Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 2331 ปฐมาจารย์!
วังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์อินทรีสวรรค์นั้นมันมีผู้คนหลั่งไหลมาดั่งสายน้ำใหญ่ ยอดฝีมือด้านการโอสถมากหลายจากทั่วทั้งมหาพิภพถงเทียนต่างเดินทางลงมายังเมืองในแดนใต้นี้
ในวันงานบรรยายนั้นมันมีเสียงพูดคุยกันอื้ออึงไปทั้งบริเวณ
เวลานี้นักหลอมโอสถมากหลายนับล้านๆ ต่างมารวมตัวกันอยู่ในเมืองอินทรีสวรรค์นี้ มันเป็นภาพที่สุดแสนจะน่าตื่นตะลึง
แน่นอนว่านี่ยังเป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น
เพราะนักหลอมโอสถส่วนมากยังเดินทางมาไม่ถึงที่หมาย
เวลานี้เย่หยวนแต่งชุดพิธีการเต็มยศนั่งอยู่บนแท่นหยินหยางสูงเหนือหัวผู้คน กำลังนั่งหลับตาพักผ่อนสมองอยู่
พร้อมๆ กันนั้นมันก็มีคลื่นพลังยอดเต๋าอันแน่นบริเวณรอบกาย
“นั่นหรือคือเต๋าของรองมหาปราชญ์? ช่างลึกล้ำสุดหยั่ง! แค่มองคราเดียวนั้นข้าก็ไม่อาจจะเข้าใจได้แม้เสี้ยว!”
“ตำนานเล่าขานกันว่ารองมหาปราชญ์ท่านนั้นเป็นยอดคนอันดับหนึ่งในเต๋าโอสถไปแล้ว! ไม่นึกไม่ฝันเลยว่าวันนี้ท่านกลับจะมาแสดงเต๋าต่อหน้าทุกผู้คน! เป็นประโยชน์แก่ทั้งโลกหล้า ช่างเป็นนักบุญโดยแท้!”
“ปลาซิวปลาสร้อยอย่างเราคงได้โอกาสยิ่งใหญ่แล้วในวันนี้”
…
ในสายตาของเหล่านักหลอมโอสถทั่วๆ ไปแล้วคลื่นพลังและภาพที่ปรากฏตรงหน้าพวกเขานี้มันย่อมจะเหนือล้ำเกินเข้าใจ
สำหรับพวกเขา การโอสถก็คือการหลอมโอสถ
มีแค่คนไม่กี่คนเท่านั้นที่จะขึ้นมาถึงเต๋าได้
แต่เย่หยวนนั้นกลับเปิดการบรรยายเต๋าครั้งใหญ่สั่งสอนผู้คน มันย่อมเป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่มหาศาล
เดิมทีแล้วอย่าว่าแต่ตัวตนระดับเย่หยวน แค่เหล่าจอมเทพโอสถเจ็ดดาวทั้งหลายนั้นมันก็อยู่สูงเหนือล้ำหัวพวกเขาไปไกล
แต่วันนี้เย่หยวนกลับจะมอบความรู้ให้คนทั้งหล้า!
มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลและศิษย์ทั้งหลายนั้นรวมไปถึงเหล่าบรรพกาลทั้งหลายต่างกำลังยืนนิ่งอย่างตกตะลึงฟังเต๋าที่เย่หยวนสั่งสอน
หลายวันมานี้มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลและเย่หยวนนั้นได้ประลองโอสถกันมาหลายต่อหลายครั้งและไม่มีครั้งไหนที่จะตัดสินแพ้ชนะลงได้
แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นตัวเขาก็ได้รับประโยชน์มหาศาล!
เต๋าของเย่หยวนนั้นมันแตกต่างจากโอสถบรรพกาลเพราะเต๋าของโอสถบรรพกาลนั้นมันไร้เหตุผลไม่สนใจผู้คน
เหล่านักหลอมโอสถที่เคยได้ประลองกับเขานั้นล้วนแล้วแต่ต้องกลับมาด้วยจิตเต๋าที่บาดเจ็บเสียสมดุลชีวิตอย่างที่มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลเป็น
แต่เต๋าของเย่หยวนนั้นมันหนักแน่นและเยือกเย็น ทำให้ผู้พบเห็นต้องรู้สึกถึงความยิ่งใหญ่อย่างไม่อาจห้าม
การถกเต๋ากับเย่หยวนนั้นมันทำให้มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลได้ฟื้นฟูจิตเต๋าของตนขึ้นและยังพัฒนาฝีมือไปอย่างก้าวกระโดดอีกด้วย!
แต่จะอย่างไรการถกเต๋ามันก็เรื่องหนึ่ง มันเป็นแค่เรื่องเล็กน้อยเสียเท่านั้น
ส่วนในวันนี้เย่หยวนกำลังจะสั่งสอนบรรยายเต๋าออกมา มันคือการแสดงถึงเต๋า แสดงถึงจุดสำคัญของยอดเต๋าที่เขามี
การทำเช่นนี้มันย่อมมีความหมายอย่างมากต่อเหล่าบรรพกาลทั้งหลายเพราะพวกเขานั้นเป็นคนเฒ่าแก่ที่ติดขัดอยู่ก่อนจะถึงระดับโอสถเต๋ามานานหลายล้านปี
เย่หยวนนั้นค่อยๆ ลืมตาและกล่าวบรรยายเต๋าขึ้น
“เต๋าของข้านั้นมิใช่อีกเส้นทางหนึ่ง ที่ข้าเผยแพร่เต๋าในวันนี้มันก็เพื่อจะได้เปิดจิตเต๋าของพวกเจ้าขึ้น”
“ชีวิตมากล้นนั้นต่างมียอดเต๋าของตน แต่เต๋าโอสถนั้นมันพิเศษกว่าใครๆ”
“เต๋าโอสถนั้นคือสิ่งใด? หนึ่งโอสถนั้นมันเท่ากับหนึ่งโลก!”
“เช่นนั้นวันนี้เราจะมาเริ่มกันที่โอสถแก่นศักดิ์สิทธิ์…”
…
เมื่อได้ยินคำกล่าวเชื่องช้าของเย่หยวนนั้นคนทั้งหลายก็เริ่มแตกตื่นกันขึ้น
โอสถแก่นศักดิ์สิทธิ์!
ยอดคนอันดับหนึ่งแห่งการโอสถนั้นกลับมาพูดถึงเรื่องของโอสถแก่นศักดิ์สิทธิ์!
โอสถแก่นศักดิ์สิทธิ์นั่นมันคือโอสถใด?
มันคือโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่ง เป็นโอสถที่ง่ายที่สุดในหมู่โอสถศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย!
โอสถระดับนี้พวกเขาทั้งหลายนั้นย่อมจะหลอมได้แม้หลับตา
เพราะนี่มันเป็นเพียงแค่โอสถที่เอาไว้ให้เหล่าคนที่เพิ่งบรรลุขึ้นอาณาจักรพระเจ้าได้กิน!
ข้านั้นยืนอยู่สูงเหนือฟ้าเจ้ากลับมาสั่งสอนให้ข้ามองดูมัน?
ในเวลานี้มันจึงเกิดความไม่พอใจ ดูถูกและด่าทอว่าเกิดขึ้นมากมาย
พูดกล่าวอย่างใหญ่โต อย่างนี้มันก็แค่การหลอกลวงผู้คนชัดๆ!
มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลที่ได้เห็นความแตกตื่นนั้นก็ร้องตะโกนขึ้น “เงียบ! หากใครกล้าส่งเสียง ตาย!”
คลื่นพลังหนักหน่วงรุนแรงนั้นมันปะทะกับพื้นที่รอบๆ ทั้งบริเวณ
เมื่อเจ้าฟ้าดินสี่ทลายไม่พอใจแล้วมันย่อมจะทำให้พวกเขาแทบไม่อาจหายใจ
พริบตาเดียวนั้นมันจึงเกิดความเงียบงันขึ้น
มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลหันไปกล่าว “เย่หยวนสั่งสอนเต๋านี้มันเป็นโชคของเจ้าทั้งหลายชั่วชีวิต! ฟังไว้ให้ดี ต่อให้เจ้าจะเข้าใจมันได้แม้แต่เศษเสี้ยวมันก็คงทำให้เจ้าได้รับประโยชน์มหาศาลแล้ว!”
แม้ว่าคนทั้งหลายในเวลานี้จะไม่มีใครกล้าพูดกล่าวด้วยพลังของมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลแต่พวกเขาก็ยังดูถูกอยู่ในใจ
โอสถแก่นศักดิ์สิทธิ์ของเช่นนั้นฟังไปแล้วมันจะได้ประโยชน์ใด?
แต่ภาพตรงหน้านี้เย่หยวนไม่ได้คิดจะสนใจแม้แต่น้อย
เขานั้นมีเวลาจำกัดอย่างมาก ใครจะเรียนรู้เข้าใจได้สักเท่าไหร่นั้นมันก็คงขึ้นอยู่กับตัวผู้ฟังทั้งหลายเองแล้ว
แม้ว่าโอสถแก่นศักดิ์สิทธิ์มันจะดูตื้นเขินแต่อย่างไรมันก็คือพื้นฐานของยอดเต๋า
เวลานี้เมื่อเขาก้าวขึ้นมาถึงจุดยอดเมื่อได้ลองมองหันกลับไปดูที่โอสถระดับนั้นอีกครั้ง ความเข้าใจของเขามันย่อมจะแตกต่างไปจากเดิมอย่างมาก
เย่หยวนในเวลานี้สามารถจะหลอมโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่งที่ให้ผลรุนแรงกว่าโอสถแก่นศักดิ์สิทธิ์ไปได้นับร้อยๆ เท่า
แต่ทำไมเขาถึงยังต้องมาเริ่มด้วยโอสถแก่นศักดิ์สิทธิ์นี้?
เพราะสูตรของโอสถแก่นศักดิ์สิทธิ์นั้นมันเป็นสูตรเก่าแก่โบราณที่ส่งมอบต่อกันมา มีการปรับเปลี่ยนแก้ไขอยู่หลายต่อหลายรอบ
แม้ว่ามันจะเป็นโอสถง่ายๆ แต่มันก็เปี่ยมล้นไปด้วยความรู้แห่งยอดเต๋า!
จนสุดท้ายสีหน้าของผู้ฟังทั้งหลายมันก็เริ่มเปลี่ยนสีไปหลังได้ยิน
เดิมทีนั้นพวกเขาต่างแสดงสีหน้าเย้ยหยัน ดูถูก มันได้ค่อยๆ เปลี่ยนกลายเป็นความตกตะลึง กลายเป็นความชื่นชมจนเริ่มตกสู่ห้วงความคิดของตนไป
เป็นเวลานั้นเองที่คนทั้งหลายได้เข้าใจว่าโอสถแก่นศักดิ์สิทธิ์น้อยๆ นั้นมันกลับแฝงความลับไว้มากมาย!
สิ่งที่เย่หยวนได้พูดถึงแต่ละอย่างนี้ พวกเขาไม่เคยจะรับรู้ถึงมันมาก่อน
จากนั้นเขาก็ได้ทำการหลอมโอสถแก่นศักดิ์สิทธิ์ต่อหน้าทุกผู้คน
การหลอมแต่ละขั้นแต่ละอย่างนั้น มันถูกทำโดยแสดงเต๋าของเขาออกมาอย่างถึงที่สุด
เวลานี้มันเกิดตราหยินหยางน้อยๆ ขึ้นบนท้องฟ้า
จนทำให้สีหน้าของคนทั้งหลายต้องเปลี่ยนสีไป
แต่ในหมู่คนทั้งหลายนั้นมันย่อมจะมีคนที่ตื่นตะลึงมากกว่าใครเพื่อน
เขานั้นคือมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาล!
“ที่แท้เต๋าของเขามันเป็นเช่นนี้! แม้แต่โอสถแก่นศักดิ์สิทธิ์น้อยๆ มันก็ยังเก็บซ่อนความลับของยอดเต๋าไว้มากมาย! โอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่งที่คนทั้งหลายไม่คิดสนใจมันกลับมีเรื่องราวซ่อนไว้มากมายปานนี้ เช่นนั้นแล้วโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับสองเล่า ระดับห้าเล่า ระดับแปดเล่า?”
“ยอดอัจฉริยะมากมายนั้นเป็นหมื่นไต้ไม้ใหญ่ที่ไร้รากฐาน ดูยิ่งใหญ่แข็งแรงแต่กลับไร้ค่าใดๆ แต่ฝีมือของเขาผู้นี้กลับได้รับการพัฒนาขัดเกลามาอย่างเหลือเชื่อ!”
“เรานั้นเอาแต่เงยหน้ามองหาเต๋าบนฟ้า แต่เขานั้นกลับก้มหน้าลงมองหามัน เวลานี้เต๋าที่เขาค่อยๆ เก็บสะสมมามันมีปริมาณเท่าผืนทะเล!”
“ในที่สุดข้าก็ได้เข้าใจแล้วว่าเต๋าของสองเผ่าเรามันยังขาดอะไรไป!”
ในหมู่คนทั้งหลายนั้นมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลย่อมจะเป็นผู้ที่อยู่ใกล้ถึงเต๋ามากที่สุด
เรื่องการสั่งสอนเต๋าของเย่หยวนนี้ ตัวเขาก็ย่อมจะเป็นคนที่เข้าใจได้มากที่สุด
เต๋าของผู้คนทั้งหลายนั้นย่อมจะเหมือนตึกสูงร้อยชั้น
แต่ตึกสูงร้อยชั้นนี้กลับขาดกระเบื้องและอิฐหิน เป็นตึกใหญ่ที่มีแต่รูโหว่พร้อมร่วงตก
ตึกใหญ่เช่นนั้นยิ่งสร้างสูงมันก็จะยิ่งมีแต่ความอันตราย!
เพราะฉะนั้นเต๋าของเขาจึงได้พังลงต่อหน้าโอสถบรรพกาลและเกือบเสียสติไป
แต่เย่หยวนนั้น ต่อให้จะพ่ายแพ้อย่างไรเขาก็ยังชนะกลับมา!
เพราะว่าเต๋าของเขามันหนักแน่นจนเกินกว่าจะให้ใครมาทำลาย!
แม้ว่าเหล่าบรรพกาลคนอื่นๆ นั้นจะไม่ได้รู้สึกรุนแรงเท่าตัวมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลแต่พวกเขาเองก็ได้ประโยชน์มหาศาล
จากนั้นเย่หยวนก็ได้ค่อยๆ พัฒนาระบบของโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่งขึ้นมาใหม่โดยมีโอสถแก่นศักดิ์สิทธิ์เป็นรากฐาน
เป็นตอนนั้นเองที่คนทั้งหลายได้เข้าใจว่าในหมู่โอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่งทั้งหลายนั้นมันกลับมีความเชื่อมโยงเช่นนี้อยู่
ความตื่นตะลึงในจิตใจของคนทั้งหลายนั้นมันยิ่งใหญ่มากขึ้นเมื่อเวลายิ่งผ่านไป!
เย่หยวนนั้นได้สั่งสอนให้พวกเขาได้มุมมองใหม่เอี่ยม มันคือมุมมองของเทพเจ้า!
เวลานี้คนทั้งหลายนั้นได้ใช้มุมมองของเทพนี้มองวิเคราะห์โอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่งต่างๆ ไปพร้อมกับเย่หยวน
ทุกสิ่งอย่างมันเหมือนเป็นความรู้ใหม่!
เปี่ยมล้นไปด้วยความเข้าใจ!
ที่ติดขัดใดก็คลี่คลายสิ้น!
ยิ่งนานวันพวกเขาทั้งหลายก็ยิ่งไม่อาจจะสรรหาคำใดมาอธิบายความรู้สึกของตนได้อีก
เพราะสิ่งที่เย่หยวนสั่งสอนมาให้แก่คนทั้งหลายนั้นมันคือระดับการโอสถแผนใหม่!
หากเป็นก่อนๆ นั้นเต๋าโอสถย่อมจะต้องพึ่งการสั่งสอน
แต่วันนี้เย่หยวนได้ทำให้เต๋าโอสถนั้นพัฒนาไปด้านหน้าอย่างไม่อาจคาดเดาได้!
นี่มันคือระบบใหม่ที่สมบูรณ์แน่นหนา สามารถใช้สร้างยอดนักหลอมโอสถขึ้นมาได้นับไม่ถ้วน!
จากนั้นเรื่องที่บรรยายมันก็ค่อยๆ เปลี่ยนจากโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่งไประดับสอง จนถึงโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับแปดในที่สุด
เย่หยวนนั้นได้สั่งสอนบอกวิธีการที่เขาบ่มเพาะวิชามาทีละน้อยๆ กระจายเต๋าของตัวเขาจนทำให้คนทั้งหลายได้เข้าใจมันแจ่มแจ้ง
ตอนแรกๆ คนทั้งหลายก็ยังคิดว่ามันเป็นเรื่องง่ายๆ แต่หลังจากฟังไปได้สักพักพวกเขาก็ไม่อาจจะเข้าใจความรู้ช่วงหลังๆ ได้
ยิ่งนานไปความลึกล้ำของมันก็ยิ่งสูงล้ำจนยากจะเข้าใจ
เวลาหนึ่งปีนั้นจบลงอย่างรวดเร็ว
วินาทีที่เย่หยวนหยุดสั่งสอนบรรยายเต๋าเหล่านักหลอมโอสถนับสิบๆ ล้านตรงหน้าก็ต้องเงียบปากลงพร้อมๆ กัน
มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลนั้นสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะร้องประกาศ “นับแต่วันนี้ไปข้าจะขอยกย่องเย่หยวนเป็นปฐมาจารย์!”
……………..