Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 1789 เลิกพูดมากปากเหม็น โจมตีพร้อมกัน
ต้วนชิงหงเบิกตากว้างหันมองดูจงฮันหลินทันที “จงฮันหลิน เจ้าว่ายังไงนะ?”
ด้วยพลังฝีมือของคนทั้งสองแล้ว พวกเขาย่อมไม่มีใครเกรงกลัวใคร
มีแต่ยอดหญิงนางสวรรค์อย่างไป่หลี่ชิงหยานเท่านั้นที่จะทำให้พวกเขาทั้งสองคนยอมร่วมกลุ่มจับมือกันได้
เพราะฉะนั้นต้วนชิงหงจึงไม่ได้รู้เลยว่าจงฮันหลินนั้นไปมีเรื่องใดๆ กับเย่หยวนมาก่อน
จงฮันหลินหัวเราะออกมาพร้อมบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นมาก่อนหน้า ทำให้ใบหน้าของต้วนชิงหงดูมืดมนลง
“เจ้าไปไกลๆ เสีย! ไอเด็กคนนี้ข้าจะจัดการมันเอง!” ต้วนชิงหงกล่าวออกมา
จงฮันหลินตอบกลับไปอย่างไม่แยแส “เจ้าสิไปไกลๆ ไอ้เด็กคนนี้มันเหยื่อข้า! ห้ามใครมาแย่งมัน!”
ต้วนชิงหงตอบกลับมา “ทำไม? เจ้าจะเอาหรือ?”
“เอาก็เอาสิ คิดว่าข้ากลัวเรอะ?”
คนทั้งสองนั้นปล่อยคลื่นพลังของราชันพระเจ้าเก้าดาวออกมาข่มขู่อีกฝ่ายกันเต็มที่ทำให้ผู้คนที่มองดูเหตุการณ์ได้แต่ตกตะลึง
เมื่อคนทั้งสองปล่อยคลื่นพลังออกมากลางอากาศ มันกลับไม่มีใครเหนือเปรียบไปกว่าใครและกดดันกันได้อย่างเท่าเทียม
คนทั้งสองไม่คิดที่จะสนใจเย่หยวนแม้แต่น้อย ราวกับว่าหากแค่พวกเขาลงมือเย่หยวนย่อมจะไม่สามารถตอบโต้ใดๆ กลับมาได้
ศิษย์จากนิกายคชสารมานั้นได้แต่ยืนงง สงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
เย่หยวนยังยืนหัวโด่อยู่ตรงนั้น แต่ทำไมคนทั้งสองนี้ถึงกลับคิดจะมาปะทะกันเองเสียก่อนแล้ว ไม่กลัวบ้างหรือว่าเย่หยวนจะใช้จังหวะนี้ถอยหนีหายไป?
แต่เมื่อพวกเขาได้ยินเรื่องราวจากปากจงฮันหลิน พวกเขาต่างก็รู้สึกโกรธแค้นขึ้นมาในใจ
นางฟ้านางสวรรค์ระดับไป่หลี่ชิงหยานกลับต้องมาก้มหัวให้เย่หยวน มันเป็นเรื่องที่ยอมไม่ได้อย่างมาก
“เลิกบ่นมากปากเหม็นได้แล้ว พวกเจ้าโจมตีเข้ามาพร้อมกันเลย” ระหว่างที่ทั้งสองกำลังหาเรื่องกันนั้นเย่หยวนก็พูดขึ้นมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย
คนทั้งสองได้แต่หันหน้ามามองเย่หยวนพร้อมๆ กันด้วยจิตสังหารที่แรงกล้า
“ไอ้เด็กเวรนี่รนหาที่ตายแล้ว รู้ตัวไหม?” จงฮันหลินบอก
เย่หยวนตอบกลับไป “ไอ้ความมั่นใจผิดๆ ที่อัจฉริยะปลอมๆ อย่างพวกเจ้ามีนี่มันเหนือล้ำจริงๆ ข้าล่ะสงสัยเสียจริงว่าไปเอามันมาจากไหนมากมาย เจ้าถึงได้คิดว่าจะจัดการข้าลงได้ง่ายปานนั้น”
ต้วนชิงหงหัวเราะออกมา “ไม่นานเจ้าก็จะได้รู้แล้วล่ะว่าพวกข้าเอาความมั่นใจขนาดนี้มาจากไหน ข้าเปลี่ยนใจแล้ว ตอนนี้ขอทำให้เจ้าสงบปากก่อนแล้วค่อยมาตกลงกับจงฮันหลินอีกที”
ฟุบ!
ร่างของต้วนชิงหงขยับเคลื่อนไหวอย่างแผ่วพลิ้วราวหงส์ที่โบยบิน จนมาถึงตรงหน้าของเย่หยวนในเวลาแค่พริบตา
ใบพัดที่เขาถืออยู่ในมือผสานมาด้วยพลังแนวคิด พุ่งเข้าโจมตีลำคอของเย่หยวนทันที
จงฮันหลินนั้นตื่นตกใจมาก ไม่คิดว่าตัวเองจะถูกนำหน้าไปก่อน
แต่ว่าเขาก็ได้แต่หัวเราะและไม่คิดจะลงมือใดๆ
คนระดับเขาแล้วย่อมไม่คิดที่จะรังแกใครด้วยจำนวน
ด้วยพลังฝีมือของเย่หยวนมันย่อมไม่มีทางที่จะต้องให้เขาและต้วนชิงหงลงมือพร้อมๆ กันเลย
แต่จู่ๆ ดวงตาของเขาก็ต้องเบิกกว้าง “ผสานแนวคิด! นี่มัน… เป็นไปได้อย่างไร?”
ตอนนี้มิใช่แค่เขา แต่ทุกผู้คนต่างมองดูเย่หยวนอย่างไม่อยากเชื่อสายตา
ต้วนชิงหงนั้นรวดเร็วมาก แต่เย่หยวนกลับเร็วเสียยิ่งกว่า!
ดาบของเย่หยวนถูกชักออกมาราวสายรุ้งที่ส่องแสง คลื่นพลังดาบที่รุนแรงนั้นกลับเป็นฝ่ายพลักดันให้ต้วนชิงหงเสียกระบวนแทน
เมื่อคนทั้งสองปะทะกัน ต้วนชิงหงกลับถูกเย่หยวนกดดันได้ในพริบตา
มีหรือที่ต้วนชิงหงจะรู้ว่านอกจากเย่หยวนจะสำเร็จแนวคิดได้แล้ว เขายังสามารถจะผสานแนวคิดแห่งห้วงมิติและแนวคิดแห่งดาบเข้าด้วยกันได้?
ดาบแสงนั้นมันเหมือนเคียวในมือยมทูตที่ทำให้เขารู้สึกได้ถึงความกลัวที่ออกมาจากจิตวิญญาณ
“เจ้าจะยืนนิ่งทำไมอีก? ยังไม่รีบเข้ามาช่วยกันกำจัดมันอีกหรือ?”
ต้วนชิงหงนั้นถูกกดดันอย่างหนักแต่กลับเห็นว่าจงฮันหลินได้แต่ยืนนิ่ง เขาจึงอดไม่ได้ที่จะตะโกนออกมาอย่างสุดเสียง
ถึงเวลานี้แล้วมันจะยังมีเวลามาวางท่ารักษาหน้าตาใดๆ อีก?
ตราบเท่าที่พวกเขาจัดการเย่หยวนลงได้ เรื่องสู้สองรุมหนึ่งใครจะไปสน?
จงฮันหลินได้ยินและสะดุ้งตัวตื่นขึ้นจากภวังค์ เขายกหอกยาวขึ้นและพุ่งเข้าแทงใส่เย่หยวนในทันที
คนทั้งสองนั้นมีพลังฝีมือที่ไม่ธรรมดา แต่สุดท้ายเมื่อได้สู้สองต่อหนึ่งกับเย่หยวนแล้วพวกเขากลับทำได้แค่ตีเสมอไม่ให้เย่หยวนชิงได้เปรียบไปกว่านี้
เจ่าเจาและพวกต่างหันมามองหน้ากันด้วยความตกตะลึงอย่างถึงที่สุด
เป็นเวลานี้เองที่พวกเขาได้รู้ว่าตัวเองโง่เง่าแค่ไหน
เย่หยวนนั้นมีพลังฝีมือที่พวกเขาไม่อาจคาดเดาได้เลย
ตอนนั้นฮันยองบอกว่าจะปกป้องเย่หยวน และพวกเขาก็เลยไปข่มขู่เย่หยวนอย่างไม่ลืมหูลืมตา สมควรแล้วที่จะถูกหักแขนหักขากลับมาเช่นนั้น
เมื่อลองมองย้อนกลับไป เรื่องในตอนนั้นมันคือเรื่องตลกร้ายดีๆ นี่เอง
เย่หยวนไม่ไป มิใช่เพราะเขามั่นใจในการปกป้องของฮันยองและหยางฝาน แต่เป็นเพราะว่าเขานั้นไม่ได้กลัวเกรงพวกเขาสามพี่น้องเลยแม้แต่น้อย
ต้วนชิงหงและจงฮันหลินทั้งสองคนนั้นเป็นถึงราชันพระเจ้าเก้าดาวขั้นกลางแล้ว ความเข้าใจในแนวคิดของพวกเขายิ่งแข็งแกร่งจนเหนือล้ำผู้คน
ที่สำคัญอาวุธที่เขาทั้งสองถือยังเป็นถึงสมบัตินภาสวรรค์เลิศล้ำ พลังของมันนั้นเหนือล้ำกว่าที่จะเอาสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำไปเทียบเคียงได้เลย
แต่ตอนนี้แม้จะเป็นศึกสองต่อหนึ่ง พวกเขากลับทำได้แค่ตีเสมอกับเย่หยวนที่ถือแค่สมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำเท่านั้น
พลังฝีมือของเย่หยวนนี้มันแข็งแกร่งจนน่ากลัว
ในพริบตาคนทั้งสามก็แลกกระบวนท่ากันไปนับพันแล้ว ต้วนชิงหงและจงฮันหลินกลับไม่สามารถจะชิงความได้เปรียบมาไว้ในมือเลยแม้แต่น้อย
ฟุบ!
จู่ๆ เย่หยวนก็มองเห็นถึงช่องว่างและแทงดาบออกมาอย่างรุนแรง
ต้วนชิงหงหน้าซีดเผือดลงทันที ถึงตอนนี้มันคงสายเกินกว่าที่จะหลบได้แล้ว
แต่ฝีมือการเคลื่อนไหวของเขานั้นก็ยังเหนือล้ำ สามารถหลบจุดตายออกมาได้
ดาบนี้ของเย่หยวนจึงทำได้แค่ฟันเข้าลึกที่แขนของเขาแทน
“อ้ากก!”
ต้วนชิงหงร้องออกมาก่อนจะล้มลง
แต่ว่าสิ่งที่ทุกคนไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นตามมา เพราะเมื่อเขาลุกได้เขากลับพุ่งร่างหนีหายไป
ไอ้หมอนี่… กล้าที่จะหนีหน้าด้านๆ อย่างนี้เลย!
เมื่อจงฮันหลินได้เห็นภาพนี้เขาก็หน้าซีดลงในทันที
หากต้องปะทะกับเย่หยวนด้วยตัวคนเดียว เขานั้นไม่มั่นใจเลยว่าจะรับมือได้
ต้วนชิงหง ไอ้คนขี้ขลาด! เจ้าไม่ได้ตายดีแน่!” จงฮันหลินตะโกนไล่หลังไป
เพียงแค่ว่าต้วนชิงหงนั้นไปไกลจนไม่อาจได้ยินคำพูดนั้นอีกแล้ว
เมื่อศัตรูลงลด ดาบของเย่หยวนก็ย่อมเฉียบคมขึ้น ตอนนี้จงฮันหลินได้แต่ปัดป้องไม่มีปัญญาใดๆ จะตอบโต้กลับได้เลย
เย่หยวนนั้นแฝงดาบวิญญาณลับเข้าไปในกระบวนท่า ทำให้แม้มันอาจจะไม่รุนแรงเท่าตอนที่ใช้ออกมาตรงๆ แต่ดาบของเขานี้มันก็ยังเป็นเหมือนแค่เงา ทำให้ผู้คนไม่สามารถจับทางที่ดาบจะเคลื่อนไปได้เลย
ไม่นานนักเย่หยวนก็เจอช่องว่างในกระบวนท่าของจงฮันหลินและใช้ดาบยาวนั้นพุ่งตรงออกไปยังลำคอของจงฮันหลินในทันที
หากดาบนี้ฟาดลง จงฮันหลินคงไม่เหลือชีวิตแล้ว
เพราะกับจงฮันหลินคนนี้ เย่หยวนไม่คิดที่จะปรานีเลยแม้แต่น้อย
จงฮันหลินนั้นแสดงเจตนาสังหารเขาออกมาอย่างแจ่มชัด ต่อให้วันหน้าได้เข้านิกายไปด้วยกันชายคนนี้ก็ย่อมไม่คิดจะปล่อยให้เขาได้อยู่สุขแน่
เพราะฉะนั้นเป้าหมายแต่แรกเริ่มของเย่หยวนก็คือการสังหาร!
คนรอบๆ ที่เห็นดาบนั้นต่างได้แต่ร้องออกมาอย่างตื่นตกใจ
เวลานี้เองที่เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น
คลื่นพลังอันน่าเกรงขามปะทุออกมาระหว่างคนทั้งสองอย่างไม่มีการบอกกล่าว
เรื่องนี้แม้แต่เย่หยวนก็คาดเดาไม่ถึง
แต่การตอบสนองของเขานั้นยังรวดเร็ว เย่หยวนใช้แนวคิดแห่งห้วงมิติออกมาจนถึงขั้นสุดและหลบเลี่ยงการโจมตีนี้มาได้อย่างเฉียดฉิว
แต่ทว่าคลื่นพลังนี้มันแสนรุนแรง แถมยังเป็นการลอบโจมตี แม้เย่หยวนจะหลบมาได้ แต่เขาก็ยังได้รับผลกระทบจากมันมาอย่างแรง
“อ่อก!”
เย่หยวนต้องกระอักเลือดออกมาคำโต ร่างของเขาทรุดลงกับพื้นด้วยท่าทางบาดเจ็บสาหัส
ชายหนุ่มในชุดฟ้าคนหนึ่งเดินออกมาจากความว่างเปล่าและมองดูเย่หยวนด้วยความเหยียดหยาม
เมื่อจงฮันหลินเห็นชายคนนี้เขาก็ร้องขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นดีใจทันที
“ศิษย์พี่เชียนเย่!”
เชียนเย่พยักหน้ารับและหันไปมองเย่หยวนอีกครั้ง “เจ้านั้นช่างกล้ามากสินะถึงคิดจะมาสังหารศิษย์นิกายบุปผาเหินเรา? มีฝีมือจริง แต่น่าเสียดายเมื่อต้องมาอยู่ต่อหน้าอาณาจักรนภาสวรรค์ ต่อให้เจ้าจะมีพลังแนวคิดที่สูงส่งเพียงใดมันก็เป็นได้แค่สวะ!”
เย่หยวนหันมองดูชายชุดฟ้าคนนี้และลุกขึ้นมาอย่างไม่ยอมแพ้
ถึงแม้ว่าตอนนี้แค่ลุกขึ้นยืนจะยังลำบากแล้วก็ตาม
…………………………