When I Made The Cheeky Childhood Friend Who Provoked Me With “You Can’t Even Kiss, Right?” Know Her Place, She Became More Cutesy Than I Expected - ตอนที่ 2 ส่วนที่ 1/2 // ที่ใจเต้นแรงเป็นเพราะกำแพงรึเปล่านะ?
- Home
- When I Made The Cheeky Childhood Friend Who Provoked Me With “You Can’t Even Kiss, Right?” Know Her Place, She Became More Cutesy Than I Expected
- ตอนที่ 2 ส่วนที่ 1/2 // ที่ใจเต้นแรงเป็นเพราะกำแพงรึเปล่านะ?
วันหนึ่งหลังเลิกเรียน มีเด็กผู้หญิงกำลังยืนอยู่หน้าผม
เธอดูน่าหลงใหลคล้ายแฟร์รี่ที่หลุดออกมาจากนิทาน—ผมสีทองเงางาม นัยย์ตาเปล่งประกายสีไพลิน ความน่ารักแบบเด็กสาวที่ผสมกับความสวยงามแบบผู้ใหญ่อย่างลงตัว ผมกำลังยืนต้อนเธอเข้ากับกำแพง มือสองข้างยกขึ้นขังเธอไว้ไม่ให้หนี
ด้วยระห่างที่ใกล้กันมาก เด็กสาวหันหน้าที่แดงจัดหนีแล้วเลี่ยงที่จะมองหน้าผม…แล้วเผยใบหน้าที่กำลังแสดงอาการหวั่นไหวและอ่อนแอออกมา
ผมขยับใบหน้าเข้าไปใกล้ๆใบหูที่ถูกย้อมป็นสีแดงจัดของเธอ
“ไอริ ชั้นรักเธอ” ผมกระซิบออกไปเบาๆ แต่ชัดเจน
ร่างของเด็กสาวเริ่มสั่นเทาด้วยเหตุใดบางอย่าง
ผมจับคางของเธอแล้วหันเธอมามองที่ผม
เมินเฉยต่อทุกสิ่ง แล้วแสดงความต้องการของตนออกมา
–ขอฉัน…จูบเธอได้ไหม—
※
หลังเหตุการ์ณวันนั้น
ผมกับไอริกำลังเดินไปโรงเรียนด้วยกันตามปกติ แต่เราไม่ได้คุยกันเลยสักคำ ไม่ได้จับมือกัน รู้สึกเหมือนระยะห่างเพิ่มขึ้นเลยแหะ
“เห้ย ได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับสองคนนั้นป่าว?…ได้ยินมาว่าสองคนนั้นจูบกันในห้องเรียนตอนหลังเลิกเรียนแหละ”
“จริงดิ? ปกติสองคนนั้นทำเรื่องอะไรงี้กันที่โรงเรียนหรอ?”
“ก็ไม่รู้ดิ มันก็เป็นแค่ข่าวลือน่ะ แต่นะ…ได้ยินมาว่าคุณคามิชิโระเป็นฝ่ายรุกก่อนละ”
“จริงดิ ไม่น้า!”
“แล้วก็มีคนบอกว่าเห็นสองคนนั้นเดินจับมือกันตอนเดินกลับบ้านด้วยละ”
“ชั้นเข้าใจว่าสองคนนั้นเป็นเพื่อนสมัยเด็กที่สนิทกันม๊ากมากนะ แต่ไอการกระทำเนี่ยมันไม่เกินไปหน่อยหรอ”
“คาซามิคุงเนี่ย ตกที่นั่งลำบากแล้วละนะ”
เสียงที่ลอยตามลมผ่านมาเข้าหูผม แม้เราเดินผ่านเข้าไปใกล้ขึ้น พวกนั้นยังไม่หยุดซุบซิบเลย แม้แต่วิเดียว
“…”
“…”
บรรยายากาศที่เงียบตึงเกิดขึ้นระหว่างเรา…จนกระทั่งไอริก็กล่าวขึ้นมา
“…ขอโทษนะ” ไอริกระซิบออกมาเบาๆ ก้มหน้ามองลงต่ำ
ใบหูของไอริเปลี่ยนเป็นสีแดงจัดตัดกับผมสีทองของเธอ
※
หลังเลิกเรียน เราทั้งสองกำลังทำตัวเอื่อยเฉื่อย ณ ห้องนอนของไอริ
ถ้าเราว่างและไม่มีอะไรทำ เรามักจะมาเที่ยวเล่นที่ห้องของอีกฝ่ายจนถึงเวลาอาหารเย็น เราจะเล่นเกมด้วยกัน เรียน หรืออะไรก็ได้ที่ทำให้รู้สึกสนุก
“พูดตามตรงเลยนะ เราควรเลือกเวลาและสถานที่ให้ดีกว่านี้”
ผมโพล่งพูดออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจขณะกำลังอ่านมังงะอยู่ ‘เวลาและสถานที่’ ผมกำลังพูดถึงเรื่องที่เราจูบกัน ไม่ว่าจะมองยังไงก็ตามการจูบกันที่โรงเรียนเนี่ยมันก็ไม่สมควรสุดๆ แม้ว่าจะเป็นเวลาหลังเลิกเรียนก็จะยังคงมีนักเรียนที่เดินไปเดินมาหรือทำชมรมหลังเลิกเรียนอยู่ คงมีใครสักคนผ่านมาเห็นแล้วปล่อยข่าวลือออกไปแน่ๆ
เราไม่ได้กำลังคบกันอยู่ด้วยซ้ำ…
นี่มัน ยิ่งทำให้คนอื่นเข้าใจผิดไปกันใหญ่เลย
“ก็จริง…ครั้งหน้าเราต้องระวังมากกว่านี้แล้ว” ไอริตอบกลับมาระหว่างกำลังเล่นมือถืออยู่
เธอพูดออกมาอย่างไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก แต่มันก็มีสองคำที่ตงิดใจผมขึ้นมา
“…‘ครั้งหน้า’ หรอ?”
“อ-เออ…ค-คือ” ไอริพูดออกมาอย่างติดอ่าง
แก้มของเธอเริ่มแดงขึ้น ดวงตาเริ่มกลอกไปมาด้วยความเขินอาย เห็นปฏิกิริยาของเธอแบบนั้นแล้ว มันก็พลอยทำผมใจเต้นไปด้วยเลย
“ฉ-ฉันแค่พูดผิดเฉยๆเอง มีปัญหาอะไรรึไง?”
ไอริมองแรงใส่ผม เธอคงคิดว่าผมแกล้งเธอละมั้ง แต่ครั้งนี้ผมไม่ได้มีเจตนาอย่างนั้นผมเลยส่ายหน้าเพื่อปฏิเสธ
“ไม่…ชั้นแค่สงสัยเฉยๆ ไม่มีแรงจูงใจอื่นๆจริงๆ”
“จ-จริงหรอ ถ้างั้นก็ไม่เป็นไร” ไอริกล่าวอย่างตะกุกตะกัก
อยู่ดีๆภาพของไอริที่แสดงออกอย่างน่าหลงไหลก็ลอยเข้ามาในหัวของผม อยู่ดีๆก็รู้สึกอยู่ไม่สุขยังไงก็ไม่รู้
“ถ้านายคิดแค่ว่า เราเอาริมฝีปากสัมผัสกัน…แล้วมันจะเป็นเรื่องใหญ่อะไรล่ะ?” ไอริพูดพร้อมขมวดคิ้ว
เรื่องที่เราจูบกันกลายเป็นประเด็นที่พูดกันในห้องเรียน—ไม่สิ ไม่ใช่แค่นั้น ทั้งโรงเรียนต่างหาก
“โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กสาว ดูเหมือนพวกนั้นจะสนใจเรื่องอะไรแบบนี้มากละมั้ง” ผมพูดพร้อมยิ้มแห้งๆแล้วพยักหน้า
“อ่า…แต่ก็นะ มันเกี่ยวอะไรกับคนอื่นกัน ทั้งๆที่เราจะทำอะไรกันมันก็เป็นเรื่องของเราแท้ๆ” ไอริกล่าวพร้อมหัวเราะแห้งๆ
ในฐานะเด็กผู้หญิง ไอริคงได้ยินอะไรพวกนี้มาเยอะกว่าผม นั้นคงทำให้เธอคับข้องใจอะไรสักอย่างละมั้ง
ไอริถอนหายใจเบาๆแล้วมองมาที่ผม
“อ่า มังงะเรื่องนั้น”
“หืม? มันไม่สนุกหรอ?”
ผมกำลังอ่านมังงะแนวโชวโจวที่หยิบมาจากชั้นหนังสือของไอริอยู่ พล็อตเนื้อเรื่องก็ธรรมดาทั่วๆไป เซ็ตติ่งคือชีวิตประจำวันของนักเรียนมัธยมปลาย
“ไม่ใช่อย่างงั้น…ฉันตั้งใจจะถามว่ามันน่าสนใจมั้ย?”
“ไม่ใช่ว่ามันเป็นของเธอหรอ? ยังไม่ได้อ่านหรอ?”
“นั้นไม่ใช่หนังสือของฉันสักหน่อย ฉันแค่ยืมมา…แค่มีคนยัดเยียดให้มาน่ะ”
“อ่อ งี้นี่เอง”
ไอริเป็นเด็กผู้หญิงก็จริง แต่เธอก็ไม่ได้ชอบอ่านมังงะโชวโจว หรือถ้าว่าให้ถูกเธอไม่ชอบมังงะหรือนิยายแนวรักๆใคร่ๆ ถ้าให้เลือกเธอคงจะเลือกอ่านหนังสือแนวแอ็คชั่นผจญภัยกับมิตรภาพร่วมทางที่ต้องร่วมใจกันท้าทายแล้วเอาชนะอุปสรรคมากกว่า นั้นคือเหตุผลที่ทำให้มีหนังสือแนวนั้นเยอะเต็มชั้นหนังสือของไอริ เลยทำให้มังงะโชวโจวเรื่องนี้เด่นออกมา
“ก็น่าสนใจอยู่นะ”
“อ่า จริงหรอ?”
ดวงตาของไอริเบิกกว้างด้วยความตื่นเต้น
“แต่ก็นะ นายเป็นผู้ชายหนิอิบุกิคุง อะไรดลใจทำให้นายสนใจกัน เพราะนางเอกน่ารักหรืออะไรประมาณนั้นหรอ? หรือเพราะอินไปกับพระนางหรอ? แล้วคิดว่าพระเอกเท่ไหม?”
“เออ…ก็ไม่ไม่เชิงหรอก…แต่ก็…”
เนื่องจากมังงะโชวโจวมีกลุ่มเป้าหมายเป็นพวกเด็กสาว มันก็เลยยากสำหรับผมที่เป็นผู้ชายนิดหน่อยที่จะอินไปกับเรื่องราวในมังงะโชวโจว
“ถ้าจะให้อธิบายออกมาละก็ ก็คงเพราะความละเอียดอ่อนของความสัมพันธ์และอารมณ์ต่างๆ ถึงแม้จะไม่ค่อยเข้าใจความคิดความอ่านของตัวละครในเรื่อง แต่ก็ยังเอ็นจอยกับมันได้ อะไรประมาณนั้นมั้ง”
“งี้นี่เอง–” ไอริพยักหน้าอย่างพึงพอใจ แล้วยักไหล่
“ชั้นเป็นที่ใจกว้างแล้วเห็นอกเห็นใจคนอื่นพอสมควรนะ แต่ให้พูดตามตรงนะ ชั้นไม่ได้เอนจอยกับมันขนาดนั้น เพราะฉะนั้นชั้นไม่น่าจะอ่านต่อแล้วละ”
“ถ้านายเป็นคนที่เห็นอกเห็นใจคนอื่นจริง นายก็ควรจะเอนจอยกับมันมากกว่าฉันไม่ใช่หรอ?”
ด้วยที่ว่าไอริเป็นเด็กผู้หญิง ผมคิดว่าเธอน่าจะมีความเข้าอกเข้าใจในตัวนางเอกมากกว่าผม โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเธอเป็นคนที่เห็นอกเห็นใจคนอื่นอะนะ หรือไอริแค่ไม่ชอบนางเอกกัน?
“ฉันไม่เคยตกหลุมรักใครมาก่อน ฉันไม่ได้อยากมีแฟน เพราะฉะนั้นฉันเลยไม่เข้าใจว่าทำนางเอกถึงหมกหมุ่นกันเรื่องรักๆใคร่ๆขนาดนั้น”
ไอริตอบคำถามของผมก่อนที่ผมจะเอ้ยถามออกไปซะอีก
“ชั้นก็คง…รู้สึกประมาณนั้นมั้ง”
ผมเคยอ่านเรื่องแนวโรแมนซ์มาก่อนนะ แต่ผมก็ไม่เคยคิดอะไรแบบ ‘นี่คือคนในฝันของชั้น’ หรือไม่ก็ ‘อยากคบกับคนประมาณนี้จังน้า’ มาก่อน ผมไม่ได้สนเรื่องรักๆใคร่ๆ แล้วผมก็จะพยายามไม่ตกหลุมรักใครด้วย เพราะฉะนั้นผมเลยไม่เข้าใจว่าทำไมคนอื่นๆถึงต้องพยายามหาแฟนหรือคู่รักกันด้วย
ขณะที่ผมกำลังครุ่นคิดอยู่ ผมย้อนนึกถึงบทสนทนาของผมกับเพื่อนของผม พวกน่ารำคาญนั่นชอบบ่นประมาณว่า ‘ก็เพราะนายมีแฟนสาวแล้วหนิ’ ‘นายคงไม่ได้อยากได้แฟนสาวเพิ่มอีกคนใช่ไหมล่ะ?’
ผมส่ายหัวอย่างแรงเพื่อสบัดเรื่องก่อนหน้าออกไปจากสมอง
“ฉันไม่เข้าใจเลยทำพวกนั้นชอบทำเหมือนว่าการจับมือหรือการจูบเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่อะไรขนาดนั้นด้วย”
“หืมมม–”
ไอริหัวเราะเยาะออกมาเบาๆ ผมมองไปที่ไอริด้วยสายตาเย็นชานิดๆ
ไอคนที่พูดงี้ออกมาได้เนี่ย แค่โดนจูบนิดหน่อยก็หน้าแดงแถมยังแสดงท่าทีเขินอายออกมาตั้งขนาดนั้นเนี่ยนะ ให้พูดตรงๆนะ ไอริดูเหมือนที่พึ่งตกหลุมรักเลยละ
“ไม่ว่ายังไงก็ตามนะ นายจะตกหลุมรักกับคนอื่นด้วยสาเหตุแค่นั้นหรอ? ยังไงมันก็ไม่ทำให้ฉันรู้สึกอะไรหรอก”
“งั้นมาลองดูกันไหมล่ะ”
“ลองอะไร…?”
“ก็ เรามาลองทำเหมือนในนี้ดูไหมล่ะ มันอาจจะทำให้เธอรู้สึกอะไรบ้างก็ได้นะ” ผมพูดออกไปเชิงล้อเล่น
ไอริมองมาที่ผมด้วยสีหน้างุนงง
“ลองทำ? นายกับฉันเนี่ยนะ? หมายความว่าไง?”
“ก็ที่อยู่ในมังงะนี่ไง อยากลองทำดูไหมล่ะ?” ผมพูดออกไปอย่างลังเล
พอมาภึงจุดนี้ผมรู้สึกเหมือนผมเป็นคนที่หน้าด้านหน้าทนเลยแหะ แม้ว่าจะแค่ล้อเล่นก็เถอะ
“ถ้าทำอย่างนั้นแล้ว ฉันจะเข้าใจอารมณ์ของนางเอกมากขึ้นรึไง?”
“ใครจะรู้ล่ะ? บางทีความคิดของเธออาจจะเปลี่ยนไปเลยก็ได้นะ”
พอมาถึงจุดนี้แล้ว ผมเริ่มรู้สึกเสียใจที่พูดอะไรแบบนั้นออกไปแล้วละ
ผมพึ่งนึกได้ว่าไอคำพูดของผมเนี่ยมันก็ตีความประมาณว่า ‘ถ้าเราลองทำตามมังงะ ไอริอาจจะตกหลุมรักผมก็ได้นะ’ ก็ได้
“ไม่อะ ไม่มีทางเลย”
ก็แน่อยู่แล้วละ ไอริผลักใสกลับมาด้วยรอยยิ้ม
“แต่ถ้านายเป็นเจ้าชายขี่ม้าขาวที่หลุดออกมาจากนิยายก็อาจเป็นไปได้นะ…แต่นายคืออิบุกิคุงนะ จริงจังป่ะเนี่ย? หรือนายคิดว่านายเป็นพ่อหนุ่มแพรวพราวที่หลุดออกมาจากมังงะโชวโจวรึไง?”
‘นายนี่มันมั่นหน้าเกินไปรึเปล่า’ ไอริคงคิดอะไรแบบนี้อยู่ ผมสวนอะไรกลับไปไม่ได้เลยละ
ก็นะ ถึงจะน่าอาย แต่ที่ไอริพูดก็ถูก
“ม-ไม่…ชั้นไม่ได้คิดอะไรอย่างนั้นสักหน่อย”
“หรือไม่ก็…นายเข้าใจผิดว่าฉันจะชอบนายกันอิบุกิคุง? หรือนายคิดว่าเด็กผู้หญิงทุกคนอยากโดนทำอย่างนั้นใส่เหมือนในมังงะกัน?”
‘เพราะอย่างงี้ไงไอพวกเวอร์จิ้นเลยน่ารำคาญ’
ไอริหยักไหล่อย่างเหย่อหยัน
พอไอริพูดออกมาขนาดนั้นผมก็จะเมินเฉยก็ไม่ได้ใช่มั้ยล่ะ
“ชั้นไม่ได้เข้าใจผิดอะไรอย่างนั้นสักหน่อย ก็แค่…เธอจะไม่รู้จนกว่าจะได้ลองใช่มั้ยล่ะ?”
แต่ไอริไม่ได้ตอบอะไร แค่โบกมือเชิงปฏิเสธ
“ไม่อะ ไม่มีทาง ฉันก็ไม่ได้จะบอกนะว่านายหน้าตาไม่ดี แค่สำหรับฉันนายเป็นเพื่อนสมัยเด็ก แล้วฉันก็คุ้นเคยกับนายเป็นอย่างดีใช่มั้ยล่ะ?”
น่าหงุดหงิดชะมัดเลย อยากจะตบไอฝ่ามือคู่นั้นทิ้งจริงๆ
ถ้าไอริไม่ได้ชอบผมจริงๆ ไอการกระทำกับการแสดงออกหลายๆอย่างนั้นมันไร้เหตุผลหรอ?
“แต่ตอนนั้นเธอเขินใช่ไหมล่ะ? หน้าก็แดงแจ๋เลยด้วย”
ใบหน้าที่ทรงเสน่ห์ของไอริก่อนหน้าแวบเข้ามาในหัวของผม พอผมพูดเรื่องนั้นขึ้นมา ใบหน้าที่นิ่งสงบนิ่งของไอริก็เริ่มสั่นไหว
“น-นั้นน่ะ…มันเป็นเพราะนั้นเป็นครั้งแรก แถมฉันยังประหม่าด้วย…”
“หมายความว่าถ้าเป็นรอบที่สอง เธอก็จะไม่แสดงอาการอะไรใช่มั้ย?”
ใบหน้าของไอริเปลี่ยนเป็นสีแดงจัด
“พ-พ-พูดเรื่องอะไรน่ะ!? ร-ร-รอบที่สอง…” ไอริกล่าวพร้อมยกมือขึ้นป้องปาก
ใบหน้าของไอริกระตุกขึ้นครู่หนึ่ง แล้วจู่ๆก็ยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา
“ฮ่า! ฉันรู้แล้ว! อิบุกิคุง…นายแค่อยากจูบฉันอีกรอบใช่มั้ยล่ะ ความจริงนายตกหลุมรักฉันคนนี้แล้วใช่มั้ยหล่า?” ไอริกล่าวแล้วเริ่มเหย่อหยันผม
มองจากท่าทางของเธอตอนนี้แล้วมันไม่ต่างกับหมาจนตรอกเลยนะ
“ขอโทษที่ต้องพูดแบบนี้นะแต่ฉันน่ะไม่สนใจคนอย่างอิบุกิคุงหรอก ไม่เลยแม้แต่นิด…”
“แล้วทำไมถึงกลัวขนาดนั้นล่ะ?”
ไอริเงยหน้าขึ้นแล้วจ้องมาที่ผม
“กลัวเนี่ยนะ? ฉันหรอ? ไม่จริงอะ มันก็แค่…”
“เธอไม่ได้รู้สึกอะไรกับฉันใช่มั้ยล่ะ? ถ้างั้นก็ไม่น่ามีปัญหาอะไรหนิ? หรือเธอแค่กลัวล่ะ?”
ตอนแรกผมกะจะแค่หยอกเธอเล่นๆ แต่พอมันมาถึงจุดนี้แล้ว ผมก็คงจะหันหลังกลับไปไม่ได้แล้วละ ผมเลยเริ่มยั่วยุไอริต่อ
“ฉ-ฉันไม่ได้กลัวสักหน่อย…”
“ถ้างั้นทำไมล่ะ? มันก็ไม่ได้เสียอะไรที่จะลองหนิ?”
“…”
ไอริเงียบแล้วยักไหล่เบาๆ
“อ่าา… ก็ได้ เข้าใจแล้วหน่า ลองดูก็ได้ แม้ว่ามันจะจะไม่ได้ช่วยอะไรก็เถอะ”
ไอริหันมามองที่ผม “แล้วเราจะทำอะไรหล่ะ? นายจะจูบฉันอีกรอบหรอ?”
“ถ้างั้นแล้วมันจะทำไมล่ะ?”
“ก็…ถ้าเราทำเหมือนเดิมสุดท้ายผลลัพธ์มันก็จะออกมาเหมือนเดิมใช่มั้ยล่ะ?” ไอริพูดออกมาเบาๆ
นี่เธอกำลังบอกว่าผมจูบไม่ดีหรอ? หรือเธอแค่พยายามเบี่ยงประเด็นเพราะเขินกัน?
ผมไม่รู้ว่าไอริรู้สึกยังไงกันแน่
“เราไม่ทำแบบเดิมหรอก”
“หืมม—งั้นก็ได้ ดูน่าสนุกดี”
ความมั่นใจของเธอกลับมาอีกครั้งหลังรู้ว่ามันจะไม่ใช่การจูบหรอ? หน้าของเธอบอกประมาณว่า ‘นี่มันแค่เรื่องกล้วยๆ’ เหมือนว่าไอริจะตั้งหน้าตั้งตารออยู่ว่าเราจะทำอะไรกัน
ผมจริงจังกับเรื่องนี้มาก เพราะฉะนั้นเธอก็ควรจะเตรียมตัวให้ดีเหมือนกัน
“ไปยืนตรงนั้นหน่อยสิ”
“เข้าใจแล้ว แล้วตั้งใจจะทำอะไรล่ะ?”
“เดี๋ยวก็รู้หน่า”
ผมจัดตำแหน่งของไอริให้เข้าที่จากนั้นก็ไปยืนอยู่ตรงหน้าเธอ
“พูดชัดๆอีกรอบนะ เรื่องที่เราจะทำต่อไปนี้เป็นแค่เรื่องสมมุติที่ทำกันเล่นๆนะ โอเคมั้ย?” ผมพูดย้ำขึ้นอีกรอบ
ไอริพยักหน้าเบาๆ
“อ-อ่า แค่เรื่อสมมุ–”
ปัง!
ผมใช้ฝ่ามือตบเข้ากับกำแพงข้างใบหน้าของไอริ ร่างของไอริสั่นเล็กน้อยหลังได้ยินเสียงตบ
ไอริแสดงใบหน้าตกตะลึงออกมาก่อนจะยิ้มอย่างหาญกล้า
“อ่า…งี้นี่เอง เรื่องแค่นี้น่ะ–”
ผมรู้ว่าเธอจะพูดอะไรต่อ ‘ไม่พอที่จะทำให้ฉันตกหลุมรักนายหรอก’ คงจะพูดอะไรอย่างนั้นออกมาใช่มั้ยล่ะ
“ไอริ!”
ผมตะโกนชื่อแทรกขึ้นมา จ้องมองเข้าไปในนัยย์ตาสีไพลิน ค่อยๆลดระยะห่างลง ไอริเริ่มถอยหนีเหมือนถูกไล่ต้อน…หลังของเธอชนกำแพง
“ด-เดี๋ยวสิ ใกล้เกินไปแล้วนะ”
ผมขยับใบหน้าเข้าใกล้ๆ เธอผลักผมออกด้วยฝ่ามือสองข้าง
แน่นอนว่าเธอก็ยังเป็นเด็กผู้หญิง โดยปกติแล้วผมคงจะหยุดแค่นี้ แต่วันนี้ผมอารมณ์ไม่ดีหน่อยๆละนะ
“อึก…”
ก็แน่อยู่แล้วละนะผมเป็นเด็กผู้ชายซึ้งพละกำลังเยอะกว่าเด็กผู้หญิง ผมจึงลดระยะห่างลงได้อย่างง่ายดาย
ดวงตาของไอเริ่มสั่นไหว ผมขยับใบหน้าเข้าไปใกล้ๆ ใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจเบาๆของไอริ เธอหันหน้าออกไปเพื่อจะหลบตาผม
ปัง!
ผมใช้ฝ่ามืออีกข้างตบเข้าที่กำแพงอีกข้างนึง
“อึก…”
ร่างของไอริสั่นเทาและอุทานออกมาเบาๆ
“ฉ-ฉันเข้าใจแล้ว พ-เพราะฉะนั้น…”
“ไอริ”
ผมขยับริมฝีปากเข้าไปใกล้ๆใบหูที่ถูกย้อมเป็นสีแดงจัดของไอริแล้วกระซิบออกมาเบาๆ
ไอริย่อตัวลงเล็กน้อย คงพยายามจะลอดหนีผ่านใต้แขนของผมละมั้ง
ก่อนเธอจะหนีไปได้ ผมใช้เข่ายันระหว่างขาของเธอไว้
ร่างกายแนบชิดกันไร้ทางที่เธอจะหนีไปได้
“ไอริ…”
ผมกระซิบชื่อของเธอออกมาอีกครั้ง ไอริพยายามขยับหนีแต่ก็ไม่สำเร็จ
“ห-ให้ตายสิ…ยังไม่พออีกหรอ? ฉ-ฉันทนไม่ไหวแล้วนะ…นี่มันมากไปแล้ว…”
เธอดูลุกลี้ลุกลนและเขินอาย
ไอริยังคงไม่ยอมรับออกมา ผมเลยไม่มีทางเลือกอื่น
“ชั้นรักเธอ ไอริ”
ผมกระซิบข้างหูของไอริ
ตามอย่างที่คิดไว้ ร่างของไอริแข็งผงะด้วยความตกใจ หันขึ้นมามองผม พยายามจะมองว่าผมพูดจริงหรือหลอก
“ค-แค่ล้อเล่นใช่ไหม? ฉ-ฉันรู้หรอกหน่า…”
“ชั้นไม่ล้อเล่นกับเรื่องแบบนี้หรอกนะ”
ผมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังไร้ความลังเล
“ก-ก็ก่อนหน้านี้นายเป็นคนบอกเองหนิว่าเป็นแค่เรื่องสมมุติเล่นๆ…ล-และก็นายเป็นคนบอกเองหนิว่าไม่ได้ชอบฉัน เพราะฉะนั้นแล้ว…”
ผมกล่าวแทรกไอริที่กำลังลุกลนขึ้นอีกครั้ง
“ชั้นไม่เคยรู้ตัวเลยละ…เธอเป็นคนทำให้ชั้นรู้ตัวเอง”
“อ-อืม”
“ตั้งแต่ตอนที่เราจูบกัน ชั้นก็หยุดคิดถึงเรื่องเธอไม่ได้เลยละ”
“ไอริ”
ผมเรียกชื่อของเธอขึ้นอีกครั้ง
“แล้วเธอล่ะ”
“ก-ก็ นายบอกไม่ได้ชอบฉัน ล-แล้วก็ตอนจูบก็บอกเองหนิว่าไม่ได้รู้สึกอะไร”
“ไอริ”
ผมยกมือขึ้นสัมผัสที่คางของไอริเบาๆ
ร่างของเธอกระตุกขึ้นอีกครั้ง
ผมกุมจุดอ่อนของเธอไว้แล้วละ
“มองตาของชั้นสิ”
ผมค่อยๆหันหน้าของเธอมาทางผม
“แล้วเธอล่ะไอริ?”
ผมขยับหน้าผากแนบกับเธอ สัมผัสได้ถึงความรุ่มร้อนของร่างกายเธอที่สัมผัสได้ผ่านผิวหนัง
“ร-เรื่องอะไร”
“เธอไม่รู้สึกอะไรหลังจากตอนที่เราจูบกันจริงๆหรอ”
ใบหน้าของไอริแดงยิ่งขึ้นไปอีก เธอตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“ม-ไม่มีทางที่ฉันจะรู้สึกอะไรจากจ-จูบนั้นหรอก”
“ชั้นว่าชั้นอยากจะทำมันอีกรอบนะ”
ดวงตาไอริเบิกกว้าง กลอกไปมาด้วยความสับสน
“ไอริ…ฉันทำได้ใช่มั้ย?”
“ท-ทำอะไร”
“ขอชั้น…จูบเธอได้ไหม?” ผมถามออกไปเบาๆด้วยน้ำเสียงที่ชัดเจน
ไอริกลืนน้ำลาย
ผมสัมผัสได้ถึงจังหวะการเต้นหัวใจ ความลุกลน และความประหม่าของเธอ…จากร่างกายที่ยังคงแนบชิดกันอยู่
“น-นั้น”
“ถ้ามันไม่ได้พิเศษ ก็คงไม่ติดใจอะไรใช่มั้ยล่ะ”
“ถ-ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ”
ไอริไม่ได้ตอบออกมาตรงๆ
ผมค่อยๆเลื่อนคางของเธอขึ้น
“ถ้าไม่ได้ปฏิเสธ ชั้นจะจูบเธอแล้วนะ ได้ใช่มั้ย?”
คงเป็นเพราะสติที่เลื่อนลอย เธอไม่มีท่าทีต่อต้านใดๆ ผมค่อยๆเลื่อนริมฝีปากเข้าไปใกล้เธอเรื่อยๆ ไอริปิดตาลงแล้วเม้มฝีปากแน่น จากนั้นริมฝีปากของเราก็ประกบกัน…
“เฮ่อ…”
ผมถอนหายใจออกมาเบาๆ
“ม-ไม่นะ…”
ไอริพูดออกมาด้วยหน้าเสียงเงียบครึม แล้วล้มพับลงไป
ผมค่อยๆโน้มตัวเธอเข้าหาตัวผม ประคองไว้ในอ้อมแขน แล้วค่อยๆเลื่อนตัวนั่งลงบนพื้น
ไอริก้มหน้าลง ตัวสั่นครือ
“เหมือนว่าชั้นจะชนะนะ”
แต่ไอริกลับนั่งเงียบไม่ตอบโต้อะไร
เธอนั่งก้มหน้า ยกมือกุมหน้าอกแล้วหายใจโครมคราม
ท่าทางอย่างนั้นทำให้ผมรู้สึกกังวลใจ
“อ-เออ ไอริ ชั้นแค่ล้อเล่นน่ะ…ป-เป็นอะไรมั้ย”
ผมเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้ไอริช้าๆ เรียกชื่อของเธอแต่เธอก็ไม่ตอบอะไร
ผมทำให้เธอกลัวรึเปล่า?
ผมทำให้เธอร้องไห้รึเปล่า?
ความกังวล ความรู้สึกผิด เริ่มก่อตัวขึ้นในใจของผม
“ช-ชั้นทำให้เธอกลัวรึเปล่า? ข-ขอโทษนะ…อารมณ์มันพาไปน่ะ…เอิม…อ-ไอริ”
หลังได้ยินคำขอโทษของผมไอริก็เงยหน้าขึ้น นัยย์ตาเปียกชื้นกับแก้มแดงสีกุหลาบ
“อิบุกิคุง…”
“อ-เออ…อืม…ค-คุณไอริครับ?”
ไอริยกมือขึ้นจับไหล่ของผม แล้วออกแรงกดลง
ผมสามารถป้องกันตัวได้นะ แต่ผมคิดว่านั้นอาจจะทำให้ไอริรู้สึกเจ็บปวดในสักทาง
“อิบุกิคุง…”
“ป-เป็นอะไรไหม…?”
ผมเอ้ยถามออกไป แล้วไปไอริก็ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล
“…มันช่วยไม่ได้หนิ”
“ห๊ะ?”
ไอริเอ้ยตอบด้วยใบหน้าที่ถูกย้อนเป็นสีแดงอ่อนๆ
“ฉันรักนายอิบุกิคุง…”
(TL/ บทนี้ยาวแล้วต่อเนื่องพอควรเลยไม่รู้จะตัดลงตอนไหนดีก็เลยค่อยมาลงวันนี้ทีเดียวละกัน พึ่งย้อนอ่านไปแค่รอบเดียวอาจมีเขียนผิดหรือแปลแปลกไปบ้างแต่ให้คนอ่านเช็คซ้ำให้แล้วกัน 555555 ผิดตรงไหนแก้ในในเม้นได้เลยเดี๋ยวแก้ให้
อีกครึ่งบทน่าจะรอสักสองสามวันนะครับ พอดีติดธุระนิดหน่อยครับ
เหมือนเดิมครับ งานแปลนี้แปลจาก Eng FTL: Fungus Translations นะครับ)