When I Made The Cheeky Childhood Friend Who Provoked Me With “You Can’t Even Kiss, Right?” Know Her Place, She Became More Cutesy Than I Expected - ตอนที่ 1.3
“นี่พูดบ้าอะไรของเธอเนี่ย!” ผมตะโกนออกมาสุดเสียง
แต่ทางฝั่งไอริกลับยิ้มออกมาอย่างกับกำชัยไว้ในมือแล้ว
“ฉันแค่เสนอให้เรามาลองจูบกันเอง ถ้านายไม่ได้มองฉันเป็นผู้หญิง…มันก็ไม่ได้ทำให้นายเสียหายอะไรหนิ?”
“ตรรกะบ้าอะไรเนี่ย?”
ไม่ใช่ว่าเราต้องจูบคนที่เรารักหรอ? ไอเหตุผลของไอรินี่มันตรงกันข้ามกับความคิดของคนทั่วไปเลยนี่หว่า
“การ ‘จูบ’ เนี่ย เราก็แค่เอาริมฝีปากมาประกบกันไม่ใช่หรอ? ถ้านายไม่ได้มีความรู้สึกอะไรกับคนๆนั้นตามหลักแล้วนายก็จะไม่รู้สึกเขินอายอะไรใช่มั้ยล่ะ หรือที่ฉันพูดมันผิดกัน?”
“ก-ก็ไม่ได้ผิดซะทีเดียวหรอก…แต่มันก็ไม่ควรทำในโอกาสทั่วๆไปใช่มั้ยล่ะ?”
ผมไม่เคยจูบกับใครมาก่อน
เท่าที่ผมรู้ ไอริก็ไม่เคยเหมือนกัน
ผมน่ะไม่เป็นไร แต่สำหรับไอริแล้วจูบแรกของเธอควรเป็นถือเป็นสิ่งสำคัญสิ
มันจะดีจริงๆหรอที่จะทำแบบนี้?
ขณะที่ผมกำลังจมอยู่ในห้วงความคิด—
“ฉันไม่ติดอะไรหรอก แล้วสำหรับฉัน ถ้าครั้งแรกเป็นอิบุกิคุง ฉันก็ไม่ติดอะไรด้วย”
น้ำเสียงของไอริสงบมาก…
แล้วเธอก็ยิ้มออกมาอย่างเย้ายวน
“หรืออิบุกิคุงเป็นพวกที่จะเก็บจูบแรกไว้ให้รักแรกกัน? โรแมนติกไม่เบาเลยนะเนี่ย”
ไอริจ้องมาที่ผมแล้วแสยะยิ้มเยาะ
ไอท่าทีน่าหงุดหงิดนั้นมันอะไรกัน
ที่ชั้นพูดมานั้นเพราะเป็นห่วงเธอแท้ๆ
“แค่ล้อเล่นน่ะ ก็ถูกของนาย แต่นายก็เป็นหนุ่มเวอร์จินน่ะเนอะ ขี้อายแถมยังไม่เคยจูบใคร คงไม่กล้าหรอก”
ผมมองเธอออกแล้วละ ผมรู้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่
ไม่ใช่ว่าเธอไม่สนจูบแรกหรือมองว่ามันเป็นเรื่องปกติที่จะทำได้ในโอกาสทั่วๆไปหรอก
เธอแค่คิดว่าผมจะไม่กล้าจูบกับเธอ แล้วนั่นแหละเป็นที่มาของความมั่นใจที่เต็มเปี่ยมขนาดนั้น
ถ้าแค่ผมมองออก ไอการจะสวนกลับน่ะก็แค่เรื่องง่ายๆ
“ไม่ละ ชั้นไม่ติดอะไรหรอก มาทำมันกันเถอะ” ผมตอบตกลงข้อเสนอของไอริ
“…เอะ?”
…ไอริตัวค้าง ดวงตาเบิกกว้าง
ผมพ่นหัวเราะออกมาเบาๆ เพราะกะไว้แล้วว่าเธอคงตอบสนองอย่างงี้
“ก็อย่างที่พูดนั้นแหละ มาจูบกันเถอะ”
เมื่อผมพูดออกมาชัดๆอีกรอบ ความมั่นใจของไอริก็เริ่มแหลกลง
กะไว้แล้ว ไอความมั่นใจของไอริตอนนี้น่ะมันก็แค่ถูกบัฟขึ้นมาแค่นั้นแหละ
ผมยิ้มออกมานิดๆ ก่อนจะหันจ้องหน้าไอริ
“เป็นอะไรไปน่ะ?”
“ม-ไม่…ม-ไม่ได้เป็นไรสักหน่อย” ไอริพึมพัมออกมาเบาๆ ดวงตาเริ่มกลอกไปมา ตัวเริ่มสั่นอย่างตื่นตระหนก
คงพยายามหาทางออกอย่างสุดความสามารถอยู่ละมั้ง
“อะ…ไม่ต้องใส่ใจก็ได้นะ ถ้าเธอไม่อยากทำชั้นไม่ได้บังคับหรอก แต่เธอเป็นคนเสนอมาก่อนนะ”
ถ้าเราไม่ได้มองกันและกันเป็นเพศตรงข้ามมันก็ไม่ได้มีอะไร ตอนแรกไอริเป็นคนพูดเองรึเปล่านะ?
เพราะฉะนั้นไอริมองผมเป็นเพศตรงข้ามแน่ๆ
เพราะตอนนี้เธอกำลังเขินอายอยู่ยังไงล่ะที่จะต้องจูบกับผม
ผมมั่นใจว่าผมชนะแล้ว แต่…
“ก็ได้! เรามาจูบกันเถอะ” ไอริส่งสายตาท้าทายผม
การตอบสนองของเธอผิดจากที่ผมคาด
“ไม่เห็นต้องฝืนตัวเองเลยซะหน่อย”
“ฉันไม่ได้กำลังฝืนตัวซะหน่อย หรืออยู่ดีๆขี้ขลาดขึ้นมารึไง?”
มือของเธอกำลังสั่นอยู่เห็นๆ ยังทำใจดีสู้เสืออีก
“งั้นก็ได้ ถ้าเธอว่างั้นก็มาจูบกันเถอะ”
อย่างว่า ผมยืนขึ้นแล้วจ้องหน้าไอริ
ขนตายาวเงางาม ดวงตาเป็นประกายคล้ายเครื่องเพรช จมูกสวยได้สัดส่วน ผิมขาวผ้องไร้รอย และริมฝีปากสีแดงอวบอิ่ม
ผมกำลังจะจูบเธอ…ที่ริมฝีปากนั้น ด้วยเหตุผลบางอย่างหัวใจผมกลับเต้นโครมครามไม่เป็นจังหวะ
รู้สึกประหม่า ตื่นเต้น หรือ…
“อย่าจ้องมาที่ฉัน…มากขนาดนั้นสิ”
ผมจ้องมองใบหน้าของเธอ…เธอขมวดคิ้วนิดๆก่อนจะหลุบหน้าลงด้วยความขวยเขิน
แก้มเริ่มแดงขึ้นเล็กน้อย
ผมไม่อยากให้ไอริสงสัยเรื่องที่ผมก็มองเธอเป็นเพศตรงข้าม ผมพยายามทำตัวให้สงบนิ่งที่สุด “เธอดูประหม่าเกินไปแล้วนะ ชั้นก็แค่จ้องเธอตามปกติเอง…แล้ว เราจะทำไงต่อ? ใครจะเป็นฝ่ายจูบ”
“ก็ได้ ฉันเป็นคนเสนอ ฉันก็จะเป็นคนจูบเอง”
พูดจบเธอก็เงยหน้าขึ้นแล้วจ้องตาผม
ไอริค่อยๆยกแขนขึ้นแล้ววางบนไหล่ผมแบบช้าๆ
“ฉันจะเป็นคนทำเอง พ-เพราะฉะนั้นหลับตาหน่อยสิ” ใบหน้าของไอริเปลี่ยนเป็นสีแดงสด
“รับทราบ”
ผมปิดตาลง แล้วเฝ้ารอจังหวะที่ริมฝีปากไอริจะประกบเข้ากับริมฝีปากของผม
หัวใจเต้นแรงขึ้นจนแทบหลุดออกจากอก
กว่าจะถึงเวลาที่เฝ้ารอผมรู้สึกเหมือนเวลาเดินช้าลงอย่างมาก
“นี่ไอรี่”
“ว-ว่าไง”
“อืมม…ฉันรอมาสักพักแล้วนะ”
ผมลืมตาขึ้นแล้วกล่าวทัก
หน้าของไอริถูกย้อมเป็นสีแดงจัด ตัวแข็ง ในท่ายืนที่โอบไหล่ผมไว้แน่น
คงเป็นเพราะความประหม่าหรือไม่ก็เพราะเขย่งขาอยู่ ขาของไอริเลยดูสั่นเล็กน้อย
“ก-กำลังจะทำแล้วหน่า!”
ผมหลุดยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัย
“ชั้นรู้หน่า เธอทำไม่ได้หรอก”
“ฉ-ฉันทำได้! แค่อ-อีกแป๊บนึง…ก็มันเป็นครั้งแรกนี่นา ฉันก็เลย..ประหม่านิดหน่อย”
ไอริบิดตัวไปมาพลางแก้ตัว
แต่ยิ่งแก้ตัวเท่าไหร่ก็ยิ่งไม่น่าเชื่อถือมากขึ้นเรื่อยๆเลยนะ
“ถ-ถ้านายคิดว่านายทำได้ดีกว่า ง-งั้น…อิบุกิคุงก็ ส-แสดงให้ดูหน่อยสิ!
นายทำได้..ใช่มั้ยล่ะ?”
“แน่นอน ชั้นทำได้อยู่แล้ว จะแสดงให้ดูเองว่าจูบน่ะทำยังไง”
ไอริดูลุกลี้ลุกลน
แต่เธอก็พยายามสงบตัวแล้วจ้องมาที่ผมอีกครั้งอย่างอ่อนแอ
“ง-งั้นเหรอ? อ-เอาเลยจูบมาเลยสิ จะได้รู้ว่าต้องทำยังไง?”
“เข้าใจแล้วหน่า…”
ผมค่อยๆเลื่อนมือวางบนไหล่ของไอริ และพยายามข่มใจให้นิ่ง
“ด-เดี๋ยวก่อน!!”
“เป็นไรไป? เธอกลัวรึไง?” ผมถามออกไปก่อนจะดึงตัวไอริเข้ามาให้ใกล้ขึ้น
“ม-ไม่! อ-เออ…แล้วฉันควรทำอะไรล่ะ?”
ไอริหลบตาผม
ผมครุ้นคิดสักพัก…ก่อนจะเลื่อนมือไปจับคางของไอริ
“ห๊ะ เออ เดี๋ยวก่อนสิ…นั้นมันผิดกฏนะ”
“เงยหน้าขึ้นมาหน่อยสิ ทำงี้มันจะง่ายกว่านะ”
ผมสัมผัสจับคางของไอริอย่างเบามือแล้วค่อยๆดันหน้าเธอขึ้นอย่างที่พูด
ผมจับคางของเธอไว้เพื่อไม่ให้เธอหันหนี
ไอริจ้องมาที่ผมด้วยนัยย์ตาที่เปียกชื้นพลางปั้นยิ้มแบบหาญกล้า
“ห-เห้ย…นี่มัน Agokui…นายมันก็แค่ไอเวอร์จิ้น ไปเรียนรู้เรื่องพวกนี้มาจากไหนกัน? จะพูดให้ชัดอีกรอบนะ น-นี่น่ะ ไม่ได้มีความหมายอะไรต่อฉันเลยสัดนิดเดียว…” (TL/ Agokui ก็คือท่าทางที่จับคางคนอื่นแล้วยกขึ้นเบาๆให้เขาเงยหน้าขึ้นอะแหละ ไม่รู้ทับศัพท์ยังไงดีเขียนตรงๆเลยละกันนะ)
“Agokui…หรอ?”
ผมเอียงคอนิดหน่อย
“ถ-ถ้านายไม่รู้จักก็ไม่เป็นไรหรอก”
“เออ…โอเค”
ผมก็ไม่ค่อยแน่ใจหรอก แต่ดูเหมือนมันจะสร้างดาเมจต่อไอริไม่เบาเลย
ไอสิ่งที่ผมทำอยู่ตอนนี้คงเร้าใจเธอไม่เบาเลยละ
เอาละตัวชั้น มาถูกทางแล้ว แค่ต้องทำต่อไป
ด้วยความคิดนั้นในหัว…ผมใช้แขนอีกข้างพันรอบเอวไอริ แล้วดึงเธอเข้ามาให้ใกล้ยิ่งขึ้น
“ว้าย” ไอริอุทานออกมาเบาๆก่อนจะกอดผม
หน้าอกนุ่มๆของเธอกดทับกับหน้าอกของผม
ผมสัมผัสได้ถึงความร้อนจากร่างกายไอริผ่านเนื้อผ้าที่ไม่ได้หนานักของเธอ
“เอาละ จะจูบละนะ พร้อมมั้ย?”
พร้อมมั้ย? เป็นคำถามทั้งสำหรับตัวผมเองและไอริ
“ด-เดี๋ยวก่อน…สุดท้ายแล้ว อย่างสุดท้ายแล้ว…ฉ-ฉันควรหลับตามั้ย”
“แล้วแต่เธอเลย”
“งั้น…ฉันจะลืมตาไว้”
ไอริเบิกตากว้างจ้องตรงมาที่ผม
และผมก็จ้องเธอกลับ…แล้วค่อยๆขยับใบหน้าเข้าไปใกล้ๆไอริ
สุดท้ายเธอก็หลับตาลงอยู่ดีนี่หว่า
ผมเอื่อมตัวไปข้างหน้าช้าๆ และ…
กดริมฝีปากของผมลงบนริมฝีปากของไอริ
ความรู้สึกนุ่มนวลแผ่กระจายไปทั่วบนริมฝีปากของผม
ราวกลับว่ากำลังล่องลอยอยู่ในห้วงเวลาที่หยุดนิ่ง มีเพียงจังหวะของหัวใจเป็นนาฬิกาบอกเวลาที่ท่องผ่าน
หลังเวลาผ่านไปสักพักผมก็ค่อยๆ เลื่อนริมฝีปากออก
แม้เราจะแยกริมฝีปากแล้วแต่ผมก็ยังสัมผัสได้ถึงลมหายใจของไอริ
ไอริยังคงเลื่อนลอยคล้ายว่าเธอกำลังจมอยู่ในห้วงอะไรสักอย่าง
เมื่อผมเห็นปฏิกิริยาของเธอมันทำให้ผมรู้สึกเหมือนถูกแผดเผาจากภายใน
ผมอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงเมื่อเห็นว่าเพื่อนสมัยเด็กของผมมีเสน่ห์ที่เปี่ยมล้นขนาดนี้
“ห-เห้”
ผมกล่าวทักไอริออกไป
จู่ๆไอริก็เสียการทรงตัวแล้วล้มพับลงไป
ผมรีบโผเข้ากอดเธอไว้ในอ้อมแขน
ไอริซบหน้าลงบนหน้าอกของผมพร้อมหายใจโครมคราม
หูของเธอแสดงเด่นเป็นสีแดงสดตัดกับเส้นผมสีทอง
“ป-เป็นอะไรไหม”
หลังผ่านไปสักพัก ไอริก็ตอบผม
“ไม่เป็นไร”
ไอริพยายามพูดด้วยน้ำเสียงปกติ
ก่อนจะถอยห้างออกไปจากตัวผม
“อย่างที่ฉันคิดนั้นแหละ ฉันไม่มีทางตื่นเต้นอะไรกับคนอย่างอิบุกิคุงหรอก” ไอริพูดออกมาเบาๆ ในขณะที่แก้มยังคงถูกย้อมเป็นสีแดงอยู่
ไอริยังคงยืนกรานเช่นนั้น
“แล้วนายล่ะอิบุกิคุง?” ไอริถามพร้อมจ้องมาที่ผม
สายตาของผมจับจ้องไปที่ริมฝีปากนั้นโดยไม่รู้ตัว ริมฝีปากที่พึ่งประกบกับผมเมื่อกี้นี้
“ชั้น…ก็ไม่ได้รู้สึกอะไรเป็นพิเศษ” ผมตอบกลับไป สัมผัสของริมฝีปากที่นุ่มนวลของไอริยังคงตราตรึงในใจผม
ท่าทางที่น่ารักของไอริ ที่ผมพึ่งได้เห็นเป็นครั้งแรก มันยังคงตราตรึงในใจ
เพื่อจะสบัดเรื่องนั้นออกจากหัวผมเลยพูดย้ำคำตอบของผมอีกครั้ง
“ก็บอกแล้วหน่า….ชั้นไม่มีทางจะรู้สึกอะไรตอนจูบกับเพื่อนสมัยเด็กหรอก”
“หืมมม—”
แต่ฝั่งไอริกลับแสดงท่าทีไม่พอใจกับคำตอบของผม
“นี่ นายไม่รู้สึกอะไรจริงๆหรอ”
“ไม่เลย ไม่…เธอล่ะ?”
ผมโยนคำถามกลับไปที่ไอริอีกครั้ง ไอริสะดุ้งโหยง
แก้มของไอริเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงอีกครั้ง
“บ-บอกว่าไม่ไง…ฉันก็บอกไปแล้วหนิ”
“จะจริงเรอะ? ยืนตรงๆยังทำไม่ได้เลยนะเธอน่ะ”
ไอริใช้นิ้วสัมผัสกับริมฝีปากตัวเองเบาๆ หลังผมกล่าวทัก
เธอตอบกลับอย่างขวยเขิน “ฉ-ฉันแค่ประหม่า…แล้วก็เหม่อนิดหน่อยแค่นั้นเอง อย่าเข้าใจผิดไปเองสิ!”
“ยอมรับแล้วสินะว่าเธอก็ประหม่าน่ะ”
“น-นั้น…!”
ไอริตัวสั่นเล็กน้อย “เอาเถอะ…ฉันเองก็ประหม่าเหมือนกัน”
ใช่แล้ว ผมเองก็ประหม่าเหมือนกัน ไม่ต้องสงสัยเลย
แต่ก็นะ มันก็แค่เพราะผมไม่เคยทำมันมาก่อนแค่นั้นเอง
“ช-ใช่มั้ยล่ะ ห-เห็นมั้ย มันก็ความประหม่า…แค่นั้นเอง”
“ก็มันเป็นครั้งแรกของพวกเราหนิ…ฉะนั้นมันก็คงเป็นเรื่องปกติแหละ”
ไอริพึมพัมออกมาเบาๆ และผมก็ยอมรับความคิดนั้นของเธอ
“อ-เอาละ…ถึงเราจะไม่ได้รู้สึก แต่เราก็ไม่ควรมาจูบกันไม่โอกาสทั่วๆไปละนะ”
“ช-ใช่เลย มันไม่ถูกหลักสุดๆเลยละ มันเกิดขึ้นเพราะเราแค่ไม่คิดให้รอบคอบ ละนะ”
พวกเราตัดสินใจตัดบทสนทนานี้ในทันใด
หลังความเงียบงันผ่านไปสักพัก
“ใกล้ถึงเวลาที่เราควรจะกลับบ้านแล้วนะ”
“อ-อ่า”
ระหว่างทางเดินกลับบ้าน ทั้งผมกับไอริต่างไม่ได้พูดอะไรกัน เลยทำให้เกิดบรรยากาศกระอักกระอ่วม
“อ-อิบุกิคุง ขอจับมือได้ไหม?” แต่แล้วอยู่ดีๆไอริก็กล่าวขึ้นมา
“อะไรกัน จู่ๆก็…”
นี่มันอะไรกัน จับมือกันระหว่างเดินกลับบ้าน อย่างกับคู่รัก
“ค-แค่รู้สึกคิดถึงสมัยเด็กๆน่ะ แต่ก่อนเราเดินจับมือกันประจำใช่มั้ยล่ะ?”
“ก-ก็ใช่”
สมัยเด็กเรามักจะเดินจับมือกันเป็นประจำ แต่เราก็หยุดทำมันเพราะผมเป็นคนบอกเธอ
ผมแค่รู้สึกอายเวลามีคนอื่นมองมา
แต่ทางฝั่งไอริกลับยังอยากจับมือผม อย่างกับว่าผมเป็นน้องชายของเธอแน๊ะ
แม้ว่าเราจะเป็นเพื่อนสมัยเด็กกัน แต่การจับมือกับเด็กผู้หญิงมันก็ค่อนข้างน่าอายอยู่ใช่มั้ยล่ะ
“หืมม…ยังกังวลเรื่องนั้นอยู่อีกหรอ?”
ไอริยิ้ม
เธอคงคิดอะไรประมาณว่า ‘นายเนี่ยเด็กน้อยชะมัด’
ผมขมวดคิ้ว…ก่อนจะจับมือของไอริ
“แค่นี้เองใช่มั้ยล่ะ”
“อื้ม แค่นี้แหละ”
ไอริพยักหน้าอย่างพึงพอใจ
พวกเราเดินจับมือกันท่ามกลางแสงอาทิตย์อุ่นๆยามอาทิตย์ตกเหมือนสมัยเด็กที่เราเคยทำ
(TL/ บทนี่กินเวลาพอควรเลยไม่รู้จะบิ้วอารมณ์คนอ่านยังไงดี ถ้าผิดพลาดยังไงก็ติเตือน แนะนำ แก้ไขในเม้นไว้ได้ นั่งวนอ่านเองหลายรอบตัดคำตัดประโยคไปเยอะพอควร เกลาแล้วเกลาอีกก็ยังรู้สึกมีบางจุดที่มันแปลกๆอยู่ดีแต่ก็จนปัญญาแล้ว บางทีก็คิดนะว่าถ้าเราแค่อยากขยายคลังคำศัพท์ทำไมเราต้องมานั่งปวดหัวกับการเกลาคำเกลาประโยคด้วย แค่นั่งอ่านแล้วจำศัพท์ก็พอแล้วป่ะวะ แต่ไหนๆก็เริ่มแปลแล้วก็จะแปลต่อไป
แล้วก็เมื่อคืนนั่งไถเฟสเห็นเพจ Suki です แปลตอนสั้นของเรื่องนี้ด้วยตามไปอ่านกันโล้ด!
งานแปลนี้แปลจาก Eng FTL: Fungus Translations นะครับ)