Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 1836 เต๋าสวรรค์นั้นโหดเหี้ยม!
ดวงตาของฮั่นเจี้ยนชิงนั้นแดงก่ำด้วยความขาดสติอย่างถึงที่สุด
เขาหันไปร้องบอกตู้หรูเฟิง “ไอ้เด็กคนนี้มันสังหารยอดศิษย์นิกายสว่างชัดไปถึงหกคน! ไม่สังหารมันวันนี้ข้าจะเอาหน้าที่ไหนกลับไปเจอท่านเจ้านิกายกัน?”
ตู้หรูเฟิงบอก “เรื่องของเจ้าสิ! ตราบเท่าที่เย่หยวนไม่ได้ทำผิดกฎวิหาร ไม่ว่าเขาจะคิดฆ่าสังหารผู้คนไปเท่าไหร่เขาย่อมไม่ผิด!”
ฮั่นเจี้ยนชิงตอบกลับมาพร้อมเลือดที่ยังไหลเต็มปาก “วิหารไม่ยุติธรรม! วินาทีที่เย่หยวนมาถึงพวกท่านก็ให้มันไปอยู่สวนป่าบนเพราะอะไรกันเล่า? ทำไมพวกท่านไม่บอกมาแต่แรกว่าเย่หยวนนั้นคือศิษย์ที่วิหารชุบเลี้ยงมา? ทำไมท่านจึงต้องทำเช่นนี้กับเราด้วย?”
เมื่อคนเราเสียสติไปกับความโกรธแค้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อแค่ไหนพวกเขาก็คิดปั้นแต่งขึ้นมาได้
ในสายตาของฮั่นเจี้ยนชิงนั้นเย่หยวนคือศิษย์ที่ทางวิหารชุบเลี้ยงขึ้นมาอย่างลับๆ แต่ว่าเขาคนนั้นกลับถูกสั่งให้มาเข้าร่วมงานชุมนุมการต่อสู้แห่งก่อไผ่ทำให้ผู้คนต้องเจอความยากลำบาก
ตู้หรูเฟิงขมวดคิ้วแน่น “ฮั่นเจี้ยนชิง ขืนยังพูดมากไร้สาระว่ากล่าววิหารอีกเจ้าจะต้องได้รับการลงโทษนั้น!”
ตอนนี้มีเงาร่างอีกหลายคนนอกจากตู้หรูเฟิงปรากฏตัวขึ้น คนทั้งหลายเหล่านี้คือผู้อาวุโสของวิหาร พวกเขาต่างเป็นถึงเทพถ่องแท้ทั้งสิ้น
เมื่อเห็นกำลังที่มากมายขนาดนี้ฮั่นเจี้ยนชิงก็รู้สึกเหมือนได้ถังน้ำเย็นเข้าราดหัว
แค่ตู้หรูเฟิงคนเดียวเขายังไม่อาจเทียบเคียง ตอนนี้มีเทพถ่องแท้อีกหลายคนปรากฏตัวขึ้นมามันย่อมเหนือกว่าจะจัดการได้
“ข้า… ข้าไม่ยอมรับ!” ฮั่นเจี้ยนชิงบอกด้วยความโกรธแค้น
ตู้หรูเฟิงบอกมาด้วยสีหน้าที่ผ่อนคลายขึ้น “ชุมนุมการต่อสู้แห่งกอไผ่นั้นเดิมทีถูกจัดขึ้นมาเพื่อให้เหล่าศิษย์ที่จะเข้าสู่วิหารได้มีโอกาสเรียนรู้ฝีมือของผู้อื่นและเสริมสร้างความสามารถของตนเอง เหตุผลที่ไม่ห้ามการฆ่าฟันก็เพื่อให้พวกเขาได้ลงมืออย่างเต็มที่ แต่เรื่องราวที่ถึงขั้นฆ่าล้างสังหารกันเช่นนี้มันก็มีเกิดขึ้นแค่ไม่กี่ครั้ง ครั้งนี้เดิมทีเป็นพวกเจ้าเองที่หาเรื่องเข้าใส่ตัวแต่กลับคิดจะมาโทษว่าผู้อื่น เจ้าไปคิดอะไรเช่นนั้นขึ้นมาได้อย่างไร? ผิดหรือถูกข้าว่าทุกผู้คนย่อมรู้ดีอยู่แก่ใจ ข้าเชื่อว่าไม่ต้องให้ข้าพูดตัดสินใดๆ ทุกคนก็ย่อมรู้ดี”
เมื่อเหล่าคนทั้งหลายได้ยินพวกเขาก็พยักหน้าออกมาตามๆ กัน
เพราะเรื่องในครั้งนี้มันเป็นนิกายสว่างชัดที่เริ่มก่อน แต่เมื่อถูกสวนกลับจนแขนขาบิดเบี้ยวเช่นนี้พวกเขากลับคิดจะมาโทษว่าระบายความโกรธใส่เย่หยวนแทน
เดิมทีคนทั้งหลายนั้นต่างไม่ค่อยพอใจอยู่ไม่น้อยที่ได้เห็นนิกายเงาจันทร์ไปพักอยู่สวนป่าบน
แต่ตอนนี้ความคิดใดๆ ทั้งหลายนั้นมันได้หายไปจนสิ้นอย่างที่ไม่อาจรื้อฟื้นกลับมาได้
เย่หยวนนั้นมีพลังยุทธ์ที่เหนือล้ำแถมด้วยความสามารถด้านโอสถที่เหนือใคร เขาย่อมมีสิทธิ์ที่จะอยู่ ณ สวนป่าบนอย่างไม่ต้องสงสัย
ที่สำคัญพวกเขายังรู้ดีด้วยว่าสุดท้ายเรื่องมันก็เกิดขึ้นเพราะเจ้าหมูสมบัติ
ต่อให้พวกเขาจะไม่ทราบว่าหมูสมบัตินี้คืออะไร แต่เบื้องหลังของมันย่อมต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
ตู้หรูเฟิงมองดูอย่างเย้ยหยัน “ฮั่นเจี้ยนชิง ข้าจะถือว่าเจ้าแค่ใจร้อนด่วนได้ จะละเว้นโทษตายไว้ให้! เจ้านั้นลบหลู่ว่าวิหาร แม้จะพ้นโทษตายแต่มันก็ยังต้องรับโทษทัณฑ์ วันนี้เจ้าจงออกไปจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก่อไผ่และกลับไปยังนิกายของเจ้า จากนั้นขังตัวเองไว้หนึ่งพันปีห้ามออกจากเขาเด็ดขาด! เจ้ายอมรับโทษนี้ไหม?”
ฮั่นเจี้ยนชิงหน้าซีดเผือดลง เขาได้แต่เงยหน้าขึ้นถอนหายใจยาว “ช่างเถอะ ฮั่นเจี้ยนชิงขอรับโทษทัณฑ์”
ในมิติอนัตตาก่อไผ่นี้ ไม่ว่าจะเป็นนิกายที่ทรงพลังแค่ไหนมันก็ไม่อาจแข็งข้อกับวิหารได้
เพราะวิหารนั้นคือตัวตนที่แสนยิ่งใหญ่
เพราะพวกเขามีเทพสวรรค์อยู่เบื้องหลัง!
เมื่อการต่อสู้จบลง สถานการณ์การแข่งขันของชุมนุมการต่อสู้แห่งก่อไผ่ก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้นกว่าเก่า
หยางเชินนั้นตายไปแล้ว มันย่อมไม่มีทางที่เขาจะลุกมาเป็นศิษย์วิหารได้อีก
นั่นทำให้การแย่งชิงที่สองดุเดือดขึ้นอย่างมาก
ส่วนทางด้านเย่หยวนนั้นก็ได้พ่ายแพ้เป็นครั้งแรกในการชุมนุมการต่อสู้แห่งก่อไผ่นี้
อาการหมดสติของเขานั้นดำเนินต่อไปถึงสิบวันสิบคืน ทำให้เขาพลาดการแข่งรอบต่อไปและถูกตัดสิทธิ์ในที่สุด
แต่ว่าแม้เขาจะแพ้ เขาก็ยังยืนหยัดอยู่ในอันดับหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย
ที่สำคัญผู้คนทั้งหลายเองก็เข้าใจดีว่าพวกเขาไม่มีทางไปเขย่าบัลลังก์เย่หยวนลงได้แน่
…
สิบวันต่อมาเย่หยวนก็ค่อยๆ ลืมตาฟื้นขึ้น
“เจ้าตื่นแล้ว!” ไป่หลี่ชิงหยานที่เห็นเย่หยวนลืมตาตื่นร้องขึ้นอย่างดีอกดีใจ
ตงน้อยเองก็แสดงรอยยิ้มอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนออกมา “ข้าบอกแล้วว่าเด็กคนนี้มันไม่ตายหรอก พวกเจ้าก็ไม่เชื่อข้า”
เย่หยวนยังคงมึนงงอยู่ไม่น้อย สายตาที่เขาใช้มองไป่หลี่ชิงหยานนั้นดูไร้อารมณ์อย่างถึงที่สุด
สายตาที่แสนเย็นชานั้นมันทำให้ไป่หลี่ชิงหยานขนลุกทั้งร่าง
“อะไรกัน? เจ้า… เจ้าคงไม่ได้ลืมข้าไปแล้วหรอกนะ?” ไป่หลี่ชิงหยานร้อง
แต่ไม่นานนักเย่หยวนก็กลับมามีสติเต็มที่และตอบออกมาด้วยรอยยิ้ม “อา…ศิษย์พี่ไป่หลี่ ทำไมข้าจะจำท่านไม่ได้กัน? บางทีอาจเป็นเพราะข้าหมดสตินานไปหน่อยทำให้สมองยังมึนๆ การใช้กระบวนท่านั้นออกมามันสร้างภาระหนักให้แก่ข้าจริงๆ”
ได้ยินเช่นนั้นไป่หลี่ชิงหยานก็ยิ้มออกมาอย่างโล่งใจ “ข้าไม่นึกเลยว่าแม้แต่หยางเชินผู้สำเร็จแนวคิดแห่งกาลเวลาก็ยังไม่อาจรอดพ้นมือเจ้าไปได้!”
ที่ด้านข้างอี้ชิงเซียงก็พูดขึ้นบ้าง “เย่หยวน เจ้าไม่รู้อะไร แต่ตอนนี้เมื่อเรานิกายเงาจันทร์เดินไปไหนมาไหน เราก็รู้สึกภาคภูมิอย่างบอกไม่ถูกเลย เรื่องนี้ต้องขอบคุณเจ้าจริงๆ!”
ไม่ว่าจะอย่างไรเสียคนเราก็มักชอบชื่นชมคนเก่ง ดูถูกคนอ่อนแอ
เมื่อคิดถึงท่าทางของชูเวินในวันแรกที่พวกเขามาถึง มันราวกับว่าเวลาผ่านไปนับร้อยๆ ปี
ตอนนี้ชูเวินนั้นเปลี่ยนท่าทีแบบหน้ามือเป็นหลังเท้า เรียกพวกเขาท่านพี่อย่างนั้นอย่างนี้ตลอดเวลา
เรื่องทั้งหมดนี้มันเกิดขึ้นได้เพราะความสามารถและพรสวรรค์ที่เย่หยวนแสดงออกมา
หลังจากส่งทุกคนกลับไปแล้วเย่หยวนก็แสดงสีหน้าไม่สู้ดีออกมาให้เห็น
“ดูท่าเจ้าจะไม่ค่อยสบายนะ!” ตงน้อยบอก
เย่หยวนผงะไปทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้นก่อนจะพยายามปั้นหน้าตาปกติ “ตรงไหนกัน? ข้าสบายดีทุกอย่างแล้ว”
ตงน้อยมองดูดวงตาของเย่หยวนและพูดขึ้นมาด้วยเสียงใสๆ “ข้ารู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงจากภายในกายเจ้า แม้จะไม่สามารถระบุชัดได้แต่ข้าก็รู้สึกถึงมัน”
เย่หยวนหันมามองตงน้อยด้วยความตื่นตกใจ เด็กคนนี้มันมีตาที่เฉียบคมจริงๆ!
เย่หยวนจึงได้แต่ถอนหายใจยาว “เจ้าเห็นมิติลายพระเจ้าไหม?”
ตงน้อยพยักหน้ารับ
เขาย่อมเห็นมิติลายพระเจ้าที่ว่านี้ และที่สำคัญเขายังรู้สึกได้ถึงความอันตรายของมิติลายพระเจ้านี้ด้วย
เย่หยวนพูดต่อ “เจ้าวิชานี้มันเหมือนจะส่งผลต่อจิตใจข้า!”
คิดได้ถึงตรงนี้เย่หยวนก็เริ่มทำหน้าเคร่งเครียด
เมื่อนึกถึงช่วงที่ตัวเขาอยู่ในมิติลายพระเจ้านั้นเย่หยวนก็รู้สึกแปลกๆ กับตัวเองในตอนนั้นมาก
ตัวเขาในตอนนี้นั้นมันไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ อย่างแท้จริงราวกับเป็นแค่เครื่องจักร
ต่อให้ตอนนี้เขาจะกลับมาเป็นคนเก่าได้แล้ว แต่สภาพของตัวเขาในตอนนั้นมันก็ยังคงส่งผลมาถึงตัวเขาในปัจจุบัน
ในเรื่องนี้ เย่หยวนก็ไม่ค่อยเข้าใจนัก
ให้พูดแล้วมิติลายพระเจ้านั้นมันน่าจะเป็นสิ่งที่บัญญัติเทพแห่งถงเทียนสร้างขึ้นและน่าจะเป็นแค่ส่วนเสริมของวรยุทธ์บ่มเพาะนี้ ไม่น่าจะทำให้รู้สึกแปลกแยกได้ถึงขั้นนี้
แต่ทำไมมันจึงเกิดเรื่องแปลกๆ เช่นนี้ขึ้นมา?
หรือว่ามีความผิดพลาดในตอนสร้างบัญญัติเทพแห่งถงเทียน?
เย่หยวนพยายามครุ่นคิดอยู่นานก็ไม่อาจหาคำตอบได้!
เขาได้นำเรื่องนี้ไปคุยกับหวู่เฉินมาแล้วแต่ก็ไม่สามารถหาคำตอบได้เช่นกัน
เมื่อตงน้อยได้ยินเช่นนั้นเขาก็ขมวดคิ้วแน่น “วรยุทธวิชานั้นที่เจ้าใช้ออกมามันแข็งแกร่งมาก ข้าสัมผัสได้ถึงพลังเต๋าสวรรค์อันรุนแรงจากมัน ดูท่าแล้วมิติลายพระเจ้าของเจ้านี้จะยังไม่พัฒนาไปถึงขั้นสุด แต่เจ้าจงจำไว้อย่างหนึ่ง… ‘เต๋าสวรรค์นั้นโหดเหี้ยม’”
เย่หยวนผงะไปทันทีที่ได้ยินก่อนจะขมวดคิ้วแน่นจนกลายเป็นปม “เต๋าสวรรค์นั้นโหดเหี้ยม? เต๋าสวรรค์นั้นโหดเหี้ยม! เป็นไปได้อย่างไรกัน?”
…………………………