Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 2337 ฝันร้าย
ก็จริงที่ว่าเหล่าเด็กชะตาไร้คาดเดาทั้งหลายนั้นล้วนแล้วแต่เป็นยอดคนมากพรสวรรค์ที่มีความเข้าใจต่อแนวคิดต่างๆ อย่างเหนือล้ำจึงเก่งกาจพอจะต่อสู้ข้ามดาวข้ามระดับได้
แต่น่าเสียดายที่พลังฝีมือใดๆ นั้นมันกลับไม่อาจจะเอาไปเทียบเคียงกับเหล่าเผ่าเทวาได้เลย
แต่เย่หยวนนั้นเป็นใคร?
ตอนนั้นเขานั้นมีพลังบ่มเพาะต่ำกว่าบุตรเทวะแต่ก็ยังเอาชนะอีกฝ่ายมาได้อย่างราบคาบ
เวลานี้แม้เขาจะมีพลังบ่มเพาะเทียบเคียงได้กับจักรพรรดิเทพสวรรค์สองดาวเช่นนี้แต่ความหนาแน่นของปราณเทวะนั้นมันเหนือล้ำกว่าจักรพรรดิเทพสวรรค์สองดาวไปไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า
หากต้องเทียบจริงๆ แล้วมันคงไม่ได้ด้อยไปกว่าเหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์สามดาวทั้งหลาย
ด้วยพลังที่ล้ำเหนือเช่นนั้นต่อให้จะไม่ใช้เวลาชะงักทักษะเทวะภายในที่เหนือล้ำฟ้าดินเช่นนั้นออกมาแต่คนอย่างพวกหยางเคอนี้มันก็ย่อมไม่มีปัญญาทำอะไรได้
เย่หยวนนั้นรับการโจมตีของพวกหยางเคอทั้งหลายและในพริบตาก็ต่อยสังหารจักรพรรดิเทพสวรรค์สองดาวอีกสามคนที่เหลือลงสิ้น
กายทองคำสัมบูรณ์ระดับแปดนี้มันไม่ใช่ของจะล้อเล่นด้วยได้!
ในมหาพิภพถงเทียนนี้มันมียอดฝีมือที่บ่มเพาะร่างกายมากล้นแต่คนที่จะบ่มเพาะขึ้นมาจนถึงกายทองคำสัมบูรณ์ระดับแปดนี้มันคงมีแค่หยิบมือ!
พวกหยางเคอนั้นไม่อาจจะทำร้ายใดๆ เย่หยวนได้แต่กลับถูกพลังเลือดของเย่หยวนทุบตีจนแทบกระอักเลือดตาย
นี่ทำให้พวกเขากลัวแทบขาดสิ้นใจ
“นี่หรือที่พลังการต่อสู้ข้ามระดับของพวกเจ้า? ดูท่าแล้วคนที่พวกเจ้าได้สู้ด้วยมันก็คงไม่เท่าไหร่!” เย่หยวนยิ้มเตือนขึ้นมา
เพราะตอนแรกนั้นเขายังคิดประเมินไปว่าเหล่าเด็กชะตาไร้คาดเดาทั้งหลายอาจจะเก่งกาจมากล้ำ แต่สุดท้ายมันก็ไม่ได้เก่งกาจมากมาย
แน่นอนว่าเย่หยวนนั้นรู้ดีว่าพวกหยางเคอนั้นเก่งแค่ไหนในเผ่ามนุษย์
ด้วยกำลังของพวกเขานี้ มันคงเทียบเคียงได้แม้แต่จักรพรรดิเทพสวรรค์สี่ดาว
แต่ทำไมเล่า?
เพราะเป้าหมายที่พวกเขาต่อสู้ข้ามระดับข้ามดาวเหยียบหัวไปนั้น สุดท้ายมันก็เป็นแค่นักยุทธจักรพรรดิเทพสวรรค์คนหนึ่งมิได้เก่งกาจใดๆ
แต่คนที่เย่หยวนเคยปะทะมานั้น มีใครบ้างที่มิใช่ยอดคนสวรรค์ส่ง?
หยางเคอนั้นหน้าซีดขาวเพราะก่อนหน้าพวกเขายังร้องว่าเย่หยวนไม่ขาดปาก คิดบอกให้เขาก้มหัวเจียมตัว
แต่เวลานี้ใบหน้าของพวกเขากลับถูกตบจนหันแล้ว
“หนี!”
หยางเคอเห็นว่าสถานการณ์ไม่ดีจึงสั่งให้หันหลังวิ่งหนีทันที
แต่เย่หยวนกลับตอบกลับไป “สายไปแล้ว!”
จากนั้นหมัดของเขาก็ถูกต่อยออกมาด้วยเสียงคำรามของมังกรดังลั่นผ่านอากาศ
หัตถ์อนิจจังมังกรสวรรค์!
ตูม!
พวกหยางเคอนั้นสั่นสะท้านไปทั้งกายพยายามหันกลับมาตั้งรับ
แต่พลังของหมัดนี้มันเหนือล้ำกว่าที่พวกเขาจะทนต้านได้
หลังจากปะทะเข้าแล้วพวกเขาก็แตกสลายลงทันที
ตั้งแต่ต้นจนจบการต่อสู้นี้มันใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่อึดใจ
ที่ด้านข้างนั้นเหล่าเด็กชะตาไร้คาดเดาต่างต้องอ้าปากค้างไปตามๆ กันเมื่อได้เห็น
คนที่ทีแรกยังคิดดูถูกเย่หยวนอยู่ต่างรู้สึกเหมือนถูกตบหน้าเข้าอย่างแรงจนหัน
“เขากลับเอาชนะทั้งกลุ่มได้ในเวลาแค่ไม่กี่อึดใจ! นี่… นี่เขาเก่งกาจขนาดนี้ได้อย่างไรกัน?”
“น่ากลัว! กายเนื้อของเขานั้นคงเทียบเคียงพลังของจักรพรรดิเทพสวรรค์สามดาวได้ทีเดียว! หรือว่า… หรือว่าเขาจะมีกายทองคำสัมบูรณ์ระดับแปด!”
“เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน… นี่สินะคือฟ้าที่อยู่เหนือกว่าฟ้า เขานี่แหละคือผู้ที่อยู่เหนือหัวผู้คน!”
…
ท่ามกลางความตกตะลึงของคนทั้งหลายนั้นเย่หยวนก็ค่อยๆ เดินกลับเข้าเมืองไป
ได้เจอคนที่เอาแต้มเทพสงครามมาส่งถึงที่เช่นนี้เย่หยวนย่อมจะรู้สึกสุขใจอย่างมาก
สังหารล้างคนทั้งหกไปนั้นมันทำให้เขาได้แต้มเทพสงครามมาถึงสองร้อยสี่สิบเจ็ดแต้ม
และพร้อมๆ กันนั้นระดับของเขามันก็ได้เลื่อนขึ้นไปถึงระดับหนึ่งหมื่นหนึ่งพันสามร้อยยี่สิบแปด ขึ้นมากว่าพันระดับ
ส่วนอีกด้านพวกหยางเคอทั้งหลายนั้นได้กลับมาถึงยังจุดเกิดด้วยสีหน้าหมดสิ้นหวังใดๆ ในชีวิต
พวกเขา… ถูกกำจัดลงสิ้นอีกครั้งแล้ว!
พวกเขานั้นเพิ่งจะถูกกำจัดส่งกลับเมืองเมฆหนุนมา แต่กลับต้องถูกกวาดล้างลงอีกครั้ง!
เท่านี้ความเสียดายมันก็ยิ่งใหญ่เกินกว่าจะรับแล้ว
คนทั้งหลายนั้นแทบคลั่งเสียสติไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์สองดาวทั้งหลายที่แทบไม่อาจลุกขึ้นยืนได้
“ให้ตายสิ ตายครั้งก่อนนั้นข้าก็เสียแต้มเทพสงครามไปหลายร้อยแล้วแท้ๆ มาตายครั้งนี้อีกมันคงหมดสิ้นกันแล้ว!” เผิงหยางกล่าวขึ้นมาอย่างสิ้นหวัง
เขานั้นรู้สึกคับจุกอยู่ในอก ราวกับมันจะระเบิดออกมาเป็นเสี่ยงๆ
มันเหมือนกับเวลาปีนหน้าผาไปได้จนถึงครึ่งผา
แต่สุดท้ายมือกลับลื่นส่งร่างร่วงตกลงมาจนเกือบถึงพื้น
พลาดอีกครั้งเดียวก็คงได้กลับไปเริ่มต้นใหม่ทั้งหมด
สภาพเช่นนี้ใครจะยังอารมณ์ดีได้?
หยางเคอนั้นกล่าวขึ้นมาด้วยสีหน้าหวาดกลัว “เจ้าเด็กคนนั้นมันเก่งกาจจนเกินไป! ข้านั้นรู้สึกได้เลยว่ามันยังไม่ได้ใช้กำลังที่มีออกมาจริงๆ แต่ก็เอาชนะพวกเราได้สิ้น! ข้าว่าฝีมือที่แท้ของมันคงอยู่ในระดับแปดพันทีเดียว!”
นั่นทำให้สีหน้าของคนทั้งหลายถอดสีไปตามๆ กัน “ไม่มีทางน่า? ระดับแปดพันนั้นมันมีแต่เหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ขั้นกลางขึ้นไปสิ้น!”
หยางเคอตอบกลับไป “ไม่ต้องนึกถึงเรื่องอื่นเลย แค่กายทองคำสัมบูรณ์ระดับแปดของมันนั้นก็คงพอจะส่งขึ้นถึงระดับเก้าพันได้และหากมันยังมีฝีมือที่ปกปิดไว้อีก ข้าว่ามันคงขึ้นถึงระดับแปดพันได้แน่!”
เมื่อคนทั้งหลายได้ยินพวกเขาต่างก็ต้องสูดหายใจเข้าลึก
อีกคนหนึ่งจึงได้แต่ยิ้มแห้งๆ ออกมา “ทำไมเรามันอับโชคเช่นนี้ เกิดมาอีกครั้งก็ได้เจอหายนะเช่นนี้? เจ้าหมอนี่มันฝันร้ายชัดๆ ข้าไม่อยากจะจดจำถึงเรื่องนี้เลย!”
หยางเคอและพวกนั้นต่างได้แต่ยิ้มแห้งๆ อย่างขื่นขมในชะตากรรม
เรื่องครั้งนี้มันเป็นความทรงจำที่ไม่อยากจะจดจำ!
…
“เป็นโลกที่วิเศษเสียจริงๆ! กระแสการไหลของเวลาในนี้มันช้ากว่าโลกภายนอกไปนับร้อยเท่า! ข้านั้นมาถึงช้าไปหนึ่งปีแต่แท้จริงภายในนี้มันได้ผ่านไปถึงร้อยปีแล้ว! ด้วยเวลาถึงร้อยปีนี้มันคงเกิดยอดฝีมือขึ้นมากมายภายในนี้แล้ว”
เย่หยวนนั้นได้สัมผัสถึงว่าในมิติสงครามดึกดำบรรพ์กระแสเวลามันไหลช้ากว่าโลกภายนอก เทียบเคียงได้แค่หนึ่งในร้อยจากโลกภายนอก!
หากเขาได้บ่มเพาะในที่แห่งนี้ มันก็คงเท่ากับว่าเขาจะบ่มเพาะไปได้เร็วกว่าเก่าร้อยเท่า!
นี่มันคือสรวงสวรรค์สำหรับเย่หยวนอย่างแท้จริง
เขานั้นเบิกตากว้างขึ้น “หากข้าบรรลุแนวคิดแห่งกาลเวลาและสร้างที่เช่นนี้ขึ้นในเมืองอินทรีสวรรค์เพื่อให้เหล่านักหลอมโอสถทั้งหลายได้เรียนรู้เต๋าแล้วมันคงเพิ่มกำลังให้ฝ่ายเราได้อย่างมากล้น! ติดแค่ที่ว่าข้าไม่มั่นใจเลยว่าตนเองจะมีโอกาสได้บรรลุแนวคิดแห่งกาลเวลาในที่แห่งนี้หรือไม่!”
เวลานี้เหล่านักหลอมโอสถของฝ่ายมนุษย์มันไม่ค่อยจะมีค่าใด
แม้แต่ผู้นำฝ่ายมนุษย์อย่างจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้เองก็ยังไม่ได้คิดสนใจเหล่านักหลอมโอสถใดๆ
เพราะว่าเขานั้นรู้ดีว่าเต๋าโอสถมันตกต่ำไปแค่ไหน มันคงไม่มีประโยชน์ต่อสงครามสิ้นโลกได้มากมาย
แต่หากมีคนที่เข้าใจแนวคิดและบรรลุขึ้นถึงระดับของโอสถเต๋าแท้ได้มันคงทำให้เต๋าโอสถกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง ทำให้เผ่าเทวาทั้งหลายต้องสั่นกลัว!
คิดมาถึงตรงนี้เย่หยวนก็เริ่มตื่นเต้นขึ้นมาในใจ
แต่ไม่นานเขาก็ต้องจิตตกอีกครั้ง
เพราะแนวคิดแห่งกาลเวลานั้นมันยากที่จะเข้าใจเสียยิ่งกว่าแนวคิดแห่งห้วงมิติ!
แม้ว่าเขาจะเปิดประตูปานนี้ออกได้ตั้งแต่อยู่ในมิติผีไร้แดนแต่เขาก็ไม่อาจจะพัฒนามันได้เลยจนถึงทุกวันนี้
“ช่างเถอะ อย่าไปกังวลให้มากจะดีกว่า! เวลานี้ไปแลกเอาสมบัติวิญญาณจักรพรรดิเทพสวรรค์ออกมาและหาล่าแต้มเทพสงครามเพิ่มจะสมเหตุสมผลกว่า”
ทุกผู้คนที่มาถึงยังมิติสงครามดึกดำบรรพ์นี้จะได้มาตัวเปล่าสิ้น
เพราะว่าสมบัติใดๆ ที่มีติดตัวมา ร่างแยกนี้มันจะไม่ได้นำติดลงมาด้วย
หากอยากใช้สมบัติต่างๆ ในมิติสงครามดึกดำบรรพ์นี้พวกเขาก็ต้องไปทำการแลกโดยใช้แต้มเทพสงคราม
ภายในแต่ละเมืองนั้นมันจะมีโถงสมบัติวิญญาณ โถงโอสถและโถงต่างๆ อีกมากมายให้ผู้คนได้เอาแต้มเทพสงครามมาใช้
เพราะฉะนั้นแต้มเทพสงครามมันถึงได้สำคัญนักในมิติสงครามดึกดำบรรพ์
“นายท่านต้องการให้ข้าช่วยเรื่องใดหรือไม่?” เย่หยวนที่ก้าวเข้ามาถึงโถงสมบัติวิญญาณก็ได้เห็นว่ามีหญิงสาวรูปงานในชุดแดงฉานเดินออกมารับหน้าเขา
“ข้าต้องการดาบ!” เย่หยวนบอก
หญิงสาวชุดแดงผู้นั้นจึงได้ยิ้มรับและผายมือ “นายท่านเชิญทางนี้เจ้าค่ะ”
นางนั้นได้นำเย่หยวนมาถึงยังสถานที่ที่มีนามว่าศาลาดาบที่มีดาบมากมายหลายแบบห้อยแสดงอยู่ระยิบตา
หญิงชุดแดงนั้นยิ้มกล่าวขึ้น “นายท่าน ภายในศาลาดาบของเรานี้มันมีดาบมากมายหลายหมื่นแบบ ท่านเชิญเลือกได้ตามสะดวก”
เย่หยวนพยักหน้ารับก่อนจะหันไปมองดูแต่ก็ต้องสูดหายใจเข้าลึกอย่างตื่นตะลึง
เพราะราคาของดาบทั้งหลายนี้มันแพงล้ำ!
หากเขาใช้แต้มเทพสงครามราวสองร้อยแต้มไป เขาก็จะได้ดาบกลับมาแค่ประมาณสิบสองเล่ม
ที่สำคัญไปกว่านั้นคือมันมีแต่สมบัติวิญญาณจักรพรรดิเทพสวรรค์!
“คือ… ที่นี่มีสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์หรือไม่?” เย่หยวนถามขึ้นมาด้วยท่าทางเก้ๆ กังๆ
………………