Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 2411 หลอก!
เมื่อมีบุตรเทวะตัวจริงตายลงต่อหน้าเช่นนั้นจิตใจของเหล่าทหารย่อมจะตกต่ำ มีหรือที่ทัพบุตรเทวะใดๆ นั้นจะยังเทียบเคียงกับพลังของทัพมนุษย์ได้?
พวกเขานั้นไม่อาจจะต้านทานได้แต่ตายตกลงไปตายๆ กัน
การแตกสลายของกองทัพนี้มันลามลุกเหมือนไฟที่ไหม้มอดทำให้ทัพบุตรเทวะนั้นแตกแยกออกจากกันเสียพลังการต่อสู้กลับไปอย่างสิ้นเชิง
ส่วนทางด้านทัพมนุษย์นั้นได้รับแรงผลักจากการลงมือของเย่หยวน แต่ละผู้คนนั้นต่างใช้พลังฝีมือออกมาเหนือล้ำทำลายล้างทัพบุตรเทวะอย่างไร้ปรานี
ทัพบุตรเทวะนั้นแตกสลายแยกย้ายหนีไปคนละทิศทางทั่วฟ้าดิน ไม่มีใครสนมานั่งนับว่าใครรอดใครตายอีกต่อไป
เวลานี้ทัพบุตรเทวะที่ว่าแข็งแกร่งนั้นมันถูกทำลายตายตกลงไม่มีหยุดพัก
ในกองทัพที่ยิ่งใหญ่นั้นมันมีตัวหยวนเจี่ยวที่กำลังมุ่งหน้าหนีไป พยายามจะหาทางหลบ
แต่ตอนที่เขากำลังหายใจโล่งอกคิดว่าเย่หยวนมันทันได้เห็นเขานั้นเอง
ที่มันกลับเกิดรอยร้าวมิติขึ้นต่อหน้าก่อนจะปรากฏเงาร่างหนึ่งเดินมาดักไว้
“สหายเก่าแก่ได้เจอหน้าแล้วจะไม่พูดทักทายกันเสียหน่อยหรือ?”
เย่หยวนนั้นกล่าวขึ้นมาด้วยเสียงราบเรียบแต่ตัวหยวนเจี่ยวนั้นกลับขนลุกตั้งไปทั้งกาย
เขาสัมผัสได้ถึงจิตสังหาร!
“เจ้า… ต้องการอะไร?” หยวนเจี่ยวถอยหลังกลับมาด้วยใบหน้าขาวซีดเปี่ยมความกลัว
“ข้าอยากได้อะไร? หึๆ ท่านหยวนเจี่ยว ท่านไม่รู้หรือว่าข้าต้องการอะไร? ตอนนั้นท่านแย่งชิงตัวลี่เอ๋อไปจากข้า ท่านคงไม่คิดฝันว่าวันหนึ่งมันจะกลับกลายมาเป็นเช่นนี้ใช่หรือไม่?” เย่หยวนถามขึ้นด้วยรอยยิ้มเย็นเยือก
หยวนเจี่ยวในตอนนั้นดูถูกทุกสิ่งอย่างในโลกหล้า มีหรือที่จะมาสนใจคำขู่ใดๆ ของเทพสวรรค์ตัวน้อย?
ต่อให้เขาจะต้องบาดเจ็บสาหัส แต่เขาก็ย่อมจะคิดว่าตัวเย่หยวนนั้นคงพิการไม่อาจฟื้นฟูได้อีก
แต่เวลาเปลี่ยนสถานการณ์มันก็เปลี่ยน ตัวเย่หยวนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขานี้มันสามารถผสานสามยอดแนวคิดเข้าด้วยกันได้และสังหารบุตรเทวะเต๋าสวรรค์เก้าลายลงด้วยดาบเดียว
ตัวเขานั้นกลับได้กลายเป็นแค่มดปลวกต่อหน้าเย่หยวนไป
เมื่อคนที่เราเคยก้มหน้าว่าก้าวขึ้นมาอยู่สูงเหนือหัวเราไป มันย่อมจะทำให้เกิดความรู้สึกคับแน่นอยู่ในอก
เมื่อพูดถึงลี่เอ๋อขึ้นมาตัวหยวนเจี่ยวก็ทำสีหน้าเหมือนเห็นฟางเส้นสุดท้าย “เย่หยวน เจ้ากล้าสังหารข้าหรือ? เจ้าไม่อยากรู้หรือว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเยวี่ยเมิ่งลี่? ข้าจะบอกเจ้าให้ หากข้าตายลงนางเองก็ย่อมจะต้องตายด้วย!”
เย่หยวนที่ได้ยินต้องขมวดคิ้วแน่นด้วยความกังวล
หยวนเจี่ยวที่ได้เห็นยิ้มกว้างขึ้นมาพร้อมพูดต่อ “ข้าจะบอกให้ เยวี่ยเมิ่งลี่นั้นไม่ยอมเป็นบุตรีเทวะเสียทีจนเวลานี้ถูกขังไว้ในคุกของตระกูลสายเลือดลึก มันเป็นข้านี้ที่พูดกล่อมเหล่าผู้อาวุโสทั้งหลายในตระกูลให้รักษาชีวิตนางไว้ หากข้าตายแล้วนางก็ย่อมจะตายตกลงไปด้วยในไม่ช้าแน่!”
สีหน้าของเย่หยวนที่ได้ยินนั้นเปลี่ยนสีไปทันที ความกังวลหนักหน่วงปรากฏขึ้นมา
หลายปีมานี้เขาย่อมจะกังวลแต่เรื่องของลี่เอ๋ออยู่ลึกๆ ในใจแต่ด้วยกำลังของเขานั้นมันย่อมจะไม่มีทางใดที่จะบุกเข้าดินแดนของเผ่าเทวาได้
เวลานี้เมื่อได้เห็นหยวนเจี่ยวอีกครั้งเขาย่อมจะคิดถามหาเรื่องราวของหลี่เอ๋อ
“บอกข้ามา ลี่เอ๋อเป็นอย่างไรบ้าง?” เย่หยวนถามขึ้น
หยวนเจี่ยวนั้นยิ้มรับ “เข้าก็รู้นิสัยของเยวี่ยเมิ่งลี่ดี นางนั้นปฏิเสธไม่ยอมจะเป็นบุตรีเทวะไม่ว่าด้วยเหตุผลใด! นิสัยของนางนั้นมันดื้อรั้นจนไม่อาจจะโน้มน้าวได้จนทำให้เกิดการถกเถียงใหญ่โต เหล่าบรรพกาลทั้งหลายในเผ่านั้นต่างไม่พอใจคิดสั่งฆ่านางให้ตายลง! แต่ว่าพรสวรรค์ของนางนั้นมันเหนือล้ำ ข้าจึงได้ใช้เหตุนี้ในการกล่อมเหล่าบรรพกาลทั้งหลายให้ปล่อยชีวิตนางไว้ก่อน! เวลานี้นางถูกขังอยู่ภายในคุกของตระกูล หากข้าตายลงไปแล้วนางเองก็คงถูกสังประหารในอีกไม่เกินครึ่งปีแน่!”
เย่หยวนขมวดคิ้วแน่น “แค่คนอย่างเจ้านี้ก็มีปากมีเสียงในตระกูลปานนั้น?”
หยวนเจี่ยวหัวเราะขึ้นมา “ข้าย่อมไม่มี แต่พ่อข้านั้นต่างหากที่มี! พ่อข้านั้นคือยอดฝีมืออาณาจักรเต๋าสวรรค์เก้าลายขั้นกลาง เขานั้นมีอำนาจในตระกูลอยู่ไม่น้อย!”
เมื่อเย่หยวนได้ยินนั้นมันก็ปรากฏความกังวลขึ้นในสายตา
อย่างที่คนเขาว่ากัน ความรักมันทำให้คนตาบอด ต่อให้เย่หยวนจะมีความคิดสูงล้ำปานใดแต่เครื่องรางตรงหน้ามันก็ยังทำให้เขาไม่อาจจะลงมือผลีผลามได้
หยวนเจี่ยวนั้นไม่คิดสนใจการขัดขวางของเย่หยวนใดๆ เดินผ่านหน้าไปก่อนจะกล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ว่าอย่างไรเล่า? ข้าจะไปแล้วนะ เจ้าจะไม่หยุดหรือ?”
พูดจบเขาก็เดินไปด้วยเสียงหัวเราะลั่น
เย่หยวนนั้นไม่ได้หยุดเขาลงใดๆ ปล่อยให้อีกฝ่ายได้ไปตามสบาย
หยวนเจี่ยวนั้นเดินผ่านมาอย่างไม่คิดสนใจท่าทางใดๆ ของเย่หยวนแม้แต่น้อย
แต่จากนั้นไม่นานเมื่อออกจากเขตสนามรบได้เขาก็รีบพุ่งตัวสุดแรงเกิด
ที่เขาพูดไปก่อนหน้านี้มันไม่มีสิ่งใดเป็นความจริง มันเป็นคำโกหกที่เขากุขึ้นมาเพื่อหาทางรอดสิ้น
เขานั้นรู้ดีว่าเย่หยวนนั้นรักเยวี่ยเมิ่งลี่หนักหนาปานใดถึงขั้นยอมทิ้งชีวิตเพื่อนาง เมื่อได้ยินว่าชีวิตของเยวี่ยเมิ่งลี่กำลังแขวนอยู่บนเส้นด้ายเขาย่อมจะไม่กล้าลงมือใดๆ
ในความเป็นจริงตัวเยวี่ยเมิ่งลี่ได้กลายเป็นบุตรีเทวะไปแล้ว!
ที่สำคัญกำลังของนางนั้นยังก้าวขึ้นไปถึงอาณาจักรเต๋าสวรรค์เก้าลาย!
ความเร็วการพัฒนาของนางนั้นมันเหนือล้ำฟ้าดิน!
แต่เขานั้นก็รู้ว่าเย่หยวนมิใช่คนโง่ คำโกหกนี้มันคงถูกมองออกได้ในเวลาไม่ช้า
หลังจากเย่หยวนใจเย็นลงแล้วเขาย่อมจะเห็นถึงความไม่สมเหตุสมผลได้
เพราะฉะนั้นเขาจึงต้องหนีสุดชีวิต!
สภาพของเย่หยวนในเวลานี้มันน่ากลัวจนตัวเขานั้นไม่กล้าประมาทแม้เสี้ยววินาที
อยู่ต่อไปอีกแม้วินาทีเดียวมันก็อาจจะหมายถึงชีวิตเขาได้!
ไม่ไกลออกไปทางตะวันตกของหุบแก่นแท้บนนั้นมันมีค่ายของเผ่าเทวาตั้งอยู่ และในค่ายนั้นมันก็มียอดฝีมืออาณาจักรเต๋าสวรรค์เก้าลายไม่น้อย!
ที่แห่งนั้นจะเป็นตัวช่วยชีวิตของเขา!
ตราบเท่าที่เขาหนีไปยังที่แห่งนั้นได้ เขาก็ย่อมจะรอดชีวิตได้!
หลังจากหยวนเจี่ยวจากไปเย่หยวนก็รู้สึกอึดอัดอยู่ในใจจนต้องไล่ฆ่าล้างสังหารทัพบุตรเทวะตรงหน้า!
เวลานี้เขามีพลังบ่มเพาะมาถึงอาณาจักรมหาพิภพขั้นสุดทั้งยังผสานมิติ เวลาและดาบสามแนวคิด แน่นอนว่าพลังของเขามันจะแตกต่างจากก่อนหน้าไปสิ้นเชิง
ทัพบุตรเทวะนั้นถูกห้อมล้อมไล่ตีไปจนแตกพ่ายย่อมจะไม่อาจต้านทานพลังของเย่หยวนได้
เย่หยวนนั้นพาเหล่ามนุษย์ทั้งหลายเข้าไปไล่สังหารทหารที่เหลืออย่างบ้าเลือด
ในศึกครั้งนี้ทัพบุตรเทวะนั้นเสียกำลังไปกว่าสามในสี่ แทบเรียกได้ว่าถูกกวาดล้าง
เวลานี้ทัพบุตรเทวะใดๆ มันคงเหลือเพียงแค่ชื่อแล้ว
มันเป็นความเสียหายที่หนักหน่วงแก่เผ่าเทวา
สองวันจากนั้นเย่หยวนก็รวบรวมกำลังทัพและนับจำนวนคนที่รอดชีวิตก่อนจะพบว่าทางฝ่ายทัพของเขาเองก็เสียกำลังไปเกือบสี่ในสิบ จากทัพราวแสนคนนั้นมันเหลือไม่ถึงเจ็ดหมื่นแล้วในเวลานี้
จะบอกว่ามันเป็นชัยชนะอันเสียหาย
แต่เหล่าเด็กชะตาไร้คาดเดาทั้งหลายนั้นเมื่อได้สัมผัสประสบการณ์ในสนามรบแล้ว พวกเขาทั้งหลายก็ย่อมจะมีความคิดเปลี่ยนแปลงไปอย่างมหาศาล
ผลกระทบของศึกครั้งนี้มันเหนือล้ำเกินกว่าจะเทียบเคียงกับความสูญเสีย
แม้ว่าจะมีคนตายลง แต่กำลังโดยรวมของทัพนี้มันกลับจะเพิ่มขึ้นแทน
แต่ความคิดความสนใจของเย่หยวนนั้นมันไม่ได้อยู่ในเรื่องนี้เลย
เมื่อได้จบสงครามมานั่งคิดดีๆ แล้วเขากลับรู้สึกว่ามันมีอะไรแปลกๆ
แต่เวลานี้เขาก็ยังไม่อาจหาได้ว่ามันแปลกอย่างไร
“ว่านเจิ้น นำกำลังเข้าหุบแก่นแท้บนไปหาทัพเผ่ามังกรที่ว่าเสีย!” เย่หยวนสั่ง
“ขอรับท่านนักบุญฟ้าคราม!”
หลังผ่านศึกนี้มาได้พวกเขาทั้งหลายย่อมจะก้มหัวรับเย่หยวนสุดตัว
ฉายานามนักบุญฟ้าครามนี้มันสมชื่อจริง
การพัฒนาที่บ้าคลั่งเช่นนี้มันย่อมจะทำให้คนสิ้นหวัง
แต่แน่นอนว่าคนที่สิ้นหวังนั้นมันจะเป็นศัตรู หากเป็นมิตรแล้วนี่ย่อมจะเป็นแสงแห่งความหวังที่เจิดจ้า
แต่ในวินาทีนั้นเองที่เย่หยวนได้หยุดเท้าลงพร้อมใบหน้าเหยเก
“เป็นอะไรไปหรือท่านนักบุญฟ้าคราม?” ว่านเจิ้นถามขึ้น
เย่หยวนยิ้มออกมาอย่างเย็นเยือก “หึ ไม่นึกเลยว่าข้าเย้หยวนนี้กลับจะถูกคนหลอกเข้าจนได้! หยวนเจี่ยว ข้าประเมินเจ้าต่ำไปจริงๆ! แต่เจ้าคิดว่าเจ้าจะหนีจากข้าพ้นหรือ?”
เวลานี้เย่หยวนได้มองทะลุคำลวงได้แล้ว
ลี่เอ๋อมีนิสัยดื้อรั้น หยวนเจี่ยวนั้นย่อมจะได้มารู้ทีหลัง
ตอนที่พวกเขาพยายามลักตัวลี่เอ๋อไปในถ้ำนิลเพลิง นางนั้นเอาแต่พูดบอกว่าจะไม่เป็นบุตรีเทวะใดๆ ทั้งสิ้น
ด้วยสมองของหยวนเจี่ยวเขาย่อมจะรู้ได้ทันทีว่าลี่เอ๋อนั้นมีนิสัยยอมหักไม่ยอมงอ
แต่หากเผ่าเทวาไม่มีวิธีที่จะทำให้ลี่เอ๋อยอมไปเป็นบุตรีเทวะแล้ว มีหรือที่หยวนเจี่ยวจะยอมเสียเวลาขนาดนั้นพาตัวลี่เอ๋อไปยังมิตินรก?
……………..