Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 1798 ไม่มีถ้ำหลวง
ยอดหลักของนิกายนั้นอยู่ห่างไกลยอดรองไปมากมาย ตอนนี้เย่หยวนเพิ่งจะมาถึงยอดผู้กล้าสวรรค์ได้ผ่านทางค่ายกลเคลื่อนย้ายและรู้สึกราวกับว่าตัวเองได้เป็นเทพตกสวรรค์
เมื่อเทียบกับยอดหลักแล้ว สถานที่แห่งนี้มันช่างดูทรุดโทรมกว่ามาก
“เย่หยวน ข้าล่ะไม่อยากยอมรับจริงๆ! ด้วยฝีมือระดับเจ้าอย่างน้อยๆ ก็ควรได้ไปอยู่บนยอดรองสามลำดับแรกสิ ไอ้คนพวกนั้นมันใช้พลังอำนาจของตัวเองข่มเหงผู้คนเสียจริงถึงได้ส่งเจ้ามายังยอดผู้กล้าสวรรค์เช่นนี้” ข้างๆ เย่หยวนนั้นมีชายหนุ่มร่างผอมคนหนึ่งเดินมาด้วยท่าทางไม่พอใจ
ชายหนุ่มคนนี้มีนามว่าเซงโหยว เขาเองก็มาจากนิกายไร้ชื่อแห่งหนึ่ง
เขานั้นมีพลังฝีมือที่ไม่น้อย เป็นถึงยอดราชันพระเจ้าเจ็ดดาว ระหว่างการสอบรอบที่สองเขาเองก็ตียอดกลองจรัสไปได้ถึงระดับสอง
ในหมู่ศิษย์ที่มาจากนิกายเล็กนั้น เขานับได้ว่าเป็นคนในหมู่ยอดคนแล้ว
ให้พูดตามตรงแล้ว เขาไม่ควรจะได้มาอยู่ที่ยอดผู้กล้าสวรรค์นี้เลย แต่สุดท้ายเขากลับถูกโยนมายังยอดผู้กล้าสวรรค์แห่งนี้
คนที่เหลืออีกสี่สิบเอ็ดคนนั้นต่างได้ไปอยู่ยังยอดรองอีกแปดแห่ง
เรื่องการกระทำที่ไม่เท่าเทียมนี้ เซงโหยวย่อมไม่พอใจอยู่อย่างมากเป็นทุนเดิม
แต่ว่าเซงโหยวนั้นยิ่งเคารพเย่หยวนอย่างมาก การสะบัดมือน้อยๆ ของเขานั้นมันทำให้เซงโหยวประทับใจมาก
มาจากนิกายเล็กๆ เช่นเดียวกัน เย่หยวนกลับมีพรสวรรค์และความเป็นไปได้มากกว่าเขาหลายเท่าตัว
เย่หยวนแค่ยิ้มตอบกลับไป “หากเป็นทอง อยู่ที่ไหนก็ย่อมมีค่า ข้าได้ยินว่าผู้อาวุโสของยอดผู้กล้าสวรรค์เองก็มาจากนิกายเล็กเช่นกัน แต่เขาก็ยังสามารถพัฒนาตัวไปจนถึงอาณาจักรเทพถ่องแท้ได้ กลายเป็นผู้ปกครองแผ่นดิน”
เซงโหยวยิ้มออกมาอย่างขื่นขม “ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น ยอดผู้กล้าสวรรค์นี้ก็ยังเป็นสถานที่ที่ทรุดโทรมที่สุดในนิกายเงาจันทร์แล้ว ถูกอีกแปดยอดดูถูกเหยียดหยามมาตลอด!”
ในนิกายเงาจันทร์นี้ ยอดผู้กล้าสวรรค์นั้นนับได้ว่าเป็นแดนคนนอก ไม่มีใครคิดอยากที่จะมายังยอดแห่งนี้ด้วยตัวเอง
คนทั้งหลายที่ได้มายังที่แห่งนี้ล้วนแล้วแต่เป็นศิษย์ที่นิกายไม่ต้องการ หรือเป็นศิษย์ที่ไร้ค่ายสังกัด
เมื่อมาถึงมันก็เท่ากับว่าคนผู้นั้นต้องเสียอนาคตไป มันเป็นการยากมากที่จะลืมตาอ้าปากได้ในสถานที่แห่งนี้
เย่หยวนเดินเข้าไปตบไหล่ของเซงโหยวด้วยรอยยิ้ม “สหาย ได้เข้านิกายเงาจันทร์มาแค่นี้ ดูเหมือนเจ้าจะลืมไปแล้วว่าตัวเองเป็นใคร!”
พูดจบเย่หยวนก็เดินนำหน้าเขาโถงยอดผู้กล้าสวรรค์ไป
เซงโหยวมองดูหลังที่เดินนำไปนั้นของเย่หยวนด้วยร่างกายที่สั่นสะท้าน
ใช่แล้ว เขาเองก็มาจากนิกายระดับราชันพระเจ้าไร้ชื่อแห่งหนึ่ง ไม่มีทรัพยากรใดๆ มากมาย ขาดแคลนพลังวิญญาณในการบ่มเพาะพลังอย่างมาก
แต่เขาก็ยังดิ้นรนด้วยตัวเองจนเดินมาถึงจุดนี้ได้
เขาคิดว่าเมื่อเข้ามาในนิกายเงาจันทร์แล้วด้วยความสามารถพรสวรรค์ของตัวเอง เขาจะโผทะยานขึ้นฟ้าได้ในเวลาสั้นๆ
แต่สภาพตอนนี้มันต่างจากที่เขาวาดฝันมาก
เพราะฉะนั้นเขาจึงซึมเศร้า ไม่พอใจและคิดว่าอนาคตของตัวเองกำลังจบสิ้นลง
แต่เมื่อลองมองดูย้อนกลับไป ต่อให้ที่ที่เขาได้ร่วมจะเป็นยอดผู้กล้าสวรรค์นี้ มันก็ยังมีสภาพดีกว่านิกายเก่าของเขาอย่างมากมาย
เพราะฉะนั้นจะยังมาบ่นอะไรอีก?
ตราบเท่าที่เขายังคงพยายามอย่างไม่แพ้ในอดีต สักวันเขาต้องขึ้นลุกยืนเคียงบ่าเคียงไหล่คนอื่นๆ ได้แน่ จะได้ขึ้นไปตบหน้าคนที่เคยดูถูกเขาไว้
สำหรับนักยุทธแล้วแม้ว่าทรัพยากรจะสำคัญแค่ไหน แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือความต้องการที่จะเข้าถึงเต๋า
เมื่อเราหลงจากเส้นทางของตัวเองแล้วเท่านั้น ที่อนาคตของคนเราจะดับมืดลงได้
“ปลุกผู้หลับฝันให้ตื่นสู้ความจริง! เย่หยวนข้าขอขอบคุณ!”
สายตาของเซงโหยวที่มองตามแผ่นหลังของเย่หยวนไปในตอนนี้มันเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่นอีกครั้งหนึ่ง
…
“ศิษย์พี่ เราเป็นศิษย์ใหม่มาเพื่อรับถ้ำหลวงบ่มเพาะ นี่เหรียญตราของข้า”
นิกายเงาจันทร์นั้นตั้งอยู่บนเส้นเลือดมังกร นิกายสร้างยอดและยอดรองมากมายก็เพื่อจะสร้างค่ายกลขนาดใหญ่เพื่อกักพลังวิญญาณให้ศิษย์ได้ฝึกฝนบ่มเพาะ
ยิ่งศิษย์มีความสามารถมาก พวกเขาก็จะได้ถ้ำหลวงบ่มเพาะที่ดีขึ้นเท่านั้น และแน่นอนว่ามันย่อมจะทำให้ความเร็วในการบ่มเพาะของพวกเขารวดเร็วขึ้นตาม
ยอดผู้กล้าสวรรค์นั้นคือสถานที่ที่เส้นเลือดมังกรอ่อนที่สุดในนิกาย มันย่อมหมายความว่าพวกเขามีพลังงานวิญญาณที่เบาบางที่สุดด้วย
ศิษย์คนนั้นมองดูเหรียญของคนทั้งสองและตกยักคิ้วขึ้นสูงก่อนจะโยนเหรียญนั้นกลับมาบนโต๊ะ “เจ้านามเซงโหยว? ตอนนี้ยอดผู้กล้าสวรรค์ยังมีถ้ำหลวงระดับต่ำขั้นสองอยู่ถ้ำหนึ่ง นี่ตราของถ้ำ เอาไป”
เซงโหยวรับตรานั้นมาด้วยท่าทางดีใจ “ขอบคุณศิษย์พี่! แล้วศิษย์พี่ ของเย่หยวนล่ะ?”
ศิษย์คนนั้นยักคิ้วสูงอีกครั้งก่อนจะกล่าวขึ้นมาด้วยรอยยิ้มชั่วๆ “เขาเรอะ? ยอดผู้กล้าสวรรค์เราไม่มีถ้ำหลวงเหลือแล้ว ศิษย์น้องท่านนี้คงต้องลำบากออกไปจากยอดและหาถ้ำของตัวเองเอาแล้วล่ะ”
พูดไปเขาก็หยิบธงค่ายกลออกมาวางไว้ต่อหน้าเย่หยวนด้วยรอยยิ้ม “นี่คือธงค่ายกลเก็บเกี่ยววิญญาณ ตอนนี้เจ้าจงไปที่ยอดเพลิงเมฆาเสีย เมื่อเจ้าสามารถหาตาล่มวิญญาณและเปิดถ้ำหลวงออกได้ ก็จงใช้มันตั้งค่ายกลเสีย เท่านั้นค่ายกลก็จะกักพลังวิญญาณทั้งหมดในและถ้ำนั้นย่อมกลายเป็นของเจ้าทันที”
เซงโหยวหน้าถอดสีทันที “เรื่องมันจะบังเอิญขนาดนั้นได้อย่างไร? ศิษย์พี่ท่าน ข้าได้ยินมาว่าการเปิดถ้ำเองนั้นมันอันตรายมาก ที่แห่งนั้นมันคือยอดเขาที่ไร้ผู้คนมีแต่สัตว์อสูรพลุกพล่าน ศิษย์หลายต่อหลายคนต้องฝากร่างไว้ในยอดเขานั้นมาแล้ว”
ศิษย์คนนั้นหันกลับมามองด้วยสายตาเย็นชา “อันตราย? การเปิดถ้ำหลวงนั้นอันตราย? ทั้งยอดหลัก ยอดรองทั้งเก้านี้รวมไปถึงยอดนอกอีกนับร้อย มันมีที่ไหนบ้างที่ไม่ได้ถูกบุกเบิกโดยศิษย์นิกายเงาจันทร์? ทำไมข้าต้องมายกเว้นให้เขาคนนี้ด้วย?”
เซงโหยวนั้นได้รับคำแนะนำจากเย่หยวนและรู้สึกขอบคุณอยู่ในใจ เขาจึงไม่อาจทนดูเย่หยวนรับความเสี่ยงและอดไม่ได้ที่จะพูดออกมา “ศิษย์พี่ท่าน ท่านลองดูอีกครั้งมิได้หรือว่ามันมีถ้ำหลวงที่พอว่างอีกหรือไม่?”
เมื่อศิษย์คนนั้นได้ยินเขาก็ตะโกนกลับมาอย่างไม่พอใจ “โอหัง! ข้าสั่งให้ไป เจ้าก็ไป ยังจะมาบ่นอะไรมากมาย? ข้าบอกว่าไม่มีก็ไม่มีสิ หรือว่าเจ้า… คิดอยากมาทำหน้าที่นี้แทนข้าล่ะ?”
เซงโหยวนั้นเป็นแค่ศิษย์ใหม่คนหนึ่ง มีหรือที่เขาจะกล้าเถียงกลับไป? เขาจึงพูดขึ้นอย่างรู้สึกผิด “ม-มิกล้า! ศิษย์พี่ท่าน งั้นเอาเช่นนี้ไหม ข้าจะมอบถ้ำของข้านี้ให้เย่หยวน ส่วนข้าจะออกไปเปิดมันใหม่เอง!”
ศิษย์คนนั้นแสดงท่าทางไม่พอใจอย่างมากออกมาจนแทบจะลงมือ แต่เย่หยวนกลับหยิบธงค่ายกลขึ้นมาและบอก “เอาล่ะ ไม่ต้องมาต่อรองใดๆ กันแล้ว ไอ้หมอนี่มันถูกผู้คนติดสินบนให้ทำเช่นนี้มา โดนสั่งให้ส่งข้าไปยังยอดเพลิงเมฆาเพื่อเปิดถ้ำหลวง หวังให้ข้าถูกสัตว์อสูรสังหารตายลง เถียงไปมันก็ไม่ได้เรื่องใดๆ หรอก”
เซงโหยวหน้าถอดสีทันที เป็นเวลานั้นเองที่เขาเพิ่งนึกขึ้นมาได้
หน้าของศิษย์คนนั้นแดงขึ้นมาด้วยความไม่พอใจทันที “ไอ้เด็กนรก เจ้ากล้าพูดเช่นนี้ต่อหน้าศิษย์พี่เจ้า?”
เย่หยวนหันไปมองด้วยสายตาสุดดูถูก “เจ้าคิดอยากสังหารข้า มีหรือที่ข้ายังต้องมาเกรงใจเจ้า? ที่สำคัญ… เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครมาจากไหน ถึงกล้ามาอวดอ้างเรียกตัวเองว่าเป็นศิษย์พี่ข้า?”
ศิษย์ที่ดูแลการมอบถ้ำหลวงคนนี้เป็นแค่ราชันพระเจ้าเก้าดาว เย่หยวนจึงไม่คิดจะสนใจเขาแม้แต่น้อย
ศิษย์คนนั้นยิ้มออกมาอย่างชั่วร้ายทันที “ได้สิ ดูเหมือนว่าไอ้เด็กใหม่คนนี้มันจะโอหังนัก! ข้าจะสั่งสอนเจ้าเองว่าข้านั้นสมควรเป็นศิษย์พี่ของเจ้าหรือไม่!”
ภายในเขตนิกายเงาจันทร์ทั้งยอดหลักของเก้ายอดรองนั้นมันมีกฎห้ามศิษย์ฆ่าสังหารกันเองอยู่
แต่หากมีเหตุผลพอ การลงมือสั่งสอนกันมันก็ย่อมมิใช่ปัญหา
ศิษย์คนนั้นคิดว่าเย่หยวนเป็นแค่ราชันพระเจ้าหกดาวและกล้ามาอวดดีต่อหน้าเขา เขาจึงโกรธแค้นจนหน้าดำหน้าแดง
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมศิษย์พี่เชียนเย่ถึงได้อยากสั่งสอนมันนัก ที่แท้ไอ้เด็กคนนี้มันก็ช่างแสนจะอวดดีนี่เอง
ระหว่างพูดไปศิษย์คนนั้นก็ปล่อยคลื่นพลังของราชันพระเจ้าเก้าดาวออกมา พร้อมตบฟาดฝ่ามือมาทางเย่หยวนอย่างรวดเร็วปานสายฟ้า
“เย่หยวนระวัง!”
เซงโหยวไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะกระโดดออกมาโจมตีหน้าตายเช่นนี้ ตอนนี้แม้เขาจะอยากห้ามมันก็ไม่ทันเสียแล้ว
แถมอีกฝ่ายนั้นยังเป็นถึงราชันพระเจ้าเก้าดาว แข็งแกร่งกว่าตัวเขาไปมากทีเดียว
เพี๊ยะ!
เสียงตบดังขึ้นสนั่นฟ้า ร่างของศิษย์คนนั้นลอยปลิวไปไกล
…………………………