Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 1852 เกือบพลาดครั้งใหญ่ไปแล้ว
ทุกคนหันหน้าขวับมามองพร้อมๆ กัน!
ยอดอัจฉริยะไร้เปรียบของตระกูลเล้ง ศิษย์แห่งคฤหาสน์พันทะยาน เล้งชิวหลิงกลับพูดจาขึ้นมาขัดพ่อของตัวเองไว้?
การเปลี่ยนแปลงนี้มันกะทันหันจนเกินรับ
“ชิวหลิง เจ้าว่าอย่างไรนะ?” เล้งหงซิ่วเองก็ตื่นตกใจจนต้องถามขึ้นมาย้ำอีกครั้ง
เขารู้ดีว่าลูกสาวของเขานั้นเป็นคนว่านอนสอนง่าย ไม่มีทางใดที่จะขัดขืนคำสั่งของเขาอย่างไร้เหตุผลแน่
นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?
เล้งชิวหลิงกล่าวขึ้นมา “เรื่องใดที่ผิดที่ถูก ทุกคนเองก็น่าจะรู้กันอยู่แก่ใจแล้ว สิ่งที่พี่เล้งห่าวทำนั้นมันไม่เหมาะสมกับตำแหน่งนายน้อยผู้สืบทอดตระกูลจริงๆ ท่านพ่อ ข้าขอเสนอว่าให้พี่เล้งซู่เขาอยู่ในตำแหน่งผู้สืบทอดต่อไปเถอะ”
ความเงียบงันเข้าปกคลุมอีกครั้ง!
ไม่มีใครคาดคิดว่าเล้งชิวหลิงจะกลับกล้าพูดเช่นนี้ออกมาต่อหน้าทุกผู้คน
ตอนนี้แม้แต่เล้งซู่เองก็ตกตะลึงอย่างมาก
เล้งชิวหลิงนั้นเข้าคฤหาสน์พันทะยานไปตั้งแต่ยังตัวเล็กๆ เขาย่อมไม่ค่อยได้พูดคุยพบปะกับนางมากนัก แน่นอนว่าสายสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองมันย่อมไม่ได้สนิทกันใดๆ
แต่ทำไมนางถึงได้ลุกขึ้นมาพูดปกป้องเขาเช่นนี้?
ส่วนด้านเล้งห่าวที่ได้ยินคำพูดของเล้งชิวหลิงนั้นก็ต้องเบิกตากว้างออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ
เพราะแม้จะเป็นฝัน เขาก็ไม่เคยคิดเคยฝันว่าเล้งชิวหลิงจะกล้าพูดอะไรเช่นนี้ออกมาในเวลาอย่างนี้!
ในสายตาของเขาแล้ว คนที่จะไม่ทรยศเขามากที่สุดมันย่อมเป็นพ่อลูกเล้งหงซิ่ว
แต่เล้งชิวหลิงกลับเป็นคนที่ลุกขึ้นมาพูดปิดฉากชีวิตของเขา!
แม้ว่าเล้งชิวหลิงจะเป็นแค่เด็กรุ่นใหม่ของตระกูลเหมือนๆ กับเขา แต่สถานะของนางนั้นมันเหนือล้ำกว่าที่จะเทียบเคียงกันได้
นางนั้นมิใช่แค่ความภาคภูมิใจของตระกูลเล้ง แต่นางนั้นคือความภาคภูมิใจของเมืองหลวงจักรพรรดิพันทะยานทั้งหมดทั้งสิ้น
เล้งชิวหลิงนั้นปกติแล้วย่อมไม่คิดจะมาสนใจเรื่องราวเล็กๆ ในตระกูลเล้ง สายตาและขอบเขตความคิดของนางนั้นมันเหนือล้ำกว่าเรื่องราวในระดับตระกูลเล้งไปแล้ว
แต่วันนี้นางกลับพูดขึ้น!
คำพูดของเล้งชิวหลิงนั้นมันหนักหนาสาหัสมีน้ำหนักมากกว่าเอาคำพูดของเหล่าผู้เฒ่าผู้อาวุโสทั้งหลายมารวมกันเสียอีก!
เล้งหงซิ่วได้แต่ขมวดคิ้วแน่นเมื่อนึกถึงสภาพของลูกสาวในตอนนั้นเขาก็เริ่มเข้าใจขึ้นมาได้ทันที
เย่หยวนคนนี้คงเป็นเย่หยวนคนนั้น!
เว้นเสียแต่ว่าเขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเด็กเย่หยวนคนนี้มีเบื้องหลังที่ใหญ่โตด้วย?
เพราะไม่เช่นนั้นมีหรือที่ลูกสาวของเขาจะทำการไม่ไว้หน้าพ่อต่อหน้าผู้คนเช่นนี้?
“ในเมืองหลิงเอ๋อว่าเช่นนั้น…” ในที่สุดเล้งหงซิ่วก็ยอมรับคำของลูกสาวและกำลังคิดจะประกาศผลออกมา
ตอนนี้ใบหน้าของเล้งห่าวนั้นซีดเผือดอย่างถึงที่สุด ความพยายามหลายต่อหลายปีของเขากลับไม่อาจเทียบคำพูดเดียวของเล้งชิวหลิงได้!
เขาไม่อยากยอมรับมัน!
“เดี๋ยวก่อน!” แต่เวลานั้นเองที่เล้งซู่กลับพูดขึ้นมาขัด
เล้งหงซิ่วขมวดคิ้วแน่นแต่ก็ยังปล่อยเล้งซู่กล่าวออกไป “พี่เล้งห่าว ข้าเคยบอกท่านไปแล้วว่าตำแหน่งนายน้อยใดๆ นี้ข้าไม่เคยคิดสนใจมัน! สิ่งที่ข้าให้ความสำคัญมากที่สุดคือครอบครัวและสหาย! น่าเสียดายที่ท่านพี่ของข้าที่ข้านับถือเหมือนเป็นพี่น้องท้องเดียวกันนั้นกลับทิ้งตัวห่างจากข้าไปเรื่อยๆ วันนี้ข้าไม่ได้มาสู้กับท่านเพื่อแย่งตำแหน่งนายน้อยใดๆ ข้าแค่จะมาเพื่อบอกทุกคนว่าข้าเล้งซู่ ไม่เคยคิดที่จะอยากได้ตำแหน่งนายน้อยผู้สืบทอดตระกูลนี้เลย จากวันนี้ไป ข้าเล้งซู่ขอสละตำแหน่งนายน้อยแห่งตระกูลเล้ง!”
เรื่องนี้มันทำให้ทุกคนมึนงงอย่างมาก
เมื่อทุกคนคิดไปแล้วว่าผลลัพธ์เรื่องใครจะเป็นนายน้อยมันได้เปลี่ยนไปเพราะคำพูดของเล้งชิวหลิง แต่จู่ๆ ตัวเล้งซู่กลับลุกขึ้นมาบอกว่าตัวเองจะสละตำแหน่งเสียอย่างนั้น
เย่หยวนมองดูภาพตรงหน้านี้ด้วยรอยยิ้ม
เขารู้ดีว่าคนที่กล้าทำอย่างเล้งซู่นี้มันมีไม่มาก
เพราะอย่างไรเสียการได้เป็นนายน้อยของตระกูลใหญ่มันก็เท่ากับว่าจะได้ทรัพยากรต่างๆ มากมาย เรื่องนี้คงไม่มีใครจะรู้ดีไปกว่าเล้งซู่แล้ว
แต่เขานั้นกลับปฏิเสธมัน โดยไม่คิดจะขัดขืนแย่งชิงใดๆ
ในสายตาของเย่หยวนแล้วไม่ว่าจะเป็นทรัพยากรการบ่มเพาะใดๆ มันก็ย่อมไม่สำคัญเท่าเส้นทางที่คนใช้เดินด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะมีทรัพยากรมากมายแค่ไหน มันก็ไม่มีทางเลยที่จะสำคัญเท่าเส้นทางชีวิตของคน
พลังที่แท้จริงคือพลังของตน!
เว้นเสียแต่ว่าเรื่องเช่นนี้มันมีคนเข้าใจแค่ไม่กี่คน
เล้งชิวหลิงเองก็เบิกตากว้างเช่นกัน ดูท่าแล้วนางคงตื่นตะลึงในการกระทำของเล้งซู่ไม่น้อย
สายตาของนางนั้นมันมองข้ามคำว่าตระกูลเล้งไปนานแสนนานแล้ว
ที่นางลุกขึ้นมาพูดเช่นนี้ทั้งหมดนั้นมันก็เพราะว่าเห็นแก่หน้าเย่หยวนเท่านั้น
นางไม่คิดไม่ฝันว่าแท้จริงแล้วเล้งซู่จะไม่ได้สนใจตำแหน่งนายน้อยนี้แม้สักนิด
จู่ๆ เล้งชิวหลิงก็รู้สึกขำขึ้นมาในใจ คนแบบเดียวกันมันย่อมดึงดูดกันเสมอ
หากเป็นเย่หยวน เขาก็คงทำเช่นนี้เหมือนกันใช่ไหม?
แม้ว่านางจะไม่ได้รู้จักเย่หยวนมากมาย แต่นางก็พอรู้สึกได้ว่าเขาเองก็เป็นคนที่หัวรั้นไม่ยอมใคร เป็นอิสระไม่ชอบการผูกมัด
ไม่ว่าจะเป็นฐานะยิ่งใหญ่ใดๆ ก็ไม่อาจรั้งคนเช่นนี้ไว้ได้
หลังจากเงียบกันไปพักใหญ่ ในที่สุดเล้งหงซิ่วก็พยักหน้าออกมา “ช่างเถอะ แยกย้ายกันได้ ตำแหน่งนายน้อยนั้นเราค่อยมาคุยกันในวันหลัง!”
เมื่อผู้นำตระกูลบอกกล่าวเช่นนั้นทุกคนต่างก็แยกย้ายกันไป เหลือเพียงเล้งห่าวที่นั่งเหม่ออยู่ตรงนั้น
คำพูดสุดท้ายของเล้งซู่มันทำให้ทั้งร่างของเขาต้องสั่นสะท้าน
กลายเป็นว่าคนที่ทำให้เรื่องง่ายกลายเป็นยากนั้นมันคือตัวเขาเอง
กลายเป็นว่าตำแหน่งนายน้อยของตระกูลนั้นสามารถตกมาอยู่กับเขาได้อย่างง่ายดาย แต่ตอนนี้มันกลับกลายเป็นความว่างเปล่า
กลายเป็นว่าเล้งซู่นั้นไม่ได้สนใจตำแหน่งนายน้อยใดๆ ทั้งสิ้นจริงๆ!
กลายเป็นว่าความพยายามทั้งหลายของเขานั้นเป็นได้แค่เรื่องตลก!
…
“ท่านพ่อจะถามข้าเรื่องที่ว่าทำไมข้าถึงได้ห้ามไม่ให้ท่านจัดการกับเย่หยวนใช่หรือไม่?” เล้งชิวหลิงย่อมมองความไม่พอใจของพ่อตนออกและเริ่มพูดเปิดบทสนทนาทันที
เล้งหงซิ่วนั้นไม่ว่าจะอย่างไรก็เป็นถึงผู้นำตระกูล เมื่อถูกลูกสาวแท้ๆ ของตนมาทำเช่นนี้ใส่เขาจึงอับอายจนแทบไม่มีหน้าจะไปไว้ที่ไหนอีกแล้ว!
แต่กับเล้งชิวหลิง เล้งหงซิ่วย่อมมีความอดทนอดกลั้นสูงมากเขาจึงตอบกลับไปด้วยใบหน้าเครียดๆ “เด็กที่ชื่อเย่หยวนนี้เจ้ารู้จัก?”
เล้งชิวหลิงพยักหน้ารับ
“เจ้าเด็กคนนี้มันมีที่มาอย่างไร? ถึงขั้นทำให้เจ้าต้องลุกขึ้นมาปกป้องเช่นนี้ได้!”
เล้งชิวหลิงนั้นเล่าเรื่องราวที่นางได้พบเจอบนเขาแห่งถงเทียนในคราวนั้นออกมาทำให้ใบหน้าของเล้งหงซิ่วขาวซีดลงทันที
“เจ้าหมายความว่า… เด็กคนนี้อาจจะเป็นอัจฉริยะภายใต้การดูแลของจักรพรรดิเทพสวรรค์?” เล้งหงซิ่วถามขึ้นอย่างตื่นตกใจ
เล้งชิวหลิงส่ายหัว “ข้าเองก็ไม่แน่ใจ แต่พลังฝีมือของเฒ่าขี้เมาคนนั้นท่านพ่อน่าจะเคยได้ยินมาบ้างใช่ไหม? แต่เขากลับลุกขึ้นมาปกป้องเด็กหนุ่มที่ยังไม่บรรลุอาณาจักรราชันพระเจ้าเสียด้วยซ้ำ มันจะไม่น่าสงสัยเกินไปหรือ? ที่สำคัญร่างกายของเขายังมีแต่ความลับเก็บซ่อนเต็มไปหมด มันมากจนทำให้ผู้คนไม่อาจประเมินเขาได้ คนเช่นนี้ไม่ว่าอย่างไรเราก็ไม่ควรไปทำการลบหลู่ท้าทายเขา!”
ยิ่งเล้งหงซิ่วได้ยินเขายิ่งตื่นตกใจมากขึ้น การทำให้ลูกสาวของเขาพูดออกมาได้ขนาดนี้มันย่อมหมายความว่าเด็กคนนี้ไม่ธรรมดามากจริงๆ
มีหรือที่อัจฉริยะทั่วๆ ไปจะสำเร็จวิชาเคลื่อนย้ายมิติได้?
ยิ่งเขาคิด มันก็ยิ่งทำให้เล้งหงซิ่วตื่นตระหนก หากเย่หยวนมาจากการดูแลของจักรพรรดิเทพสวรรค์จริงๆ หรือบางทีอาจจะอยู่ใต้การดูแลของเต๋าบรรพกาล ผลที่ตามมาหากไปลงมือทำอะไรเข้ามันคงเหนือล้ำเกินคาดเดาได้!
“นี่มัน… ทำไมเจ้าไม่บอกพ่อให้เร็วกว่านี้?! พ่อเกือบพลาดครั้งใหญ่ไปแล้ว!” เล้งหงซิ่วบอก
เล้งชิวหลิงจึงตอบกลับมา “ข้าเองก็ไม่รู้มาก่อนเหมือนกันว่ามันเป็นเขา จริงๆ แล้วข้าก็ไม่นึกไม่ฝันด้วยว่าเวลาแค่ไม่กี่ร้อยปีเย่หยวนเขาจะบ่มเพาะได้ถึงขั้นนี้! เพราะตอนที่ข้าเจอเขาบนเขาแห่งถงเทียนนั้นเขายังไม่ทันบรรลุอาณาจักรราชันพระเจ้าเสียด้วยซ้ำ!”
ตอนนั้นเล้งชิวหลิงได้พบเจอเย่หยวนตอนที่เขายังติดอยู่บนยอดของอาณาจักรบรรพชนพระเจ้า
ด้วยความเร็วการบ่มเพาะของเล้งชิวหลิง นางย่อมสามารถทิ้งห่างจากคนธรรมดาทั่วไปได้หลายช่วงตัว
แต่เย่หยวนคนนี้กลับสามารถร่นระยะห่างนั้นมาได้จนเหลือแค่ไม่มากด้วยเวลาแค่ไม่กี่ร้อยปี
นภาสวรรค์ห้าดาวและนภาสวรรค์สองดาวนั้นมันฟังดูแตกต่างกันอย่างมากเมื่อคนทั่วๆ ไปได้ยิน
แต่สำหรับเย่หยวนแล้วมันคงไม่มีคำว่าทั่วไป
เพราะเย่หยวนนั้นสามารถเตะเล้งห่าวที่มีพลังบ่มเพาะอาณาจักรนภาสวรรค์สี่ดาวจนปลิวได้ด้วยกระบวนท่าเดียวบนสังเวียนนั้น!
…………………………