When I Made The Cheeky Childhood Friend Who Provoked Me With “You Can’t Even Kiss, Right?” Know Her Place, She Became More Cutesy Than I Expected - ตอนที่ 2.2 ส่วนที่ 2/2 // ที่ใจเต้นแรงเป็นเพราะกำแพงรึเปล่านะ?
- Home
- When I Made The Cheeky Childhood Friend Who Provoked Me With “You Can’t Even Kiss, Right?” Know Her Place, She Became More Cutesy Than I Expected
- ตอนที่ 2.2 ส่วนที่ 2/2 // ที่ใจเต้นแรงเป็นเพราะกำแพงรึเปล่านะ?
“ฉันควรทำยังไงดี อิบุกิคุง…?”
ไอริยังคงยกมือกุมอกแน่น
“ใจสั่นไปหมด ไม่หยุดเลย”
“…ไอริ”
ไอริจ้องมาที่ผมด้วยนัยย์ตาที่เปียกชื้น
“อิบุกิคุง…” ไอริเรียกชื่อของผมด้วยน้ำเสียงเร่าร้อน
ผมตะลึงกับเสน่ห์ที่มากล้นของตัวไอริ
“ไอริ…”
ผมจ้องมองเข้าไปในดวงตาสีไพลินของไอริ
“เธอโกหกสินะ” ผมพูดออกมาเบาๆ
หน้าของไอริกระตุกขึ้นชั่วขณะ
“นายคิดว่าฉันจะโกหกเรื่องอะไรแบบนี้หรอ”
‘นั่นมันโหดร้ายมากเลยนะ’ การแสดงออกของไอริบ่งบอกทำนองนั้น
ผมพยักหน้า
“ใช่…”
“โถ่เอ้ย…”
“เธอเล่นก็อปคำพูดของชั้นหมดเลยนี่”
นั้นคือสิ่งที่ผมพึ่งทำก่อนหน้ากับไอริ ผมไม่ได้เซ่อขนาดจะหลงกลมันหรอก
และอีกมุมนึง ไม่มีทางที่ไอริจะตกหลุมรักผมเพราะแค่ทำอะไรแบบนั้นหรอก
…อย่างแน่นอนเลย
มันเป็นแค่การแสดง
…อาจจะนะ
ผมจ้องเข้าไปในนัยย์ตาของไอริ เพื่อให้แน่ใจในข้อสรุปของผม
จู่ๆไอริก็ขมวดคิ้ว
“…–บื่อ”
“อะไรนะ?”
“น่าเบื่อ–!” ไอริตะโกนออกมาเสียงดัง พองแก้มเพื่อแสดงออกว่าเธออารมณ์ไม่ดี
จากนั้นไอริก็ชกอกของผมด้วยหมัดทั้งสองข้าง
เธอพยายามจะเอาคืนผม แต่มันก็ล้มเหลวละนะ
คงเป็นเพราะหลายๆอย่างไม่เป็นไปตามที่เธอคิดไว้ ไอริพองแก้มขึ้นแล้วบ่นว่า ‘น่าเบื่อ!’ เหมือนเด็กเอาแต่ใจไม่มีผิด
“แม้ว่าจะเป็นแค่เรื่องโกหก แต่นายก็ควรหลงกลมันสิ เพราะว่าฉัน…”
“ครับๆ ผมขอโทษครับ ผมไม่อาจแสดงเก่งเท่าคุณไอริหรอกครับ”
พูดตามตรงเลย ผมเชื่อไปราว 40% เลยละว่า ‘มันเป็นเรื่องจริงหรอกที่ไอริตกหลุมรักผม?’ แต่ผมจะไม่เอาเรื่องนี้ขึ้นมาพูดเด็ดขาดเลยละ
“ไอการแสดงออกก่อนหน้านี้มันสุดยอดเกินไปแล้วนะ ชั้นเกือบจะเชื่อมันแล้วละนะ”
ใบหน้าของไอริแปรเปลี่ยนเป็นสีแดง เริ่มลุกลี้ลุกลน แต่เธอก็ยังคงทำเป็นเหมือนว่านั้นคือการแสดง
“ฉ-ฉันไม่ได้หน้าแดงหรืออะไรทั้งนั้นแหละ! ทั้งหมดนั้นคือการแสดง ม-ไม่มีทางไอคำพูดพื้นๆของนายทำอะไรฉันได้หรอก!”
ไอริพยายามกลบเกลื่อนว่าที่เธอหน้าแดงนั้นเป็นเพราะการแสดง ถึงแม้ว่ามันจะไม่น่าเชื่อถือเลยก็เถอะ ถ้าดูจากสภาพของไอริตอนนี้ละนะ
“ล-แล้วก็ จูบนั้นน่ะไม่ทำให้ฉันรู้สึกอะไรหรอก! ต-แต่ก็นะเรื่องแบบนี้คงเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่สำหรับพวกโรคจิตอย่างอิบุกิคุง…”
“ถ้ามันไม่ใช่เรื่องที่ยิ่งใหญ่อะไรสำหรับเธอ งั้นเรามาจูบกันอีกรอบไหมล่ะ”
“อะ…”
จู่ๆก็ไอริตัวค้างอยู่กับที่
ผมฉวยโอกาสนี้เอาคืนเพื่อนสมัยเด็กจอมซุกซนของผม
“ชั้นไม่ได้คิดอะไรจริงๆเพราะงั้นถ้าเธอไม่ได้คิดอะไรเหมือนกัน งั้นถ้าเธอเป็นฝ่ายจูบบ้างก็ได้ใช่มั้ย? รอบต่อไปต้องเป็นตาของเธอแล้วใช่มั้ยล่ะ?”
พูดมาขนาดนี้แล้ว สุดท้ายก็ทำไม่ได้หรอ? คือสิ่งที่อยู่ในหัวของผมขณะนี้
กะไว้แล้ว ไอริหันหนีหลบหน้าผม
“ม-ไม่…ฉันไม่ได้คิดอะไร ต-แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ในโอกาสทั่วๆหนิ
“หืม—-”
“ฉันเข้าใจแล้ว! ความจริงแล้วมันคือแผนของนายใช่มั้ยล่ะ? นายมันไอโรคจิตชัดๆเลยอิบุกิคุง”
“เอาเถอะ จะคิดยังไงก็แล้วแต่เธอเลย”
‘ผมจะคิดตีความยังไงมันก็เป็นเรื่องของผมเหมือนกันละนะ’ คือสิ่งที่อยู่ในหัวของผม
ไอริจ้องเขม้นมาทางผม
“ง-งั้นฉันจะถือว่านายเป็นไอเด็กโรคจิต แต่…”
ไอริจับชายเสื้อของผม เงยหน้ามองผมแล้วขยับริมฝีปากเบาๆ
“ถ้านายอยากทำ ฉันก็จะสนองความต้องการนั้นเอง”
“เธอไม่จำเป็นต้องฝืนตัวเองเลยนะ”
“อะไร? นายกลัวรึไง?”
ไอริยิ้มออกมา ใบหน้ายังคงถูกย้อมด้วยสีแดงอ่อนๆอยู่
“มันก็ต้องไม่อยู่แล้วสิ! ไม่เลยสักนิด…มันก็เหมือนกันครั้งที่แล้วนั้นแหละ” ผมตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงแข็งขันเพื่อเรียกขวัญกำลังใจของตัวเอง
“ง-งั้นฉันจะจูบละนะ”
“ชั้นก็บอกไปตั้งแต่ต้นแล้วไม่ใช่หรอ?”
“อ-อ่า งั้น…อย่าขยับนะ อย่าหันหนีด้วย…ถ้านายหันหนีฉันจะถือว่านายไม่อยากทำนะ”
“ทำต่อไปเถอะหน่า…แล้วไม่ใช่เธอหรอที่เป็นฝ่ายไม่อยากทำ?”
“นายนั้นแหละอิบุกิคุง นายก็รู้หนิว่าจูบอะไรนั้นไม่ใช่เรื่องที่ยิ่งใหญ่อะไรสำหรับฉันอยู่แล้ว”
“เร็วเข้าสิ อย่าหลบหน้าด้วยล่ะ ไม่งั้นชั้นจะถือว่าเธอเขินนะ”
“ร-รู้แล้วหน่า…อย่าหลับตาหนีแล้วกัน!”
“เธอก็เหมือนกันนั้นแหละ!”
“รู้แล้วหน่า!”
“จ-จะจูบแล้วนะ!” ไอริตะโกนออกมาเสียงดัง
“ก็จูบสักทีสิ!” ผมตะโกนกลับใส่ไอริ
ไอริค่อยๆเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ผม
ผู้หญิงคนนี้ ไม่สิ แฟร์รี่ที่น่ารักตนนี้กำลังเคลื่อนริมฝีปากที่อวบอิ่มนั้นเข้ามาใกล้ผม
ผมจ้องเข้าไปในดวงตาสีไพลินนั้น ไม่หันหนี
ไอริเองก็ด้วย เราจ้องมองกันและกัน
ผมเห็นเงาสะท้อนของตัวผมเองผ่านนัยย์ตาของเธอ
คลิ้ก
ผมได้ยินเสียงฝีเท้าของใครบางคนหลังบานประตู
“ไอริจัง! อิบุกิคุง! แม่ซื้อเค้กมาฝากทั้งคู่…”
เราทั้งคู่หันไปมองตามต้นเสียง ตัวแข็งขยับไม่ออก
ผู้หญิงที่มีสีผมสีเดียวกับไอริกำลังยืนอยู่—แม่ของไอริ
เธอกำลังยืนตัวแข็งอ้าปากค้าง
“ขอโทษค่ะ”
เธอปิดประตูกลับด้วยความรวดเร็ว
ผมกับไอริหันมองหน้ากัน ใบหน้าของเราทั้งคู่ค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีแดงจัด…
“ขอโทษนะ” ไอริกล่าวออกมา แล้วค่อยๆผละตัวออกจากผมอย่างเก้งก้าง
“ไม่ละ…ความผิดของชั้นเอง” ผมพูดพร้อมค่อยๆลุกขึ้น
ผมยกมือขึ้นเกาหัวโดยไม่รู้ตัว
เราทั้งคู่ไม่ได้พูดอะไรต่อจากนั้น
ผมหันมองดูปฏิกิริยาของไอริ
““คือ…””
เสียงของเราทั้งคู่ทั้งขึ้นพร้อมกัน ตอนนี้บรรยากาศมันดูน่าอึดอัดชะมัด
“อ-อ่า นายพูดก่อนเลย”
“ไม่ ไอริเธอก่อนเลย”
“ท-ที่ฉันจะพูดมันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก เพราะฉะนั้นแล้ว…”
“ชั้นก็เหมือนกัน”
การที่เราโยนบทพูดกันไปมาอย่างนี้คงไม่ได้อะไร
“แม้ว่าเราจะไม่ได้รู้สึกอะไรตอนจูบ”
“อ่า”
“เราก็ไม่ควรทำเรื่องอะไรแบบนี้บ่อยๆละนะ”
“อ-อ่า ใช่เลย คิดเหมือนกัน…ถ้าเราสักคนเกิดติดหวัดขึ้นมาก็คงจะซวยแน่”
“ชั้นได้ยินมาว่าฝันผุแพร่ได้จากการจูบด้วยแหละ”
“เพราะฉะนั้นเราควรเลี่ยงการทำอะไรแบบนี้ แม้ว่ามันจะเป็นสิ่งที่ไม่ค่อยสมควรทำตั้งแต่แรกก็เถอะ”
“อ่า ใช่เลย มันไม่ใช่สิ่งที่เราควรทำเลย”
“ชั้นว่าเราเข้าใจคอนเซ็ปอะไรสักอย่างของการจูบผิดไป ละนะ”
“จริงๆมันก็แค่การแลกน้ำลายเอง”
“ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น!”
การจูบไม่ใช่สิ่งที่เราสมควรทำเลย จริงๆ
หมายความว่างั้นต่างหาก
ก็ไม่แปลก เราไม่อาจมองหน้ากันได้สักพักเลย
※
หลังจากที่อิบุกิคุงกลับบ้านไปแล้ว
“อ่า! ฉันทนอ่านอะไรแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว!”
ฉันใช้มังงะโชวโจวที่ยืมเพื่อนมามาปิดหน้าของตัวเองไว้
ตั้งแต่ที่ยืมมาฉันรู้สึกว่าอย่างน้อยก็จำเป็นต้องอ่านให้จบสักหนึ่งเล่ม…แต่มันก็ทนไม่ไหวแล้วละ
“อ่า ให้ตายเถอะ…”
ฉันแง้มดูหน้ามังงะนิดหน่อย ฉากที่เพื่อนสมัยเด็กของนางเอกกำลังกดตัวนางเอกเข้ากับกำแพงแล้วพยายามจะจูบเธอ ชายหนุ่มสารภาพความรู้สึกต่อตัวหญิงสาวออกมาด้วยคำพูดที่คุ้นเคย
“น-นี่มันน่าอายเกินไปแล้ว…ทั้งคนแต่ง ทั้งคนอ่าน ทั้งคนที่พยายามทำอะไรบ้าๆแบบนี้จริงๆ เป็นคนบ้าทั้งหมดนั้นแหละ!”
ฉันปิดมังงะลง หันหน้าหนีแล้วปิดตา
หายใจเข้าเฮือกใหญ่ พยายามจะทำให้ใจที่เต้นตูมตามสงบลง ใบหน้าร้อนไปหมดเลย
“น-นี่มันน่ารำคาญชะมัด…!”
ฉันกระทืบเท้า
ไม่ให้อภัยอิบุกิคุงแน่ที่มาทำอะไรแบบนี้ใส่ฉัน
ไม่ให้อภัยอิบุกิคุงเด็ดขาดที่มาทำให้ฉันอับอาย แล้วยังมาทำตัวสบายใจเฉือบอย่างนั้น
“หงุดหงิดจัง”
นั้นคือเหตุผล—
ว่าทำไมร่างกายของฉันถึงรุ่มร้อน รู้สึกเจ็บใจ และหัวใจที่เต้นตูมตามไม่หยุด ไม่ใช่เพราะฉันมองอิบุกิคุงที่เป็นเพื่อนสมัยเด็กเป็นเพศตรงข้ามคนนึงหรอก
ไม่ใช่เพราะฉันเห็นภาพซ้อนของตัวเองและอิบุกิคุงกับมังงะโชวโจวหรอก
นั้นมันไม่ใช่ความรักแน่นอน
ไม่มีทางที่ฉันจะตกหลุมรักอิบุกิคุงหรอก
ถ้าอิบุกิคุงเป็นฝ่ายตกหลุกรักฉันก่อนก็เป็นอีกเรื่อง แต่ว่า…
“ใช่แล้ว ถ-ถ้าเกิดว่าอิบุกิคุงหันมาชอบฉันก่อนละก็”
ฉันเผลอกัดเล็บตัวเองแบบไม่ได้ตั้งใจ
มีข่าวลือมากมายในห้องเรียน—ไม่สิ ทั้งโรงเรียน
ว่าฉันกับอิบุกิคุงจูบกันในห้องเรียน จู๋จี๋กัน แล้วก็คบกัน
มีเรื่องนึงที่ฉันไม่อาจปล่อยผ่านได้
คือข่าวลือที่ว่า ฉันร้องขอให้อิบุกิคุงจูบฉัน และเป็นฝ่ายตกหลุมรักเขาก่อน
แม้ว่ามันจะเป็นความจริงว่าเป็นฝ่ายฉันที่พูดเรื่องจูบขึ้นมาก่อนก็เถอะ แต่นั้นก็เป็นความจริงที่ไม่อาจรับได้อยู่ดี
“ม-มันไม่ควรเป็นแบบนี้สิ…ถ้าเกิดข่าวลือที่ว่านั้นเป็นฝ่ายอิบุกิคุงที่หลงรักก่อนฉันละก็…แต่คนพวกนั้นกลับไปลือกันว่าเป็นฉันที่หลงรักอิบุกิคุงจนทนไม่ไหว เรื่องพวกนี้มันเกิดขึ้นได้ไง!?”
มีแต่ข่าวลือว่าเป็นฝ่ายของฉันที่สนใจอิบุกิคุงก่อน และอิบุกิคุงก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากตัดสินใจคบกับฉัน…
“อิบุกิคุงกับฉันคบกันเพราะแค่เขาเป็นคนใจดีเนี่ยนะ? ใครเป็นคนคิดทฤษฎีโง่ๆนี่ขึ้นมากัน? อ่า…นี่มันน่ารำคาญ”
อิบุกิคุงค่อนข้างเป็นที่นิยม เพราะงั้นไม่แปลกเลยที่ทำไมถึงมีเด็กผู้หญิงมากมายไม่ชอบฉันที่เป็นคนใกล้ชิดของเขา นั้นคือเหตุผลที่คนอื่นคิดว่าอิบุคุงกำลังคบกับฉันไม่ใช่เพราะเขาชอบฉันแต่เป็นเพราะเขาใจดีเกินกว่าจะละทิ้งเพื่อนสมัยเด็กไปได้…นั้นแหละคือข่าวลือที่ว่าทำไม คาซามิ อิบุกิ ถึงคบกับผู้หญิงที่เห็นแก่ตัว เอาแต่ใจ แล้วก็หลงตัวเองอย่างฉัน
“พวกเราไม่ได้กำลังคบกันสักหน่อย…”
จริงๆแล้วที่เราใกล้ชิดกันเป็นเพราะพวกเราเป็นเพื่อนสมัยเด็กกันต่างหาก
ถ้า อิบุกิคุง ไม่ได้เป็นคนใจดีอย่างนี้ฉันคง…
ในอดีต ฉันเคยแกล้งเขา ผลักเขาไปมาอย่างสนุกสนาน หรือแม้กระทั้งในตอนนี้ฉันก็ยังคงปฏิบัติตัวแย่ๆต่อเขา ฉันพยายามจะซื่อสัตย์ต่อตัวเอง ต่อความรู้สึกที่แท้จริง
“ม-ไม่!”
ฉันผลักความคิดด้านลบที่ถาโถมเข้ามาในหัวออกไป
ทำไมฉันถึงชอบจมกับความคิดแง่ลบตลอดเลยเนี่ย? บางทีคงเป็นเพราะฉันรู้สึกเหมือนว่าฉันจะ ‘แพ้’ อิบุกิคุงละมั้ง
แม้กระทั้งในตอนนี้ เมื่อนึกย้อนไปตอนที่เราจูบกันครั้งแรก ฉันก็จะรู้สึกว่าตัวเองเปิดเผยด้านที่อ่อนแอ เปราะบาง และน่าสมเพชให้เขาเห็น
“ถ้าฉันไม่อาจอยู่เหนือเขาได้ละก็…”
เราไม่อาจกลับไปคงความสัมพันธ์ที่เท่าเทียมได้อีกแล้ว
“บางทีฉันอาจต้องเริ่มจากการไปอ่านมังงะแล้วก็ไลท์โนเวลที่พวกเวอร์จิ้นชอบอ่านละนะ”
ฉันตัดสินใจที่จะเป็นฝ่ายจู่โจมอิบุกิคุงกลับบ้าง
ฉันจะแสดงให้ดูเองว่ามันจะน่ากลัวแค่ไหนถ้าฉันเอาจริง!
(TL/ ครึ่งบทหลังอัพลงช้าไปนิดนึง พอดีที่บ้านติดโควิดเลยต้องย้ายของมาอยู่อีกคอนโดนึง กลัวจะติดอีกรอบ จริงๆก็ติดเกมนิดหน่อยด้วยแหละ 555555555
ใครมีอะไรแปลผิดตรงไหน ติเตือน ไว้ในเม้นได้เหมือนเคยเลย
เหมือนเดิมครับ งานแปลนี้แปลจาก Eng FTL: Fungus Translations นะครับ)