Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 2378 ผู้อาวุโสไปยังวังสวรรค์เฝ้าใต้!
“ตรวจสอบ! ต่อให้เจ้าต้องขุดหาทั่วแผ่นดินก็ต้องไปหาพวกมันมาให้ได้!”
ในวังสวรรค์เฝ้าใต้นั้นเจ้าวังหยวนฮุ่ยกำลังร้องสั่งด้วยความโกรธแค้นอย่างถึงที่สุด
สามเดือนต่อมาวังเฝ้าสวรรค์รอบๆ แดนใต้มันก็ถูกทำลายลงไปอีกมากมาย
แต่พวกเขานั้นกลับไม่อาจจะหาความเกี่ยวข้องใดๆ ได้เลย
หยวนฮุ่ยนั้นไม่อาจจะเข้าใจได้ไม่ว่าจะคิดอย่างไร กองกำลังที่สามารถทำลายวังสวรรค์เฝ้าได้มากมายในเวลาแค่สามเดือนนี้มีหรือที่พวกเขาจะไม่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อน?
มันเหมือนราวกับว่าวังสวรรค์เฝ้าทั้งหลายนั้นระเหิดหายไปกับอากาศ
หากนับแค่ยอดฝีมือของเผ่าเทวานั้นมันก็ได้ตายไปนับพัน!
จะอย่างไรเสียพวกเขาทั้งหลายที่ตายไปนั้นก็ล้วนเป็นถึงยอดฝีมือเต๋าสวรรค์แปดลายสิ้น!
ความเสียหายระดับนี้มันไม่เคยจะเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์อันยาวนานของเผ่าเทวา
เรื่องราวครั้งนี้มันยิ่งใหญ่จนเกินไป
เหล่าลูกน้องของเขาตอบกลับมาด้วยใบหน้าหนักใจ “แต่นายท่าน เรื่องครานี้… เราไม่รู้เลยว่าต้องเริ่มสืบเสาะจากที่ใด! วังสวรรค์เฝ้าถูกทำลายนั้นมันมิใช่แค่ไม่มีใครเหลือรอดแต่ทุกๆ ข้อมูลเรื่องราวภายในวังสวรรค์เฝ้านั้นๆ มันก็ยังถูกลบทำลายหายไปสิ้น”
หยวนฮุ่ยได้แต่นั่งปั่นหน้าเครียดก่อนจะร้องสั่งออกมาในที่สุด “เรื่องนี้มันเริ่มจากฟ้าใต้มิใช่หรือ? เช่นนั้นก็ไปตรวจสอบที่เขตฟ้าใต้ก่อน! ไปถามมันเสียให้ครบทุกค่ายสำนัก หากไม่ได้เรื่องก็ฆ่าสังหารมัน! หากยังไม่ได้ก็ทำลายพวกมัน! ทำลายให้หมดทั้งสำนักมันไปเลย! แม้ว่าบรรพกาลของพวกมันจะเก่งกาจไม่อาจฆ่าสังหารลงได้ง่ายๆ แต่ข้าก็อยากรู้นักว่าพวกมันจะกลัวตายเป็นหรือไม่!”
“ขอรับ!”
“แล้วก็ส่งข่าวเรื่องนี้กลับไปส่วนกลางด้วย ลองขอให้ท่านเจ้าสวรรค์หมี่ลั่วทำนายดู! หากรู้สึกแปลกๆ ว่ามันจะมิใช่เรื่องธรรมดา!”
“ขอรับ!”
ไม่นานจากนั้นมันก็เกิดการสอบสวนขนาดใหญ่เกิดขึ้นในเขตฟ้าใต้
เผ่าเทวานั้นพยายามจะถามหาความจริงจากคนฟ้าใต้ด้วยความดุร้ายทารุณอย่างมาก
หลายค่ายสำนักนิกายใหญ่นั้นต่างถูกทำลายลงไปเพราะว่าไม่รู้เรื่องราว!
เวลานี้ทุกผู้คนต่างหวาดกลัวสุดหัวใจ
แน่นอนว่านิกายที่หวาดกลัวเรื่องราวที่สุดมันคือนิกายม่วงน้อย
นิกายม่วงน้อยนั้นเป็นนิกายเล็กๆ หนึ่งในเขตฟ้าใต้ เพราะฉะนั้นคงยังอีกนานกว่าจะถึงตาของพวกเขา
แต่เรื่องราวในครั้งนี้ทางวังสวรรค์เฝ้าใต้ได้ส่งกำลังคนออกมามากมาย
จะถึงตาของนิกายม่วงน้อยเมื่อใดนั้นมันก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น
ในนิกายม่วงน้อยนั้นมันเกิดเสียงถกเถียงกันขึ้นไม่ขาด
“เจ้าหมอนั่นมันรู้แค่ว่าจะทำลายอย่างไร ไม่ได้สนใจเลยว่าเราจะเจอความฉิบหายเช่นไหน!”
“ไม่มีความรับผิดชอบ! เจ้าหมอนั่นมันคิดทะลวงฟ้าแต่ไม่ได้รู้เลยว่าคนที่ต้องรับผลกรรมมันคือเรา!”
“เจ้านิกาย เราไปรายงานเรื่องเจ้าเด็กนั่นเถอะ! ตราบเท่าที่เรารายงานข่าวเรื่องมันไปแล้วเรื่องราวครั้งนี้ก็คงถือว่าจบแน่! ไม่เช่นนั้นแล้วเราจะต้องได้เจอความหายนะ!”
…
ในโถงใหญ่ของนิกายม่วงน้อยนั้นมันต่างมีเสียงบ่นว่าเรื่องเย่หยวนไม่ขาด
ทีแรกการที่เย่หยวนทำลายล้างวังสวรรค์เฝ้าไปนั้นมันยังทำให้คนทั้งหลายตื่นเต้นสะใจกันอย่างมาก
แต่เวลานี้เมื่อต้องเผชิญการสอบสวนของเผ่าเทวาที่แสนโหดร้าย พวกเขาต่างไม่อาจจะทนรับได้อีก
เมื่อได้ยินคำของคนทั้งหลายนั้นตัวโมชิงซานก็ต้องกล่าวขึ้นมาด้วยใบหน้าหนักใจ “รายงาน? เจ้าลืมสมองไว้ที่ใดหรือ? เจ้าจะไปบอกว่าทูตเทวะนั้นตายลงในพื้นที่นิกายม่วงน้อยเราหรือ? หรือเจ้าจะไปรายงานว่าศิษย์นิกายม่วงน้อยเราทำหน้าที่พาคนไปไล่จัดการวังสวรรค์เฝ้ากันเล่า?”
สีหน้าของผู้อาวุโสที่พูดนั้นเปลี่ยนสีไปด้วยความอับอายในทันที
เขานั้นกล่าวออกมาด้วยอารมณ์อย่างลืมใช้เหตุผลคิดตามไป
เวลานี้เมื่อได้ยินคำของโมชิงซานตัวเขาย่อมจะไม่อาจเถียงใดๆ กลับไปได้แม้แต่น้อย!
หากไม่พูดรายงานนิกายม่วงน้อยก็อาจจะยังรอดพ้น
แต่หากรายงานไปแล้วคงมีแต่ความฉิบหายรออยู่!
ระหว่างที่คนทั้งหลายกำลังมึนงงว่าจะทำอย่างไรดีก็มีเสียงน้อยๆ เสียงหนึ่งดังขึ้นกลางโถงอันหนักหน่วงนี้
“อาจารย์ลุง ข้าว่า… ข้าพอเข้าใจเหตุผลที่ท่านผู้อาวุโสทำเช่นนี้”
คนทั้งหลายต่างหันมามองหน้าโมเสียวเฉาที่นั่งอยู่ในมุมน้อย
โมเสียวเฉานั้นเป็นหนึ่งในอัจฉริยะของนิกาย นางมีพรสวรรค์ในการบ่มเพาะสูงล้ำ
เพราะฉะนั้นนางจึงได้มีสิทธิมานั่งอยู่ในโถงใหญ่พร้อมๆ กับเหล่าผู้อาวุโสทั้งหลาย
โมชิงซานหันไปมองที่ลูกสาวด้วยสีหน้าแปลกใจ เพราะตัวเขานั้นรู้ดีว่าเด็กสาวคนนี้ฉลาดมาแต่ไหนแต่ไร บางทีครั้งนี้นางอาจจะมองสถานการณ์ออกจริงๆ
“เสียวเฉา เจ้าลองว่ามา!” โมชิงซานกล่าว
โมเสียวเฉาพยักหน้ารับ “อย่างแรกคือที่ผู้อาวุโสท่านนั้นทำลายวังสวรรค์เฝ้ามากมายมันอาจจะเพื่อช่วยพวกเรานี้! ผู้อาวุโสทุกท่านอย่างเพิ่งรีบร้อนขอฟังเสียวเฉาให้จบก่อน เพราะหากเขานั้นไม่ทำลายวังสวรรค์เฝ้าฟ้าใต้ไปนิกายม่วงน้อยเราก็คงต้องเผชิญหายนะแน่ แต่แค่ทำลายวังสวรรค์เฝ้าแห่งเดียวการตรวจสอบมันก็คงมาถึงยังนิกายม่วงน้อยเราได้ไม่ยาก! แต่หากว่าหลายวังสวรรค์เฝ้าในเขตต่างๆ ถูกทำลายลงไปพร้อมๆ กันโดยไร้ร่องรอยใดมันก็ย่อมจะเป็นการยากหากคิดสาวมาถึงนิกายม่วงน้อยเรา”
เดิมทีตอนที่โมเสียวเฉากล่าวว่าเป็นการทำเพื่อช่วยนิกายม่วงน้อย คนทั้งหลายย่อมแทบจะลุกขึ้นเถียง
แต่หลังได้ยินคำอธิบายของโมเสียวเฉาไปเรื่อยแล้วสีหน้าของทุกคนก็เริ่มเห็นด้วยยอมรับ
จากนั้นก็มีคนถามขึ้นมาตาม “แต่ทำไมเขาถึงต้องยอมทำขนาดนั้นเพื่อนิกายม่วงน้อยเราด้วย?”
โมเสียวเฉาที่ได้ยินนั้นจึงเบิกตากว้างขึ้น “แน่นอนว่าย่อมเป็นเพราะฉินเชาแล้ว! ข้าเห็นชัดเจนว่าผู้อาวุโสท่านนั้นชื่นชมความกล้าของฉินเชามาก! แน่นอนว่าเดิมทีเขาย่อมจะไม่ได้คิดลากนิกายม่วงน้อยเราลงไปติดร่างแหด้วย ไม่เช่นนั้นแล้วเขาคงไม่บอกให้เราจับเขาส่งไปให้ทางวังสวรรค์เฝ้าแน่”
คนอื่นๆ นั้นได้แต่ต้องหันมามองหน้ากันอย่างตกตะลึงสุดใจ
โมเสียวเฉานั้นกลับแสดงความเห็นออกมาได้สมเหตุสมผลจนเกินกว่าจะเถียงได้
อีกฝ่ายนั้นคิดจะช่วยแต่พวกเขาทั้งหลายกลับมานั่งด่าเขา ถึงขั้นคิดจะไปรายงานเรื่องของเขาเสียด้วยซ้ำ
โมเสียวเฉากล่าวขึ้นต่อ “แน่นอนว่าผู้อาวุโสท่านนั้นคงไม่ได้มีเจตนาอยู่แค่นี้แน่!”
โมชิงซานหรี่ตาลงถามขึ้น “เช่นนั้นเขาจะยังมีเจตนาใดอีก?”
โมเสียวเฉาจึงตอบกลับไป “ธนูที่ออกจากคันแล้วไม่มีวันหวนกลับ! ในเมื่อเรื่องราวครั้งนี้มันเริ่มขึ้นไปแล้ว มันก็ไม่มีทางใดจะจัดการลงได้อีก! เพราะฉะนั้นท่านผู้อาวุโสนั้นจึงคิดทำให้เรื่องนี้มันกลายเป็นเรื่องใหญ่ที่สุดให้ทุกผู้คนบนโลกหล้าได้รับรู้ถึงมัน! เขาอยากจะบอกกับพวกเราทั้งหลายว่าเผ่าเทวามันไม่ได้ไร้เทียมทาน เขานั้นคิดปลุกทุกคนให้ตื่นขึ้นมาจากฝันร้ายและร่วมมือกันต่อต้านเผ่าเทวาด้วยกัน!”
กล่าวมาถึงตรงนี้ตัวโมเสียวเฉาก็แสดงสีหน้าเคารพสุดใจกล่าวขึ้นอย่างหนักหน่วง “ผู้อาวุโสท่านนี้ไม่ได้ดูแก่มากแต่ความคิดของเขานั้นกลับยิ่งใหญ่กว้างล้ำเหนือฟ้า! เขานั้นกลับคิดถึงอนาคตของมวลมนุษย์เราอย่างแท้จริง!”
ถึงเวลานี้โมชิงซานก็ค่อยๆ ลุกขึ้นมาจนทำให้ทุกผู้คนต้องหันมามอง
“ท่านเจ้านิกาย ท่านจะทำอะไรหรือ?”
โมชิงซานตอบกลับไป “ข้ารู้สึกว่าคำของเสียวเฉามันดูมีน้ำหนักมาก! ข้าจะไปติดต่อกับสำนักนิกายต่างๆ หวังว่าพวกเขาทั้งหลายจะร่วมมือกันช่วยต่อต้านเผ่าเทวา!”
แท้จริงแล้วมันไม่ต้องรอให้โมชิงซานออกมาเป็นผู้นำใดๆ เพราะการกดขี่ไร้เหตุผลของเผ่าเทวามันได้ทำให้สำนักค่ายนิกายต่างๆ ไม่อาจอยู่เฉยได้แล้ว
ครั้งนี้เผ่าเทวาไม่พอใจอย่างมากจริงๆ
เพราะฉะนั้นเมื่อได้ลงมือพวกเขาจึงไม่คิดลังเลแม้แต่น้อย
เมื่อใดที่ได้ฆ่า มันก็คือการล้างบาง
ในสายตาของเผ่าเทวาแล้วค่ายสำนักนิกายน้อยใหญ่ทั้งหลายต่างเป็นแค่แกะน้อยรอวันเชือด
ไม่พอใจก็จะสังหารทิ้ง!
เพราะฉะนั้นผู้นำของหลายค่ายนิกายจึงได้มารวมตัวกันอย่างรวดเร็วเพื่อคิดร่วมมือกันต่อต้านเผ่าเทวานี้!
การทำลายล้างวังสวรรค์เฝ้าของเย่หยวนนั้นมันได้ทำให้เกิดจิตใจแห่งการต่อต้านขึ้นในหัวใจของทุกผู้คน
เมื่อใดที่การกดขี่มันเกิดขีดจำกัดรับ แม้จะเป็นหมูหมาก็ยังต้องสู้กลับ
แต่ก่อนที่เหล่าเจ้านิกายทั้งหลายจะทันได้ลงมือใดๆ ตัวฉินเชาก็กลับมาถึงยังฟ้าใต้!
เขานั้นกลับมาเพียงคนเดียว เมื่อโมชิงซานได้เห็นฉินเชาอีกครั้งนี้เขาแทบจำศิษย์คนนี้ไม่ได้
ไม่ได้เห็นแค่ไม่กี่เดือนนี้เขารู้สึกราวกับว่าตัวฉินเชาได้เปลี่ยนไปเป็นคนละคน!
“ผู้อาวุโสท่านได้มุ่งหน้าไปยังวังสวรรค์เฝ้าใต้แล้ว!”
คำพูดของฉินเชานี้ได้ทำให้พวกโมชิงซานทั้งหลายนั้นต้องอ้าปากค้างอย่างตกตะลึง
………………….