Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 2765 ตะลึง
เย่หยวนยังพูดไม่ทันขาดคำหยูไห่เจิ้งก็ก้าวเข้ามาหยุดเขาไว้
“อะไร? เจ้านำคนพันธมิตรโอสถมาแล้วคิดจะหนีไปหรือ?” หยูไห่เจิ้งนั้นกล่าวขึ้นมาด้วยรอยยิ้มเย็นเยือก
จังหวะนั้นมันพอดีจนเกินไป พวกเขานั้นแค่มาถึงพันธมิตรโอสถก็มาตามทันที มันย่อมไม่แปลกที่คนพันธมิตรเลือดจะเกิดความสงสัยขึ้น
เพราะตัวเย่หยวนเองก็ระวังตัวมาตลอดทาง
จิตของเขานั้นมันแผ่ออกไปได้กว้างไกลต่อให้จะเป็นจักรพรรดิเซียนที่ติดตามพวกเขามามันก็คงไม่อาจหลบพ้นการตรวจหาของเย่หยวนได้
เพราะฉะนั้นเย่หยวนจึงมั่นใจได้ในวินาทีที่มาถึงว่าฐานของพันธมิตรเลือดนั้นได้ถูกเปิดเผยไปสิ้นแล้ว
แท้จริงแล้วด้วยกำลังของพันธมิตรโอสถในตอนนี้หากพวกเขาคิดจัดการพันธมิตรเลือดลงจริงๆ มันคงไม่ต่างอะไรจากการบี้เห็บเหา มีหรือที่พวกเขาจะไม่อาจตามหาคนเหล่านี้ได้เจอ?
เหตุผลเดียวที่พันธมิตรโอสถนั้นปล่อยให้พวกเขาทำตามใจชอบก็เพื่อจะล่อเหล่าผู้ต่อต้านทั้งหลายให้มารวมตัวกันก่อนสังหารลงรวดเดียวให้สิ้น
หากเย่หยวนเป็นผู้นำทางพันธมิตรโอสถเขาก็คงใช้วิธีนี้เช่นกัน
แทนที่จะไล่ทำลายผู้ต่อต้านที่แตกกระจายทั่วแผ่นดิน สู้ให้พวกเขามารวมกลุ่มกันเป็นก้อนก่อนจะตัดทิ้งไปรวดเดียวจะดีกว่า
และตัวเย่หยวนนั้นก็แค่มาได้อย่างถูกที่ถูกเวลาเท่านั้น
เย่หยวนได้แต่ต้องส่ายหัวออกมา “พี่หยูเข้าใจผิดแล้ว ที่แห่งนี้มันถูกเปิดเผยมาแต่แรกแล้ว พวกท่านไปเตรียมกำลังคนย้ายถิ่นฐานเถอะ”
พูดจบเย่หยวนก็หายไปจากจุดที่ยืนอยู่ทันทีทิ้งให้หยูไห่เจิ้งได้แต่ต้องอ้าปากค้าง
บ้าไปแล้ว!
ตัวเย่หยวนในตอนนี้มีกฎแห่งห้วงมิติระดับสี่ขั้นปลาย มีหรือที่คนอย่างหยูไห่เจิ้งนั้นจะหยุดเขาไว้ได้?
หยูไห่เจิ้งนั้นผงะอ้าปากค้างก่อนจะหันหน้ามองดูรอบๆ แต่ก็ไม่พบแม้แต่เงาของเย่หยวนแล้ว
หยูไห่เจิ้งนั้นร้องลั่นขึ้นมาทันที “หลัวหยุนชิง ดูสิว่าเจ้าทำอะไรลงไป! เรานั้นเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายด้วยกันมากว่าร้อยปีแต่เจ้ากลับไปชักศึกเข้าบ้านจนทำพี่น้องเราฉิบหายไปหมด!”
โจวหยุนเซียงเองก็ได้แต่ต้องกัดฟันยิ้มขึ้นมาตาม “เฮอะๆ หลัวหยุนชิง เจ้าดีจริงๆ! เจ้ากลับกล้าชักดาบเจ้าใส่ข้า!”
แต่ตอนนี้เป็นตัวหลัวหยุนชิงที่ใจเย็นลงแล้วกล่าวขึ้น “พี่น้องทั้งสอง มันเป็นข้าที่ใจร้อนไป! แต่หากจะบอกว่าเย่หยวนนั้นหักหลังนิกายสรรค์ยุทธมั่นนั้นต่อให้ตายข้าก็ไม่ขอเชื่อ! แต่ตอนนี้เราถูกยอดศัตรูล้อมไว้แล้วจะมาเสียเวลาเถียงกันไม่ได้อีก! พี่น้องทั้งสองของข้า เวลานี้มาร่วมมือกันผ่านวิกฤตตรงหน้ากันก่อนเถอะ! ตอนนี้พวกเจ้าบุกฝ่าออกไปพร้อมข้าแล้วข้าจะทำทุกทางเพื่อถ่วงเวลาเหล่าจักรพรรดิเซียนครึ่งก้าวทั้งหลายเอง! พวกเจ้าจงพาพี่น้องของเราฝ่าวงล้อมออกไปให้ได้ ใครจะรอดหรือตายมันก็คงได้แต่ต้องพึ่งดวงแล้ว!”
ได้ยินคำของหลัวหยุนชิงหยูไห่เจิ้งและโจวหยุนเซียงต่างก็เข้าใจทันทีว่าเรื่องตรงหน้านี้มันสำคัญที่สุด
การมาเถียงกันต่อตอนนี้มีแต่จะเท่ากับรนหาที่ตาย
คนทั้งสองพยักหน้ารับก่อนจะส่งสัญญาณเรียกคนทั้งหลายออกมาจัดทัพบุกฝ่าออกไป
การที่พันธมิตรเลือดอยู่มาได้จนถึงป่านนี้มันย่อมจะไม่ได้เกิดขึ้นมาลอยๆ
ทหารนับพันนั้นเข้ามาจัดแถวกันอย่างรวดเร็ว หลัวหยุนชิงนั้นนำออกไปโดยมีเหล่าทหารที่พร้อมตายตามหลัง ดูท่าแล้วพวกเขาคงเตรียมสู้จนตัวตายแน่นอน
หลัวหยุนชิงนั้นหรี่ตาลงก่อนจะร้องลั่นปลุกขวัญขึ้น “บุก!”
“บุก!”
หลัวหยุนชิงนั้นพุ่งตัวออกมาจากมิติลับเป็นคนแรก แต่ในเวลานั้นเองมันกลับมีอีกเงาร่างหนึ่งยืนอยู่ที่ใต้น้ำตก
เย่หยวนหันมามองคนทั้งหลายด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า “เตรียมของกันเสร็จแล้วหรือ? พอดีเลย ที่แห่งนี้มันอยู่นานไปคงไม่ดี เราไปกันเถอะ”
คนทั้งหลายได้แต่ต้องหันมามองหน้ากันโดยเฉพาะตัวหยูไห่เจิ้งและโจวหยุนเซียงที่มึนงงอย่างถึงที่สุด ทำไมเจ้าหมอนี่ถึงกลับมา หากมันเป็นคนทรยศแล้วจะกลับมาทำไม หากมิใช่แล้วทำไมถึงไม่มีร่องรอยบาดแผลใดๆ ของการต่อสู้เลยเล่า มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกันแน่ แล้วพวกหน่วยสอดแนมไปไหนกันหมด ทำไมถึงไม่ออกมาตามขบวนทัพ?
“เย่หยวน เจ้าจะกลับมาทำไม? ด้วยความเร็วของเจ้านั้นเจ้าน่าจะหนีไปเองได้ รีบๆ ไปได้แล้ว!” หลัวหยุนชิงได้แต่ต้องร้องไล่ไป
แต่เย่หยวนนั้นกลับยิ้มตอบไปด้วยท่าทางสบายๆ “ข้าย่อมจะมานำทางพวกท่านแล้ว ไปกันเถอะ”
พูดจบเย่หยวนก็เดินออกมาจากหลังน้ำตกใหญ่ หลัวหยุนชิงนั้นต้องหรี่ตามองก่อนจะตามออกไป เมื่อผ่านทางเข้าออกมาแล้วหลัวหยุนชิงก็เร่งพลังจนถึงที่สุดเตรียมเข้าปะทะทุกเมื่อ แต่ไม่นานเขาก็ต้องผงะไป เพราะมันไม่มีศัตรูรออยู่ภายนอกแม้แต่คนเดียว
ฟุบ! ฟุบ! ฟุบ!
เหล่าคนพันธมิตรเลือดนั้นต่างค่อยๆ โผล่หน้าออกมาเรื่อยๆ แต่พวกเขาต่างก็ต้องอ้าปากค้างไปตามๆ กัน มิใช่ว่าพวกเขาโดยล้อมหรือ ไหนว่ามันมียอดฝีมือนับไม่ถ้วนล้อมไว้แล้วคนหายไปไหนกันหมด ในเวลานั้นเองที่มันได้มีหน่วยสอดแนมคนหนึ่งวิ่งกลับมา
โจวหยุนเซียงร้องขึ้นมาเมื่อได้เห็น “หวังชุน! พวกเจ้าหายหัวไปไหนกันหมด?”
หวังชุนนั้นยิ้มแห้งๆ ตอบกลับไป “รองผู้นำโจว มะ เมื่อกี้ ข้าแค่ตะลึงจนลืมที่จะมารายงานท่านเท่านั้น”
โจวหยุนเซียงนั้นได้แต่ต้องขมวดคิ้วแน่นเพราะสมาชิกพันธมิตรเลือดนั้นต่างเป็นนักรบชาญศึก มีหรือที่จะไปเจออะไรที่ทำให้ต้องตกตะลึงจนลืมหน้าที่เช่นนี้ได้?
แล้วอะไรกันเล่าที่มันทำให้ทหารชาญศึกอย่างหวังชุนตกตะลึงได้ปานนั้น เขาอดไม่ได้ที่จะหันมองเย่หยวนก่อนจะคิดขึ้นมาว่าคงมิใช่เจ้าหมอนี่ไปทำอะไรไว้หรอกนะ แต่มันจะเป็นไปได้หรือ?
จักรพรรดิหยกขั้นปลายคนหนึ่งมันจะทำอะไรได้มากมายแต่หวังชุนนั้นรีบก้มหัวลงต่อหน้าเย่หยวนด้วยท่าทางกลัวๆ
“ตอน…ตอนที่นายท่านผู้นี้ออกมานั้นท่านก็ได้สังหารเหล่าจักรพรรดิเซียนครึ่งก้าวทั้งหลายลงในเวลาไม่ถึงสิบอึดใจ! กองทัพพันธมิตรโอสถนั้นจึงแตกพ่ายหนีกันไปคนละทิศทางทันที นายท่านนั้นตามล่าพวกมันไปจนสุดขอบฟ้าสังหารเหล่าจักรพรรดิหยกของอีกฝ่ายลงมากมาย…”
เงียบกริบ!
เจ้าเล่านิทานจากหนังสือเล่มไหนอยู่?
จักรพรรดิหยกขั้นปลายนั้นกลับสังหารจักรพรรดิเซียนครึ่งก้าวกว่าสิบคนลงในเวลาแค่สิบอึดใจ?
โจวหยุนเซียงที่ได้ยินจึงร้องขึ้นอย่างไม่พอใจ “หวังชุน เจ้าพูดไร้สาระอะไรของเจ้า? เจ้าหมายความว่าเขาคนนี้สังหารกองทัพพันธมิตรโอสถด้วยตัวคนเดียวหรือ?”
หวังชุนได้แต่ต้องทำหน้าเหยเกตอบกลับไป “ปะ เป็นเช่นนั้นขอรับ!”
เย่หยวนยิ้มรับขึ้นอย่างไม่คิดมาก “แล้วศพพวกมันเล่าเก็บมาหรือยัง?”
หวังชุนพยักหน้ารับทันที “พี่น้องเรานั้นกำลังไล่เก็บมาขอรับ น่าจะใกล้เสร็จแล้ว นายท่านเชิญทางนี้!”
เย่หยวนพยักหน้ารับก่อนจะเดินตามออกไป
ศพของยอดฝีมือชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิเซียนครึ่งก้าวนั้นย่อมจะมีสมบัติติดตัวอยู่ไม่น้อย สำหรับกองกำลังระดับพันธมิตรเลือดแล้วมันย่อมจะมีค่ามาก ไม่นานศพของคนทั้งหลายมันก็ได้ปรากฏแก่สายตาของคนทั้งหลาย นั่นมันทำให้เกิดความเงียบงันขึ้นมาอีกครั้ง!
“หลี่ชวน! ชาเมิง! ยางหนาน! พวกมัน…พวกมันตายลงสิ้น…” โจวหยุนเซียงนั้นมองดูศพทั้งสามร่างตรงหน้าด้วยความตกตะลึงจนแทบสิ้นสติ
พวกมันทั้งสามนี้คือจักรพรรดิเซียนครึ่งก้าวที่ต่อสู้กับพวกเขามาหลายครา
พันธมิตรเลือดนั้นต้องสูญเสียไปมากมายเพราะว่าพวกมันทั้งสามนี้!
เวลานี้พวกมันกลับตายลงสิ้น!
“ฮ่าๆๆ…”
แต่เป็นตัวหลัวหยุนชิงที่หัวเราะขึ้นมา “เย่หยวน เจ้าทำให้ข้าได้เปิดหูเปิดตาอีกแล้ว! เจ้าเด็กคนนี้ ซ่อนฝีมือไว้ลึกล้ำนัก!”
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “ก็ท่านไม่ได้ถาม!”
พูดไปเขาก็หันไปมองโจวหยุนเซียงด้วยรอยยิ้ม “พี่โจว พี่หยู ทีนี้ข้าคงพิสูจน์ตัวว่ามิใช่คนทรยศแล้วใช่หรือไม่?”
โจวหยุนเซียงได้แต่ต้องยิ้มแห้งๆ ตอบกลับมา “แน แน่นอน!”
เวลานี้เขาแทบจะอยากมุดดินหนีไปให้พ้นๆ หน้าเสีย ตั้งแต่ต้นนั้นตัวเขาเอาแต่ตั้งแง่กับเย่หยวนมาตลอด จากนั้นยังมีหน้าไปบอกว่าเย่หยวนนั้นทรยศและพาพันธมิตรโอสถมาถล่ม แต่เวลานี้ภาพตรงหน้ามันได้พิสูจน์ทุกสิ่งอย่างแล้วว่าเย่หยวนเป็นผู้กอบกู้ต่างหาก!
วันนี้หากไม่ได้เย่หยวนพันธมิตรเลือดนั้นมันคงเหลือไว้แค่นาม ส่วนตัวหยูไห่เจิ้งนั้นยิ่งกลัวจนเหงื่อไหลท่วมกาย ก่อนหน้านี้ตัวเขานั้นกลับคิดลงมือต่อเย่หยวน
เย่หยวนสังหารจักรพรรดิเซียนครึ่งก้าวนับสิบลงในสิบอึดใจ เช่นนั้นแล้วหากเย่หยวนคิดสังหารเขาลงสักคนไม่คงไม่ต้องถึงชั่วอึดใจเลย
จักรพรรดิหยกขั้นปลายมันน่ากลัวขนาดนี้ได้ด้วยหรือ?
“น้อง…ท่านเย่ เมื่อสักครู่มันเป็นหยูผู้นี้ที่มีตาหามีแววไม่ หวังว่าท่านเย่นั้นจะไม่ถือสามันแก่ใจ!” หยูไห่เจิ้งนั้นได้แต่ต้องกล่าวขึ้นมาด้วยปากสั่นๆ
เย่หยวนนั้นยกมือขึ้นมาโบกปัดไปด้วยรอยยิ้ม “พี่ๆ ทั้งสองไม่ต้องทำท่าเช่นนั้นหรอก พันธมิตรเลือดนั้นต้องเอาตัวรอดจากการตามล่าจะระวังตัวมากไปหน่อยมันก็มิใช่เรื่องแปลก แท้จริงแล้วที่ข้ามายังพันธมิตรเลือดนี้ข้าก็ไม่ได้จะมารับตำแหน่งผู้นำใดๆ ด้วย แต่ข้านั้นมาเพื่อเชิญพี่หลัวกับพวกท่านไปยังเขาหมื่นอสูรต่างหาก แต่ดูท่าตอนนี้ฐานของพวกท่านถูกตรวจเจอไปแล้วให้คนอื่นๆ อยู่ต่อไปคงเท่ากับรนหาที่ตาย ทำไมพวกเราทั้งหลายไม่เดินทางไปเขาหมื่นอสูรกับข้าเล่า?”
เมื่อคนทั้งหลายได้ยินเช่นนั้นพวกเขาก็ต้องผงะหน้าถอดสีไปตามๆ กัน
หลัวหยุนชิงนั้นกล่าวขึ้นมาอย่างตกตะลึง “เย่หยวน เขาหมื่นอสูรนั้นมันเป็นดินแดนของพวกภูติแท้ มียอดฝีมืออยู่ในนั้นนับไม่ถ้วนแม้แต่เหล่าจักรพรรดิเซียนเองก็มีอยู่ไม่น้อย! เราทั้งหลาย…จะไปได้หรือ?”
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “วางใจเถอะน่า ข้าจะคิดร้ายกับท่านด้วยหรือ?”
………………….