุผลอะไรสักอย่างแน่ๆ ณ จุดนี้ความโกรธและหงุดหงิดก่อนหน้าก็หายไปแล้วด้วย แทนที่ด้วยความสงสัยแทน มีเรื่องอะไรอยากจะพูดที่พูดในห้องเรียนไม่ได้หรอ?
“นี่ยางลบของนาย”
ไอริหยิบยางลบของผมขึ้นมาแล้วนำไปใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อบริเวณหน้าอกของเธอ แล้วมองมาที่ผม
ไม่เห็นจะเข้าใจเลย
“ไม่ใช่ว่าเธอบอกว่าจะคืนให้หรอ?”
ไอริพยักหน้า
“อื้ม ก็กำลังอยู่ไง” ไอริคลี่ยิ้มออกมา
“เข้ามาเอาไปสิ” ไอริใช้นิ้วกดลงไปบนหน้าอกของเธอ
ใบหน้าของผมเริ่มร้อยรุ่มขึ้น
“ป-เป็นบ้าอะไรของเธอ! ม-ไม่มีทางที่ชั้นจะไปหยิบคืนจากตรงนั้นได้อยู่แล้ว!” ผมเผลอตะโกนออกมา
ไอริเอียงคอสงสัย
“หืม? ทำไมล่ะ?”
“ก-ก็…ถ้าชั้นล่วงเข้าไปในกระเป๋า…”
มันก็จะไปสัมผัสโดนหน้าอกของไอริ
การที่ผมจะไปสัมผัสสิ่งนั้นด้วยฝ่ามือของผมเอง…เป็นสิ่งที่ทำให้ผมลังเล
การที่ผมจะสัมผัสตัวของไอริ—เพื่อนสมัยเด็กที่ทั้งสวยและมีเสน่ห์น่าหลงไหลเสมือนแฟร์รี่ที่หลุดออกมาจากนิทานในเชิงแบบนั้น…ไม่ใช่สิ่งที่ควรทำเลย นั้นคือสิ่งที่ผมคิด
“ทำไมต้องอายขนาดนั้นล่ะ เราเป็นแค่เพื่อนสมัยเด็กกันไม่ใช่หรอ?” ไอริกล่าวขึ้น
ไอริยิ้มยั่วยวนแล้วใช้นิ้วกดลงไปบนหน้าอกอีกรอบ ราวกับจะบอกว่า ‘มาหยิบไปสิ’
ผมมั่นใจว่านี่คือการเอาคืนของเธอแน่นอน จากเรื่องเมื่อวันก่อน
เธอกำลังแกล้งผม
ไอริคงมั่นใจมากว่าผมจะไม่กล้าทำแน่ๆ
“โห แค่นี้ทำไม่ได้หรอ?”
แม้ว่าไอริจะเป็นฝ่ายเย้าแหย่ผมแต่ผมก็สังเกตเห็นว่าแก้มของเธอก็แดงนิดๆ…ตอนนี้ไอริก็คงใกล้ถึงขีดจำกัดตัวเองแล้ว
ในเมื่อสถานการ์ณมันเป็นอย่างงี้แล้ว ผมก็คงไม่อาจถอยกลับได้แล้ว ไอริก็คงเหมือนกันด้วยจุดยืนของเธอในตอนนี้
อีกอย่าง ถ้าผมไม่ไปหยิบคืน ไอริก็คงล้อเลียนผมประมาณว่า ‘ขี้แพ้’ แล้วก็คงมาเยาะเย้ยผมต่อแน่ๆ
ผมครุ่นคิดอยู่สักพัก สลัดความเขินอายออกไป แล้วพูดขึ้นว่า “ก็เธอน่ารักหนิ เธอก็รู้ใช่มั้ยล่ะว่าเธอสวยกว่าผู้หญิงคนไหนๆ…”
นั้นคือความรู้สึกจากส่วนลึกของหัวใจผมจริงๆ
ผมไม่เคยเห็นเด็กผู้หญิงคนไหนที่น่ารักหรือสวยมากกว่าไอริเลย เธอคือผู้หญิงที่น่ารักที่สุดในโรงเรียน…ไม่สิ คงในญี่ปุ่น…ก็ไม่น่าใช่…เธอคือผู้หญิงที่น่ารักที่สุดในโลกใบนี้แล้ว นั้นคือความจริงที่ผมยอมรับ
“-!”
ใบหน้าของไอริแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงสด สูญเสียความเยือกเย็น อ้าปากกว้าง ดวงตาก็สั่นไหวกล่อกไปมา
ถ้าถอยกลับไม่ได้ก็แค่ใส่สุดตัวไปเลย
ผมมั่นใจในชัยชนะของผมมาก ที่เหลือก็แค่สยบเธอลง
“ก็อย่างที่พูดนั้นแหละ…ชั้นไม่ได้ทำไม่ได้หรอก”
“อ-เอ่อ เดี๋ยวสิ…”
“อย่าพึ่งขยับสิ เธอเป็นคนบอกให้มาหยิบไปเองไม่ใช่หรอ?”
ผมค่อยๆล่วงลงไปในกระเป๋าเสื้อของไอริ ตัวไอริถูกย้อมด้วยสีแดงทั้งตัว เธอพยายามใช้ฝ่ามือปิดบริเวณหน้าอกไว้
“จะหนีอีกรึไง?”
หน้าของไอริกระตุกขึ้น
ไอริเอามือไปไพล่ไว้ที่หลัง ยื่นอกออกมาเล็กน้อย แล้วหันหน้าหนีไปด้วยความเขินอาย
“งั้นก็เร็วๆสิ” ไอริพูดขึ้นพร้อมแสดงนัยย์ตาที่กำลังหวั่นไหวอยู่
“ถ้างั้นก็…”
ผมใช้นิ้วล่วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อของไอริอย่างระมัดระวังขณะไอริหลับตาปี๋
ข้างในกระเป๋ามีความอุ่นหน่อยๆ ผมสัมผัสได้ถึงจังหวะการเต้นหัวใจของเธอ…แล้วก็ความนุ่มนวลที่สัมผัสได้ผ่านปลายนิ้ว
ผมหนีบยางลบขึ้นมาด้วยสองนิ้ว แล้วค่อยๆยกมันออกมา
“เห่อ…”
ผมถอนหายใจออกมา
“เอาคืนมาแล้วละ”
“อ-อ่า”
ผมเก็บยางลบลงในกระเป๋ากางเกงของตัวเองแล้วหันหน้าจ้องไปทางไอริที่กำลังยืนทำสีหน้าเคอะเขินอยู่
“หมายความว่ายังไง?”
“อืม…เออ…ก็แค่พูดความจริงเอง”
ผมรู้สึกว่าต้องอธิบายอะไรสักอย่างออกไปเพื่อไม่ให้ไอริเข้าใจตัวผมผิด
ก็ที่ไอริน่ารักเนี่ยก็เป็นเรื่องจริงหนิ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมชอบเธอสักหน่อย
“หืมม…”
“อะ…แล้วก็อย่าเล่นอะไรแบบนี้อีกล่ะ แม้จะแค่ล้อเล่นก็ตาม อย่าทำแบบนี้กับผู้ชายอีก—”
“—นายก็รู้หนิอิบุกิคุง…” ไอริพูดแทรกผมขึ้นแล้วจ้องมาที่หน้าของผม
“นายคิดว่าฉันเป็นผู้หญิงประเภทที่ว่าจะทำเรื่องอะไรแบบนี้เพราะแค่เล่นสนุกหรอ?”
“…เออ ม-ไม่ใช่อย่างงั้น”
ในใจของผมสับสนอลหม่านไปหมด ผมไม่เข้าสิ่งที่ไอริกำลังพยายามจะสื่อหรือที่พูดออกมาเลย
“นายคิดว่าฉันจะทำอะไรแบบนี้กับคนที่ไม่ได้ชอบหรอ?”
นี่มันเหมือนกับว่า…
“นายคิดว่าฉันเป็นผู้หญิงแบบนั้นจริงๆหรอ?”
ไอริ ‘ชอบ’ ผมเลย
“นี่ อิบุกิคุง”
“ม-ไม่ ม-ไม่ได้หมายความว่าอย่างงั้น”
ตาของผมเริ่มกลอกไปมา ฝีเท้าก็กลับถอยหนีเอง
ไอริค่อยๆเดินตรงมาทางผม ลดระยะระหว่างเรา
“อิบุกิคุง…นายรู้สึกยังไงกับฉันกันแน่? ฉันคืออะไรสำหรับนายกันแน่?”
“อ-เออ ก-ก็…ธ-เธอคือเพื่อนสมัยเด็กของชั้นไง…”
“…แค่นั้นเองหรอ?” ไอริพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเศร้าสร่อย
พี่สาว,น้องสาว,คนในครอบครัว,เพื่อนสนิท นั้นคือสิ่งที่ลอยเข้ามาในหัวของผม
คำตอบนั้นคงไม่ตรงกับที่ไอริหวังไว้
“ส-สำหรับชั้น เธอคือ…”
ต้องตอบยังไงถึงจะไม่ทำร้ายไอริกันและเพื่อรักษาความสัมพันธ์ในปัจจุบันไว้ ต้องตอบออกไปยังไง?
“ธ-เธอคือเพื่อนสมัยเด็กที่แสนวิเศษ ค-คือคนที่สำคัญที่สุดสำหรับฉัน…ต-แต่ไม่ใช่ในเชิงชู้สาวนะ อ-เออ…คือมันอธิบายยากน่ะ”
ขณะที่ผมพยายามคิดคำตอบอย่างลนลาน—
“ฮึ อะไรละนั้น?”
ไอริตัวสั่น
“อ-เออ ก็อย่างที่พูดไป…”
ไอริยกมือขึ้นกุมหน้าท้องแล้วหัวเราะออกมาอย่างหนัก
“ฮ่า…ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!!”
ผมไม่รู้เลยว่าเธอหมายความว่าไงกันแน่ ผมไม่อาจจับใจความคำพูดของเธอได้ การแสดงออกของไอริจู่ๆก็เปลี่ยนไป ขณะที่ผมยืนงงอยู่นั้นไอริก็ยกมือขึ้นแล้วเช็ดน้ำตา…
“แค่-ล้อ-เล่น! แค่หยอกเล่น!”
แค่หยอกเล่น!
แค่หยอกเล่น!
แค่หยอกเล่น!
คำพูดของไอริสะท้อนไปมาในหัวของผม
“อิบุกิคุง ให้ตายสิ…นายเชื่อจริงหรอเนี่ย?”
“หยอกเล่นหรอ?”
“ใช่แล้ว นายดูตกใจมากเลยนะ เป็นอะไรไป? นายคิดว่าฉันจะสารภาพอะไรต่อนายหรอ?”
สมองผมเริ่มประมวลผลได้แล้ว
เธอแค่หลอกผม
แล้วตอนนี้เธอก็กำลังเย้าะเย้ยผม
เธอก็แค่สวมใบหน้าตัวตลกให้กับผม
“…”
“นี่อิบุกิคุง พูดอะไรหน่อยสิ…กำลังคิดอะไรอยู่น่ะ?”
ไอริแหย่ผมด้วยนิ้วของเธอ
“เราไม่ใช่เพื่อนกันอีกต่อไปแล้วละ’
ปากของผมพลั้งคำพูดออกไปเอง
“ห๊ะ?”
“เราไม่ใช่เพื่อนกันอีกต่อไปแล้ว อย่ามาคุยกับชั้นอีกล่ะ”
ไอริยืนมองมาด้วยความตกใจ คำพูดนั้นที่พูดออกไปด้วยน้ำเสียงโทนต่ำ พลั้งจากปากไปโดยไม่ต้องคิด
ผมหันหลังให้กับไอริที่กำลังยืนอึ้งตัวแข็งอยู่
ผมมันโง่เองที่ไปห่วงผู้หญิงพรรณนี้…
ผมตัดสินใจว่าจะไม่ข้องแวะกับไอริไปตลอดทั้งเดือนนี้
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอทำแบบนี้กับผม แม้ว่าจะเป็นอย่างนั้นแต่ในครั้งนี้ผมจะไม่ให้อภัยเธอเด็ดขาดทั้งอาทิตย์นี้
พูดตามตรงเลยผมสามารถนับนิ้วได้เลยว่าผมโกรธขนาดนี้กี่ครั้งในชีวิต
คราวนี้เธอข้ามเส้นที่ผมขีดไว้มากเกินไป
คราวนี้ สามวัน—อืมม ไม่สิอาจจะสักวันนึง—เราไม่ใช่เพื่อนกันอีกแล้ว!
(Tl/ รอบนี้ไม่ได้รีเช็คอะไรเลยพิมพ์ตรงไหนงงๆก็บอกได้ครับ
ตอนแรกกะจะรวบให้เหลือแค่สองพาร์ทจะได้ไม่คาใจแต่ก็ปล่อยร้างนานเกินละ
ช่วงนี้วุ่นๆกับการยัดหนังสือเข้าสมองแล้วก็เริ่มออกกำลังกายนิดหน่อย พอตัวลงเตียงปุ้ปก็สลบแล้ว 55555555
เหมือนเดิมครับ งานแปลนี้แปลจาก Eng FTL: Fungus Translations นะครับ)