When I Made The Cheeky Childhood Friend Who Provoked Me With “You Can’t Even Kiss, Right?” Know Her Place, She Became More Cutesy Than I Expected - ตอนที่ 4.2 ส่วนที่ 2/2 // แข่งว่ายน้ำแบบ Best of Three
- Home
- When I Made The Cheeky Childhood Friend Who Provoked Me With “You Can’t Even Kiss, Right?” Know Her Place, She Became More Cutesy Than I Expected
- ตอนที่ 4.2 ส่วนที่ 2/2 // แข่งว่ายน้ำแบบ Best of Three
หลังจากที่พวกเรายืดร่างกายและวอร์มอัพเสร็จแล้ว เรามุ่งตัวโดดลงสระทันที เราตีขาลอยตัวกลางน้ำสักพักเพื่อปรับตัวให้เข้ากับน้ำ หลังจากนั้นสักพักไอริชี้นิ้วมาทางผมพร้อมกล่าว
“เอาล่ะ ไปสระยาวห้าสิบเมตรกัน ถึงเวลาสำหรับการแข่งแล้ว”
“ก็ได้อยู่หรอก แล้วจะตัดสินยังไงล่ะ?”
ถ้าเป็นสมัย ม.ต้นล่ะก็เราก็คงแข่งแบบปกติได้อยู่หรอก แต่ตอนนี้เราอยู่ ม.ปลายแล้ว ทำให้พละกำลังอาจห่างชั้นกันเกินไป ถ้าแข่งแบบปกติก็คงไม่ยุติธรรมต่อไอริ
เหมือนว่าไอริก็จะเห็นด้วย เธอไม่ได้แสดงความไม่พอใจใดๆออกมา กลับกันยังพยักหน้าเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา
“ถ้างั้น นายห้ามใช้ท่าฟรีสไตล์ล่ะเป็นไง?”
“แค่นั้นเองหรอ? แสดงว่าใช้ท่าผีเสื้อได้ใช่มั้ย?”
“ก็ได้ แต่ห้ามว่ายท่ากบนะ เพราะมันก็ไม่ยุติธรรมเหมือนกัน งั้นมาแข่งความเร็วระยะร้อยเมตรกันเถอะ ตามนี้นะ?”
ท่าผีเสื้อเป็นท่าที่ต้องใช้แรงกายเยอะพอสมควร เพราะฉะนั้นถ้าเป็นการแข่งระยะสั้นล่ะก็ คงจะสูสีกับฟรีสไตล์ แต่ถ้าเป็นการแข่งขันระยะกลางถึงไกลคงจะไม่ไหว เหมือนว่ากลยุทธ์ของไอริจะเป็นการเอาแรงกายเข้าสู้สินะ
“โอเค เข้าใจแล้ว”
“อะ แล้วก็ห้ามดำน้ำนานนานเกินสิบเมตรด้วยล่ะ”
“ห๊ะ…”
ก็อย่างว่า แรงต้านใต้น้ำมีน้อยกว่าบนผิวน้ำ ซึ่งก่อให้เกิดความเหนือชั้นอีกระดับนึงเลย เป็นความเหนือชั้นที่ชัดเจนถึงขั้นเป็นหนึ่งในกฏของการแข่งขันโอลิมปิกทีเดียว
เพราะงั้นการที่เธอห้ามผมทำอย่างนั้น ก็หมายความว่านี่คือแผนของเธอแน่ๆ เพื่อเป็นแต้มต่อ…ต่อตัวเธอเอง ผมเริ่มเสียความมั่นใจบางส่วนไป แต่ก่อนที่ผมจะได้บ่นอะไรออกไป ไอริก็ส่งรอยยิ้มสุดทะเล้นมาทางผม
“เป็นอะไรไปอิบุกิคุง? ความมั่นใจนั่นหายไปแล้วหรอ? จะปล่อยให้เด็กผู้หญิงชนะตัวเองได้จริงๆหรอ? ทั้งๆที่ร่างกายบึกบึนขนาดนั้นแท้ๆน่ะหรอ?” ไอริกล่าวพร้อมใช้นิ้วจิ้มหน้าอกของผม
ผมยกมือคว้าแขนของไอริไว้
“หยุดเลย มันจั๊กจี๊นะ แล้วก็ไม่ใช่เพราะชั้นไม่มั่นใจในตัวเองสักหน่อย ชั้นแค่คิดว่าต่อให้แค่นั้นจะพอหรอ คงต้องเพิ่มตัวช่วยอะไรให้เธออีกรึเปล่า?”
ผมรู้ว่าการพูดแบบนั้นออกไปทำให้ผมดูเหมือนเด็ก
ไอริดูไม่ค่อยสบอารมณ์สักเท่าไหร่
ก็นะ ไอริก็มักจะเป็นผู้แพ้เสมออยู่แล้ว
“โห พูดโม้ใหญ่โตเชียว งั้นเอางี้มั้ย ‘คนแพ้ต้องทำอะไรสักอย่างเป็นการลงโทษ?’ ”
“เอาสิ ลงโทษยังไงล่ะ?”
“เอาเป็น ‘ผู้ชนะจะสามารถสั่งอะไรผู้แพ้ก็ได้’ ”
“อะไรก็ได้เลยหรอ? แบบ ‘อะไรก็ได้เลย’ ?” ผมถามด้วยรอยยิ้มเยาะ
แก้มของเธอกระตุกขึ้นเล็กน้อยก่อนเธอจะหันหน้าหนีอย่างงุ่มง่าม
“…อะไรก็ได้แต่ว่าต้องสมเหตุสมผลด้วย โอเคมั้ย?”
“เธอกลัวหรอ?”
ตามคาด ไอริติดกับผมเต็มๆ
ดวงตาเบิกกว้าง หน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความโกรธ พร้อมตะโกนใส่ผมอย่างเกรี้ยวกราด
“ก็ต้องไม่ใข่แบบนั้นอยู่แล้วสิ! ก็ได้ อะไรก็ได้เลย! ถ้านายแพ้ก็ต้องโดนด้วยอิบุกิคุง!”
“ก็ได้ อะไรก็ได้สินะ”
พวกเราเดินมุ่งตรงไปที่สระน้ำยาวห้าสิบเมตร มันคือสระที่เอาไว้ใช้สำหรับการแข่งจริง น้ำลึกพอสมควร และมีกระดานกระโดดน้ำอยู่ด้วย
“ฮิฮิ จะให้ทำอะไรดีน้า~ อะไรก็ได้สิน้า~?”
ไอริพึมพัมออกมาด้วยความมั่นใจขณะกำลังปีนขึ้นไปบนกระดานกระโดดน้ำ
นี่เธอวางแผนจะเปิดสงครามจิตวิทยารึไงเนี่ย
“อย่าคิดอะไรไปเรื่อยก่อนจะชนะสิ” ผมตะคอก
(Tl/ จริงๆตรงนี้เป็นสำนวนญี่ปุ่น 「とらぬ狸の皮算用をするな」อารมณ์ประมาณยังไม่ทันจะจับทานูกิได้ก็คิดคำนวณกำไรที่จะได้จากการขายหนังของมันแล้ว ไม่รู้จะแปลไทยไงดีก็ตามนี้แล้วกันนะครับ )
สีหน้าของไอริดูเอาจริงเอาจัง เธอจ้องมองมาที่ผมอย่างไม่เกรงกลัว
“…เห่อะ จะแสดงให้เห็นเองว่าใครกันแน่ที่แน่กว่ากัน”
“นั้นมันคำพูดของชั้นต่างหาก”
หลังชนฝีปากกันนิดหน่อยพวกเราก็กระโดดลงน้ำ
ด้วยแรงโมเมนตัมของตัวผม ผมว่ายตัดผ่านน้ำอย่างราบรื่น และตามกฏที่ตั้งไว้ ผมโผล่หัวจากน้ำหลังว่ายผ่านจุดมาร์คสิบเมตรขึ้นมา
ไอริยังคงว่ายอยู่ใต้น้ำและแซงหน้าของผมไปอย่างรวดเร็ว
ตามคาด เธอใช้ประโยชน์จากแรงต้านที่น้อยกว่าเมื่ออยู่ใต้น้ำอย่างเต็มที่
ท่วงท่าบวกกับโครงร่างและหน้าตาที่สวยงามของไอริ รวมกันแล้วทำให้เธอดูคลายคลึงกับนางเงือกที่หลุดออกมานวนิยาย ผมค่อนข้างมั่นใจว่าเธอก็ไม่ได้เรียนว่ายน้ำแบบจริงจังตั้งแต่สมัยประถม แต่ถึงอย่างงั้นเธอก็ยังคล้องแคล่วเหมือนเคย
ผมกางแขนกว้าง ใช้แรงกายขับเคลื่อนตัวผ่านน้ำ เคลื่อนตัวไปข้างหน้าด้วยความรวดเร็ว ก่อนจะรู้ตัวตอนนี้ผมก็ใกล้ตามไอริที่ว่ายท่าฟรีสไตล์ทันแล้ว
หลังมาถึงเมตรที่ห้าสิบ ผมกลับตัวพร้อมใช้ขาเตะกำแพงเพื่อเป็นแรงส่ง ผมตามไอริทันแล้ว
ตอนนี้รู้สึกทั้งปวดแหละเมื่อยกล้ามเนื้อที่หลังกับหน้าท้องแต่ผมก็อดทนเพื่อชัยชนะ ผมยังคงโฟกัสกับการว่ายน้ำกระทั้งผมมาถึงเมตรที่หนึ่งร้อย ไอริมาถึงช้ากว่าผมเพียงนิดเดียว
“ไอริ นี่”
ผมซึ่งมาถึงเส้นชัยก่อน ยื่นมือเพื่อดึงไอริขึ้นจากสระน้ำ
แม้ว่าไอริจะทำสีหน้าไม่พอใจ แต่เธอก็ยังจับมือผมแล้วดึงตัวเองขึ้นจากสระอยู่ดี
“ชั้นชนะแล้ว”
“อึก…!”
ไอริกระทืบพื้นด้วยความหงุดหงิดพร้อมพองแก้มออกมา
“ไม่ยุติธรรม! ไม่ยุติธรรม! ไม่ยุติธรรม!”
“ถ้าเป็นอะไรที่มันไม่ยุติธรรม มันก็เป็นชั้นนี่แหละที่จะโดน”
“ทั้งๆที่นายเคยผอมแลละอ่อนแอแท้ๆ! แต่ตอนนี้ดันแข็งแรงแถมยังบึกบีนอีก…! ฉันต้องเร็วกว่าสิ!” ไอริตะโกนพร้อมกำกำปั้นทุบหน้าอกผม
ผมยกมือเกาแก้ม
“ไม่เห็นต้องชมกันขนาดนั้นเลย”
“ไม่ใช่—ก็ชมจริงๆแหละ แต่ว่า…”
สำหรับตัวไอริแล้ว การแพ้ทั้งๆที่มีแต้มต่อขนาดนั้นเป็นเรื่องที่ยากจะยอมรับได้ แม้จะเกิดจากพละกำลังที่ห่างชั้นกันเพราะเพศก็ตาม
“ยังไงก็เถอะนะ ไอริ…”
“…อะไร?”
“เธอพูดว่าจะทำตามทุกอย่างใช่มั้ย…?”
เมื่อผมพูดเรื่องนี้ขึ้นมา ไอริก็หันหนีด้วยความตื่นตระหนก
“ม-ไม่เห็นรู้เรื่องเลย ว่านายพูดถึงเรื่องอะไร…”
“ทั้งๆที่เธอเป็นคนท้าเองน่ะหรอ…”
“พ-พูดถึงเรื่องอะไรน่ะ…?”
เหมือนว่าเธอจะไม่อยากยอมรับนะ
ผมไม่ได้จะให้ไอริทำอะไรแปลกๆหรอก แล้วก็ถ้าเธอบอกว่าไม่อยากทำ ก็ดี แม้ผมจะชนะไอริมาได้ ก็ไม่ได้ทำให้ผมภูมิใจที่ชนะเด็กผู้หญิงได้เพราะความแตกต่างจากพละกำลังหรอก
แต่พอเห็นปฏิกิริยาแบบนี้แล้ว…ก็ไม่แปลกใช่มั้ยล่ะถ้าผมอยากจะแกล้งหยอกนิดหน่อย
“…จะผิดสัญญาหรอ?”
“ม-ไม่ได้ตั้งใจจะทำแบบนั้นสักหน่อย ก็แค่…”
ไอริตัวสั่นหลังดิ้ยมที่ผมพูด ดวงตากลอกไปมา เหมือนว่าจะพยายามหาทางแก้อย่างสุดตัว
…นี่เธอกลัวขนาดนั้นเลยหรอ? ไม่เชื่อใจผมขนาดนั้นเลยหรอ?
รู้สึกเจ็บหน่อยๆแหะ
“ด-เดี๋ยวก่อนน! นี่ยังแค่ 1-1ใช่มั้ยล่ะ?”
“…ห๊ะ?”
ผมงงและไม่เข้าใจว่าเธอหมายถึงอะไรกันแน่
ไอริตัวกระตุกเล็กน้อย เธอคงคิดว่าผมจะโกรธหรืออะไรสักอย่างมั้ง?
“ก-ก-ก็…ฉันชนะการแค่ยืดหยุ่นร่างกายไง?”
“เห้ยๆ นั้นไม่—”
“มาแข่งแบบเบสออฟทรีดีกว่า! …ม-ไม่ได้หรอ?” ไอริพูดดวยน้ำเสียงที่ดูอ่อนแอ ช้อนตามองคล้ายสุนัขตัวน้อยๆ
…การที่เธอขอผมด้วยท่าทางอย่างนี้มัน ทำให้ผมไม่อาจจะบอกปฏิเสธออกไปได้
“…ก็ได้”
“เย้! อิบุกิคุงใจดีจัง!”
ไอริยิ้มออกมาพร้อมกอดผม อย่างกับว่าเรื่องก่อนหน้าไม่เคยเกิดขึ้น
“ห-เห้ย บอกไปแล้วไงว่าอย่ามาแนบชิดกับตัวชั้นขนาดนี้”
ผมใช้แรงดันตัวไอริออก ทีแรกเธอดูผิดหวังเล็กน้อย แต่รอยยิ้มก็บานออกมาในจังหวะต่อมา
“แล้ว เราจะทำอะไรต่อดีล่ะ? ถ้าเราว่ายน้ำต่อผลลัพธ์ก็จะออกมาเหมือนเดิมอยู่ดี”
“อื้ม ถ้าทำงั้นคงน่าเบื่อสุดๆเลย แล้วถ้าเราเพิ่มแต้มต่ออะไรเพิ่มอีกก็คงน่าตลกสุดๆเลย…”
ไอริยกมือขึ้นมาจับคางเบาๆและครุ่นคิด จากนั้นเธอก็ปรบมือเบาๆ
“ซาวน่าล่ะเป็นไง?”
※
“ซาวน่าล่ะเป็นไง?”
อิบุกิคุงขมวดคิ้วเป็นการตอบสนองค่อคำแนะนำของฉัน
“แล้วเราจะแข่งกันยังไงล่ะ…?”
“ก็เป็น ความอดทนหรืออะไรประมมาณนั้นมั้ง?”
ง่ายๆก็คือ ใครอยู่ในซาวน่าได้นานที่สุดก็จะเป็นผู้ชนะ
ถ้าเป็นงี้ล่ะก็ ไม่ว่าอิบุกิคุงจะแข็งแรงแค่ไหน การแข่งแบบนี้ก็ใช้เพียงแค่ความอดทนและความมุ่งมั่นแค่นั้นแหละ เพราะฉะนั้น…นี่แหละจะเป็นการแข่งขันที่เท่าเทียมที่สุด
“ห-หืมมมม…”
ฉันคิดว่านี่เป็นความคิดที่ดี แต่ด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยพอใจปรากฏบนใบหน้าของอิบุกิคุง อิบุกิคุงคงไม่ค่อยถูกกับความร้อนเท่าไหร่ละมั้ง?
“กลัวฉันจะชนะหรอ?”
แต่เมื่อฉันพูดแบบนั้น อิบุกิคุงก็ดูหงุดหงิดขึ้นมา
“ไม่มีทางเป็นแบบนั้นอยู่แล้วสิ…ก็ได้ มาแข่งซาวน่ากัน”
ติดกับอย่างง่ายเลยแหะ
ยังคงเป็นคนขี้แพ้แถมยังใจง่ายเหมือนเคยเลย
ไม่ว่าเขาจะโตขึ้นหรือมีแมนขึ้นแค่ไหน แต่แง่มุมนี้ก็ไม่เคยหายไปสินะ ก็อดไม่ได้เลยที่จะรู้สึกว่า…มันก็น่ารักดี
“งั้นก็ตามนี้ ไปกัน!”
“อ่า…เดี๋ยว อย่ามาโอบแขนชั้นอย่างนี้นะ!”
ฉันโอบแขนรอบอิบุกิคุง ทำให้เขาหน้าแดงนิดๆและพยายามดึงแขนของฉันออก และเพราะด้วยเหตุผลบางอย่างอิบุกิคุงมักเขินอายตลอดพอฉันทำอะไรแบบนี้ มุมนี้เองก็ดูยังน่ารักเหมือนเดิมเลยนะ
“แค่นิดๆหน่อยๆเอง ไม่เห็นจะเป็นไรเลย”
“แต่ชั้นไม่คิดว่ามันนิดๆหน่อยๆน่ะสิ—”
“…ไม่ชอบหรอ?”
อิบุกิคุงดูงุนงง
“…จะทำอะไรก็ทำเถอะ” อิบุกิคุงพูดพร้อมหันหน้าหนีอย่างอายๆ
อิบุกิคุงมักอ่อนโยนกับฉันเสมอ
เขาก็คงไม่ได้คิดว่ามันเลวร้ายอะไรขนาดนั้นหรอก
“เอาล่ะ พร้อมมั้ย? จะเริ่มตอนเราก้าวเข้าไปนะ”
“ค้าบ ค้าบ”
หลังได้ยินอิบุกิคุงตอบกลับ เราก็เดินมุ่งเข้าซาวน่าพร้อมกัน ขณะนั้นความร้อนก็ได้พุ่งเข้าปกคลุมตัวของฉัน ตัวฉันเริ่มมีเหงื่อไหล่ออกมา แต่บอกตางตรงเลยว่าความร้อนระดับนี้ไม่ได้ทำให้ความมั่นใจในชันชนะของฉันหายไปเลย
“ในนี้มีแค่พวกเราสินะ”
“อ่า เหมือนทุกอย่างเป็นของเราเลย”
ไม่ใช่ว่าฉันไม่ชอบที่จะมีคนอื่นเข้ามาอีกหรอก แต่แค่ตอนนั้นฉันมุ่งเป้าไปที่การแข่งระหว่างฉันกับอิบุกิคุงมากกว่า การแข่งขันกับอิบุกิคุงแบบนี้สนุกมากกว่าอะไรใดๆทั้งปวง และฉันแค่อยากจะรักษามันไว้ นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ฉันรู้สึกดีใจที่ในนี้มีแค่เราสองคน
“ฉันกะจะไปลงสระอีกรอบให้เย็นชื่นใจหลังจากนี้สักหน่อย”
“เริ่มกลัวแล้วหรอ? ตอนนี้นายเหงื่อช่กแล้วนะ…คงใกล้ยอมแพ้แล้วมั้งเนี่ย?”
“ไม่ทางล่ะ เธอก็เหงื่อช่กแล้วเหมือนกันนั้นแหละ”
ขณะที่เรากำลังล้อหยอกกันไปมา เราก็เดินมาถึงเก้าอี้แล้วเราก็นั่งลง ฉันมุ่งอดทนรอเวลาที่ผ่านไปช้าๆ แต่ฉันก็เริ่มเข้าใจอะไรบางอย่าง
การแข่งนี้คงไม่ได้หมูแล้ว
“ไอริ…เธอจะสั่งอะไรชั้นหรอถ้าเธอเป็นฝ่ายชนะ?” อิบุกิคุงพูด โพล่งบทสนทนาขึ้นมา
เขาก็คิดเรื่องเดียวกับฉันหรอเนี่ย?
เนื่องจากในนี้ไม่มีอะไรให้ทำนอกจากทนกับความร้อนเท่านั้น ก็คงดีที่จะสนทนาอะไรบางอย่างไปด้วยระหว่างนี้
“กะจะคิดหลังนายแพ้น่ะ”
“หืมมม—”
“เราตกลงกันแล้วว่าจะสั่ง ‘อะไรก็ได้’ เพราะฉะนั้นก็เตรียมใจไว้ล่ะ” ฉันพูดพร้อมยกมือชี้ไปที่เขา แต่ฉันก็ยังไม่ได้คิดหรอกว่าจะสั่งอะไร
ตอนแรกกะจะขอจับกล้ามของเขา แต่ยังไงเขาก็คงให้จับอยู่แล้ว จริงๆถ้าขอเขาเขาก็น่าจะยอมให้ฉันทำทุกอย่างอยู่แล้ว ถึงจะพูดว่าให้ ‘ทำอะไรก็ได้’ แต่ฉันก็ไม่ได้จะให้เขาทำอะไรที่เขาไม่อยากทำหรอก ก็ไม่ได้อยากให้อิบุกิคุงเกลียดฉันน่ะนะ
“แล้วนายล่ะอิบุกิคุง?” ฉันถามไปด้วยความประหม่าเล็กน้อย
ฉันเชื่อว่าอิบุกิคุงก็จะมให้ฉันทำอะไรที่ฉันไม่อยากทำเหมือนกัน แต่ก็นะอิบุกิคุงก็ยังคงเป็นเด็กผู้ชาย แล้วฉันก็คิดว่าฉันเป็นเด็กผู้หญิงที่สวย น่ารัก ผิวพรรณดีแล้วก็ยังมีรูปร่างที่ดีด้วย ดังนั้นเขาก็อาจจะใช้โอกาสนี้เพื่อตอบสนองความต้องการของตัวเองก็ได้
ฉันก็ตระหนักรู้ดีว่าฉันก็เคยไปหยอกล้อเขาเรื่องแปลกๆเชิงนั้นหลายรอบ ทำงั้นก็คงบ่นอะไรไม่ได้ถ้าเขาพยายามจะทำอะไรจริงๆ
“ก็แล้วเธอจะคิดน่ะนะ”
“งั้นก็แปลว่านายคิดจะทำอะไรลามกๆหรอ?” ฉันถามเขาเชิงล้อเล่น แต่ก็อดจะรู้สึกประหม่าไม่อยู่ดี
แต่อิบุกิคุงตอบกลับด้วยความไม่พอใจ
“ชั้นไม่มีทางทำอะไรแบบนั้นอยู่แล้ว”
เป็นการตอบกลับที่เย็นชาอะไรแบบนี้
นี่คือน้อนอิบุกิคุงจอมทะเล้นที่พึ่งเขินอายแถบบ้าเมื่อกี้หรอ!
“จริงหรอ? พูดแล้วนะ!” ฉันพูดพร้อมเอื่อมมือจับไหล่ของเขา
อิบุกิคุงเลิกคิ้วด้วยความรำคาญ
ด้วยความมั่นใจฉันจึงทำต่อไป เอื่อมมือสัมผัสกับร่างกายของเขา
“เห้ย…มันอึดอัดนะ…”
“ฉันก็เหมือนกัน” ฉันพูดพร้อมลูบหลังและหน้าท้องของอิบุกิคุง สัมผัสที่ถึงกล้ามเนื้อที่แข็งแรงและยืดหยุ่นคล้ายยางที่ยืดตรึง
“ว้าว…ตัวนายแข็งจัง อิบุกิคุง” ฉันลูบไล้ตัวของอิบุกิคุงด้วยความชื่นชม
เขามักชอบซ่อนกล้ามเนื้อนี้ไว้ใต้เสื้อผ้า ดังนั้นตามปกติแล้วก็คงไม่สังเกตเห็นหรอก เขาบึกบึนอย่างไม่น่าเชื่อเลยละ บางทีอิบุกิคุงก็คงเป็นพวกที่ชอบดูแลรูปร่างของตัวเองให้ดูดีเสมอละมั้ง
“เ-เห้ย ไอริ อย่ามาเบียดชั้นขนาดนี้สิ มันร้อนนะ”
“ไม่เห็นเป็นไรเลย นายไม่ได้เสียอะไรสักหน่อย อยากสัมผัสร่างกายของฉันบ้างไหมล่ะอิบุกิคุง?” ฉันกระซิบข้างหูของอิบุกิคุงที่กำลังเขินอาย
ฉันก็สัมผัสร่างกายของอิบุกิคุงมาหลายรอบแล้ว ฉะนั้นถ้าเป็นแค่แผ่นหลังของฉันฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอก แต่ก็นะอิบุกิคุงขี้อายจะตาย คงไม่กล้าทำอะไรแบบนั้นหรอก
“อ-อย่าพูดอะไรบ้าๆนะ ฉันไม่ทำหรอก…”
“ขี้อายจังนะ~”
ปฏิกิริยาแบบนี้ ตลกชะมัด เหมือนที่คิดไว้เลย ก็อดจะหัวเราะไม่ได้ละนะ
“จะว่าไปนะอิบุกิคุง ตัวนายเปียกขนาดนี้ไม่เป็นไรหรอ?” ฉันถามด้วยน้ำเสียงที่ดูเร้าใจ
ตัวของอิบุกิคุงเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ ก็รู้แหละว่าเราเข้าซาวน่ามาเพื่อการนี้แต่นี้มันถึงขีดจำกัดแล้วรึเปล่า?
“เธอก็เหมือนกันนั้นแหละ…เหงื่อของเธอก็ไหลหยดไปทั่วพื้นแล้วรู้ตัวใช่ไหมเนี่ย?”
พออิบุกิคุงตอบกลับมาอย่างนั้นแล้วก็ทำให้ฉันไม่รุ้เลยว่าจะตอบกลับไปยังไง ฉันเองก็ตัวเปียกซ่กด้วยเหงื่อไม่ต่างจากเขาเลย
…เหมือนว่าฉันเองก็จะถึงขีดจำกัดแล้วเหมือนกัน
ฉันฝืนยิ้วออกมาเพื่อเรียกกำลังใจตัวเองและเพื่อข่มขวัญอิบุกิคุงด้วย
“ถ้าฉันแพ้ ฉันยอมทำ ‘อะไรก็ได้’ เลยนะ”
※
“…ถ้าไม่ไหวก็ยอมแพ้ไปเถอะนะ”
“…ฉันยังไหว”
ไอริส่ายหัวไปมา เหงื่อไหลลงผ่านคางที่ดูสวยงามของเธอ
“ฉัน…จะไม่แพ้” ไอริจ้องมาที่ผมด้วยใบหน้าสีแดงและเหงื่อที่ช่กเต็มใบหน้า
เธอหลุบหน้าลง
ในตอนนี้เธอแตกต่างจากคนที่คอยแกล้งและสัมผัวตัวผมที่พึ่งเกิดขึ้นเมื่อกี้
บอกได้เลยว่าตอนนี้เธอใกล้ถึงขีดจำกัดแล้ว
“…เธอก็รู้หนิว่าฉันจะไม่สั่งให้เธอทำอะไรแปลกๆอยู่แล้ว”
“พยายามจะให้ฉันยอมแพ้รึไง? ฉันไม่ตกหลุมพลางอะไรแบบนั้นหรอก”
ไอริพูดพร้อมค่อยๆลุกขึ้นยืน
เธอค่อยๆเดินออกไปเพื่อสร้างระยะห่างระหว่างเรา…แต่จังหวะนั้นเธอก็เสียสมดุลร่างกายแล้วกำลังจะล้ม
“ไอริ!”
ผมรีบเข้าไปจับตัวเธอไว้อยู่นุ่มนวล
สัมผัสระหว่างร่างกายของเธอกับผมทำให้หัวใจเต้นแรงขึ้นแต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะไปสนใจเรื่องแบบนั้น
“อ-อิบุกิคุง…”
“เป็นอะไรมั้ย…?”
ตัวเธอเปียกซ่กไปด้วยเหงื่อ หน้าแดงก่ำ เหมือนว่าจะตกใจหน่อยๆด้วย ทำให้ผมอดคิดไม่ได้ว่ามัน…มีเสน่ห์
“ฉ-ฉันไม่เป็นไร…ไม่เป็นไรจริงๆ” ไอริพูดพร้อมกอดร่างของผมเบาๆ
เพื่อให้เธอยืนขึ้นได้ พอเธอลุกขึ้นยืนขึ้นมา เธอก็ฉายรอยยิ้มที่ดูซุกซนมาให้ผม
“ตัวนายเปียกโชกเลยอิบุกิคุง…โอเคมั้ย?”
“…เธอก็เหมือนกันนั้นแหละ”
มีรอยเหงื่อรูปร่างก้นของเธออยู่บนเก้าอี้ไม้ที่เธอพึ่งนั่งเมื่อกี้ มันค่อนข้างน่าอาย ไอริหันหน้าหนีพร้อมประกาศขึ้นอีกครั้ง
“ฉันต้องเป็นฝ่ายชนะ”
“ไม่เห็นต้องฝืนตัวเองขนาดนั้นเลย”
“อะไรก็ได้เลยนะ? ฉันจะทำตามทุกอย่าง…ที่นายต้องการ” ไอริพูดด้วยความมั่นใจแต่ก็เห็นได้ชัดเลยว่าเธอกำลังฝืนตัวเองอยู่
ผมควรทำไงดีเนี่ย? ผมยังแข่งแบบนี้ต่อไปอีก แต่…ผมกังวลว่าไอริจะเป็นอะไรไป ความปลอดภัยของไอริสำคัญมากกว่าว่าผมจะชนะหรือแพ้
“อ่า ชั้นยอมแล้วล่ะ”
“ห๊ะ?”
ไอริดูตกใจเล็กน้อยตอนที่ผมเปิดประตูซาวน่าออก
ผมเดินมุ่งตรงไปที่อาบน้ำเพื่อคลายความร้อนในร่างกายตัวเองออก รู้สึกสดชื่อจริงๆ
“…นายยอมให้ฉันชนะจริงๆหรอ?” ไอริถามผมขณะเดินตามผมออกมา
ผมยักไหล่
“ก็เธออยู่ได้นานกว่าชั้น ก็แปลว่าเธอชนะ ใช่มั้ยล่ะ?”
“ก็จริง แต่ว่า…”
“…หรือจะถือว่าชั้นชนะกันล่ะ?”
ไอริส่ายหัวอย่างแรง จากนั้นก็ยิ้มออกมาอย่างซุกซนตามเคย
“ฉันชนะ!”
※
หลังดื่มน้ำเพื่อทดแทนของเหลวของหายไปจากร่างกายแล้ว เราก็มุ่งตรงไปที่สระว่ายน้ำอีกรอบ เพราะเรายังว่ายน้ำไม่เต็มที่ แต่เอาจริงๆแค่ซาวน่าก็ดึงพลังงานในร่างกายของผมไปหมดแล้ว เพราะฉะนั้นที่ผมทำได้ก็มีแค่ลอยตัวอยู่กลางน้ำไปสักพัก
“เอาหล่ะ จะให้นายทำอะไรดีน้า~” จู่ๆไอริก็โพล่งขึ้นมา
ผมยิ้มออกมาอย่างขมขื่น
“ได้โปรดปราณีข้าพด้วยด้วยเถิด”
“หืมม”
ไอริครุ่นคิดสักพักก่อนจะปรบมือขึ้นมา
“ขอฉันขี่คอของนายหน่อย”
“แค่นั้นหรอ?”
“อื้ม”
ผิดคาดไปเยอะเลยแต่ผมก็จะทำตามสิ่งที่เธอต้องการละนะ
ผมย่อตัวลงพร้อมหันหลังให้ไอริ
ไอริพาดขาของเธอบนไหล่ของผมและเอนร่างกับคอของผม
“ไปเดินเล่นรอบสระกัน!”
“ค้าบ ค้าบ ตามประสงค์เลยครับคุณเจ้าหญิง”
หัวใจผมเต้นแรงขึ้นหน่อยๆเมื่อคิดถึงต้นขาของไอริที่กำลังแนบชิดกับไหล่ของผมอยู่ แต่ก็นะตอนนี้ผมเป็นม้าที่ไอริขี่อยู่ ก็ทำได้แค่เดินวนไปรอบๆสระตามคำสั่งของเธอนั้นแหละ
(Tl/ ตอนนี้ไอริรู้ตัวว่ายั่วเขาแรงนะแต่ก็ยั่วอยุ่ดี 5555555555 อย่าให้ถึงวันที่เขาตบะแตกนะ
แปลจบบท 4 แล้วอยากได้คอนเมนท์ว่าแปลดีตรงไหนไม่ดีไหน อยากได้คำแนะนำไปพัฒนาต่อ ขอบคุณมากครับ
เหมือนเดิมครับ งานแปลนี้แปลจาก Eng FTL: Fungus Translations นะครับ)