Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 1267
เคล็ดสดับฟ้าสิบย่านสวรรค์!
“ท่านอาวุโส ผู้เยาว์มีคำถาม”
“กล่าวมา”
“หากบรรลุอาณาจักรพระเจ้าได้แล้ว จะก่อเกิดพลังฉีลี้ลับหลั่งไหลเข้าสู่กายา ข้าสงสัยว่าพลังฉีลี้ลับที่ว่านั้นยังคงอยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์หรือไม่?”
พลังฉีลี้ลับหลั่งไหลสู่กายา ยามนั้นบรรลุสู่อาณาจักรพระเจ้า นี่คือขั้นตอนที่สำคัญทีสุด!
มิใช่ขั้นตอนที่ฟางเทียนกังวลมากที่สุดเท่านั้น กระทั้งเย่หยวนเองยังวิตกอย่างมากเช่นกัน
แม้ว่าโอสถท้าทายสวรรค์ของเย่หยวนจะประสบความสำเร็จ แต่หากปราศจากพลังฉีลี้ลับแล้ว เขาเองก็ไม่สามารถบรรลุอาณาจักรพระเจ้าได้อยู่ดี
คุนหวูยิ้มและกล่าวเป็นนัยว่า
“พลังฉีลี้ลับ? หุหุ ลองขอตัวเองดูสิ?”
“ลองของตัวข้าเอง?”
เย่หยวนกล่าวขึ้นพร้อมจับจ้องอีกฝ่ายอย่างโง่งม
“เช่นนี้ พลังปราณฟ้าดินที่พวกเจ้าหยิบใช้กันในปัจจุบัน คือพลังฉีลี้ลับระดับต่ำสุด หากยังไม่สามารถทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรพระเจ้าได้ ร่างกายของเหล่านักสู้ในดินแดนพฤกษานิรันดร์จะไม่สามารถรองรับพลังฉีลี้ลับระดับสูงกว่านั้นเข้าร่างกายได้เลย สมบัติเวทย์สวรรค์สวรรค์หนึ่งชิ้นก็เพียงพอแล้วที่จะช่วยให้นักสู้ในดินแดนพฤกษานิรันดร์ขึ้นกลายเป็นอาณาจักรพระเจ้าได้ ซึ่งหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งสิ่งที่ค้ำจุนพลังฉีลี้ลับให้คงอยู่ในดินแดนพฤกษานิรันดร์เอาไว้ก็คือ ดาบแห่งจักรวาลอย่างแม่นยำ! แต่ยามนี้ดาบแห่งจักรวาลถูกขโมยไป พลังฉีลี้ลับที่ปลดปล่อยออกจากดาบแห่งจักรวาลก็ถูกดูดซับโดยคนๆนั้นไปหมดสิ้นแล้วเช่นกัน แต่แน่นอนว่า สมบัติเวทย์สวรรค์อีกสองชิ้นที่เหลือย่อมมีคุณสมบัติเดียวกัน”
คุนหวูกล่าวอธิบาย
เย่หยวนกล่าวขึ้นด้วยความประหลาดใจว่า
“ท่านกำลังจะบอกว่า ศิลาจารึกเลื่องสวรรค์กับไข่มุกสยบวิญญาณเองก็สามารถปลดปล่อยพลังฉีลี้ลับออกมาได้เช่นกัน?”
“ไม่จำเป็นต้องใช้ความพยายามเพื่อปลดปล่อยด้วยซ้ำ! ตราบใดที่เจ้าสามารถผลิตศาสตร์แห่งสวรรค์ออกมาได้เอง พลังฉีลี้ลับจากสมบัติเวทย์สวรรค์ทั้งสองชิ้นย่อมปลดปล่อยพลังฉีลี้ลับออกมาให้เองตารมธรรมชาติ”
เย่หยวนไม่คิดไม่ฝันเลยว่า ภายในศิลาจารึกเลื่องสวรรค์กับไข่มุกสยบวิญญาณจะมีพลังฉีลี้ลับซ่อนเร้นอยู่!
เมื่อห้าแสนปีก่อน ฟางเทียนเคยพยายามทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรพระเจ้ามาก่อนเช่นกัน เพียงว่าเขาไม่สามารถดูดซับศาสตร์แห่งสวรรรค์ได้ พลังฉีลี้ลับจึงไม่ถูกปลดปล่อยออกมา
หากปีนั้น ฟางเทียนสามารถหาวิธีผลิตศาสตร์แห่งสวรรค์ขึ้นมาเองได้ ตอนนี้เขาคงกลายเป็นบุคคลแรกในรอบหนึ่งแสนปีที่ขึ้นกลายเป็นเซียนอาณาจักรพระเจ้าไปแล้ว
แน่นอนว่า หากเย่หยวนสามารถเรียกพลังฉีลี้ลับให้หลั่งไหลสู่กายาได้ กระทั้งข่านนั่วยังมิใช่คู่มือของเขาอีกต่อไป
แต่สุดท้ายนี้ เย่หยวนก็อาจได้ผลลัพธ์เดียวกับฟางเทียน นั่นคือประสบความล้มเหลว
“ขอบพระคุณยิ่งที่ช่วยไขข้อสงสัยของผู้เยาว์! นับว่าเย่หยวนติดหนี้บุญคุณท่านอาวุโสแล้ว!”
เย่หยวนผสานมือกล่าวขึ้นด้วยความเคราพ
…………………………
หลังจากนั้นเย่หยวนก็วางแผนเตรียมการหลอมกลั่นโอสถต่อในทันที!
ในส่วนคุนหวูก็ไม่ต้องการขัดจังหวะเย่หยวน เขายังคงเฝ้ามองอยู่ข้างๆไม่ใกล้ไม่ไกล
บนโต๊ะยาวมีสมุนไพรวิญญาณกว่าร้อยชนิดวางเรียงรายจนหนาตา
สมุนไพรกว่าร้อยชนิดเหล่านี้ล้วนถูกคัดสรรมาแล้วอย่างดี
กว่าจะได้สมุนไพรวิญญาณนับร้อยมาได้ มีเพียงสวรรค์ที่ทรงทราบว่า เย่หยวนทดลองล้มเหลวมาแล้วกี่ร้อยพันรอบ
หากไร้ซึ่งคุณสมบัติที่ไม่สามารถเข้ากันได้ เย่หยวนจะคัดสมุนไพรวิญญาณชนิดนั้นออกทันที
ในชีวิตนี้เขาได้ปรับเปลี่ยนสูตรโอสถท้าทายสวรรค์ไปหลายจุด จนเขาสามารถกล่าวได้ว่าสูตรโอสถท้าทายสวรรค์ก่อนหน้านี้ไม่สามารถใช้จริงได้แน่นอน
“พี่ใหญ่ ไม่รู้เหตุใด…ข้าถึงรู้สึกประหม่ายิ่ง!”
อิ้งหมัวหู่แอบกระซิบกล่าวอย่างกังวล
เย่หยวนกล่าวดุเจือหัวเราะว่า
“เจ้าน้องรัก แค่หลอมกลั่นโอสถ ยังต้องกังวลอันใด?”
“ทั้งหมดมันเป็นเพียงทฤษฎี แต่โอสถเม็ดนี้เกี่ยวพันถึงชะตากรรมของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด! จะไม่ให้ข้ากังวลได้อย่างไร? รอบนี้ไม่มีโอกาสที่สองแล้ว!”
“หึหึ คิดหรือว่าพี่ใหญ่คนนี้จะพลาดเหมือนคราก่อน?”
อิ้งหมัวหู่ครุ่นคิดอยู่เล็กน้อยก่อนกล่าวตอบว่า
“ก็จริงอย่างที่พี่ใหญ่ว่า! ศาสตร์แห่งโอสถของท่านสำเร็จถึงจุดสุดยอดแล้ว! ด้วยเคล็ดมหาเทพเก้าดาราของท่าน ทุกสิ่งย่อมไม่มีปัญหา!”
เคล็ดมหาเทพเก้าดาราเป็นวรยุทธหลอมกลั่นโอสถที่แข็งแกร่งที่สุดแล้วในดินแดนศักดิ์สิทธิ์
เมื่ออิ้งหมัวหู่นึกถึงฝีไม้ลายมือในคราที่เย่หยวนสำแดงใช้เคล็ดมหาเทพเก้าดารา เขาก็โล่งใจขึ้นหลายเปาะ
ทว่าเย่หยวนกลับยิ้มและกล่าวว่า
“ครั้งนี้ ข้ามิได้ใช้เคล็ดมหาเทพเก้าดารา!”
อิ้งหมัวหู่สะดุ้งโหย่งด้วยความตกใจ พร้อมโพล่งอุทานขึ้นลั่น
“ไม่ได้ใช้เคล็ดมหาเทพเก้าดารา?!”
เย่หยวนพยักหน้าและกล่าวว่า
“หากกล่าวถึงวรยุทธหลอมกลั่นชนิดนี้ แทบไม่มีใครคุ้นเคยไปมากกว่าข้าแล้ว แม้เคล็ดมหาเทพเก้าดาราจะเป็นวรยุทธที่มีประสิทธิภาพสูงลิบ แต่นั้นยังไม่เพียงพอสำหรับโอสถท้าทายสวรรค์ ดังนั้นข้าจึงต้องคิดค้นวรยุทธหลอมกลั่นที่ทรงประสิทธิภาพยิ่งกว่าขึ้นมา!”
“ทรงประสิทธิภาพยิ่งกว่า… พี่ใหญ่…ท่านงำประกายลึกล้ำกว่าที่ข้าจินตนาการยิ่ง!”
อิ้งหมัวหู่สูดไอเย็นแช่มเข้าปอดอย่างช้าๆ
ไม่มีใครรู้จักเย่หยวนดีไปกว่าอิ้งหมัวหู่อีกแล้ว แต่เขากลับไม่เคยรู้เลยว่า เย่หยวนยังซ่อนสุดยอดวรยุทธหลอมกลั่นที่ทรงพลังยิ่งกว่าเคล็ดมหาเทพเก้าดารา!
เย่หยวนยิ้มและกล่าวตอบว่า
“วรยุทธหลอมกลั่นชนิดนี้ถูกสร้างขึ้นโดยตัวข้าเมื่อชาติก่อน ทว่าในตอนนี้ข้าได้แก้ไขปรับปรุงจนสมบูรณ์แบบแล้ว เท่านี้ข้ามั่นใจว่ามากพอที่จะรับผิดชอบภาระอันใหญ่ยิ่งของดินแดนศักดิ์สิทธิ์”
“พี่ใหญ่ วรยุทธหลอมกลั่นชนิดนี้มีนามว่าอะไร?”
แววตาของเย่หยวนไสวผลัดเป็นคมชัด เขากล่าวตอบว่า
“เคล็ดสดับฟ้าสิบย่านสวรรค์!”
นี่เป็นประสบการณ์ที่ล้ำค่าอย่างหาประเมินไม่และอาจไม่มีอีกแล้วในชั่วชีวิตนี้ เป็นธรรมดาที่เย่หยวนจะต้องเรียกเหรินตง,เสี่ยวหลู่หยานและลูกศิษย์ของนาง,กู่เย่ว เพื่อให้มาเรียนรู้ศึกษาถึงกระบวนการต่างๆของเย่หยวนโดยละเอียด
นอกเหนือจากเหรินตงและเสี่ยวหลู่หยานแล้ว ความแกร่งกล้าของกู่เย่วในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ก็พัฒนาคืบหน้าไปอย่างก้าวกระโดด
แน่นอนว่าเขาเริ่มเรียนรู้ใหม่ตั้งแต่ระดับพื้นฐาน ดังนั้นพัฒนาการของเขาจึงช้ากว่าเหรินตงกับเสี่ยวหลู่หยานมาก
แต่หากนำกู่เย่วไปเปรียบเทียบกับนักหลอมโอสถคนอื่นๆในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เขากลับกินขาดหลายช่วงตัว
“การหลอมกลั่นครั้งนี้ของข้าคือแก่นแท้แห่งโอสถของข้าเช่นกัน ประสบการณ์เช่นนี้ อาจารย์อาจมีให้พวกเจ้าเห็นได้เพียงครั้งเดียวในชีวิต จงเฝ้าศึกษาให้ดี ส่วนจะได้กำไรมากน้อยเพียงใด สุดแท้แล้วแต่โชคชะตาของพวกเจ้าแล้ว”
เย่หยวนกล่าวกับทั้งสาม
พวกเขาทั้งสามพยักหน้าขานตอบอย่างเอาจริงเอาจัง ประสบการณ์เช่นนี้อาจมีแค่ครั้งเดียวในชั่วชีวิต พวกเขาจจึงรู้สึกตื่นเต้นเกินพรรณนา
ทั้งสามคนทราบดี การหลอมกลั่นโอสถในครั้งนี้ของเย่หยวน คือการหลอมกลั่นโอสถที่สุดยอดที่สุดในรอบหนึ่งแสนปีเต็ม!
ทุกคนตั้งหน้าตั้งตาจับจ้องเย่หยวนที่กำลังเริ่มหลอมกลั่นอย่างใจจดใจจ่อ
เย่หยวนหยดโลหิตของตนลงในหม้อหลอมราชามังกร ทันทีทันใดแรงกดดันของเฟผ่ามังกรพลันปะทุเดือดเสียดนภาสูงในบัดดล
ด้วยสายเลือดมังกรระดับศักดิ์สิทธิ์ของเย่หยวน หม้อหลอมราชามังกรในปัจจุบันจึงทรงประสิทธิภาพมากกว่าครั้งก่อนๆที่ผ่านมา
หม้อหลอมราชามังกรเป็นเครื่องรางศักดิ์สิทธิ์เสมือนเหมือนกับเจดีย์เลื่องสวรรค์
แต่ครั้งนี้ที่ได้รับโลหิตมังกรระดับศักดิ์สิทธิ์ของเย่หยวนไป คล้ายเป็นตัวกระตุ้นชั้นยอด มันทรงพลังเหนือทุกครั้งในอดีต
กระทั้งหม้อหลอมราชามังกรยังรู้สึกได้ การหลอมโอสถในครั้งนี้จะเป็นครั้งที่สุดยอดที่สุดตั้งแต่มันถูกสร้างขึ้นมา!
ไม่เพียงมันจะตื้นเต้นดีอกดีใจ แต่มันยังให้ความร่วมมือกับเย่หยวนอย่างสุดกำลังเช่นกัน!
ทว่าคราวนี้ แค่สกัดหัวเชื้อสมุนไพรวิญญาณ เย่หยวนยังต้องใช้เวลานานถึงสามวันสามคืนเต็ม!
สมุนไพรวิญญาณมีจำนวนนับร้อยชนิด แต่วิธีการที่เย่หยวนนำใช้จำต้องใส่ใจทุกรายละเอียดถี่ถ้วนกว่าครั้งใดๆ
แถมหัวเชื้อที่สกัดได้ยากเย็นซับซ้อนที่สุดมิได้มีเพียงชนิดเดียว แต่เย่หยวนต้องสกัดถึงเก้าชนิด!
เมื่อเห็นภาพฉากนี้ เสี่ยวหลู่หยานและคนอื่นๆได้แต่ยืนประหลาดใจยิ่งยวด
“ท่านอาจารย์ปู่กำลังทำอะไรกัน? หรือเป็นไปได้ไหมว่า เขาจะหลอมโอสถถึงเก้าเม็ด?”
กู่เย่วกล่าวขึ้นด้วยความฉงนสงสัย
เสี่ยวหลู่หยานที่ยืนกอดอกเงียบอยู่ข้างๆ พลันเหลียวมองกู่เย่วเล็กน้อยและกล่าวว่า
“เจ้าคิดว่าท่านอาจารย์จะหลอมโอสถท้าทายสวรรค์ถึงเก้าเม็ดเชียว?”
เหรินตงกล่าวเสริมขึ้นว่า
“การสกัดหัวเชื้อสมุนไพรวิญญาณหาใช่เรื่องยากสำหรับท่านอาจารย์ แต่การนำหัวเชื้อสมุนไพรวิญญาณทั้งเก้าชนิดรวมกันเป็นเนื้อเดียวกลับยากยิ่งกว่าขึ้นสวรรค์!”
เสี่ยวหลู่หยานพยักหน้าและกล่าวว่า
“การจะหลอมกลั่นโอสถท้าทายสวรรค์ มันมิใช่แค่จะรวมหัวเชื้อสมุนไพรเข้าด้วยกัน แต่หัวเชื้อทั้งเก้าชนิดนี้จำต้องผสานกันจนเป็นเนื้อเดียวโดยสมบูรณ์! ไม่เพียงวรยุทธหลอมกลั่นจะต้องทรงพลังไร้ที่ติ ท่านอาจารย์จำต้องพึ่งพาความรู้ความเข้าใจทั้งหมดที่เกี่ยวกับศาสตร์แห่งโอสถ เพื่อสรรสร้างให้โอสถท้าทายสวรรค์เม็ดนี้สมบูรณ์แบบ! คล้ายการสร้างโลกใบจิ๋วอีกใบหนึ่ง!”
ขั้นตอนการสกัดหัวเชื้อเสร็จสิ้นในที่สุด ยามนี้เย่หยวนเข้าสู่กระบวนการหลอมกลั่นแล้ว
แต่ทันทีที่เขาเริ่มเคลื่อนไหว ทั้งเซียวหลู่หยานและคนอื่นๆทั้งหมดต่างต้องตกตะลึงกันเป็นแทบ!
“นี่…นี่มันมิใช่วรยุทธไร้เทียม? วรยุทธ…วรยุทธหลอมกลั่นระดับหนึ่ง ท่านอาจารย์ปู่ใช้วรยุทธหลอมกลั่นระดับหนึ่งเพื่อหลอมกลั่นโอสถท้าทายสวรรค์?!”
เสี่ยวหลู่หยานแตกตื่นไม่ต่างพลางอุทานลั่นด้วยความตกใจว่า
“พวกเจ้าดูนั่นเร็ว! นั้นมันวรยุทธหลอมกลั่นขั้นพื้นฐานที่สุด! วรยุทธไร้เทียมจริงๆ! นี่…นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?”
แต่เดิมคุนหวูยังคงเฝ้ามองเย่หยวนสกัดหัวเชื้ออย่างเงียบสงบอยู่ข้างๆ ทว่ายามนี้ทันทีที่เย่หยวนลงมือ เขาถึงกับโพล่งตาโตจับจ้องด้วยแววตาเป็นประกายสุกไสว!