Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 1522 ตามที่เจ้าพอใจ
ตามที่หญิงสาวนางนั้นคาดการณ์ไว้ไม่มีผิด คู่ต่อสู้หลังจากนั้นของเย่หยวนหาใช่ปัญหาของเขาไม่
เมื่อสามารถปลิดชีพคู่ต่อสู้รอบที่สิบเจ็ดลงได้ เย่หยวนก็ปล่อยให้เหล่าอัจฉริยะที่เฝ้ามองอยู่ด้านนอกตื่นตะลึงขากรรไกรแทบร่วง
ติงฟานรู้สึกเพียงว่ายามนี้ริมฝีปากของตนแห้งเหือดเสียเหลือเกิน ความแข็งแกร่งของเย่หยวนทรงพลังจนไต่มาถึงรอบนี้ได้จริงๆน่ะรึ?
ขณะที่ตนเดินทางมาสุดในรอบที่เก้า แต่เย่หยวนกลับไปได้ไกลถึงรอบที่สิบแปด!
ความเหลื่อมล้ำระหว่างเขากับแม่ทัพปีศาจขั้นสุดตัวน้อย มันห่างถึงเก้ารอบเชียว?
และเก้ารอบที่ว่านี้ แต่ละรอบความยากที่ต้องเผชิญล้วนเพิ่มขึ้นเป็นหลายเท่าทวี
คู่ต่อสู้จากเก้ารอบหลังย่อมแข็งแกร่งยิ่งกว่าคู่ต่อสู้จากเก้ารอบแรกเป็นอย่างมาก
“ข้าไม่รู้จริงๆว่าเจ้าเด็กคนนี้มันแกร่งกล้าเพียงใด! ข้าอยากลองปะมือกับเขาจริงๆหลังจากที่ออกมา!”
ภายในใจของปาถู่รู้สึกคันเหลือทน เขากังขาสงสัยยิ่งว่าแท้จริงแล้ว คู่ต่อสู้ที่เย่หยวนพบเจอมันเหมือนกับของพวกเขาหรือไม่
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการต่อสู้ในรอบที่สิบสาม เขาสามารถเอาชนะหญิงสาวผู้แสนเย็นชานางนั้นได้อย่างค้านสายตาพวกเขายิ่ง เห็นได้ชัดว่านางทะลวงหน้าท้องของเย่หยวนจนเป็นรูโหว่ได้ แต่ไฉนกลับเป็นเย่หยวนที่ชนะในตอนท้าย?
“นี่ก็รอบสุดท้ายแล้ว ผลจะเป็นอย่างไรย่อมทราบในไม่ช้าก็เร็ว!”
ติงฟานกล่าวพร้อมแสยะยิ้มเย็น
…………..
เย่หยวนจับจ้องไปยังชายหนุ่มในชุดอาภรณ์สีดำตรงหน้า แรงกดดันขุมใหญ่ที่เขาได้รับกลับไม่เคยสัมผัสจากที่ใดมาก่อน
แม้ว่าหญิงสาวนางนั้นจะแข็งแกร่งยิ่ง แต่นางก็ยังไม่สามารถชักนำแรงกดดันให้แก่เขาได้มหาศาลปานนี้
ก่อนหน้าที่จะได้เผชิญพบกับเจิ้งเจี้ยน เย่หยวนนึกไม่ออกเลยว่า จะมีเซียนอาณาจักรบรรพกาลพระเจ้าครึ่งขั้นคนใดสามารถสร้างแรงกดดันให้เขาได้ขนาดนี้จริงๆ
“เหอะ! เจ้าพวกขยะเหล่านั้นกลับปล่อยให้ไก่อ่อนอย่างเจ้ามาถึงตรงหน้าข้าได้จริงๆ!”
เจิ้งเจี้ยนกล่าวเย้ยหยันขึ้นทันทีพร้อมสายตาแสนดูถูก
เย่หยวนขมวดคิ้วขึ้นถักหนา พวกขยะงั้นรึ?
คู่ต่อสู้ทั้งสิบเจ็ดคนก่อนหน้า ทุกคนล้วนแต่เป็นยอดอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์ที่น่าอัศจรรย์ยิ่ง
แต่เมื่อมาถึงจุดนี้ เจิ้งเจี้ยนกลับทำให้พวกเขากลายเป็นขยะในพริบตา
มุมปากเย่หยวนกระตุกขึ้นเล็กน้อยก่อนกล่าวว่า
“พวกเขาเหล่านั้นต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า เจ้าเป็นพวกบ้าระห้ำ แต่ข้าไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลยว่า จะเป็นพวกบ้าระห้ำที่หยิ่งผยองปานนี้”
เจิ้งเจี้ยนเค้นเสียงเย็นเอ่ยตอบอย่างไม่แยแสว่า
“ไม่ใช่ว่าข้าหยิ่งผยอง แต่เจ้าไม่มีคุณสมบัติที่จะยืนอยู่ตรงหน้าข้าเลย ข้าไร้เทียมทานที่สุดในบรรดายอดอัจฉริยะในระดับชั้นเดียวกัน แต่เจ้าเป็นเพียงเด็กน้อยอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าขั้นสุดเท่านั้น แล้วเจ้ามีสิทธิ์อะไรเข้ามายืนเทียบชั้นกับข้าผู้นี้?”
กลิ่นอายความหยิ่งผยองของเจิ้งเจี้ยนแผ่ซ่านกำราบทั่วสวรรค์ เขากำลังดูถูกเย่หยวนโดยสิ้นเชิง
ในสายตาของเขา ไม่มีผู้ใดในระดับชั้นเดียวกันที่สามารถเป็นคู่มือของเขาได้ เช่นนั้นแล้วนับประสาอะไรกับเย่หยวนที่มีระดับพลังต่ำกว่าเขา?
เพียงว่าวาจาคำกล่าวเหล่านี้ค่อนข้างเป็นเรื่องขำขันสำหรับเย่หยวน
ไร้เทียมทานที่สุดในบรรดายอดดอัจฉริยะในรระดับชั้นเดียวกัน? วาจาคำกล่าวเช่นนี้แม้แต่เย่หยวนเองยังไม่กล้าพูด แต่เจิ้งเจี้ยนคนนี้กลับกล่าวออกมาได้อย่างไร้ยางอาย
บนมหาพิภพถงเถียนอันกว้างใหญ่ไร้ขอบเขต คำว่ายอดอัจฉริยะกลับมีมากมายเกินคนานับดั่งเส้นขนวัว มีใครบ้างกล้าบอกว่าตนเองไร้เทียมทานที่สุด?
เย่หยวนเชื่อสนิทใจว่า เจิ้งเจี้ยนคนนี้เป็นบุคคลที่แข็งแกร่งอย่างยิ่งแน่นอน แต่การที่สามารถเอ่ยกล่าวเช่นนี้ออกมาได้โดยไม่ละคายปาก เย่หยวนกลับเริ่มไม่มั่นใจแล้วเช่นกัน
เย่หยวนยิ้มและกล่าวว่า
“เหอะ เช่นนั้นก็ขอโทษด้วย เพราะตลอดที่ผ่านมา ข้าเองก็ยังไม่เคยเจอผู้ใดในระดับเดียวกันที่เป็นคู่มือข้าได้เลยเช่นกัน”
เจิ้งเจี้ยนแสยะยิ้มพลางเอ่ยกล่าวเย้ยหยันไปว่า
“เช่นนั้นรึ? ดูท่าเจ้าเองก็หยิ่งผยองนัก! หากเป็นอย่างนั้น ข้าจะบดขยี้ความหยิ่งผยองของเจ้าให้สิ้นในวันนี้! ข้าจะทำให้เจ้าตระหนักแจ้งเองถึงความแตกต่างระหว่างคนธรรมดากับอัจฉริยะ!”
“มาเถิด ข้ารอคอยที่จะได้พบเจอกับอัจ…ฉริยะเสียนานแล้ว”
เย่หยวนจงใจลากเสียง แสดงความรังเกียจเผยให้เห็นออกมา เพราะเขาไม่ชอบบุคคลที่ได้ชื่อว่าแข็งแกร่งที่สุดคนนี้อย่างมาก
เจิ้งเจี้ยนยังคงยืนนิ่งดุจหินผา วาจายั่วยุของเย่หยวนกลับใช้ไม่ได้ผล
ทันทีทันใด เย่หยวนพลันขมวดคิ้วเข้มทันที รัศมีพลังที่ปะทุออกจากร่างของเจิ้งเจี้ยนลดลงตกฮวบในพริบตา เขาระงับระดับพลังของตนเหลือเพียงอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าขั้นสุดเหมือนกับเย่หยวน!
“เจ้าประหลาดใจนักรึ?”
เจิ้งเจียนเอ่ยกล่าวขึ้นอย่างไม่แสแย
เย่หยวนพยักตอบตรงไปตรงมาและกล่าวว่า
“ประลหาดใจเล็กน้อย”
เจิ้งเจี้ยนกล่าวต่อว่า
“ข้าเคยกล่าวไปก่อนหน้านี้แล้ว ตัวข้าไร้เทียมทานที่สุดในบรรดาระดับชั้นเดียวกันทั้งหมด หากยังหยิบใช้ขุมพลังอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าครั้งขั้นกับเจ้า แล้วข้าจะต่างไปจากพวกขยะที่ผ่านมาอย่างไร?”
เย่หยวนยักไหล่ตอบว่า
“ตามที่เจ้าพอใจเสีย”
เย่หยวนในตอนนี้ค้นพบแล้วว่า ตนไม่มีทางสื่อสารกับชายผู้หยิ่งผยองตรงหน้าได้เลย
กล่าวได้ว่า อยากทำอะไรก็ทำไป เขาพูดไปคงทำอะไรไม่ได้อยู่ดี
ภายนอกเหล่าเหล่าอัจฉริยะกลุ่มนั้นที่เฝ้ามองภาพฉาก ต่างอ้างปากค้าง ลิ้มพัลวันพูดไม่ออกกันอยู่นาน
“บัดซบ! เจ้าบ้านั้นมันปัญญาอ่อนรึอย่างไร? กล้าระงับระดับพลังลงเพื่อต่อกรกับบรรพกาลราตรีจริงๆ?”
“เจ้านั้นอวดดีเกินไป!”
“ในเมื่อหยิ่งยโสปานนี้ก็นับว่าหาเรื่องเข้าตัวแล้ว! ข้าอยากเห็นเสียจริงว่ามันจะตายอย่างไร!”
……………….
แม้ว่าติงฟานและปาถู่จะรู้สึกว่าเย่หยวนไม่น่าจะผ่านมาถึงรอบนี้ได้ก็จริง แต่เรื่องความแข็งแกร่งของเย่หยวน พวกเขาเองก็มิได้กังขาสงสัยเช่นกัน
เมื่อเห็นเจิ้งเจี้ยนระงับระดับพลังของตนลงเพื่อรับมือกับเย่หยวน พวกเขาต่างตื่นตะลึงไม่อยากเชื่อสายตาเท่าไหร่นัก
ในมุมมองของบางคนยังพลันคิดไปว่าอีกฝ่ายคงบ้าไปแล้ว
ดาบคู่สองเล่มปรากฏขึ้นในมือเจิ้งเจี้ยนในพริบตา
ทั่วกายาปลดปล่อยกลิ่นอายสุดลึกล้ำเกินหยั่งถึงออกมาโดยตรง
รัศมีแรงกดดันสุดเดือดดุปราดพุ่งเข้าครอบงำ สีหน้าเย่หยวนแปรเปลี่ยนอย่างเห็นได้ชัด
ถึงชายผู้นี้จะหยิ่งยโสปานใด แต่ความแข็งแกร่งของเขาก็มิอาจปฏิเสธได้จริงๆ
แม้อีกฝ่ายจะระงับระดับพลังของตนลงไป ทว่าเย่หยวนก็ไม่กล้าประมาทเช่นกัน
“ภายในสิบกระบวนดาบข้าจักส่งเจ้ากลับบ้านเก่า! เพลงดาบอรหันต์!”
เจิ้งเจี้ยงลั่นคำรามเสียงทุ้ม ปราดพุ่งจู่โจมราวกับพญาเสือลุถึงตรงหน้าเย่หยวนในพริบตา
ดาบคู่ทั้งสองเล่มห่ำหั่นกระหน่ำเข้าใส่ เล่มหนึ่งสะบั้นตรงไปที่ลำคอขณะที่อีกเล่มทะลวงเข้าหน้าท้องของเย่หยวน สอดผสานเข้าจังหวะแสนลงตัวสมบูรณ์แบบ
เย่หยวนเค้นหัวเราะคำหนึ่ง กระชับดาบพิชิตมารฟ้าในมือแน่น ยิ่งประกายแสงกระบวนดาบร่ายไสว ลึกลับเกินหยั่งถึง
“เพลงดาบเมฆาลับแล!”
ทัศนวิสัยเบื้องหน้าของเจิ้งเจี้ยนพลันพล่าเบลอฉับพลัน คมดาบของเย่หยวนแม้นออกตัวร่ายปลดปล่อยได้ช้ากว่า ทว่ากลับลุถึงตรงหน้าถึงก่อนอีกฝ่าย!
คลื่นความตกใจที่ถาโถมหามีนัยยะสำคัญไม่ ท่าร่ายกลยุทธ์แปรเปลี่ยน เจิ้งเจี้ยนตั้งรับปัดกระบวนดาบเย่หยวนออกไปในพริบตา
ถึงอย่างไรการปรับเปลี่ยนกระบวนฉับพลันเช่นนี้ ทำให้เจิ้งเจี้ยนสูญเสียความได้เปรียบไปเช่นกัน
ดายคู่ของเจิ้งเจี้ยนมีขนาดค่อนข้างสั้น ความได้เปรียบเกิดจากการสัประยุทธ์ระยะประชิด
แต่ยามนี้เย่หยวนอาศัยความยาวของดาบตนเอง เข้าปราบปรามเจิ้งเจี้ยนโดยตรงไร้ปราณี
หนึ่งกระบวนแปรเปลี่ยน การปรับรูปแบบเคลื่อนไหวในครานี้ เจิ้งเจี้ยนรู้สึกเสียใจอยู่เบื้องลึก
“กลับกลายเป็นว่าเจ้าเข้าใจแนวคิดแห่งห้วงมิตินี่เอง ไม่น่าแปลกใจถึงไฉนอวดดีนัก แต่น่าเสียดาย แนวคิดแห่งห้วงมิติที่เจ้าเข้าใจยังคงตื้นเขินเกินไป!”
เจิ้งเจี้ยนกรนเสียงเยียบเย็นครืน กระโจนร่างไสววูบปราดเข้าจู่โจมเป็นระลอกสอง
ซึ่งครั้งนี้ความเร็วของเจิ้งเจี้ยนเร่งเร้าถึงขีดสุดแล้ว
คู่สายตาที่จ้องมองของเย่หยวนแปรเปลี่ยนในทันใด ยามนี้แลดูจริงจังขึ้นหลายส่วน เห็นได้ชัดว่าเจิ้งเจี้ยนเริ่มเอาจริงแล้ว
เต๋าแห่งดาบชั้นสวรรค์ระดับสามขั้นสุดผสานรวมเข้ากับแนวคิดแห่งวายุชั้นสวรรค์ระดับสามขั้นสุด!
นอกจากนี้ยังดูเหมือนว่าดาบสั้นคู่นั้นในมือเจิ้งเจี้ยนยังดูท่ามีความลับอะไรบางอย่างเร้นซ่อนไว้อยู่
เกร๊ง! เกร๊ง! เกร๊ง!
ยามนี้เข้าเผชิญกับยอดฝีมือระดับชั้นนี้ เย่หยวนไม่กล้าเก็บซ่อนความแข็งแกร่งของตนเช่นกัน
ดาบสั้นคู่นั้นมิอาจจับทิศทางการเคลื่อนไหวได้แน่นอน เหมือนกับดาบพิชิตมารฟ้าในมือเขา ความประมาทเพียงชั่วคู่คือหนทางสู่ความตาย!
แต่ภายใต้ขอบเขตระดับพลังเดียวกันเช่นนี้ เย่หยวนหาได้เกรงกลัวเจิ้งเจี้ยนไม่
การที่เย่หยวนสามารถข้ามระดับสู้ได้ สิ่งที่เขาพึ่งพามิได้มีเพียงความเข้าใจต่อแนวคิด แต่ยังมีพลังปราณเทวะของเขาอีกด้วย!
ศึกสัประยุทธ์แสนพัลวันนี้ ทำให้เย่หยวนต้องรีดเค้นวรยุทธต่อสู้ออกมาอย่างหนักหน่วง ผลก็คือขุมพลังอานุภาพที่ออกมาถึงขีดสุด และยากยิ่งที่ผู้ใดจะรับมือ
ดังนั้นแล้ว เจิ้งเจี้ยนที่ระงับระดับพลังลงเพื่อต่อกรกับเย่หยวนอย่างสมน้ำสมเนื้อ จึงนับเป็นเรื่องที่น่าขันยิ่ง
เจิ้งเจี้ยนตระหนักถึงจุดนี้ได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าเขาจะเร่งเร้าฝีเท้าจนเคลื่อนไหวเร็วปานใด แต่สุดท้ายก็ทำได้เพียงไล่ตามความเร็วของเย่หยวนเท่านั้น
ยามนี้เขารู้สึกผิดหวังอย่างมาก ภายใต้สถานะขอบเขตพลังเดียวกัน เขากลับไม่สามารถทำอะไรเย่หยวนได้จริงๆ
ทั้งสองต่างก้ำกึ่งกันอย่างมาก!
เกร๊ง!
เย่หยวนเหลือบมองเจิ้งเจี้ยนเล็กน้อย พลางเอ่ยกล่าวด้วยรอยยิ้มที่มิใช่รอยยิ้มว่า
“นี่ก็ปาไปแปดสิบกระบวนดาบเข้าไปแล้ว เกินจากที่กล่าวอ้างไม่มากไปหน่อยรึ? ไร้เทียมทานที่สุดในบรรดาผู้คนระดับชั้นเดียวกันทั้งหมดที่เจ้าว่ากล่าว มิใช่ว่าเกินจริงไปหน่อยรึ?”
สีหน้าการแสดงออกของเจิ้งเจี้ยนยามนี้มืดทมิฬดั่งก้นหม้อไหม้ เขาไม่รู้เลยว่าตนควรหักล้างคำกล่าวของเย่หยวนอย่างไรดี
นี่ยังเป็นครั้งแรกของเขาในชีวิตที่ไม่สามารถทำอะไรกับคู่ต่อสู้ภายใต้ขอบเขตพลังเดียวกันได้!
เด็กหนุ่มที่อยู่ต่อหน้าต่อตาเขาทรงพลังเหนือจินตนาการนัก!
แม้จะไม่เต็มใจยอมรับ แต่กล่าวได้ว่าก่อนหน้าเจิ้งเจี้ยนลั่นวาจาอวดอ้างไว้มากเกินไปจริงๆ
“ดูเหมือนว่าข้าจะประเมินเจ้าต่ำเกินไปจริงๆ! เจ้าหนู เจ้ามีคุณสมบัติมากพอจะเป็นคู่ต่อสู้ของข้า! อย่างไรเสียเจ้าทำให้ข้าโกรธจริงๆแล้ว เช่นนั้นข้าขอไม่รั้งรอนออมมือใดๆอีกต่อไป!”
เจิ้งเจี้ยนแผดเสียงเย็นสะท้านเอ่ยลั่นย
เย่หยวนยิ้มแสยะยิ้มกว้างกล่าวขึ้นว่า
“น้อมรับด้วยความยินดี!”
…………………………………………………………………..