When I Made The Cheeky Childhood Friend Who Provoked Me With “You Can’t Even Kiss, Right?” Know Her Place, She Became More Cutesy Than I Expected - ตอนที่ 1.2
“นี่ไอริ”
“ว่าไง?”
“เรื่องเมื่อเช้า…ชั้นคงพูดเกินไปหน่อย ขอโทษนะ” ผมกล่าวขอโทษไอริ
ตอนนี้เป็นเวลาเลิกเรียนภายในห้องเรียน
“อ่า…ฉันก็ด้วย ขอโทษนะ” ไอริกล่าวขอโทษกลับ
เวลาเราทะเลาะกัน เรื่องมักจบลงในวันเดียวแบบนี้เสมอ
วันนี้เราใช้เวลาไปราวครึ่งวันเพื่อคืนดีกัน ซึ่งค่อนข้างนานสำหรับเรา
โดยปกติแล้วเราคงคืนดีกันทันที
สำหรับพวกเราแล้ว เราต่างเป็นเหมือนอีกครึ่งนึงของกันและกัน
เพราะฉะนั้นการทะเลาะกันต่อไปก็ไม่มีฝ่ายไหนแพ้ชนะหรอก
“ใครสนล่ะ ว่าโลกนี้จะมองเรายังไง ใช่มั้ยล่ะ?”
“ใช่แล้วละ เราก็คือเรา เราแค่ต้องยึดมั่นในตัวตนของเราเอง”
มันคงจะโง่สิ้นดีสำหรับเราที่จะเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ในปัจจุบันเพียงเพราะแค่กังวลสายตาของคนภายนอก
นั้นคือข้อสรุปของเรา
“แต่ฉันสงสัย ทำไมคนอื่นๆถึงต้องมองเราเป็นคู่รักเพราะแค่เรากลับบ้านด้วยกันล่ะ?”
“เพราะเราตัวติดกันตลอดหรอ? ประมาณว่าเป็นเพราะเราไม่ได้มีความรู้สึกเชิงชู้ต่อกันเราเลยตัวติดกันมาก นั่นมันตรงกันข้ามกับที่คนอื่นพูดเลยนะ”
“ใช่เลย ฉันรู้ว่าอิบุกิคุงเป็นผู้ชายนะ แต่นั้นก็ไม่ได้หมายความว่าฉันรู้สึกกับนายเชิงนั้นซะหน่อย”
“ไม่มีทางที่ชั้นจะรู้สึกใจเต้นกับเธอแน่ๆ”
“ถ้านายรู้สึกฉันก็ลำบากสิ ฉันตอบรับความรู้สึกนั้นไม่ได้หรอกนะ ฉันไม่รู้สึกว่าอิบุกิมีแรงดึงดูดในฐานะผู้ชายเลยแม้แต่นิด”
“ชั้นก็เหมือนกันนั้นแหละ ไม่รู้สึกสนใจในตัวเธอแม้แต่นิด เพราะฉะนั้นเรื่องแบบนั้นจะไม่เกิดขึ้นหรอกหน่า”
ผมรู้สึกไปเองหรือปล่าวนะ ว่าหนังหน้าผมมันตึงขึ้น ไอริเองก็ด้วย
“ไอการที่นายทำหน้าอย่างนั้นเนี่ย มันไม่ดูหยาบคายไปหน่อยหรอ?”
“นั้นมันคำพูดของชั้นต่างหาก”
ผมไม่ได้ชอบไอริในแง่นั้น แต่…ถ้าเธอพูดถึงขั้นว่าผมไม่มีอะไรน่าดึงดูดในฐานะเพศตรงข้ามเลย ผมก็ปวดใจ
แม้ว่าผมจะไม่ได้มองเธอเป็นเพศตรงข้าม แต่ถ้าไอริไม่รู้สึกอะไรกับผมเลย…ผมก็ไม่อาจยอมข้อเท็จจริงนี้ได้
จนอยากคิดว่ามันเป็นแค่เรื่องโกหก
“ฉันค่อนข้างเป็นที่นิยมเลยนะและฉันคิดว่าฉันน่ารักพอสมควรด้วย…การที่นายบอกว่านายไม่สนใจฉันเลยเนี่ย คงเป็นเรื่องโกหกใช่ไหมล่ะ”
ใช่ครับ ผมโกหก
แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องโกหกแต่ถ้ายอมรับมันตอนนี้ว่าไอริก็น่าดึงดูดสำหรับผม ไอเพื่อนสมัยเด็กจอมซุกซนของผมคงพูดหยอกล้อคล้ายว่าเธอปราบจอมมารได้หรืออะไรประมาณนั้นแน่
ไม่ต้องสงสัยเลย เธอคงล้อผมเรื่องนี้ไปสักอาทิตย์นึง
“มันมีคำกล่าวรึเปล่านะว่า ‘หญิงงามมักเบื่อของเก่าในสามวัน’? เรารู้จักกันมาสิบหกปีนะ” (TL/ สำนวนอะไรสักอย่างไม่เก็ตเหมือนกันครับ)
ผมไม่มีวันยอมแน่ ไม่มีทางยอมโดนล้อเรื่องนี้เด็ดขาด ผมปฎิเสธความคิดของไอริอย่างหนักแน่น
อย่างน้อยที่สุดนะ ผมจะไม่ยอมรับมันจนกว่าไอริจะยอมรับก่อน หรืออย่างน้อยที่สุดเลยเธอก็ต้องยอมรับก่อนว่าผมก็บางส่วนที่น่าดึงดูดในฐานะเพศตรงข้ามเหมือนกัน
ทางฝั่งไอริ เธอพยักหน้าอย่างแรงกับคำพูดของผม
“มันก็จริงนะว่าเรารู้จักกันมานาน…ไอตอนนั้น ตอนที่เราไปเล่นน้ำกันสมัยมัธยมต้นน่ะ ตอนนั้นนายไม่มองหน้าฉันด้วยซ้ำนะ แล้วนั้นคืออะไร หืมมม?”
หัวใจผมเริ่มเต้นผิดจังหวะ
ผมยอมรับนะว่าตอนนั้นหัวใจผมเต้นแรงตอนเห็นไอริสวมชุดว่ายน้ำ
ผมตะลึงกับผิดพรรณขาวผ่องกับหน้าอกที่มีขนาดใหญ่
แรงดึงดูดทางเพศที่ไม่ควรเกิดขึ้นกับเพื่อนสมัยเด็ก หรือเป็นเพราะผมไม่เคยสังเกตุเห็นจุดนี้กันนะ
ด้วยเหตุบางประการ ผมรู้สึกว่าผมมองบางสิ่งที่ไม่ควรมอง และผมก็อายเกินไปที่จะมองหน้าหรือสบตากับไอริ
มัน เป็น เรื่อง จริง แต่…ถ้าเราจะยกเรื่องเก่าๆมาพูดกันตอนนี้ ผมก็มีเรื่องต้องพูดเหมือนกัน
“เธออยากให้ชั้นจ้องเธอหรือไง?…เธอก็ชอบจับแขนกับหลังของชั้นเหมือนกันนั้นแหละ ถึงพูดแล้วมันจะน่าขยะแขยงนิดหน่อยก็เถอะแต่ไม่ใช่ว่าเธอก็สนใจมันรึไง?”
ใช่ ใช่แล้วไอริที่กำลังไล่ต้อนผมตอนนี้ก็ชอบมาสัมผัสกับร่างกายผมเหมือนกัน
เธอชอบมาควงแขนกับผม และชอบสัมผัสแผ่นหลังหรือแม้แต่หน้าอกผมด้วย
“ไม่ ม-มันไม่ใช่อย่างงั้นซะหน่อย…” ไอริออกตัวทันที
แต่ผมรู้สึกว่าความคิดของผมจะถูกต้องนะ
ร่างกายของเธอดูเริ่มสั่นเทา ตาก็ดูกรอกไปทั่ว
อย่างที่ผมคิด ความจริงไอริก็รู้สึกว่าผมก็น่าดึงดูดนั้นแหละ
ผมที่ได้รู้อย่างนั้นรู้สึกโล่งใจขึ้นอย่างน่าประหลาด
“คนอย่างเธอนี่มันจัดว่านิสัยเสียนะ รู้ไหม?”
“น-นิสัยเสียหรอ หยาบคายเกินไปแล้ว! ฉันไม่ได้เป็นคนอย่างงั้นนะ!
ฉ-ฉ-ฉันไมได้สนใจอิบุกิคงสักนิด!” ไอริตะโกนปฎิเสธอย่างดัง
แก้มของเธอตอนนี้มันแดงนิดหน่อยนะ
“’แล้วเธออธิบายเรื่องเมื่อกี้ได้ไหมล่ะ?”
“น-แน่นอนอยู่แล้ว ก็แค่…ก-ก็แค่สนใจมันทางวิชาการนิดๆแค่นั้นเอง…ไม่ใช่ว่าฉันสนใจกล้ามของอิบุกิคุงหรืออะไรงั้นสักหน่อย…” ไอริไม่ยอมสบตาผมแล้วกล่าวอย่างเขินอาย
ได้ยินงั้นก็ช่วยไม่ได้ แต่ทำไมผมถึงยิ้มกันนะ?
“ชั้นยังไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับกล้ามของชั้นเลยนะ?”
หลังผมพูดงั้นไป หน้าของไอริก็ยิ่งแดงขึ้นไปอีก
เธอคงเฟติชอะไรงี้สินะ แล้วดูเหมือนเธอก็จะประทับใจกับร่างเปลือยของผมด้วย
ไอริขยับปากพงาบๆ บางทีคงเพราะอายที่เฟติชถูกเปิดเผยกระมัง
“อิบุกิคุงดูใส่ใจฉันเกินไปนะ…คิดดูสินายเป็นคนบอกให้เราเลือกจับมือกันตอน ป.2 ฉันหมายถึง…ฉันสงสัยนะว่านายสนใจฉันมาโดยตลอดรึเปล่า? แตกเนื้อหนุ่มไวจังนะ”
อยู่ดีๆเปลี่ยนเรื่องเฉยเลย คงคิดว่าการพูดเรื่องสระน้ำตอนนั้นเป็นการขุดหลุมฝังตัวเองสินะ
ไอริพยายามขุดเรื่องเก่าๆอีกเพื่อเปลี่ยนหัวข้อ
“จะเล่นงี้สินะ ถ้าเราจะพูดถึงเรื่องสมัยประถม—จำได้ไหมตอนที่เธอเล่นสวมบทเป็นเจ้าหญิงซินเดอเรลล่าแล้วชั้นเป็นเจ้าชายน่ะ เธอดูพูดติดๆขัดๆนะ? หรือว่าเธอเขินเกินไปกันน้า?”
เวลาสถานการ์ณไม่เป็นไปตามที่เธอคาด ไอริมักจะชอบขุดเรื่องเก่าๆมาพูดตลอด…แต่ถ้าไอริจะเล่นงี้ ผมก็มีวิธีจัดการในแบบของผมเหมือนกัน
ถ้าไอริขุดเรื่องน่าอายในอดีตของผมมาพูด ผมก็แค่จะขุดอดีตที่น่าอายของเธอมาพูดแบบสุดกำลังเหมือนกัน
“อ-อย่าเอาเรื่องแสดงมารวมกับความจริงนะ! นั-นั้นไม่ใช่เพราะฉันอยากเป็นเจ้าหญิงเหมือนซินเดอเรลล่าหรืออะไรสักหน่อย…”
“ชั้นพูดถึงเรื่องความฝันของเธอตอนไหนหรอ?”
“อะ…ไม่…น-นั้นมันก็แค่…ยกตัวอย่างเฉยๆ”
“เป็นไรไปไอริ หน้าแดงหมดแล้วนะ”
ขุดหลุมฝังตัวเองอีกแล้วหรอ?
จังหวะที่ผมทักเธอเรื่องหน้าแดงหน้าของไอริก็แดงยิ่งขึ้นไปอีก สายตาที่จ้องมาที่ผมนี่คงคมกว่ามีดอีกนะเนี่ย
“ถ-ถ้างั้นอิบุกิคุงก็…”
“ตอนนั้นนายก็—-”
“ตอนนั้น—-”
“คิดดูสิ เมื่อวาน—-”
“ตอนเราอยู่อนุบาล—-”
“ตอนไปเล่นที่บ้านเธอ—-”
เราขุดคุ้ยอดีตมาไม่เลิก
“ยังไงก็ตามนะ ฉันไม่เคยใจเต้นเพราะนายอิบุกิคุง! ไม่แม้แต่นิดเดียว!”
“ชั้นก็เหมือนกันนั้นแหละ! ไม่ว่าชั้นก็อะไรยังไงหรือทำอะไร หรือแม้แต่เธอทำอะไร…ชั้นก็ไม่เคยสนใจในตัวเธอเลยแม้แต่นิด!
“งั้นทำไมเราไม่มาลองทดสอบดูล่ะ?” จู่ๆไอริก็โพล่งถามขึ้นมา
ผมผงะแล้วถามสวนกลับไป
“ทดสอบอะไรล่ะ?”
“หืมม…นั้นสิ”
ไอริครุ้นคิดสักพัก…แล้วรอยยิ้มเล็กก็ๆปรากฎบนใบหน้าของเธอ
จากนั้นเธอก็เคลื่อนตัวเข้าใกล้ผมอย่างช้าๆ
“อ-อะไร?”
ไอริใช้นิ้วสีขาวเพรียวบางสัมผัสปากเบาๆ
เรามาลองจูบกันดูไหมล่ะ? (TL/จบที่ประโยคนี้รอบสอง 55555555 ย้ำบ่อยแท้)
(TL/ ต้องกลับไปแก้ Prologue ละ อารมณ์เปลี่ยน คำแปลเปลี่ยน ความหมายก็เปลี่ยน ดีจริงๆ
บทหน้าจะรอนานหน่อยนะครับ ยาวกว่าบทนี้ราวสองเท่าได้ มันต่อเนื่องจนไม่รู้จะตัดตรงไหนดี
แล้วก็ Eng FTL บอกว่าเขาจะมีการกลับมาเกลาบทตอนเก่าๆอีกรอบหลังจบเล่ม 1 ส่วนผมก็รอดูครับว่าตอนนั้นจะขี้เกียจไหม
งานแปลนี้แปลจาก Eng FTL: Fungus Translations นะครับ)