ตอนที่ 1.1
เช้าวันหนึ่งระหว่างทางไปโรงเรียน
มีนักเรียนมากมายพูดคุยและกล่าวทักทายกันขณะกำลังเดินผ่านรั่วโรงเรียน ท่ามกลางฉากหลังของชีวิตประจำวัน หลังการปรากฎตัวของหญิงสาวคนหนึ่งบรรยากาศรอบๆก็เปลี่ยนไป
“คุณคามิชิโระนี่น่ารักตลอดเลยนะ”
“ใช่แมะ คุณคามิชิโระเนี่ยน่ารักที่สุดในโรงเรียนแล้ว”
ผมสีทองที่สวยงามกับนัยย์ตาสีไพลิน ความน่ารักแบบวัยรุ่นที่ผสมกับความงดงามแบบผู้ใหญ่อย่างลงตัว ผิวขาวเรียบเนียนกับแขนขาที่ดูเกลี้ยงเกลากับชุดนักเรียนที่เผยส่วนโค้งเว้าของผู้หญิงให้เห็น
เธอมีชื่อว่า คามิชิโระ ไอริ
หญิงสาวที่งดงามไม่มีใครเทียบได้จนถูกขนานนามว่าแฟร์รี่โดยนักเรียนชายบางส่วน
“นายคิดว่าฉันมีโอกาสป่ะ ถ้าลองไปขอคบดู อาจจะมีปฏิหาริย์บางอย่างเกิดขึ้นแล้วท่านแฟร์รี่คนนั้นตอบตกลงก็ได้นะเว้ย”
“เหอะ อย่าเลยมันไม่ทางเกิดขึ้นหรอก ยังไงก็ไม่แน่นอนเลย ยอมแพ้เถอะเพื่อน”
บางคนก็จ้องมองด้วยความหลงไหล บ้างก็มองด้วยความอิจฉา บ้างก็ด้วยสายตาที่สกปรกต่ำทรามและบ้างก็ซุบซิบกัน
“ไม่จริงน่า หรือว่าเธอมีแฟนแล้วหรอ”
“บิงโก ดูดีๆสิ เห็นคนที่เดินอยู่ข้างเธอไหมล่ะ ผู้ชายคนนั้นอะดูดีกว่านายเยอะเลยหว่ะ”
ใช่แล้ว มีเด็กหนุ่มคนนึงกำลังเดินอยู่ข้างไอริ
ชายหนุ่มตัวค่อนข้างสูงที่ดูเงียบครึมหน่อยๆ
ไอริกำลังเดินไปพลางพูดคุยสนุกสนานกับเด็กหนุ่มมาได้สักระยะแล้วราวกับไม่มีใครอยู่ในสายตาของเธอ
“จริงดิ ไอหมอนั้นน่ะหรอ ที่เป็นแฟนของเธอ”
“นายไม่เคยได้ยินหรอ พวกนั้นถูกเล่ามาปากต่อปากน่ะว่าเป็นคู่รักติ๊งต๊องหล่ะ”
“หึ้ยย เจ็บใจ เธอถูกครอบครองไปแล้วงั้นหรอเนี่ย ถ้าแค่ฉันตัดสินใจเร็วกว่านี้นะ ฉันตกหลุมรักท่านแฟร์รี่มาตั้งแต่พิธีเปิดภาคเรียนเลยนะเว้ยย”
“แย่หน่อยนะเพื่อน แต่สองคนนั้นน่ะเป็นเพื่อนสมัยเด็กกัน เกิดที่โรงพยาบาลเดียวกัน วันเดียวกันและเหมือนกันทุกอย่างเลยละ”
“ไอบ้าเอ้ยย นี่มันไม่แฟร์สุดๆเลยนี่หว่า จะไปชนะไอคนพรรค์นั้นได้ไง”
ในขณะเดียวกัน ทางฝั่งของ ‘คู่รักติ๊งต๊อง’ ไอริเดินก้มหน้าเล็กน้อยพร้อมกับใบหน้าที่ถูกย้อมเป็นสีแดง “ทั้งๆที่บอกไปแล้วแท้ๆว่าเป็นแค่เพื่อนสมัยเด็กกัน ทำไมพวกนั้นถึงยังเข้าใจผิดอยู่เลยเนี่ย”
※
เพื่อนสมัยเด็กของผม คามิชิโระ ไอริ เธอกล่าวขึ้นพร้อมทำหน้ามุ่ยอย่างไม่สบอารมณ์
“นั้นอะไรอีกแล้วน่ะ? ‘คู่รักติ๊งต๊อง?’ พวกเราไม่ได้ติ๊งต๊อง ไม่ได้แต่งงาน แล้วก็ไม่ได้เป็นคู่รักกันสักหน่อย” ไอริกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
นอกจากนี้นะไอคำว่า “คู่รัก” กับ “แต่งงานแล้ว” เนี่ย มันมีคำจำกัดความซ้อนทับกันไม่ใช่หรอ” (TL/ ตรงนี้ไม่รู้จะแปลยังไงดีครับตีความไม่ค่อยแตก)
เหมือนว่าเธอจะไม่ค่อยพอใจกับมุมมองของคนอื่นนะ—ที่โดนมองว่าเป็นคู่รักติ๊งต๊องน่ะ
และผม คาซามิ อิบุกิ ก็รู้สึกอย่างนั้นเหมือนกัน
“พวกเราแค่เดินมาโรงเรียนด้วยกันเองนะ”
“ให้ตายเถอะ ฉันไม่มีทางคบกับคนอย่างนายแน่นอน อิบุกิคุง”
…‘คนอย่างนาย’ ?
“หมายความว่าไงกับคำว่า ‘คนอย่างนาย’ ห๊ะ? เธอต้องการจะสื่ออะไรกัน?”
ไอริยิ้มอย่างทะเล้นบนใบหน้าอย่างที่ผมคิดไว้จริงด้วย
“โห? อิบุกิคุง~ หรือว่าบางทีนายอาจจะแอบชอบใจหรือป่าว? ยังไงก็เป็นเรื่องธรรมชาติเนอะที่นายจะถูกเข้าใจผิดว่าเป็นแฟนกับคนน่ารักอย่างฉัน ฉลาดไม่เบาเลยนะนายน่ะ”
“…ใครที่ไหนสามารถมั่นใจถึงขั้นชมตัวเองว่าน่ารักได้ง่ายๆ อย่างนั้นกัน”
ภายใต้ความตกตะลึงของผม ไอริกลับสามารถตอบกลับอย่างสงบนิ่ง
“ก็มันเป็นเรื่องจริงนี่นา”
เธอคงเชื่ออย่างสุดใจจริงๆว่าตัวเองน่ารัก พิลึกคนจริงๆ
“น่าเสียดายนะ ที่ชั้นก็ไม่อยากถูกเข้าใจผิดว่าเป็นแฟนของพวกหลงตัวเองที่ชมตัวเองง่ายๆว่าน่ารักหรอกนะ”
“นายพูดแบบนี้อีกแล้วนะ ไม่ใช่ว่าความจริงนายมีความสุขรึไง?”
เธอสวนคำพูดผมแถมบลัฟเพิ่มไปอีกไม่ใช่รึไงกัน
อีโก้ของไอริมันเพิ่มขึ้นเร็วเกินไปแล้ว เธอยิ้มอย่างหน้าทนพร้อมศอกสีข้างของผม
…ผมถูกหยามขนาดนี้ ก็เป็นเรื่องธรรมชาติใช่มั้ยล่ะที่ผมจะรู้สึกขุ่นเคือง
“เธอก็เหมือนกันนั้นแหละ ความจริงแล้วเธอก็มีแอบความสุขไม่ใช่รึไง”
ไอริเผยสีหน้าประหลาดใจตอบสนองต่อการสวนกลับของผม ก่อนจะกลับไปแสดงสีหน้ามั่นหน้าเหมือนเดิม
“นี่มันอะไรกัน? ความทะเยอทะยานของอิบุกิคุงหรอ? แต่ขอโทษนะที่ฉันมองนายเป็นได้เพียงแค่เด็กน้อยแค่นั้นแหละ ฉันหมายถึง ฉันไม่เคยมองนายเป็นเพศตรงข้ามเลย……”
“งั้นหรอ งั้นใครกันที่เป็นคนมาปลุกฉันทุกเช้ากันล่ะ? ถ้าเธอไม่อยากให้เราถูกเข้าใจผิดว่าเป็นคู่รักกัน ชั้นว่ามันก็สมเหตุสมผลนะที่เราจะเหลี่ยงการไปโรงเรียนด้วยกัน ไม่คิดงั้นหรอ?”
“น-นั้นมัน”
หลังจากที่ผมชี้ให้เห็นจุดนั้น ไอริก็เริ่มลุกลนและพูดติดอ่าง
“ฉ-ฉันแค่เมคชัวร์เถอะว่าอิบูกิจะไม่นอนจนเลยเวลาแล้วตื่นสาย…มันไม่มีเหตุผลอื่นหรอก อย่าคิดไปเองไร้สาระนะ เข้าใจไหม?”
“แต่เวลาชั้นนำหน้าไปโรงเรียนก่อน เธอก็โกรธหนิ”
“ก-ก็ ก็เพราะ…นายก็รู้หนิว่าฉันรอนายอยู่น่ะ…”
น้ำเสียงของไอริค่อยๆอ่อนแอลง
ผมรู้มาตลอด
แม้ว่าเธอจะแสดงออกอย่างนั้นแต่ไอริก็เป็นคนขี้เหงา
ผมไม่รู้หรอกว่าเธอคิดยังไงเรื่องที่ถูกเข้าใจผิดว่าเราเป็นคู่รักกัน แต่ผมมั่นใจว่าเธอไม่ได้ไม่ชอบที่เราเดินมาโรงเรียนด้วยกันแน่นอน
“ม-ไม่ใช่ว่าเป็นนายหรอที่เป็นขอให้ฉันเดินไปโรงเรียนกับนายน่ะ จำไม่ได้หรอ?”
“หืม? ไม่เห็นจะจำได้ว่าเคยขออะไรอย่างนั้นนะ”
จังหวะที่ผมขมวดคิ้ว ไอริก็ยิ้มร่าออกมา
“ใครกันนะที่มาร้องไห้กับฉันตอนอนุบาลหนึ่ง ใครกันน้า?”
“เรื่องตั้งแต่สมัยไหนกัน ยังขุดขึ้นมาอีกนะ หืมม? ฉันพูดถึงที่นี้และตอนนี้”
มันเป็นความจริงที่สมัยผมอยู่อนุบาลหนึ่ง ผมเคยร้องไห้งอแงเรื่องที่ผมรู้สึกเหงาที่ต้องไปโรงเรียนคนเดียว
ผมยอมรับว่ามันเป็นเรื่องจริง แต่มันก็ผ่านมานานแล้ว
แน่นอนว่า ในตอนนี้ผมสามารถเดินมาโรงเรียนคนเดียวได้ในฐานะนักเรียนมัธยมปลายคนหนึ่ง สบายมาก
แต่ก็นะ มีโอกาสเพียงไม่กี่ครั้งที่ผมต้องทำอย่างนั้น
“แน่นอนว่าไม่ใช่แค่ไปโรงเรียน แต่นายก็อยากกลับบ้านกับฉันใช่มั้ยหล่า? เมื่อวานนายก็รอจนฉันทำงานเสร็จเลยหนิ อิบุกิคุง~ไม่ใช่นายหรอที่เป็นฝ่ายอยากอยู่กับฉันน่ะ”
“น-นั้นมัน”
มันเป็นเรื่องจริงที่ผ่านมาผมจะกลับบ้านพร้อมไอริเสมอ
ผมจะรอจนไอริจัดการกิจธุระของเธอจนเสร็จ และกลับบ้านพร้อมกับเธอ
นั้นเพราะว่าผมทำอย่างนี้ประจำจนชิน ไม่ใช่เพราะอยากหรืออย่างอื่นแน่นอน
เพราะมันเป็นกิจวัตรต่างหาก ไม่ได้มีความหมายลึกซึ้งอะไรเลย
แม้จะว่างั้นก็ไม่สามารถสวนข้อโต้แย้งของไอริได้
“หืมม เป็นอะไรไป หรือเพราะว่า…ฉันเป็นฝ่ายถูกงั้นหรอ?”
หลังผมได้สติ ไอริก็เริ่มยิ้มเยาะและแหย่ผมเล่นอีกรอบ
นี่มันเริ่มจะน่ารำคาญแล้วนะ
“นั้นไม่ใช่เพราะชั้นรอเธอเพราะชั้นอยากซะหน่อย”
“โห? จริงหรอ? งั้นจะกลับไปก่อนก็ได้หนิ”
“เธอพูดงั้นได้หรอ? เธอโกรธชั้นตลอดเลยหนิเวลาชั้นกลับบ้านก่อนน่ะ”
“น-นั้นเพราะ…ฉันรอนายทุกๆเช้าเพราะฉะนั้นมันก็สมเหตุสมผลหนิที่นายควรจะรอฉันในตอนเย็นเหมือนกัน…”
“นั้นเพราะเธอกลัวที่จะเดินกลับตอนกลางคืนเองไม่ใช่รึไง?” ใช่แล้ว ไอริไม่ถูกกับที่มืด
นั้นเป็นเหตุผลที่ทำไมปกติเราถึงกลับบ้านด้วยกันตลอด โดยเฉพาะตอนกลางดึก ขอบคุณตัวผมที่นึกเรื่องนี้ได้
“ฉันเดินกลับเองได้และเถอะ แล้วมันก็ยังไม่ถึงเวลาที่ฟ้าจะมืดเร็วในรอบปีนี้ซะหน่อย” ไอริสวนกลับด้วยความเคืองหน่อยๆ (TL/ตรงนี้ก็อ่านไม่ค่อยแตกเหมือนกันน่าจะประมาณช่วงนั้นกลางคืนมืดแต่ไม่ได้มืดขนาดนั้น (มั้ง))
ผมส่ายหัวอย่างแรง
“ฉันไม่กังวลที่จะปล่อยเธอกลับคนเดียวหรอกแต่เพราะพ่อแม่ของเธอบอกให้ฉันดูแลเธอนั้นแหละ”
“พ่อแม่นายก็บอกฉัน…ให้ฉันดูแลอิบุกิคุงเหมือนกัน”
ผมจ้องไปที่ไอริ ไม่เพียงแค่นั้น ไอริก็จ้องผมกลับเหมือนกัน
“พวกพ่อแม่กังวลเกินไปแล้ว ชั้นไม่ใช่น้องชายของเธอซะหน่อย”
“นั้นมันคำพูดของฉันนะ ฉันก็ไม่ใช่น้องสาวของอิบุกิหรืออะไรสักหน่อย”
และแล้ว ข้อโต้เถียงของเราก็สิ้นสุดลง
ผมสังเกตเห็นว่ามีผู้คนทำหน้าสงสัยและจ้องมองมามากมาย และก็มีผู้คนกระซิบกระซาบกัน “คนรักกันก็งี้แหละนะ ก็มีบ้างแหละ” “เป็นเรื่องปกติน่ะ เห่อ…” แต่ผมก็ไม่มีเวลาที่จะไปสนใจพวกนั้นหรอกนะ
ก่อนอื่นเลย ถ้าผมไม่จัดการเพื่อนสมัยเด็กตรงหน้านี้ตรงๆผมคงไม่มีทางพอใจแน่ๆ
และไอริก็คิดแบบเดียวกัน พวกเราเอาแต่เถียงกันไปมาจนลืมสิ่งรอบข้างไปจนหมด
ขณะที่ผมกำลังจะสวนกลับ…
“เห่อ วันนี้คู่รักทะเลาะกันอีกแล้วหรอ”
“พวกนายเนี่ยแค่จู๋จี๋กันไม่ใช่หรอ”
พวกเพื่อนๆตะโกนมา
ผมตอบกลับไปโดยไม่ต้องคิดเลยหละ
““พวกเราไม่ใช่คู่รักกันโว้ย!! เป็นแค่เพื่อนสมัยเด็ก!!””
เสียงของเราประสานกันโดยสมบูรณ์
※
ผม…คาซามิ อิบุกิ และ คามิชิโระ ไอริ เป็นเพื่อนสมัยเด็กกัน
เราเจอกันครั้งแรกที่ห้องนอนสำหรับทารกแรกเกิดในโรงพยาบาล
พ่อแม่ของเราเป็นเพื่อนสนิทกันและบ้านก็อยู่ติดกัน
เมื่อผู้ปกครองฝั่งใดฝั่งหนึ่งติดธุระก็จะฝากพวกเราไว้กับอีกฝั่งหนึ่ง
เห็นได้ชัดเลยว่านั้นคือเวลาที่เราใช้เวลาร่วมกันในเปลเดียวกัน
แน่นอนว่าผมจำเรื่องนั้นไม่ได้เลย แต่ก็มีหลักฐานเป็นคริปวีดีโออยู่ เพราะฉะนั้นมันเป็นเรื่องจริงแน่นอน โดยพื้นฐานแล้วเราเปรียบเหมือนคู่แฝดกันมาตั้งแต่เกิด ตั้งแต่เราจำความได้ก็เป็นเวลาเดียวกับที่เราเริ่มเติบโตขึ้น เราใช้เวลาร่วมกันในบ้านของกันและกัน ในสวน ในสนานเด็กเล่น
เราเล่นในบ้าน ในดินโคลน เล่นบล็อกก่อสร้าง และเกมหลายประเภทด้วยกัน
และนั้นไม่เคยเปลี่ยนแปลงแม้ว่าเราอยู่ชั้นอนุบาลหรือแม้แต่ชั้นประถม
เราอยู่ด้วยกันเหมือนคู่แฝดจนถึงแม้กระทั้งเมื่อร่างกายเริ่มเติบโตขึ้น ร่างกายผมมีกล้ามเนื้อเยอะขึ้น ส่วนร่างกายไอริก็มีความเป็นผู้หญิงมากขึ้น
ซึ่งทำให้เราหยุดสัมผัสร่างกายทางกายภาพกัน และไม่ได้อาบน้ำด้วยกันอีกต่อไป
ถึงกระนั้นความสัมพันธ์ของเราก็ยังดำเนินต่อไปโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่หลวง จนถึงช่วงมัธยมต้นและขึ้นมัธยมปลายเราก็ยังคงเป็นเพื่อนสมัยเด็กที่สนิทชิดเชื่อกัน
แต่ที่เปลี่ยนไปคือมุมมองของคนอื่นที่มองเรา
เพราะเราสนิทกันมาก คนอื่นๆจึงอดไม่ได้ที่จะมองว่าเราเป็นมากกว่าเพื่อนสมัยเด็ก โดยพิจารณาจากที่เราอยู่ด้วยกันตลอดเวลา
ครั้นตอนที่เราพึ่งขึ้นชั้นประถมตอนปลาย พวกเราเริ่มถูกหยอกล้อเรื่องความสัมพันธ์ของเรา ตอนที่เราอยู่มัธยมต้น ผู้คนเริ่มคิดว่าเราเป็นคู่รัก และเมื่อเราขึ้นมัธยมปลายข่าวลือพวกนั้นก็ยิ่งหยั่งรากลึก
ถึงกระนั้น มุมมองของเราต่อสิ่งต่างๆรอบๆตัวก็เปลี่ยนไปแล้วในตอนนี้
สำหรับผม ไอริคือเพื่อนสนิทคนสำคัญของผม เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว เป็นน้องสาว และเป็นคนที่ทำให้ผมรู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งของผม
มันยากนะที่จะทำให้ผมรู้สึกดึงดูดทางเพศต่อคนที่เสมือนเป็นน้องสาวของผม
ระหว่างเราจะไม่มีอารมณ์เชิงชู้สาวเกิดขึ้นแน่นอน
ผมเชื่อใจเธอมากกว่าใครคนไหนบนโลกใบนี้ และผมเชื่อมั่นว่าไม่มีใครรู้จักเธอไปมากกว่าผมอีกแล้ว
เหนือสิ่งใด ผมมีความสุขที่ได้ใช้เวลาร่วมสนุกกับเธอ
ผมอยากใช้เวลาร่วมกับเธอ อยากไปโรงเรียนด้วยกัน
แน่นอนว่าก็มีบางครั้งที่ผมก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเขินอายเล็กน้อยเพราะเธอก็เป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์
แต่จะไม่มีความรู้สึกเชิงชู้สาวเกิดขึ้นระหว่างเราอย่างแน่นอน
อย่างน้อยนั้นก็คือสิ่งที่ผมคิด
ใช่แล้วนั้นคือสิ่งที่ผมรู้สึกมาโดยตลอด
จุดเปลี่ยนของความสัมพันธ์ของเราคือ…
เพียงเพราะประโยคเดียวที่ไอริพูดออกมาโดยไม่คิดในระหว่างการโต้เถียงกันของเรา
ทำไมเราไม่ลองมาจูบกันดูล่ะ?
(TL/ ตอนแรกกะจะรวบช่วงท้ายไปรวมกับส่วนที่สองแต่ตัดจบงี้มันค้างคาดี ส่วนสองกับสามอาจจะนานหน่อย นั่งเกลายาวๆครับตัวเองยังอ่านไม่รู้เรื่องเลย
งานแปลนี้แปลจาก Eng FTL: Fungus Translations นะครับ)
Chapters
Comments
- ตอนที่ 5.1 ช่วงเวลาที่สิ้นหวังกับมิตรภาพที่ขาดสะบั้น สิงหาคม 15, 2023
- ตอนที่ 4.2 ส่วนที่ 2/2 // แข่งว่ายน้ำแบบ Best of Three สิงหาคม 1, 2023
- ตอนที่ 4 ส่วนที่ 1/2 // แข่งว่ายน้ำแบบ Best of Three สิงหาคม 1, 2023
- ตอนที่ 3.2 ส่วนที่ 2/3 // บทเรียนสำหรับคนพิเรนทร์ กรกฎาคม 11, 2023
- ตอนที่ 3 ส่วนที่ 3/3 // บทเรียนสำหรับคนพิเรนทร์ กรกฎาคม 17, 2023
- ตอนที่ 3 ส่วนที่ 1/2 // บทเรียนสำหรับคนพิเรนทร์ กรกฎาคม 6, 2023
- ตอนที่ 2.2 ส่วนที่ 2/2 // ที่ใจเต้นแรงเป็นเพราะกำแพงรึเปล่านะ? กรกฎาคม 4, 2023
- ตอนที่ 2 ส่วนที่ 1/2 // ที่ใจเต้นแรงเป็นเพราะกำแพงรึเปล่านะ? มิถุนายน 30, 2023
- ตอนที่ 1.4 มิถุนายน 28, 2023
- ตอนที่ 1.3 มิถุนายน 27, 2023
- ตอนที่ 1.2 มิถุนายน 26, 2023
- ตอนที่ 1.1 มิถุนายน 26, 2023
- ตอนที่ 0.5 มิถุนายน 26, 2023
MANGA DISCUSSION