When I Made The Cheeky Childhood Friend Who Provoked Me With “You Can’t Even Kiss, Right?” Know Her Place, She Became More Cutesy Than I Expected - ตอนที่ 3 ส่วนที่ 1/2 // บทเรียนสำหรับคนพิเรนทร์
- Home
- When I Made The Cheeky Childhood Friend Who Provoked Me With “You Can’t Even Kiss, Right?” Know Her Place, She Became More Cutesy Than I Expected
- ตอนที่ 3 ส่วนที่ 1/2 // บทเรียนสำหรับคนพิเรนทร์
วันหนึ่ง ตัวผมกำลังยืนอยู่บนชั้นดาดฟ้าของโรงเรียน
มีเด็กสาวที่สวมชุดเครื่องแบบนักเรียนคนนึงกำลังยืนอยู่ตรงหน้าผม เสน่ห์ของเธอเปี่ยมล้นเย้ายวนน่าหลงไหลคล้ายแฟร์รี่ที่หลุดออกมาจากนิทานในวัยเด็ก—ผมสีทองเงางามและนัยย์ตาที่เปล่งประกายสีไพลิน
เธอกำลังจ้องเข้ามาในดวงตาของผมด้วยสีหน้าเป็นจริงเป็นจัง
“—นายก็รู้หนิอิบุกิคุง”
เด็กสาวผมสีทองค่อยๆเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ ลดระยะระหว่างเราสองคน
ผมรู้สึกสับสนไปหมด ผมเดินถอยหลังไปหนึ่งก้าวโดยสัญชาตญาณ
“นายคิดว่าฉันเป็นผู้หญิงประเภทที่ว่าจะทำเรื่องอะไรแบบนี้เพียงเพราะเล่นสนุกหรอ?” เธอพูดออกมาด้วยน้ำเสียงปนเศร้าหน่อยๆ
คำพูดและใบหน้าที่โศกเศร้านั้นจี้เข้าไปในใจของผม
“นายคิดว่าฉันจะทำเรื่องแบบนี้กับคนที่ไม่ได้ชอบหรอ?”
หัวใจผมเต้นแรงจนแทบกระเด็นออกจากอก
“นายคิดว่าฉันเป็นผู้หญิงประเภทนั้นหรอ?”
เธอยังคงก้าวเท่าเข้ามาหาผมเรื่อยๆทีละก้าว
และผมก็ค่อยๆถอยหนีทีละก้าวเช่นกัน
“นี่ อิบุกิคุง…”
ไม่มีที่ให้ผมหนีอีกต่อไป ผมถูกต้อนเข้ามุมขอบดาดฟ้า
เธอจ้องมาที่ผมแล้วเอ้ยถาม
“อิบุกิคุง…นายคิดยังไงกับฉัน? ฉันคืออะไรสำหรับนายกันแน่?”
คำตอบของคำถามนั้น
ผม…
※
“เหมือนว่าจะถึงเวลานั้นของปีแล้วนะ” ผมพึมพัมออกมาขณะหันจ้องพระอาทิตย์ที่ค่อยๆโผล่ตัวออกจากก้อนเมฆ
จนถึงก่อนหน้านี้ พวกเรากำลังเรียนอยู่ในคาบว่ายน้ำ ระหว่างคาบพระอาทิตย์คอยหลบอยู่หลังก้อนเมฆเสมอและลมเย็นก็พัดโชยมาตลอด ทำให้อุณหภูมิของน้ำเย็นกว่าปกติ ทำให้ผมรู้สึกหนาวสั่นตลอดการเรียนว่ายน้ำ ดังนั้นผมจึงพยายามทำให้ร่างกายอุ่นขึ้นด้วยการนั่งอาบแสงแดดอุ่นๆที่ริมหน้าต่าง
“คงไม่มีคาบเรียนว่ายน้ำอีกแล้วละนะ” ผมพึมพัมเบาๆ
วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่เราจะมีคาบเรียนว่ายน้ำ เพราะฉะนั้นก็ไม่มีเหตุจำเป็นใดๆที่จะต้องไปทนหนาวในสระว่ายน้ำอีกแล้ว แต่ก็ต้องทนเหนื่อยกับการวิ่งมาราทอนแทนละนะ
ขณะที่ผมกำลงนั่งตากแสงแดดอุ่นๆ เสียงเอะอะในห้องก็เริ่มดังขึ้น เหมือนว่าพวกผู้หญิงที่พึ่งเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จจะกลับมากันแล้ว
ไอริเองก็ด้วย เธอมองไปรอบๆห้อง และในวินาทีที่สบตากับผม เธอก็รีบวิ่งเข้ามาหาผม
“อ่า…หนาวจังเลยเนอะ”
กลิ่นตัวของเธอตอนนี้ถูกย้อมด้วยกลิ่นคลอรีนอ่อนๆจากสระน้ำ ผมยังคงชื้นเล็กน้อย และมีผ้าขนหนูพาดบ่าอยู่เพื่อกันไม่ให้เสื้อเปียก
“ให้ตายสิ ให้เราลงสระน้ำในช่วงนี้ของปีเนี่ยนะ น่ารำคาญจริงๆ…นายก็คิดเหมือนกันใช่มั้ยล่ะอิบุกิคุง?”
“เห็นด้วยแบบสุดๆเลยละ” ผมพยักหน้าเห็นด้วยกับไอริ
“ใช่มั้ยล่ะ?”
ไอริก็พยักหน้าเหมือนกัน
ผมสังเกตเห็นว่าไอริเองก็ตั้วสั่นจากความหนาว
“เฮ่อ หนาวจัง…ขอฉันกอดนายได้ไหม?”
“เอาสิ แต่ตัวชั้นก็ไม่ได้อุ่นขนาดนั้นสักหน่อย”
ในที่สุดพระอาทิตย์ก็โผล่พ้นเมฆ แต่แสงแดดก็ยังอ่อนๆอยู่
“อ่าฮ่า!”
ไอริปรบมือ
“ฉันมีความคิดดีๆแล้วล่ะ!”
“อะไรล่ะ?”
“วิธีทำให้ร่างกายอุ่นขึ้นไง…อยากรู้ไหมล่ะ?”
จู่ๆไอริก็ยิ้มออกมา
ผมสังหรณ์ว่าเธอต้องทำอะไรแปลกๆแน่ๆ แต่ก็นะ
“อะไรล่ะ ถ้าแค่มันทำให้ร่างกายอุ่นขึ้นละก็”
ผมพยักหน้า
ไอริยื่นมือคว้าผ้าม่านแล้วเอามันมาคลุมรอบตัวเรา
“ทำแบบนี้แล้วช่วยทำให้ร่างกายอุ่นขึ้นใช่มั้ยล่ะ?”
“ไม่ ไม่สิ…ก็อุ่นขึ้นจริงๆนั้นแหละ”
พอทำแบบนี้แล้วเมื่อแสงแดดส่องมาโดนผ้าม่านจะทำให้อากาศข้างในอุ่นขึ้น
“แต่ว่านะ…”
รู้สึกว่าการทำอะไรแบบนี้มันดูไม่ดีเท่าไหร่เลยแฮะ
ขณะที่ผมกำลังจะบอกเธอ ไอริก็…
“ย่าห์!”
ไอริตะโกนออกมาอย่างน่ารักก่อนจะโผเข้ากอดผม
รู้สึกเหมือนมีอะไรนุ่มๆมาเกาะรอบตัวเลย กลิ่นน้ำหอมที่ไอริใช้เป็นประจำผสมกับกลิ่นคลอรีนอ่อนๆ
“ห-เห้ย!”
“มันอุ่นขึ้นใช่มั้ยล่ะ?”
ไอริยิ้มออกมาอย่างซุกซน เธอพยายามกดทับร่างกายแนบกับผม ความอุ่นที่ส่งผ่านจากร่างกายของไอริและสัมผัสนุ่มนิ่มของเนินเขานั้นถ่ายเทมาที่ตัวผม
ผมรู้สึกรุ้มร้อนขึ้น ในหัววุ่นวายไปหมด
“ด-เดี๋ยวสิ…ปัญหามันไม่ได้อยู่ตรงนั้นซะหน่อย”
“แล้วมันทำไมล่ะ? พอทำแบบนี้แล้วมันทำให้ร่างกายของเราอุ่นขึ้นจริงๆหนิ นายไม่คิดงั้นหรอ?”
“ก-ก็ใช่…แต่ว่า ม-มันโดนอยู่นะ
หน้าอกน่ะนะ
ผมพยายามที่จะข่มใจลง…แต่ไอริเมินเฉยผม แถมยังส่งยิ้มแปลกๆกลับมาอีก
“แล้วมันทำไมล่ะ?…นายเห็นเพื่อนสมัยเด็กคนนี้เป็นเพศตรงข้ามแล้วหรอ? นายกำลังเขินอยู่หรอ?”
ไอริกดร่างกายของเธอกับผมแน่นขึ้นอีก พร้อมผลักผมไปทางหน้าต่าง
“ม-มันก็ไม่อยู่แล้วสิ ม-ไม่มีทางที่ชั้นจะมองเธอเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว”
“งั้นมันจะเป็นอะไรล่ะถ้าเราทำงี้?”
เธอกดผมกับหน้าต่างไว้ ไอริสอดขาของเธอแทรกหว่างขาของผม ร่างกายส่วนล่างแนบชิดติดกัน ทำให้ผมรู้สึกกระวนกระวายภายในใจ
“เราอยู่ในห้องเรียนนะ เธอรู้ใช่มั้ยเนี่ย?”
“แล้วมันยังไงล่ะ?”
“ ก-ก็คนอื่นๆจะเข้าใจความสัมพันธ์ของเราผิดกันนะ”
“แล้วพวกนั้นมองจะมองผ่านผ้าม่านนี้ได้หรอ? มันมีแค่เราสองคนเท่านั้นแหละตอนนี้น่ะ” ไอริกระซิบเบาๆผ่านใบหูของผม
ผมพยายามคิดหาคำพูดที่ดูเหมาะสมเพื่อคัดค้าน แต่ในหัวของผมตอนนี้มันวุ่นวายจนคิดอะไรแทบไม่ออก
“ก็ได้ จะทำอะไรก็เชิญเถอะ” ผมพูดออกมาด้วยความคิดเฮือกที่สามารถรวบรวมได้
นี่ไม่ได้หมายความว่าผมจะยอมแพ้หรืออะไรหรอกนะ…ผมแค่เป็นคนใจกว้างแล้วปล่อยให้ไอริทำอะไรตามใจชอบต่างหาก
“เอาตามนั้นแล้วกันนะ!”
ไอริยิ้มร่าออกมาก่อนจะโอบแขนกอดผมแน่น
สัมผัสนุ่มนิ่มของร่างกายไอริ ความรุ่มร้อน และกลิ่นตัวของเด็กผู้หญิง…ผมต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อไม่ให้สติเลื่องลอยไปกับเสน่ห์อันเปี่ยมล้นของไอริ ผมได้แต่พยายามจ้องมองออกไปนอกหน้าต่างแล้วภาวนาให้เวลาพักผ่านไปให้เร็วที่สุด
※
“ฉันเริ่มรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาแล้วละ…แล้วนายล่ะอิบุกิคุง?” ฉันถามขณะกอดร่างของเขาไว้
“ก็คงงั้นมั้ง” อิบุกิคุงตอบห้วนๆ ขณะมองออกไปนอกหน้าต่าง
เขาคงพยายามแสดงออกประมาณว่า ‘ชั้นไม่ได้สนใจในตัวเธอหรอกนะ’ แต่ไอการที่อิบุกิคุงแสดงออกมาอย่างงี้ก็หมายความว่าเขาเห็นฉันเป็นผู้หญิงคนนึงนั้นแหละ ไม่ใช่แค่เพื่อนสมัยเด็ก และเพื่อให้แน่ใจ
ฉันเขย่งเท้าขึ้นแล้วเอ้ยถาม
“ข้างนอกนั้นมีอะไรน่าสนใจหรอ?” ฉันโน้มตัวเข้าไปใกล้อิบุกิคุงแล้วกระซิบถามผ่านใบหูของเขา พร้อมพยายามกดหน้าอกเข้ากับตัวเขาและเสียดขาไปมา
“อ-เออ ก-ก็ไม่มีอะไรหรอก”
อิบุกิคุงตัวสั่น แถมหูของของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีแดงแจ๋ด้วย
“ถ้ามันไม่มีอะไรอะไรแล้วทำไมนายยังมองออกไปอยู่ล่ะ? ประหลาดคน”
ฉันหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ
แน่นอนว่าสิ่งที่ฉันทำทั้งหมดตอนนี้ ก็เพื่อเอาคืนสิ่งที่อิบุกิคุงทำกับฉันเมื่อก่อนหน้า เพื่อให้เขาได้ลิ้นรสของสิ่งที่ตัวเองเคยทำ
จริงๆก็เพื่อทดสอบประสาทสัมผัสทางกายภาพของอิบุกิคุงด้วยละนะ
จากที่พอรู้มา สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าผู้ชาย (โดยเฉพาะพวกเวอร์จิ้น) เป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าอดสูที่ชอบเข้าใจผิดไปว่า ‘บางมีเด็กผู้หญิงคนนี้อาจจะชอบชั้นแน่เลย’ เพียงเพราะแค่สัมผัสตัวนิดๆหน่อยๆ
แน่นอนว่าฉันกับอิบุกิคุงเป็นเพื่อนสมัยเด็กกันจึงค่อนข้างใกล้ชิดกันอยู่แล้ว แต่ถ้าฉันกอดเขาอย่างงี้ละก็ เขาคงไม่อาจเก็บซ่อนความร้อนรุ่มเอาไว้ได้แน่
เพื่อเพิ่มแรงกดดันนิดหน่อย ฉันเคลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้ๆคอของอิบุกิคุงแล้วใช้จมูกดมกลิ่นของเขา
“ห-เห้ย…!”
ตามที่คิด อิบุกิคุงเริ่มแสดงท่าทีอับอายออกมาแล้วพยายามดันตัวของฉันออก แต่ก่อนที่เขาจะทำได้ ฉันเงยหน้าขึ้นแล้วส่งยิ้มให้เขา
“ตัวนายกลิ่นเหมือนสระว่ายน้ำเลยนะ”
อิบุกิคุงหลบหน้าด้วยความอับอายแล้วมองออกไปนอกหน้าต่างอีกครั้ง
“เธอ…ก็เหมือนกันหนิ” เขาพูดออกมาเบาๆ
“พอมาคิดดูแล้ว…เราไม่ได้ไปสระว่ายน้ำด้วยกันเลยเนอะ”
“อ-อ่า”
“ปีหน้าอยากไปจัง…อ่า นั้นไง! เรามาแข่งกันหน่อยไหม? แต่ก่อนเราเล่นกันอย่างนั้นบ่อยเลยหนิ”
จริงๆฉันไม่ได้อยากไปสระว่ายน้ำสักเท่าไหร่หรอก แค่คิดว่ามันจะสนุกดีถ้าหยิบเรื่องนี้ขึ้นมาพูดตอนนี้
ประมาณว่า อาจจะทำให้เขานึกถึงฉันในชุดว่ายน้ำก็ได้ หรือไม่ก็เขาอาจจะตกหลุมรักฉันก็ได้?
“แล้วแต่เธอเลย”
อิบุกิคุงตอบอย่างตะกุกตะกัก
ถ้าไม่อยากไปก็คงบอกปฏิเสะไปแล้ว เพราะฉะนั้นก็หมายความว่าเขาอยากไปนั้นแหละ
อิบุกิคุงอยากจะไปว่ายน้ำหรือเพราะอยากออกไปเที่ยวเล่นกับฉัน? หรือว่าบางที…
“ฉันอยากรู้ว่านายคิดยังไงหนิ”
“ชั้นไม่ได้สนใจมันอยู่แล้ว”
“อยากไปเที่ยวสระว่ายน้ำกับฉันไหม?”
“ช-ชั้นก็ไม่ได้ปฏิเสธหนิ”
“ถ้างั้นฉันจะถือว่านายอยากไปนะ”
“…”
อิบุกิคุงเงียบไม่โต้อะไรต่อ
เอาเถอะ ถ้าเขาไม่ได้ปฏิเสธก็หมายความว่าฉันคิดถูก
“อยากเห็นชุดว่ายน้ำของฉันไหม?”
“ห-หา–? ทำไมจู่ๆถึงพูดเรื่องนี้ล่ะ…?”
“อยากเห็นไหม?”
“ม-ไม่ได้อยากเห็นซะหน่อย”
“อิบุกิคุงขี้โกหก~”
แทบกลั้นขำไว้ไม่ได้แน๊ะ ปฏิกิริยาของอิบุกิคุงประหลาดชะมัด ทำให้นึกถึงเรื่องวันนั้นเลย อิบุกิคุงหน้าแดงแถมยังลุกลี้ลุกลนไปหมดแค่เพราะจับมือกับกอดนิดๆหน่อยๆเอง เขาไม่ได้มองฉันเป็นแค่เพื่อนสมัยเด็กแน่ๆ ตั้งแต่เราขึ้นม.ปลายมาเราก็ไม่ได้สัมผัสทางกายภาพกันมากเท่าไหร่ เลยไม่ค่อยได้มีโอกาสเห็นอิบุกิคุงแสดงออกแบบนี้สักเท่าไหร่
นั้นก็เป็นเรื่องธรรมชาติละนะ ไม่ใช่ว่าฉันก็ไม่ได้รู้สึกเลยว่าอิบุกิคุงก็น่าดึงดูดเลย
เช่นไอพวกกล้ามเนื้อแข็งๆแน่นๆเนี่ยที่ผู้หญิงไม่มี
สมัยเรายังเป็นเด็กอิบุกิคุงตัวบางมาก แล้วพวกกล้ามเนื้อพวกนี้มันโผล่มาตอนไหนละเนี่ย?
บางทีเขาอาจจะแอบซุ่มฝึกกล้ามเนื้อตัวเองโดยไม่บอกฉันหรอ?
“ห-เห้ย…อย่าจับตัวชั้นอย่างงั้นสิ…ม-มันจักจี๊นะ” อิบุกิคุงบ่นออกมาขณะที่ฉันกำลังสัมผัสกล้ามเนื้อของเขาผ่านเสื้อผ้า เหมือนว่าฉันจะเล่นเพลินไปหน่อยละนะ
“อะ ขอโทษนะ…ฉันแค่รู้สึกสนใจเพราะร่างกายของฉันไม่ได้ส่วนแข็งๆแบบนี้น่ะ”
ก็แค่ความอยากรู้อยากเห็นที่แสนบริสุทธิ์เท่านั้นเอง
“ห๊ะ–!? ข-แข็ง…? คิดว่าเป็นความผิดของใครกันเล่า…?”
ไม่รู้เพราะอะไร จู่ๆอิบุกิคุงก็ร้องเสียงแหลมสูงออกมา แถมยังดูมีอาการหวั่นไหวกว่าเก่าอีก
“ห๊ะ? ความผิดของฉันหรอ?”
กล้ามของเขาแข็งเพราะฉันหรอ? พูดเรื่องอะไรของเขากันนะ? ไม่เห็นเข้าใจเลย
“ก-ก็ใช่น่ะสิ ก็เธอเอาแต่เกาะตัวชั้นแบบนี้ไง มันก็ช่วยไม่ได้หนิ?” อิบุกิคุงพยายามเดินหนีออกไป
อ่อ เข้าใจแล้ว กล้ามของเขาแข็งขึ้นเพราะฉันสัมผัสมัน ถ้างั้นก็คงเป็นความผิดของฉันแหละ
“นี่มันอะไรน่ะ? อิบุกิคุง…นายประหม่าเพราะแค่ฉันกอดนายเนี่ยนะ?”
“ช-ชั้นไม่คิดว่ามันเรียกว่า‘ประหม่า’หรอกนะ แต่ก็…”
เขากำลังพยายามบ่ายเบี่ยง แต่ก็นะ เหมือนว่าฉันก็จะไม่ได้เดาผิดหรอก
อ่า! เข้าใจแล้ว!
“อ่าฮ่า~ตอนนาย ‘ฝึกฝน’ นายคิดถึงฉันตลอดเลยหรอ? ”
บางทีเขาอาจจะอยากดูเท่ตอนอยู่ต่อหน้าฉันก็ได้ หรือบางทีก็ไม่อยากให้คนอื่นมองว่าเขาอ่อนแอหรือรูปร่างไม่ดีเวลามีใครมาสัมผัสตัวอย่างงี้มั้ง เพราะฉะนั้นบางทีเขาอาจจะฝึกกล้ามเนื้อทุกวันเลยก็ได้
‘น่ารักจังเลยนะ’ ฉันหยอกล้ออิบุกิคุงในหัวของตัวเอง
“น-น-น-น-แน่นอนว่าไม่ใช่อย่างนั้นอยู่แล้วสิ!?!?”
เหมือนว่าฉันจะเดาถูกนะ
เสียงของอิบุกิคุงดูสั่นเครือ แถมเขายังพยายามส่ายหน้าไปมาอีกด้วย
“นี่ นายซื่อสัตย์กับฉันหน่อยได้ไหม?”
“ก-ก็ได้! ต-แต่ก็ไม่ใช่ทุกวันสักหน่อย…”
“โห…งั้นแสดงว่านายก็คิดถึงฉันบางวันสินะ”
ฉันยิ้ม และยังคงเย้าแหย่เขาต่อไป
ใบหน้าของอิบุกิคุงเปลี่ยนเป็นสีแดงจัดและเงียบไม่ตอบ
“ไม่เห็นต้องอายขนาดนั้นเลยหนิ อ่าคราวหน้าเรา ‘ไปทำด้วยกันไหมล่ะ?’ มาแข่งกันเถอะ”
ฉันเองก็ออกกำลังกายเป็นประจำด้วยเหมือนกัน เพราะฉะนั้นมันก็ไม่ได้เป็นความคิดที่แย่หรอกถ้าจะแข่งอะไรแบบนี้
“จ-จะบ้าหรอ ร-เราทำด้วยกันแบบนั้นไม่ได้หรอก!”
“นายไม่อยากทำหรอ?”
“ไม่ใช่เพราะชั้นอยากหรือไม่อยาก…ปัญหามันไมได้อยู่ตรงนั้นซะหน่อย…”
“แล้วมันทำไมล่ะ?”
“ก-ก็…”
ก่อนที่อิบุกิคุงจะพูดจบเสียงกริ่งก็ดังขึ้นก่อน เป็นสัญาณบอกว่าเวลาพักได้หมดลงแล้วและถึงเวลาเริ่มคาบเรียนต่อไปแล้ว
“น-นี่คาบเรียนจะเริ่มแล้ว!”
“ก็คงงั้น”
ฉันผละตัวออกจากอิบุกิคุงอย่างไม่เต็มใจนัก
อิบุกิคุงรีบเปิดม่านออกแล้วเดินกลับที่นั่งอย่างรวดเร็ว
ไม่เห็นต้องอายขนาดนั้นเลยหนิ
ฉันคิดในใจก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่ของตัวเองที่อยู่ข้างอิบุกิคุง
บางทีอาจจะถึงเวลาที่ฉันต้องเอาจริงบ้างแล้วหรือปล่าวนะ…?
ฉันหันหน้าไปทางเพื่อนสมัยเด็กที่นั่งอยุ่ข้างฉัน ดวงตาของเราทั้งคู่สบกัน เหมือนว่าครั้งนี้ฉันจะชนะใสๆเลยละนะ ฉันส่งรอยยิ้มที่น่ารักที่สุดเท่าที่ทำได้ให้กับอิบุกิคุงแล้วโบกมือเบาๆให้เขา
(TL/ ทั้งคู่คุยคนละเรื่องเดียวกันนะครับ อิบุกิก็คิดอะไรไปดาวอังคารแล้วส่วนไอริก็งงพระเอกพูดไรวะ 5555555555 พยายามจะไม่ให้มันเรทเกินไปแต่ถ้าน้อยกว่านี้ก็ไม่ได้อารมณ์แล้วเพราะฉะนั้นก็ ขี่จักรยานกันด้วยนะครับ
มีอะไรผิดพลาดตรงไหนแก้ในเม้นได้เลยครับมาเลื่อนอ่านตลอดชอบอ่านเม้นมาก
เหมือนเดิมครับ งานแปลนี้แปลจาก Eng FTL: Fungus Translations นะครับ)