Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 1780 หัวใจของมิติอนัตตา
“บอกเจ้า? ฮ่าๆ ฝันไปเถอะ! ต่อให้ข้าต้องตายข้าก็ไม่คิดจะบอกอะไรเจ้าแม้แต่สิ่งเดียว!”
สภาพของสีกงซิ่วในตอนนี้มันราวกับคนบ้า ศักดิ์ศรีใดๆ ที่เขาเคยมีมันก็หายไปจนสิ้น
ความเกลียดชังที่เขามีต่อเย่หยวนนั้นมันมากเหนือล้ำ
แต่เย่หยวนแค่ยิ้มตอบกลับไป “เจ้าเข้าใจผิดแล้ว ข้าไม่ได้คิดจะฟังจากปากของเจ้า เรื่องที่เจ้าพูดมาข้าจะเชื่อได้หรือเปล่าข้ายังไม่รู้เลย”
สีกงซิ่วนิ่งเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะหัวเราะขึ้นมา “เจ้าคิดจะใช้การตรวจสอบจิตข้า? ฮ่าๆๆ นิกายคุมวิญญาณเราเก่งกาจในด้านจิตศักดิ์สิทธิ์ ข้ามีพลังบ่มเพาะที่เหนือล้ำกว่าเจ้า แล้วคนอย่างเจ้ายังคิดมาพูดว่าจะตรวจสอบจิตข้าอีกรึ? เจ้าคนโอหัง!”
เย่หยวนมองดูสีกงซิ่วอย่างใจเย็นและตอบไปด้วยรอยยิ้มที่เย็นเยือก “เรอะ?”
ตุบ!
เท้าของเย่หยวนกระทืบลงบนร่างของสีกงซิ่วก่อนจะค่อยๆ ปล่อยพลังจิตศักด์สิทธิ์ของตนเข้าสู่ทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของอีกฝ่ายอย่างบ้าคลั่ง
สีกงซิ่วนั้นเสียพลังบ่มเพาะไปมาก แต่จิตศักดิ์สิทธิ์ของเขานั้นก็ยังแข็งแกร่งไม่ต่างจากเดิม
หากให้พูดตามหลักการแล้วเย่หยวนย่อมไม่สามารถจะตรวจสอบจิตของเขาได้เลย
สีกงซิ่วเองก็คิดเช่นนั้น เขาจึงปล่อยพลังจิตศักดิ์สิทธิ์ของตนออกมาอย่างบ้าคลั่ง เพื่อพยายามที่จะผลักดันเย่หยวนกลับออกไป
แต่ตอนนั้นเองที่มันมีพลังงานบางอย่างเข้ามาปกคลุมทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของเขาไว้
ตอนนี้จิตศักดิ์สิทธิ์ของเขานิ่งค้าง ไม่สามารถที่จะขยับใดๆ ได้
มันเป็นความรู้สึกที่ราวกับถูกมัดมือมันเท้า เขาได้แต่ปล่อยให้เย่หยวนจ้องมองเข้าไปในความคิดความทรงจำของเขา
สีกงซิ่วนั้นรู้สึกได้ถึงความอับอายและโกรธแค้นอย่างถึงที่สุด ตอนนี้ความลับใดๆ ที่เขามีก็ถูกเปิดเผยต่อเย่หยวนจนสิ้น
เมื่อศิษย์คนอื่นๆ ของนิกายคุมวิญญาณได้เห็นดังนั้น พวกเขาทุกผู้คนก็หน้าถอดสีไป
เย่หยวนทำสำเร็จ!
ชายหนุ่มคนนี้มันจะน่ากลัวเกินไปแล้ว! มันเป็นใครมาจากไหนกัน?
ไม่นานนักเย่หยวนก็ดึงจิตศักดิ์สิทธิ์ของตนกลับมา ด้วยสีหน้าท่าทางสุดขยะแขยง
“เย่หยวน ข้าจะฆ่าเจ้า! จะฆ่าเจ้าให้ได้!”
สีกงซิ่วตะโกนร้องต่อยออกมาใส่เย่หยวน แต่เป็นหนิงเทียนปิงที่เข้าไปซัดเขาจนปลิวไปด้วยฝ่ามือ
สภาพของสีกงซิ่วในตอนนี้มันไม่ต่างอะไรจากมีดที่หักบิ่น ด้วยพลังฝีมือของหนิงเทียนปิงในตอนนี้การจะจัดการกับเขานั้นมันยิ่งเสียกว่าง่าย
“ขยะเช่นเจ้าคิดจะทำร้ายนายใหญ่?” หนิงเทียนปิงบอกออกมาด้วยท่าทางเย้ยหยัน
เย่หยวนมองดูสีกงซิ่ว “นิกายคุมวิญญาณของเจ้านี้มันเลวร้ายเสียยิ่งกว่าสัตว์! อิ้งหมัวหู่ เทียนปิง หู่ชิง สังหารมันให้หมดอย่าให้เหลือรอด”
นิกายคุมวิญญาณนี้ได้ทำเรื่องราวชั่วร้ายมามากมายเกินกว่าที่จะเรียกพวกนี้ว่ามนุษย์ได้ลง
สีกงซิ่วคนนี้ยิ่งเลวร้าย ทั้งทำการปล้น ฆ่า ข่มขื่น ความชั่วร้ายที่ไม่ต่างอะไรกับโจรป่า
คนเช่นนี้หากเย่หยวนไม่ได้ไปเจอหน้าเข้าก็คงไม่มีอะไร
แต่ไหนๆ เย่หยวนก็ได้มาเจอแล้ว เขาย่อมไม่คิดที่จะใจอ่อนปล่อยไป
เหล่าศิษย์ของนิกายคุมวิญญาณนั้นอ่อนแอลงมากเพราะการอัญเชิญสัตว์เทวะผู้พิทักษ์ ทำให้พวกอิ้งหมัวหู่นั้นสามารถสังหารพวกเขาลงได้อย่างง่ายดาย
“พี่ใหญ่ ข้าไม่คิดเลยจริงๆ ว่าท่านจะเดินทางตามหาข้ามาจนถึงที่นี่! หากไม่ได้ท่าน ข้าคง…”
อิ้งหมัวหู่นั้นมีสีหน้าเศร้าโศก คิดถึงชีวิตที่ยิ่งเสียกว่าหมูกว่าหมา เขาจึงอดไม่ได้ที่จะหวาดกลัวขึ้นมาจับใจ
หนิงเทียนปิงอดไม่ได้จึงต้องบอก “น้องอิ้งหมัวหู่ท่านนั้นไม่รู้เลยว่านายใหญ่ท่านต้องลำบากมากมายแค่ไหนกว่าจะมาหาท่านเจอได้”
เย่หยวนหันไปมองหนิงเทียนปิงควับทันที “เจ้าพูดมากเกินไปแล้ว!”
หนิงเทียนปิงหุบปากลงทันทีที่ได้ยิน
อิ้งหมัวหู่นั้นสั่นสะท้านอยู่ภายใน เพราะเรื่องที่หนิงเทียนปิงบอกมานั้นเขาย่อมรู้ดีอยู่ในใจแล้ว
“เอาล่ะ อย่าไปฟังมันพูดไร้สาระอีกเลย แค่เจ้าปลอดภัยก็ดีมากแล้ว” เย่หยวนเข้ามาตบบ่าอิ้งหมัวหู่
อิ้งหมัวหู่เองก็พยักหน้าและไม่กล่าวใดๆ อีก
ระหว่างเขากับเย่หยวนนั้นมันไม่ต้องมีคำขอบคุณใดๆ ให้มากมาย
หากเย่หยวนเจอปัญหาใด เขาเองก็คงละทิ้งทุกสิ่งอย่างออกไปช่วยเหลือเย่หยวนเช่นกัน
หลังจากคุยกันไปได้สักพักเย่หยวนถึงได้รู้ว่าอิ้งหมัวหู่ไม่ได้ตั้งใจมาที่อาณาจักรเทพอสูรด้วยตนเอง แต่เป็นเพราะความบังเอิญที่น่าเหลือเชื่อ
ตอนนั้นหลังอิ้งหมัวหู่เดินทางออกมาจากเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์เขาก็ได้ไปเจอถ้ำหนึ่งเข้า
อิ้งหมัวหู่ได้รับมรดกสืบทอดของเผ่าพยัคฆ์จากภายในถ้ำ แต่เขาก็ต้องติดอยู่ในนั้นนานหลายร้อยปี
จากนั้นอิ้งหมัวหู่ก็แข็งแกร่งขึ้นอย่างมากจนสามารถออกมาจากภายในถ้ำได้
แต่ใครจะไปรู้ว่าเมื่อออกมาแล้ว เขากลับมาถึงอาณาจักรเทพอสูรแทน
จากนั้นก็เป็นอย่างที่เย่หยวนได้ยินมา
เมื่ออิ้งหมัวหู่ได้รู้เรื่องราวทั้งหมดแล้ว ร่างของเขาก็สั่นสะท้านขึ้น
เขาไม่เคยคิดเลยว่าเขาคิดกับเฮ่อตงเหมือนเป็นพี่น้อง แต่เฮ่อตงกลับคิดว่าเขาเป็นแค่ไอ้โง่
แต่หลังจากได้ยินว่าเฮ่อตงถูกราชันพยัคฆ์สวรรค์ทรมานจนตายแล้วอิ้งหมัวหู่ก็รู้สึกโล่งขึ้นมาก
ไม่ว่าอย่างไรเสียพี่ใหญ่ของเขาคนนี้ก็จะมาแก้แค้นให้เขาได้เสมอ
“พี่ใหญ่ เราจะทำอย่างไรต่อดี? ท่านได้รู้เรื่องใดจากความทรงจำของสีกงซิ่วมันบ้างไหม?” อิ้งหมัวหู่ถาม
เพราะเรื่องใหญ่ในตอนนี้คือหาทางกลับไป
เย่หยวนพยักหน้าบอก “มิติอนัตตากอไผ่นี้มีหัวใจของมิติอนัตตาอยู่ หัวใจของมิติอนัตตานั้นคือจุดพลิกผันที่เชื่อมโยงมิตินี้เข้ากับมหาพิภพถงเทียน ทั้งมันยังทำหน้าที่ดูดกลืนพลังจากมหาพิภพถงเทียนเพื่อมาหล่อเลี้ยงมิติอนัตตาอย่างไม่มีพัก ฉะนั้นตราบเท่าที่เราสามารถหาหัวใจของมิติอนัตตานี้เจอ พวกเราก็ย่อมสามารถหาทางกลับไปได้”
อิ้งหมัวหู่ขมวดคิ้วแน่น “เจ้าหัวใจของมิติอนัตตานี้มันดูสำคัญมาก คงไม่ได้หาเจอกันง่ายๆ หรอกใช่ไหม?”
เย่หยวนยิ้มออกมาอย่างขื่นขม “มิติอนัตตากอไผ่นี้เป็นมิติระดับเทพสวรรค์ หลายค่ายสำนักใหญ่ล้วนมียอดฝีมือระดับเทพถ่องแท้อยู่ หากอยากบุกเข้าไปยังหัวใจของมิติอนัตตานั้นมันคงเป็นเรื่องที่ทำได้แค่เพ้อฝัน”
คนทั้งสามได้แต่ถอนหายใจยาวออกมาเมื่อได้ยิน เจ้าหัวใจของมิติอนัตตานี้มันสำคัญมาก ย่อมเป็นเรื่องปกติที่จะมียอดฝีมือคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง
ยอดฝีมือระดับเทพสวรรค์ แค่ลมหายใจของคนเหล่านั้นมันก็มากพอจะเป่าให้พวกเขากลายเป็นธุลี การที่จะบุกเข้าไปยังหัวใจของมิติอนัตตานั้นมันเป็นเรื่องที่ไม่มีทางเป็นไปได้เลย
“นายใหญ่ นี่มัน… หรือว่าเรามีแต่ต้องรออยู่ในมิตินี้?” หนิงเทียนปิงบอกมาด้วยสีหน้าสุดกังวล
เย่หยวนตอบ “ไม่จำเป็น! ค่ายสำนักที่ควบคุมดูแลหัวใจแห่งมิติอนัตตานั้นมีชื่อว่าวิหารศักดิ์สิทธิ์กอไผ่ พวกเขามีกองกำลังระดับเทพถ่องแท้อยู่มาก ทุกๆ หนึ่งพันปีพวกเขาจะมาทำการชุมนุมการต่อสู้แห่งกอไผ่ ยอดฝีมือห้าคนที่อยู่ห้าอันดับแรกของการชุมนุมนี้จะได้รับสิทธิ์เข้าเป็นศิษย์ของวิหารศักดิ์สิทธิ์กอไผ่ และคนทั้งห้ายังจะได้รับสิทธิ์ในการเข้าไปศึกษาเต๋าในหัวใจของมิติอนัตตาด้วย!”
ในหัวใจของมิติอนัตตานั้นย่อมมีความรู้ประสบการณ์ชีวิตของผู้สร้างมิติอนัตตานี้หลงเหลือทิ้งไว้
เพราะฉะนั้นมันจึงไม่ใช่แค่จุดสำคัญในการรักษามิตินี้ให้คงอยู่ แต่มันยังเป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การศึกษาความรู้อย่างมากมาย
“พี่ใหญ่ ท่านจะบอกว่าพวกเราต้องเข้าร่วมสำนักนิกายนี้และเข้าร่วมงานชุมนุมการต่อสู้แห่งกอไผ่?” อิ้งหมัวหู่ถาม
เย่หยวนยิ้ม “ไม่ใช่เรา แต่เป็นข้า! การฝึกฝนบ่มเพาะของมิติอนัตตากอำไผ่นี้มันแสนที่จะโบราณ การฝึกฝนปราณเทวะของพวกเขาเองก็แตกต่างจากบนมหาพิภพถงเทียนมาก หากให้พวกเจ้าไปถึงนิกายแล้ว เมื่อพวกเจ้าได้ใช้ปราณเทวะออกมาพวกเขาเหล่านั้นคงรับรู้กันหมดว่าเรามาจากมหาพิภพถงเทียน เพราะฉะนั้นพวกเจ้าจงรออยู่ในโถงบัลลังก์ม่วงและฝึกฝนตัวไป ข้าจะเป็นคนพาพวกเจ้ากลับไปยังมหาพิภพถงเทียนเอง”
อิ้งหมัวหู่ยักไหล่ตอบ “ย่อมได้พี่ใหญ่ ท่านนั้นมีวรยุทธบ่มเพาะที่แปลกประหลาด เรื่องเช่นนี้ให้ท่านเป็นคนจัดการน่าจะเหมาะที่สุดแล้ว”
เขารู้ดีว่าวรยุทธการบ่มเพาะของเย่หยวนนั้นสามารถปรับแต่งให้มันคล้ายปราณของพวกเผ่าปีศาจได้ เพราะฉะนั้นปราณของมิติอนัตตาก่อไผ่นี้เองก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาแน่
เย่หยวนตรวจความทรงจำของสีกงซิ่วมาและย่อมรู้แน่ว่าทางออกเขตแดนตัดขาดนี้มันตั้งอยู่ที่ใด
เขาปล่อยให้พวกอิ้งหมัวหู่เข้าไปพักในโถงบัลลังก์ม่วงและเริ่มออกเดินทางตรงไปยังทางออกของเขตแดนตัดขาด มุ่งหน้าสู่มิติอนัตตาก่อไผ่
………………………….