Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 1980 สงครามสิ้นโลก!
คลื่นพลังวิญญาณหลั่งไหลออกมาทำให้ซากกระดูกนั้นค่อยๆ ละลายลงแยกตัวออกจากกัน
จนในที่สุดมันก็ถูกแบ่งออกเป็นห้าส่วน
เสี้ยววิญญาณเทพสวรรค์ผู้นี้ทำไปอย่างเงียบงันและว่าง่ายไม่กล้าแม้แต่จะทำอะไรที่เป็นการส่งเสียงดัง
เขานั้นหลับใหลมายาวนานนับหมื่นๆ ปีแต่ผลลัพธ์ที่รอคอยเขาอยู่กลับเป็นเช่นนี้หรือ?
เมื่อคิดไปได้เช่นนั้นตัวเขาก็รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาในดวงใจ!
เมื่อแบ่งซากร่างไปแล้วซงหยูจึงกล่าวขึ้น “หึๆ พี่เย่นี่ช่างมีไพ่ตายที่หลากหลาย ซงผู้นี้ได้เปิดหูเปิดตาอย่างมากมายนัก”
แต่ทว่าความตื่นตกใจของเขานั้นมันไม่อาจจะอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้
เขานั้นย่อมจะคาดเดาได้ว่าเย่หยวนนั้นคงมีสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์ประเภทวิญญาณอยู่กับตัวอย่างแน่นอน!
นี่เขาเป็นสัตว์ประหลาดหรืออย่างไร?
ทั้งธงศึกดาวฤกษ์ เกราะศึกรุ้งเขียว แล้วตอนนี้ยังมีสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์ประเภทวิญญาณอีกชิ้นอยู่ติดตัว
สมบัติวิญญาณเทพสวรรค์นี้มันกลายเป็นของใช้ทั่วๆ ไปตั้งแต่เมื่อใดกัน?
เย่หยวนยิ้มรับ “จะขอบคุณข้าเพื่อประโยชน์ใด หากคิดอยากขอบคุณใครแล้วก็ต้องขอบคุณผู้อาวุโสท่านนี้ที่ท่านได้ลงแรงลงใจทิ้งพลังที่เก็บเกี่ยวบ่มเพาะมาทั้งชีวิตไว้เป็นของขวัญให้คนรุ่นหลังได้ใช้ต่อ เขานั้นช่างเป็นผู้ยิ่งใหญ่เสียจริง!”
‘อ่อก!’
เสี้ยววิญญาณเทพสวรรค์ผู้นั้นถึงกับสำลักออกมาเมื่อได้ยิน
อย่ามาล้อผู้คนเล่นเช่นนี้สิ!
ซงหยูและพวกต่างยิ้มออกมาด้วยความเข้าใจ
เสี้ยววิญญาณเทพสวรรค์ผู้นั้นพูดขึ้น “เจ้าหนุ่ม ข้าก็ได้ให้ซากร่างไปจนสิ้นแล้ว หวังว่าเจ้าจะปล่อยให้เฒ่าผู้น่าสมเพชผู้นี้ไปได้แล้วใช่หรือไม่?”
ในเวลาสั้นๆ นี้ตัวเขาได้เปลี่ยนคำเรียกตัวเองไปอย่างมากมาย
จากเดิมทีเป็นเทพสวรรค์ผู้นี้ มาเป็นเฒ่าคนนี้ จนกลายเป็นเฒ่าผู้น่าสมเพช
ในเวลานี้ตัวเขานั้นแทบจะก้มลงกราบแนบเท้าเย่หยวนไปแล้ว
แต่เย่หยวนกลับยิ้มขึ้น “จะรีบไปไหนเล่า? ท่านก็ได้หลับใหลมาอย่างยาวนานคงไม่มีเพื่อนคุย มาคุยกันหน่อยจะเป็นไรไป?”
‘ข้าไม่มีจะอะไรจะคุยกับเจ้า!’
“หึๆ ข้าสงสัยเหลือเกินว่าเจ้าหนุ่มมีอะไรจะคุยกับเฒ่าผู้น่าสมเพชคนนี้หรือ? เฒ่าคนนี้หลับใหลมาอย่างยาวนานจนความทรงจำมันเริ่มขาดหายไปแล้ว”
เสี้ยววิญญาณเทพสวรรค์ผู้นั้นยิ้มตอบด้วยใบหน้าที่ราวกับจะร้องไห้
เย่หยวนที่ได้ฟังนั้นรู้สึกตื่นตกใจขึ้นไม่น้อย
เขาบอกว่าหลับใหลมายาวนานจนความทรงจำเริ่มเลือนหาย มันจะต้องเป็นเวลาที่ยาวนานเท่าใดกัน?
ห้าสิบล้านปี?
หนึ่งร้อยล้านปี?
หนึ่งพันล้านปี?
เย่หยวนถามขึ้น “เจ้ามีนามว่า?”
เสี้ยววิญญาณเทพสวรรค์หยุดคิดไปพักหนึ่งก่อนจะส่ายหัวออกมา “ข้าจำไม่ค่อยได้แล้ว แต่เฒ่าผู้น่าสมเพชนี้จำได้ว่า… คนอื่นๆ น่าจะเรียกตัวข้าว่าอู๋เต้า”
“อู๋เต้า? หึๆ ชื่อสมเป็นเจ้าดี” เย่หยวนยิ้มตอบกลับไปอย่างเย็นเยือก
เพราะเจ้าหมอนี่มันคิดส่งเสี้ยวจิตลงในซากร่างของตนหวังทำร้ายคนรุ่นหลังที่มาพบเจอ
ดูแล้วตอนมีชีวิตเองก็คงมิใช่คนดีงามอะไรมากมายแน่
เว้นเสียแต่ว่าคนที่มาเจอตัวเขากลับเป็นเย่หยวนทำให้ตัวเขาไม่อาจจะทำอะไรได้แม้จะอยากทำก็ตาม
อู๋เต้ายิ้มแห้งๆ ตอบกลับมา “ข้าคงทำให้เจ้าหนุ่มหัวเราะเยาะแล้ว”
เย่หยวนตอบกลับไป “ข้าขอถาม สนามรบเทพโบราณแห่งนี้มันคืออะไรกันแน่?”
อู๋เต้าขมวดคิ้วแน่นด้วยท่าทางคิดหนัก
แต่สุดท้ายเขาก็ส่ายหัวออกมา “มันนานมากแล้ว ข้าเองก็จำไม่ได้เช่นกัน แต่เฒ่าผู้น่าสมเพชนี้จำได้ว่าสงครามในครานั้นมันลากทั้งมหาพิภพถงเทียนเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ไม่มีค่ายสำนักยอดฝีมือใดที่จะวางตัวเป็นกลางได้”
แม้ว่าคำพูดของอู๋เต้านั้นจะเรียบเฉยแต่มันกลับทำให้พวกเย่หยวนที่ได้ยินเบิกตากว้างอย่างหวาดกลัว
สงครามที่เกิดขึ้นมาจนลากทั้งมหาพิภพถงเทียนเข้ามาเกี่ยวข้อง มันจะต้องเป็นสงครามที่ยิ่งใหญ่ในระดับใดกัน?
ดูท่าแล้วจำนวนยอดฝีมือที่ตายลงในสงครามครั้งนั้นมันจะมากมายจริงๆ หากได้รู้เช่นนี้แล้วมันก็ไม่แปลกที่จะมีอันตรายอยู่ทุกหนแห่ง
เย่หยวนขมวดคิ้วแน่น “ข้าได้ยินมาว่าแม้แต่เต๋าบรรพกาลเองก็ยังตายลงในสงครามนั้น มีเรื่องเช่นนั้นจริงหรือ?”
นั่นทำให้อู๋เต้าขมวดคิ้วแน่นขึ้นอีกครั้งก่อนจะพยักหน้ารับออกมา “ในสงครามนั้นมันไม่มีใครที่จะอยู่เฉยได้ แม้แต่เหล่าเต๋าบรรพกาลเองก็ไม่อาจวางตัวนิ่งเฉย! และมันไม่ใช่แค่ว่ามีเต๋าบรรพกาลตายลงในสงครามนี้ แต่มันยังมีหลายคนเลยเสียด้วย”
“บ้าน่า! ยอดฝีมืออาณาจักรเต๋าบรรพกาลนั้นคือตัวตนที่เป็นนิรันดร์ มีหรือที่พวกเขาจะตายลงได้? หึ เจ้าจะโกหกอะไรก็คิดเสียก่อนเถอะ!” ซงหยูร้องแทรกขึ้นมาด้วยสีหน้าท่าทางไม่พอใจ
แต่อู๋เต้ากลับส่ายหัวออกมา “ข้ามิได้โกหกใด ความน่าเกรงกลัวในวันนั้นมันมิใช่สิ่งที่พวกเจ้าทั้งหลายจะคาดคิดได้หรอก”
อู๋เต้านั้นเริ่มหน้าซีดลงเรื่อยๆ ระหว่างที่กำลังพยายามนึกภาพย้อนกลับไปถึงวันนั้น
นั่นมันทำให้คนทั้งหลายที่ได้ยินต้องหน้าเสียไปเช่นกัน เพราะนี่เป็นครั้งแรกในชีวิตของพวกเขาทั้งหลายที่ได้ยินว่ายอดฝีมือเต๋าบรรพกาลเองก็ตายลงได้!
ยอดฝีมือเต๋าบรรพกาลนั้นคือตัวตนที่ได้รับการยอมรับจากผู้คนทั่วโลกหล้า พวกเขานั้นคือตัวแทนแห่งเต๋าสวรรค์แล้วใครกันที่จะฆ่าสังหารคนเช่นนั้นลงได้?
เย่หยวนได้แต่ถอนหายใจยาว “ดูท่ามหาพิภพถงเทียนนี้เองมันก็จะไม่สงบสุขอย่างที่เราเข้าใจ!”
เพราะแม้ว่าจอมเทพนิรันดร์นั้นจะเก่งกาจเพียงใดแต่ตัวเขาก็ยังเป็นแค่เทพสวรรค์ผู้หนึ่ง ยังไม่อาจก้าวขึ้นไปถึงอาณาจักรจักรพรรดิเทพสวรรค์เสียด้วยซ้ำ
ยอดฝีมือจักรพรรดิเทพสวรรค์นั้นคือตัวตนที่อยู่ในอีกโลก ในอีกความเข้าใจ
พวกเขานั้นอาจจะมีเส้นสายรู้จักกับเต๋าบรรพกาลและย่อมจะรู้เรื่องราวที่มากกว่าคนทั่วๆ ไปนัก
ส่วนจอมเทพนิรันดร์นั้นตัวเขายังไม่อาจก้าวขึ้นไปถึงจุดนั้นก็ต้องจบชีวิตลงก่อน ทำให้ความรู้ที่เขามีเองก็เป็นความรู้ในวงจำกัด
ที่เหลือในเส้นทางข้างหน้านี้เย่หยวนคงต้องเดินไปสำรวจด้วยตนเอง
“เรื่องสงครามนั้น เจ้ายังจำได้มากเท่าใด?” เย่หยวนถาม
อู๋เต้าส่ายหัวออกมา “ข้ามิอาจจำสิ่งใดได้ชัดเจนอีกต่อไปแล้ว เฒ่าน่าสมเพชผู้นี้เองก็เป็นแค่ปลาซิวปลาสร้อยในสงครามนั้น จำได้แค่ว่าผู้คนเรียกสงครามนั้นว่า… สงครามสิ้นโลก!”
เย่หยวนที่ได้ยินถึงขั้นสั่นสะท้านไปทั้งกาย “สงครามสิ้นโลก… ช่างเป็นชื่อที่น่ากลัวนัก! มันเป็นสงครามที่ทำให้มหาพิภพถงเทียนทั้งหมดต้องตายลงหรือ? แล้วเจ้าสู้กับใครกัน?”
อู๋เต้าขมวดคิ้วแน่นคิดอีกครั้งก่อนจะบอกขึ้น “ข้าเองก็จำไม่ได้แล้วเช่นกัน แต่จำได้เพียงว่า… มันเป็นสงครามระหว่างเผ่าพันธุ์!”
“สงครามระหว่างเผ่าพันธุ์? หรือว่าจะเป็นมนุษย์กับปีศาจ? หรือว่าเป็นกับเผ่าอสูร?” เย่หยวนถามขึ้น
“ไม่ใช่ทั้งสองเผ่านั้น! ข้า… ข้าก็จำไม่ได้แล้ว! ข้าจำได้เพียงว่ามันเป็นเผ่าพันธุ์ที่สุดแสนน่ากลัว! น่ากลัวอย่างถึงที่สุด! พวกมัน… แข็งแกร่งมาก!”
ระหว่างที่พูดไปเย่หยวนก็สัมผัสได้ถึงความหวาดกลัวจากภายในจิตใจของอู๋เต้าอย่างชัดเจน
ดูท่าแล้วความกลัวในวันนั้นมันจะยังฝังลึกในจิตวิญญาณแม้ความทรงจำจะเลือนรางไป
“เอาล่ะ ไม่ว่าพวกมันนั้นจะเป็นเผ่าใดมันก็ไม่มีอยู่บนมหาพิภพถงเทียนอีกต่อไปแล้ว” เย่หยวนตอบ
ได้ยินคำพูดการสนทนาของคนทั้งสองนั้นพวกซงหยูก็ได้แต่ยืนตะลึงอย่างไม่อาจแสดงสีหน้าได้ถูก
ดูเหมือนว่าพวกเขานั้นจะได้มาฟังความลับสุดยอดของมหาพิภพถงเทียนเข้าแล้ว
แท้จริงแล้วเต๋าบรรพกาลเองก็ตายได้เช่นกัน!
แท้จริงแล้วมันเคยเกิดสงครามสิ้นโลกที่ทำให้มหาพิภพถงเทียนแทบล่มสลายมาก่อน!
แท้จริงแล้ว…
น่าเสียดายที่ว่าความทรงจำของอู๋เต้านั้นไม่สมบูรณ์ ไม่เช่นนั้นแล้วพวกเขาคงได้รู้เรื่องราวของสงครามสิ้นโลกนี้อย่างละเอียด
“เจ้าหนุ่ม เฒ่าน่าสมเพชคนนี้เองก็ได้เล่าบอกไปทุกอย่างแล้ว ข้าไปได้หรือยัง?” อู๋เต้าถามด้วยใบหน้าซีดเซียว
เย่หยวนยิ้มรับไป “ไป? หึๆ เจ้านั้นคิดที่จะสิงร่างข้าเสียแล้วกลับยังคิดว่าข้าจะปล่อยเจ้าไป?”
อู๋เต้าตอบกลับมา “เรื่องนั้น… เรื่องนั้นมันล้วนเป็นการเข้าใจผิด… เข้าใจผิดสิ้น!”
เย่หยวนตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มอันเย็นเยือก “เข้าใจผิด? ข้าว่ามันไม่น่าจะเข้าใจอะไรกันผิดหรอก! เจ้าคิดส่งเสี้ยววิญญาณของตนเข้าสู่ซากร่างเหลือทิ้งไว้เพื่อที่จะสิงร่างผู้คนมิใช่หรือ? หากข้าปล่อยเจ้าไปเจ้าคงไปหาร่างกายที่เหมาะสมเข้าสิงและกลับมาแก้แค้นข้าใช่หรือไม่เล่า?”
อู๋เต้าตอบกลับไปด้วยใบหน้าเหยเก “จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร?”
เย่หยวนยกมือขึ้นมาบอกให้อีกฝ่ายเลิกที่จะแก้ตัวและตะคอกไป “อย่าได้พูดแก้ตัวอีกเลย! การปล่อยเจ้าไปนั้นมันย่อมไม่มีทางเกิดขึ้น แต่ข้าจะให้ทางเลือกเจ้าสองทาง คือจะเลือกติดตามข้าไปหรือยอมตายสลายลงไป!”
………………………..
คลื่นพลังวิญญาณหลั่งไหลออกมาทำให้ซากกระดูกนั้นค่อยๆ ละลายลงแยกตัวออกจากกัน
จนในที่สุดมันก็ถูกแบ่งออกเป็นห้าส่วน
เสี้ยววิญญาณเทพสวรรค์ผู้นี้ทำไปอย่างเงียบงันและว่าง่ายไม่กล้าแม้แต่จะทำอะไรที่เป็นการส่งเสียงดัง
เขานั้นหลับใหลมายาวนานนับหมื่นๆ ปีแต่ผลลัพธ์ที่รอคอยเขาอยู่กลับเป็นเช่นนี้หรือ?
เมื่อคิดไปได้เช่นนั้นตัวเขาก็รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาในดวงใจ!
เมื่อแบ่งซากร่างไปแล้วซงหยูจึงกล่าวขึ้น “หึๆ พี่เย่นี่ช่างมีไพ่ตายที่หลากหลาย ซงผู้นี้ได้เปิดหูเปิดตาอย่างมากมายนัก”
แต่ทว่าความตื่นตกใจของเขานั้นมันไม่อาจจะอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้
เขานั้นย่อมจะคาดเดาได้ว่าเย่หยวนนั้นคงมีสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์ประเภทวิญญาณอยู่กับตัวอย่างแน่นอน!
นี่เขาเป็นสัตว์ประหลาดหรืออย่างไร?
ทั้งธงศึกดาวฤกษ์ เกราะศึกรุ้งเขียว แล้วตอนนี้ยังมีสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์ประเภทวิญญาณอีกชิ้นอยู่ติดตัว
สมบัติวิญญาณเทพสวรรค์นี้มันกลายเป็นของใช้ทั่วๆ ไปตั้งแต่เมื่อใดกัน?
เย่หยวนยิ้มรับ “จะขอบคุณข้าเพื่อประโยชน์ใด หากคิดอยากขอบคุณใครแล้วก็ต้องขอบคุณผู้อาวุโสท่านนี้ที่ท่านได้ลงแรงลงใจทิ้งพลังที่เก็บเกี่ยวบ่มเพาะมาทั้งชีวิตไว้เป็นของขวัญให้คนรุ่นหลังได้ใช้ต่อ เขานั้นช่างเป็นผู้ยิ่งใหญ่เสียจริง!”
‘อ่อก!’
เสี้ยววิญญาณเทพสวรรค์ผู้นั้นถึงกับสำลักออกมาเมื่อได้ยิน
อย่ามาล้อผู้คนเล่นเช่นนี้สิ!
ซงหยูและพวกต่างยิ้มออกมาด้วยความเข้าใจ
เสี้ยววิญญาณเทพสวรรค์ผู้นั้นพูดขึ้น “เจ้าหนุ่ม ข้าก็ได้ให้ซากร่างไปจนสิ้นแล้ว หวังว่าเจ้าจะปล่อยให้เฒ่าผู้น่าสมเพชผู้นี้ไปได้แล้วใช่หรือไม่?”
ในเวลาสั้นๆ นี้ตัวเขาได้เปลี่ยนคำเรียกตัวเองไปอย่างมากมาย
จากเดิมทีเป็นเทพสวรรค์ผู้นี้ มาเป็นเฒ่าคนนี้ จนกลายเป็นเฒ่าผู้น่าสมเพช
ในเวลานี้ตัวเขานั้นแทบจะก้มลงกราบแนบเท้าเย่หยวนไปแล้ว
แต่เย่หยวนกลับยิ้มขึ้น “จะรีบไปไหนเล่า? ท่านก็ได้หลับใหลมาอย่างยาวนานคงไม่มีเพื่อนคุย มาคุยกันหน่อยจะเป็นไรไป?”
‘ข้าไม่มีจะอะไรจะคุยกับเจ้า!’
“หึๆ ข้าสงสัยเหลือเกินว่าเจ้าหนุ่มมีอะไรจะคุยกับเฒ่าผู้น่าสมเพชคนนี้หรือ? เฒ่าคนนี้หลับใหลมาอย่างยาวนานจนความทรงจำมันเริ่มขาดหายไปแล้ว”
เสี้ยววิญญาณเทพสวรรค์ผู้นั้นยิ้มตอบด้วยใบหน้าที่ราวกับจะร้องไห้
เย่หยวนที่ได้ฟังนั้นรู้สึกตื่นตกใจขึ้นไม่น้อย
เขาบอกว่าหลับใหลมายาวนานจนความทรงจำเริ่มเลือนหาย มันจะต้องเป็นเวลาที่ยาวนานเท่าใดกัน?
ห้าสิบล้านปี?
หนึ่งร้อยล้านปี?
หนึ่งพันล้านปี?
เย่หยวนถามขึ้น “เจ้ามีนามว่า?”
เสี้ยววิญญาณเทพสวรรค์หยุดคิดไปพักหนึ่งก่อนจะส่ายหัวออกมา “ข้าจำไม่ค่อยได้แล้ว แต่เฒ่าผู้น่าสมเพชนี้จำได้ว่า… คนอื่นๆ น่าจะเรียกตัวข้าว่าอู๋เต้า”
“อู๋เต้า? หึๆ ชื่อสมเป็นเจ้าดี” เย่หยวนยิ้มตอบกลับไปอย่างเย็นเยือก
เพราะเจ้าหมอนี่มันคิดส่งเสี้ยวจิตลงในซากร่างของตนหวังทำร้ายคนรุ่นหลังที่มาพบเจอ
ดูแล้วตอนมีชีวิตเองก็คงมิใช่คนดีงามอะไรมากมายแน่
เว้นเสียแต่ว่าคนที่มาเจอตัวเขากลับเป็นเย่หยวนทำให้ตัวเขาไม่อาจจะทำอะไรได้แม้จะอยากทำก็ตาม
อู๋เต้ายิ้มแห้งๆ ตอบกลับมา “ข้าคงทำให้เจ้าหนุ่มหัวเราะเยาะแล้ว”
เย่หยวนตอบกลับไป “ข้าขอถาม สนามรบเทพโบราณแห่งนี้มันคืออะไรกันแน่?”
อู๋เต้าขมวดคิ้วแน่นด้วยท่าทางคิดหนัก
แต่สุดท้ายเขาก็ส่ายหัวออกมา “มันนานมากแล้ว ข้าเองก็จำไม่ได้เช่นกัน แต่เฒ่าผู้น่าสมเพชนี้จำได้ว่าสงครามในครานั้นมันลากทั้งมหาพิภพถงเทียนเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ไม่มีค่ายสำนักยอดฝีมือใดที่จะวางตัวเป็นกลางได้”
แม้ว่าคำพูดของอู๋เต้านั้นจะเรียบเฉยแต่มันกลับทำให้พวกเย่หยวนที่ได้ยินเบิกตากว้างอย่างหวาดกลัว
สงครามที่เกิดขึ้นมาจนลากทั้งมหาพิภพถงเทียนเข้ามาเกี่ยวข้อง มันจะต้องเป็นสงครามที่ยิ่งใหญ่ในระดับใดกัน?
ดูท่าแล้วจำนวนยอดฝีมือที่ตายลงในสงครามครั้งนั้นมันจะมากมายจริงๆ หากได้รู้เช่นนี้แล้วมันก็ไม่แปลกที่จะมีอันตรายอยู่ทุกหนแห่ง
เย่หยวนขมวดคิ้วแน่น “ข้าได้ยินมาว่าแม้แต่เต๋าบรรพกาลเองก็ยังตายลงในสงครามนั้น มีเรื่องเช่นนั้นจริงหรือ?”
นั่นทำให้อู๋เต้าขมวดคิ้วแน่นขึ้นอีกครั้งก่อนจะพยักหน้ารับออกมา “ในสงครามนั้นมันไม่มีใครที่จะอยู่เฉยได้ แม้แต่เหล่าเต๋าบรรพกาลเองก็ไม่อาจวางตัวนิ่งเฉย! และมันไม่ใช่แค่ว่ามีเต๋าบรรพกาลตายลงในสงครามนี้ แต่มันยังมีหลายคนเลยเสียด้วย”
“บ้าน่า! ยอดฝีมืออาณาจักรเต๋าบรรพกาลนั้นคือตัวตนที่เป็นนิรันดร์ มีหรือที่พวกเขาจะตายลงได้? หึ เจ้าจะโกหกอะไรก็คิดเสียก่อนเถอะ!” ซงหยูร้องแทรกขึ้นมาด้วยสีหน้าท่าทางไม่พอใจ
แต่อู๋เต้ากลับส่ายหัวออกมา “ข้ามิได้โกหกใด ความน่าเกรงกลัวในวันนั้นมันมิใช่สิ่งที่พวกเจ้าทั้งหลายจะคาดคิดได้หรอก”
อู๋เต้านั้นเริ่มหน้าซีดลงเรื่อยๆ ระหว่างที่กำลังพยายามนึกภาพย้อนกลับไปถึงวันนั้น
นั่นมันทำให้คนทั้งหลายที่ได้ยินต้องหน้าเสียไปเช่นกัน เพราะนี่เป็นครั้งแรกในชีวิตของพวกเขาทั้งหลายที่ได้ยินว่ายอดฝีมือเต๋าบรรพกาลเองก็ตายลงได้!
ยอดฝีมือเต๋าบรรพกาลนั้นคือตัวตนที่ได้รับการยอมรับจากผู้คนทั่วโลกหล้า พวกเขานั้นคือตัวแทนแห่งเต๋าสวรรค์แล้วใครกันที่จะฆ่าสังหารคนเช่นนั้นลงได้?
เย่หยวนได้แต่ถอนหายใจยาว “ดูท่ามหาพิภพถงเทียนนี้เองมันก็จะไม่สงบสุขอย่างที่เราเข้าใจ!”
เพราะแม้ว่าจอมเทพนิรันดร์นั้นจะเก่งกาจเพียงใดแต่ตัวเขาก็ยังเป็นแค่เทพสวรรค์ผู้หนึ่ง ยังไม่อาจก้าวขึ้นไปถึงอาณาจักรจักรพรรดิเทพสวรรค์เสียด้วยซ้ำ
ยอดฝีมือจักรพรรดิเทพสวรรค์นั้นคือตัวตนที่อยู่ในอีกโลก ในอีกความเข้าใจ
พวกเขานั้นอาจจะมีเส้นสายรู้จักกับเต๋าบรรพกาลและย่อมจะรู้เรื่องราวที่มากกว่าคนทั่วๆ ไปนัก
ส่วนจอมเทพนิรันดร์นั้นตัวเขายังไม่อาจก้าวขึ้นไปถึงจุดนั้นก็ต้องจบชีวิตลงก่อน ทำให้ความรู้ที่เขามีเองก็เป็นความรู้ในวงจำกัด
ที่เหลือในเส้นทางข้างหน้านี้เย่หยวนคงต้องเดินไปสำรวจด้วยตนเอง
“เรื่องสงครามนั้น เจ้ายังจำได้มากเท่าใด?” เย่หยวนถาม
อู๋เต้าส่ายหัวออกมา “ข้ามิอาจจำสิ่งใดได้ชัดเจนอีกต่อไปแล้ว เฒ่าน่าสมเพชผู้นี้เองก็เป็นแค่ปลาซิวปลาสร้อยในสงครามนั้น จำได้แค่ว่าผู้คนเรียกสงครามนั้นว่า… สงครามสิ้นโลก!”
เย่หยวนที่ได้ยินถึงขั้นสั่นสะท้านไปทั้งกาย “สงครามสิ้นโลก… ช่างเป็นชื่อที่น่ากลัวนัก! มันเป็นสงครามที่ทำให้มหาพิภพถงเทียนทั้งหมดต้องตายลงหรือ? แล้วเจ้าสู้กับใครกัน?”
อู๋เต้าขมวดคิ้วแน่นคิดอีกครั้งก่อนจะบอกขึ้น “ข้าเองก็จำไม่ได้แล้วเช่นกัน แต่จำได้เพียงว่า… มันเป็นสงครามระหว่างเผ่าพันธุ์!”
“สงครามระหว่างเผ่าพันธุ์? หรือว่าจะเป็นมนุษย์กับปีศาจ? หรือว่าเป็นกับเผ่าอสูร?” เย่หยวนถามขึ้น
“ไม่ใช่ทั้งสองเผ่านั้น! ข้า… ข้าก็จำไม่ได้แล้ว! ข้าจำได้เพียงว่ามันเป็นเผ่าพันธุ์ที่สุดแสนน่ากลัว! น่ากลัวอย่างถึงที่สุด! พวกมัน… แข็งแกร่งมาก!”
ระหว่างที่พูดไปเย่หยวนก็สัมผัสได้ถึงความหวาดกลัวจากภายในจิตใจของอู๋เต้าอย่างชัดเจน
ดูท่าแล้วความกลัวในวันนั้นมันจะยังฝังลึกในจิตวิญญาณแม้ความทรงจำจะเลือนรางไป
“เอาล่ะ ไม่ว่าพวกมันนั้นจะเป็นเผ่าใดมันก็ไม่มีอยู่บนมหาพิภพถงเทียนอีกต่อไปแล้ว” เย่หยวนตอบ
ได้ยินคำพูดการสนทนาของคนทั้งสองนั้นพวกซงหยูก็ได้แต่ยืนตะลึงอย่างไม่อาจแสดงสีหน้าได้ถูก
ดูเหมือนว่าพวกเขานั้นจะได้มาฟังความลับสุดยอดของมหาพิภพถงเทียนเข้าแล้ว
แท้จริงแล้วเต๋าบรรพกาลเองก็ตายได้เช่นกัน!
แท้จริงแล้วมันเคยเกิดสงครามสิ้นโลกที่ทำให้มหาพิภพถงเทียนแทบล่มสลายมาก่อน!
แท้จริงแล้ว…
น่าเสียดายที่ว่าความทรงจำของอู๋เต้านั้นไม่สมบูรณ์ ไม่เช่นนั้นแล้วพวกเขาคงได้รู้เรื่องราวของสงครามสิ้นโลกนี้อย่างละเอียด
“เจ้าหนุ่ม เฒ่าน่าสมเพชคนนี้เองก็ได้เล่าบอกไปทุกอย่างแล้ว ข้าไปได้หรือยัง?” อู๋เต้าถามด้วยใบหน้าซีดเซียว
เย่หยวนยิ้มรับไป “ไป? หึๆ เจ้านั้นคิดที่จะสิงร่างข้าเสียแล้วกลับยังคิดว่าข้าจะปล่อยเจ้าไป?”
อู๋เต้าตอบกลับมา “เรื่องนั้น… เรื่องนั้นมันล้วนเป็นการเข้าใจผิด… เข้าใจผิดสิ้น!”
เย่หยวนตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มอันเย็นเยือก “เข้าใจผิด? ข้าว่ามันไม่น่าจะเข้าใจอะไรกันผิดหรอก! เจ้าคิดส่งเสี้ยววิญญาณของตนเข้าสู่ซากร่างเหลือทิ้งไว้เพื่อที่จะสิงร่างผู้คนมิใช่หรือ? หากข้าปล่อยเจ้าไปเจ้าคงไปหาร่างกายที่เหมาะสมเข้าสิงและกลับมาแก้แค้นข้าใช่หรือไม่เล่า?”
อู๋เต้าตอบกลับไปด้วยใบหน้าเหยเก “จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร?”
เย่หยวนยกมือขึ้นมาบอกให้อีกฝ่ายเลิกที่จะแก้ตัวและตะคอกไป “อย่าได้พูดแก้ตัวอีกเลย! การปล่อยเจ้าไปนั้นมันย่อมไม่มีทางเกิดขึ้น แต่ข้าจะให้ทางเลือกเจ้าสองทาง คือจะเลือกติดตามข้าไปหรือยอมตายสลายลงไป!”
………………………..