Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 1496 ลานประลองเลือด
ลานประลองเลือด สมรภูมิสังหารแห่งใต้ดินของเมือง
โถงโลหิตปรโลกหากำไรเป็นกอบเป็นกำจากสถานที่แห่งนี้
มีการต่อสู้เป็นตายไม่เว้นวันนับร้อยพัน ทั้งหมดเกิดขึ้นที่นี่
เหล่าขุนนางชนชั้นสูงที่ชอบเล่นเดิมพันเพื่อแสวงหาความบันเทิง ที่แห่งนี้นับเป็นแห่งรายได้และความสนุกสนานของพวกเขา
แน่นอนว่ายังมีชนชั้นสูงบางคนที่ลงสนามเองเป็นการส่วนตัว เพื่อฝึกปรือขัดเกลาฝีมือ
บางคนตายลงในสมรภูมิแห่งนี้ ในขณะที่คนอื่นๆล้วนสร้างชื่อเสียงให้กับตน้องบนเส้นทางสีเลือดนี้
และไคซินก็คือหนึ่งในนั้น!
ในลานประลองเลือดของเมืองหลวงคาโปน ไคซินยังคงเป็นตำนานจวบจนทุกวันนี้
หากย้อนกลับไป ไคซินยังเป็นนายน้อยที่ปราศจากชื่อเสียง น้อยคนนักที่รู้จักเขาในหมู่พี่น้องมากมาย
อย่างไรก็ตามแต่ เขาเป็นพวกไม่ห่วงชีวิตสักเท่าไหร่นัก
เขาตัดสินใจก้าวขึ้นสู่ลานประลองเลือดด้วยตัวเพียงลำพังโดยไม่มีผู้ใดติดตามมาด้วย และกลายมาเป็นนักสู้เลือดเดือด
การอยู่ของเหล่านักสู้เลือดเดือดก็เพื่อทำให้ผู้คนเพลิดเพลิน
พวกเขาเคือกลุ่มคนที่เข้าร่วมการต่อสู้ที่มีชีวิตเป็นเดิมพันบนลานประลอง ในขณะที่เหล่าขุนนางชนชั้นสูงเล่นเดิมพันบนอัฒจันทร์จนหนาตา
ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ไคซินก็เริ่มก้าวเดินขึ้นสู่วิถีแห่งสวรรค์
นอกจากมันจะเป็นลานประลองเลือดแล้ว มันยังเป็นสถานที่ที่ขุดเอาศักยภาพแฝงที่น่าสะพรึงของเขาออกมาด้วย
ในตอนแรก ไคซินเข้าสัประยุทธ์นับสิบศึกล้วนถูกลูบคมมาโดยตลอด
แต่ละคราเขาเกือบจะหลบหนีความตายจากคู่ต่อสู้แทบไม่ได้
กล่าวได้ว่า ทุกคนต่างมองเห็นเป็นประจักษ์ชัด ไคซินคนนี้ไม่น่าจะมีชีวิตอยู่ได้นานนัก
อย่างไรก็ตาม หลังจากครั้งแรกและครั้งต่อๆมา ความเร็วในการพัฒนาของไคซินก็เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดจนผู้ใดเห็นล้วนรู้สึกสิ้นหวังยิ่ง
สิบปีต่อมา ไคซินเอาชนะเหล่าคู่ต่อสู้มากมายนับไม่ถ้วน และกวาดล้างเหล่าคู่ต่อสู้ในระดับชั้นเดียวกันจนหมดสิ้น
จากประสบการณ์ต่อสู้ที่มีชีวิตเป็นเดิมพันนับครั้งไม่ถ้วน ทำให้ความแกร่งกล้าของไคซินก้าวล้ำจนน่าสะพรึง
อย่างไรก็ตาม นี่หาใช่จุดจบไม่
หลังจากที่ไคซินขึ้นกลายมาเป็น ราชันแห่งลานประลองเลือด เขาก็เริ่มท้าทายผู้คนข้ามระดับ!
การกระทำแสนบ้าคลั่งนี้ต่างทำให้ทุกคนหลงคิดไปว่า เขากำลังรนหาที่ตาย
แต่ท้ายที่สุดนี้เขากลับไม่ตาย และนามขานของเขาก็อยู่บนสมรภูมิเดือดนี้มาเป็นเวลากว่าร้อยปี
เป็นเช่นนี้ตลอดมาจวบจนวันหนึ่ง วันที่ไม่มีใครกล้าท้าทายเขาอีกต่อไป!
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อใด ไคซินไม่เคยพ่ายแพ้มาก่อน
ต่อมา บันทึกสถิติที่ลานประลองเลือดได้บันทึกไว้ ระบุว่าไคซินชนะการประลองไปแล้วกว่าแปดร้อยนัดติดต่อกัน!
สิ่งหนึ่งที่ควรทราย ภายในสถานที่แห่งนี้มียอดฝีมือมากมายราบกับก้อนเมฆ การคว้าชัยชนะติดต่อกันเช่นนี้เป็นเรื่องที่แทบเป็นไปไม่ได้
แต่กระนั้นเอง ไคซินก็ชนะติดต่อกันกว่าแปดร้อยนัดรวด!
ยิ่งไปกว่านั้น คู่ต่อสู้ของเขาล้วนแต่เป็นระดับยอดฝีมือที่มีระดับพลังสูงกว่าเขาแทบทั้งสิ้น!
ด้วยเหตุนี้ ไคซินจึงได้ฉายาว่า ราชันแห่งลานประลองเลือด
นี่คือตำนาน!
ที่ทุกคนต่างเคารพและยำเกรงต่อไคซินหาใช่เพราะเขาเป็นนายน้อยแห่งตำหนักเจ้าเมือง แต่เป็นเพราะพวกเขาหวาดกลัวในความแข็งแกร่งของอีกฝ่าย!
แน่นอน พวกเขาเองล้วนแข็งแกร่ง แต่กลับไม่มีใครบ้าระห่ำเท่าไคซิน!
ข่าวการท้าดวลของ‘ราชันแห่งลานประลองเลือด’ที่เกิดขึ้นอีกครั้ง ได้จุดชนวนผู้คนในลานประลองเลือดทันที
‘บรรพกาลราตรี’นามขานนี้ทราบกันเพียงกลุ่มคนระดับสูงของเมืองหลวงคาโปนเท่านั้น
แต่นามขาน‘ราชันแห่งลานประลองเลือด’กลับไม่มีใครไม่รู้จักภายในเมือง
บรรพกาลราตรีกับไคซินจะประลองกันโดยชีวิตเป็นเดิมพัน ทันทีข่าวนี้แพร่กระจายออกไป โดยมีเม็ดเงินหลั่งไหลเข้ามาในลานประลองเลือดเพื่อเดิมพันกว่าสามพันล้านผลึกปราณปีศาจระดับต่ำภายในสามวัน!
เก้าในสิบส่วน ทุกคนต่างเดิมพันข้าง‘ราชันแห่งลานประลองเลือด’หรือก็คือไคซิน
แม้ว่าอัตราคต่อรองของไคซินจะเป็นเพียง หนึ่งต่อหนึ่ง ก็ตาม
แน่นอนว่ายังมีนักเก็งกำไรจำนวนไม่น้อยที่เลือกข้างพนันฝั่งเย่หยวน เนื่องด้วยอัตราต่อรองที่แสนน่าดึงดูดใจเหลือเกิน
หนึ่งต่อสิบห้า!
เท่ากับว่ากำไรสิบห้าเท่า!
เมื่อชนะขึ้นทีหนึ่ง เท่ากับพวกเขาจะได้รับกำไรอย่างมหาศาล
ในคราวแรกที่เริ่มเปิดเดิมพัน อัตราต่อรองของเย่หยวนยังอยู่แค่ หนึ่งต่อเจ็ด
แต่เนื่องจากสามวันที่ผ่านมา มีคนเดิมพันฝั่งของเย่หยวนน้อยมาก ดังนั้นอัตราต่อรองของเย่หยวนจึงเพิ่มเป็นหนึ่งต่อสิบห้าทันที!
ในลานประลองเลือด เย่หยวนยังเป็นมือใหม่ และไม่มีประวัติใดให้อ้างอิงมาก่อน
อัตราต่อรองของเขาจึงดูน่ากลัวอย่างมาก ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว หากไม่มีอัตราต่อรองนี้ ก็มีน้อยคนนักที่กล้าเดิมพันฝั่งของเย่หยวน
อัตราต่อรองที่สูงมันสะท้อนให้เห็นว่า ลานประลองเลือดแห่งนี้มองเย่หยวนในแง่ไม่ดีเท่าไหร่นัก
เหล่าคนที่เลือกเดิมพันฝั่งของเย่หยวน พวกเขาหวังแค่ให้ปาฏิหาริย์เกิดขึ้นเท่านั้น
เพราะหากชนะที นั้นเท่ากับโกยกำไรมหาศาล
ในเวลานี้เอง ภายในโถงลานประลองเลือด ประมุขลานประลองเลือดอย่าง อินทรีโลหิตดูค่อนข้างหงุดหงิดนัก
“คุนหมิง เจ้ามั่นใจกับการต่อสู้นี้มากน้อยเพียงใด? เดิมทีข้ามิได้วางแผนที่จะปรับอัตราต่อรองมากขนาดนี้! แต่ทางเบื้องบนกลับสั่งการมา เดิมพันที่สูงเกินไปกลับยากที่จะลงจากหลังเสือ! เพียงช่วงเวลาสั้นๆมีคนยอมเสี่ยงเป็นมูลค่ากว่าสามหมื่นล้าน จนกระทั่งวันที่ปิดรับเดิมพัน มูลค่ากลับทะลุไปสูงถึงแสนล้านหรือมากกว่านั้นด้วยซ้ำ! หากบรรพกาลราตรีแพ้ขึ้นมา พวกเราจะสูญเสียผลกำไรในช่วงหลายปีมานี้ของลานประลองเลือดทันที! ทุกอย่างที่ทำมาจะจมลงบ่อน้ำไป!”
อินทรีโลหิตเอ่ยกล่าวน้ำเสียงเคร่งขรึม
คุนหมิงเอ่ยตอบเสียงเย็นว่า
“การประลองที่มีชีวิตและตายเป็นเดิมพัน จวบจนวินาทีสุดท้าย ใครแพ้ใครชนะกลับยากที่จะทราบผล”
อินทรีโลหิตที่ได้ยินเช่นนั้นแทบสำลัก และกล่าวว่า
“คำพูดของเจ้าช่างไร้ความรับผิดชอบสิ้นดี! ความแกร่งกล้าของไคซิน เจ้าเองก็ชัดเจนดี! กล่าวได้ว่าไร้เทียมทานในหมู่ระดับชั้นเดียวหัน! หรือเจ้าทราบถึงจุดแข็งของบรรพกาลราตรีนั้น?”
คุนหมิงมองบนใส่อินทรีโลหิตเล็กน้อย และกล่าวน้ำเสียงเรียบนิ่งว่า
“อินทรีโลหิต เจ้าอย่าเพิ่งร้อนรนไปเสีย ข้าแค่บอกว่าโอกาสชนะของบรรพกาลราตรีใช่ว่าจะไม่มีเลย หรืออาจมากกว่าที่เจ้าคิดด้วยซ้ำ ส่วนที่ว่าผลสุดท้ายใครแพ้หรือชนะกลับยากจะคาดเดา”
จากมุมมองของคุนหมิงเอง เขาแทบมองไม่เห็นโอกาสชนะของเย่หยวนเลย
แต่เมื่อเขาพลันนึกถึงสีหน้าการแสดงออกอันสงบเสงียมของเย่หยวน เขาก็รู้สึกว่าเย่หยวนจักต้องมีแผนการรองรับไว้แน่นอน
ภายในจิตใจที่ขัดแย้งกันเช่นนี้เป็นเวลานานกว่าหนึ่งปี ทำให้เขารู้สึกอึดอัดอย่างมาก
และเขาเองก็เชื่อว่าอีกสองคนเองก็รู้สึกเหมือนเขาแน่นอน
อินทรีโลหิตแห่งลานประลองเลือดถือเป็นคนนอกเท่านั้น แต่คราวนี้เขากลับถูกหารเลขไปด้วย
ในขณะที่สถานการณ์ดำเนินมาถึงจุดนี้แล้ว เขาก็ไม่สามารถถอยหลังกลับไปได้อีกต่อไป
คุนหมิงเองก็งุนงงเช่นกันว่า ไฉนเบื้องบนถึงต้องสั่งการให้พวกเขาเปิดเดิมพัน
กล่าวกันตามตรง อัตราการชนะของเย่หยวนมันน้อยเกินไปจริงๆ
เว้นเสียแต่ว่า ผงโอสถนั้นจะสามารถทำให้ความแข็งแกร่งของไคซินถูกบั่นทอนลงเท่านั้น
อย่างไรก็ตามแต่ ไคซินกินผงโอสถนั้นเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว จวบจนบัดนี้ก็ไม่เห็นมีปัญหาอะไร เขายังดูกระปรี้กระเป่ามีชีวิตชีวา เปี่ยมล้นไปด้วยพลังดังเดิม
สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าเย่หยวนมิได้หลอกเขาจริงๆ ผงโอสถนั้นไม่มีผลต่อความแข็ง
แกร่งของไคซิน
ท่าทีของคุนหมิงทำให้อินทรีโลหิตแทบจะกระทืบเท้าลงพื้นแรงๆสักทีสองที เขาคำรามลั่นใส่คุนหมิงว่า
“อัตราการชนะมากกว่าที่ข้าคิดงั้นรึ? คุนหมิง เจ้าเห็นข้าเป็นคนโง่กระมัง?! หากระดับพลังของบรรพกาลราตรีใกล้เคียงกับของไคซิน เรื่องนั้นลืมไปได้เลย แต่นี่เขาเป็นแค่แม่ทัพปีศาจชั้นกลาง! ไคซินมีระดับพลังเหนือกว่าไม่พอ ทั้งยังข้ามระดับต่อสู้และสามารถคว้าชัยมาได้! นี่หรือโอกาสชนะมากกว่าที่ข้าคิด?”
คุนหมิงกลอกตาเล็กน้อยเอ่ยตอบว่า
“หาใช่ข้าที่ต้องการให้เปิดเดิมพัน แล้วจะตะโกนใส่ข้าเพื่ออันใด?”
อินทรีโลหิตอดสำลักมิได้ ก่อนจะเงียบลงทันที
คุนหมิงเหลือบมองเขาดล็กน้อยพร้อมกล่าวว่า
“สูญเสียกำไรหลายปีที่ผ่านมากลับมิใช่เรื่องใหญ่ พวกเจ้าทำกำไรได้มหาศาลยิ่งในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา รั่วไหลเพียงเล็กน้อยแค่ตะเข็บกางเกงเท่านั้น ข้าคิดว่าทางเบื้องบนเองก็อยากลองเดิมพันดูสักตั้ง เจ้าลองคิดดูสิว่า หากบรรพกาลราตรีชนะ เจ้าจะทำกำไรได้มหาศาลเพียงใด!”
อินทรีโลหิตก่นเสียงเย็นคำโต เขากล่าวว่า
“คำพูดคำจาให้มันเบาลงหน่อย! ฝ่ายโถงของพวกเจ้าเอง รู้หรือไม่ว่าผลาญเงินของเราไปมหาศาลเพียงใด! ข้าเฝ้าดูไคซินเติบโตขึ้นมาด้วยตาคู่นี้ ความแกร่งกล้าของเขา เป็นข้าที่ทราบดีที่สุด! แม้ว่าบรรพกาลราตรีนั้นจะเป็นไคซินคนที่สอง แต่ก็เป็นไปไม่ได้แน่นอนที่เขาจะเอาชนะได้ในตอนนี้! พันล้านผลึกปราณปีศาจระดับต่ำได้จมหายลงน่านน้ำไปแล้วในครั้งนี้!”
…………………………………