Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 1233
ตอนที่1233 งานเลี้ยง
“หื้ม? นี่…นี่เราอยู่ที่ไหน?”
“พื้นที่แบบนี้…นี่คือหุบเขาเหวพระเจ้า! พวกเรากลับมาได้แล้ว! พวกเรารอดตายแล้ว! ฮ่าฮ่าฮ่า!”
“ฮ่าฮ่า จอมราชันย์สวรรค์นิรันดร์บัดซบนั้นโง่เง่าสิ้นดีที่ปล่อยโอกาสรอดให้เรา!”
“ปราณกฏว่าฟ้ายังมีตา! ฮ่าฮ่าฮ่า…ขอให้ไอ้จอมราชันย์สวรรค์นิรันดร์บัดซบนั้นตายไปในป่าช้านั้นเถอะ!”
………………..
กลุ่มนักสู้เหล่านนั้นเดินสุ่มไปเรื่อยๆภายในป่าช้า แต่กลับออกจากแดนมิติต่อเติมของนิกายชำระวิญญาณตอนไหนไม่ทราบ และกลับเข้าสู่หุบเขาเหวพระเจ้าดังเดิมโดยไม่รู้ตัว
หลังจากทราบเช่นนี้ พวกเขาทุกคนต่างกระโดดโลดเต้นไปมาด้วยความดีใจ
พวกเขาถูกบังคับขู่เข็ญให้เข้าไปในป่าช้าโดยจู่เก๋อฉิงซวน ยามนั้นทุกคนต่างรู้สึกหมดสิ้นความหวังโดยสมบูรณ์
สถานที่แห่งนั้นเคยเป็นถึงนิกายศักดิ์สิทธิ์อันยิ่งใหญ่สมัยบรรพกาล หาใช่เรื่องง่ายจะเอาชีวิตรอกดออกมาที่ไหน
แต่นี่…พวกเขาทั้งหมดกลับออกมาได้โดยมิได้รับบาดเจ็บแม้แต่ปลายเส้นผม แล้วนี่จะมิให้พวกเขาตื่นเต้นได้อย่างไร?
หลังจากที่ตื่นเต้นดีใจอยู่พักใหญ่ กลับเป็นความขุ่นแค้นใจที่มีต่อจู่เก๋อฉิงซวนแมนที่แทรกขึ้นกลางใจของพวกเขาทั้งหมด ทุกคนในยามนี้ต่างกรนด่าสาปแช่งจู่เก๋อฉิงซวนอย่างไม่หยุดหย่อน และหวังให้พลาดท่าตายลงไปในป่าช้าแห่งนั้น
“เหอะ พวกเจ้าคิดจริงๆว่า ที่รอดออกมาได้เพราะโชคช่วย?”
ทันใดนั้นเอง เยาวชนหนุ่มผู้หนึ่งพลันก้าวแช่มออกมาและเอ่ยปากเสียงดังฟังชัด
แต่ทันทีที่ทุกคนเหลียวมองต้นเสียง พวกเขาก็จำได้ทันทีว่าเยาวชนหนุ่มผู้นี้คือใคร
“เป็นเจ้า! จอมราชันย์พิชิตสวรรค์ตัวปลอมที่หลอกพวกเรา! ถูกรุมประชาทัณฑ์ขนาดนั้นยังไม่ตายจริงๆ? เจ้านี่มันถึกทนดีเยี่ยม!”
บางคนร้องอุทานขึ้นทันทีด้วยความประหลาดใจ
เยาวชนหนุ่มผู้นี้คือเย่เซิงอย่างแม่นยำ เขาได้ทางออกจากแดนมิติต่อเติมของนิกายชำระวิญญาณแล้วเช่นกัน
ครั้งสุดท้ายที่ทุกคนได้เห็นเย่เซิง คือตอนที่เขาถูกจู่เก๋อฉิงซวนเลือกออกไปเพื่อเข้าสำรวจก่อนหน้า แต่ใครจะไปคิดว่า เขายังสามารถรอดชีวิตออกมาได้ ทุกคนล้วนคิดว่าเขาตายลงไปนานแล้ว
พวกเขาไม่คิดไม่ฝันจริงๆว่า คนที่ถูกพวกตนกระทืบในทีแรก กลับยังรอดออกมาได้จวบจนปัจจุบัน!
เมื่อได้ยินเสียงอุทานดังลั่นเช่นนี้ เย่เซิงพลันไหล่ตกในทันใด
เจ้าคนพวกนี้ยังไม่ลืมวีรกรรมของเขาจริงๆ!
ไม่ใกล้ไม่ไหลนัก ลู่เอ๋อและลี่เอ๋อที่ได้ยินดังนั้นพลันปิดปากหัวเราะแทบไม่ทัน
ยามนี้ไม่มีใครคิดใครฝันว่า เย่เซิงคนนี้กลับเป็นผู้ที่วิ่งออกมาเพื่อบอกความจริงทั้งหมด
“เจ้ากำลังหมายความว่า ที่พวกเรารอดออกมาได้มิใช่เพราะโชคช่วย? เช่นนั้นมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ภายในนั้น? เพราะข้าเองก็รู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องเช่นกัน?”
ใครบางคนในฝูงชนเอ่ยปากกล่าวขึ้นทันทีด้วยความสงสัย
เมื่อได้ยินคำถามนี้ทุกคนต่างเอียงหูฟัง รอคำตอบจากเย่เซิงใจจดใจจ่อ
พวกเขาเหล่านี้มิใช่นักสู้ชนชั้นกินเจ ประสบการณ์เป็นตายต้องเจนจัดมากเท่าใด ถึงสามารถรอดได้ถึงทุกวันนี้?
หากกล่าวตามสัตย์จริง พวกเขาก็รู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้เช่นกันที่ซากปรักหักพังของนิกายศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้จะเป็นเพียงเปลือกหอยเปล่า แน่นอนว่าสถานที่แห่งนี้ต้องเร้นแฝงไปด้วยขุมสมบัติมากมาย เช่นนั้นจะไร้ซึ่งภัยอันตรายได้อย่างไร?
เย่เซิงในยามนี้ยืดอกดูภาคภูมิใจอย่างมาก ประหนึ่งว่าตนเป็นผู้ช่วยชีวิตทุกคน
“ที่พวกเจ้าทั้งหมดออกมาได้โดยไร้ซึ่งรอยขีดขวนเช่นนี้ ทั้งหมดเป็นเพราะจอมราชันย์พิชิตสวรรค์กำลังควบคุมแดนมิติของนิกายชำระวิญญาณไว้ให้อยู่ จึงบีบทางให้พวกเจ้าเดินในเฉพาะเส้นทางที่ปลอดภัย! มิฉะนั้นอย่าหวังว่าจะรอดออกมาได้!”
เย่เซิงกล่าวขึ้นอย่างภาคภูมิใจ
“จอมราชันย์พิชิตสวรรค์?! ปรากฏว่าจอมราชันย์พิชิตสวรรค์อยู่ที่นี่จริงๆ! นี่หมายความว่า…ชายหนุ่มที่เสนอตัวขึ้นสันเขาในก่อนหน้า แท้ที่จริงแล้วก็คือ….จอมราชันย์พิชิตสวรรค์!!”
หลายต่อหลายคนโพล่งอุทานขึ้นทันทีด้วยความตื่นตะลึง
“ถูกต้องแล้ว! มิฉะนั้นยังเป็นอันใดอื่นได้อีก? หรือพวกเจ้าคิดจริงๆว่า ซากปรักหักพังของนิกายศักดิ์สิทธิ์ในยุคบรรพกาลจะไร้ซึ่งภัยอันตราย? มองโลกในแง่ดีเกินไปกระมัง?”
เย่เซิงกล่าวตอบ
“ควบคุมห้วงมิติ! นี่…นี่เป็นไปได้อย่างไร? กฎแห่งห้วงมิติถือเป็นศาสตร์ศักดิ์สิทธิ์แขนงหนึ่ง!”
“ทุกอย่างก็สมเหตุสมผลยิ่งแล้ว หากมิใช่จอมราชันย์พิชิตสวรรค์…แล้วยังมีใครควบคุมกฎแห่งห้วงมิตินั้นได้อีก? จอมราชันย์พิชิตสวรรค์ท่านทรงมีเมตตาห่วงใยชีวิตเล็กน้อยของพวกเราจริงๆ! ท่านผู้นี้คือผู้นำของมวลมนุษย์ที่แท้จริง!”
“เหอะ จอมราชันย์สวรรค์นิรันดร์ จอมราชันย์พิชิตสวรรค์ ถึงนามขานจะมีคำว่า‘สวรรค์’เหมือนกัน แต่คุณธรรมกลับแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง!”
…………………….
เมื่อความจริงจากปากของเย่เซิงแผดดังออกมา ดั่งระเบิดลูกใหญ่ถูกโยนลงกลางฝูงชนทันที
ในปัจจุบัน เหลือเพียงสองขั้วอำนาจที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดบนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ คนหนึ่งถึงกับเคลื่อนไหวเป็นการส่วนตัวเพื่อช่วยชีวิตผู้คน ทว่าอีกคนกลับใช้ชีวิตผู้คนเป็นเหยื่อล่อ
ความแตกต่างชนิดนี้ช่างชักเจนเกินไปจริงๆ!
เย่หยวนควบคุมห้วงมิติทั้งหมดเพื่อวางเส้นทางที่ปลอดภัยให้แก่ผู้คนจนออกมาได้สำเร็จ
การทำเช่นนี้ให้ทุกคนสามารถออกมาได้อย่างปลอดภัย เห็นได้ชัดว่าจำต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมาก
หากเป็นพวกเขาแทนคงไม่มีปัญญาทำได้เช่นกัน
แต่เย่หยวนกลับปฏิเสธที่จะยอมแพ้และลงมือทำมัน!
ภาพลักษณ์ของเย่หยวนภายในหัวใจทุกคนช่างยิ่งใหญ่ประดุจเทพเสมอฟ้า!
นี่แหละคือยอดเซียนที่ทรงพลังและคุณธรรมสูงส่ง!
“ตะ-แต่…เจ้าเองก็ออกมาแล้ว ท่านเย่หยวนอยู่ที่ใดกัน?”
มีคนหนึ่งเอ่ยปากถามขึ้นอย่างระมัดระวัง
มุมปากของเย่เซิงกระตุกเล็กน้อยและกล่าวขึ้นตอบว่า
“ท่านผู้ยิ่งใหญ่ยังคงอยู่ในมิติต่อเติมของนิกายชำระวิญญาณ ท่านกำลังเตรียมงานฉลองใหญ่ไว้ต้อนรับจู่เก๋อฉิงซวนอยู่! หลังจากวันนี้เป็นต้นไป จอมราชันย์สวรรค์นิรันดร์บัดซบนั้น…จะถูกลบออกจากทำเนียบสิบจอมราชันย์ตลอดกาล! ฮ่าฮ่าฮ่า…”
เมื่อพินิจคำนึงถึงจุดนี้ เย่เซิงพลันรู้สึกสะใจจนระเบิดเสียงหัวเราะลั่นอย่างอดมิได้
นอกจากที่เขาจะรังเกียจจู่เก๋อฉิงซวนอย่างมากแล้ว เย่เซิงยังปรารถนาให้มันตายลงในที่แห่งนี้อย่างไม่มีหวนกลับ!
เมื่อคนอื่นๆได้ยินคำกล่าวเช่นนั้น ทุกคนพลันรู้สึกตื่นอกตื่นเต้นตามกันใหญ่!
ไอ้คนไร้ยางอายเช่นนั้น สมควรยิ่งแล้วที่จะตาย!
………………….
ภายในมิติต่อเติมของนิกายชำระวิญญาณ จู่เก๋อฉิงซวนและตาเฒ่าฮั่นยังคงเดินทางสำรวจต่อไปด้วยความระมัดระวัง
“ดูเหมือนว่า พวกเราจะพ้นเขตค่ายกลกับดักมาหมดแล้ว?”
ตาเฒ่าฮั่นกล่าวขึ้น
คิ้วขวาของจู่เก๋อฉิงซวนพลันกระตุกไม่หยุด มันกล่าวตอบทันทีว่า
“นี่มิใช่สัญญาณที่ดี! ไอ้เด็กเหลือขอนั้นไม่ยอมปล่อยเราไปง่ายๆแน่นอน!”
ณ ปัจจุบัน ทั้งสองเปรียบเสมือนเนื้อสัตว์ชิ้นสวยที่วางอยู่บนเขียงสับ
เย่หยวนกำลังควบคุมทุกอย่าง และไม่ยอมปล่อยออกไปจนกว่าจะตาย!
ตอนนี้พวกมันจำต้องพึ่งพาพลังของตนเองเพื่อฝ่าออกจากสถานที่น่าตายแห่งนี้ไปให้ได้
“คนอื่นๆหายกันไปหมดแล้ว! แสดงว่าพวกมันถูกเย่หยวนนำตัวออกไปจากมิติแห่งนี้แล้ว! ข้าคิดไม่ออกจริงๆว่า ไฉนเย่หยวนถึงสามารถควบคุมกฎแห่งห้วงมิติได้ขนาดนี้ อย่าลืมเสียนี่เป็นถึงนิกายศักดิ์สิทธิ์สมัยบรรพกาล!”
ตาเฒ่าฮั่นเอ่ยกล่าวขึ้นอย่างเศร้าสลดใจ
“วิธีใดที่มันสำแดงใช้กลับมิได้สำคัญอีกต่อไป! สิ่งที่สำคัญที่สุดของเรา ณ ตอนนี้คือ วิธีกลับออกไปภายนอก!”
ยังไม่ทันขาดคำ จู่ๆแสงสว่างพลันสาดส่องใส่เบื้องหน้าทั้งสองโดยพลัน
ภาพฉากตรงหน้าของพวกมันคือห้องโถงหรูหราขนาดมหึมา คล้ายหลุมศพของจักรพรรดิ
โดยรอบห้องโถงหรูแห่งนี้กอปรไปด้วยกลไกค่ายกลวิจิตสวยงามที่กำลังทำงานอยู่ โดยที่ใจกลางห้องโถงปรากฏเป็นโลงศพตั้งอยู่
รัศมีสีแดงสุดน่าสยดสยองพลันเปล่งจรัสออกจากโลงศพภายใน กลิ่นอายภัยคุกคามหอบใหญ่แพร่สะพัดออกมาแทบขวัญเสีย
ทันทีทันใด ร่างปีศาจสีทมิฬพลันปรากฏกายขึ้นต่อหน้าต่อตา นั้นทำให้สีหน้าของจู่เก๋อฉิงซวนและตาตเฒ่าฮั่นเปลี่ยนไปทันที
“เย่หยวน!”
เมื่อเห็นเงาปีซาจร่างนี้ ทั้งคู่ล้วนกัดฟันแน่นด้วยความเกลียดชังสุดหัวใจ
เพราะพวกมันทราบดี นี่เป็นเพียงภาพลวงตาเท่านั้น
“หุหุ พวกเจ้าทั้งคู่เป็นอย่างไรกันบ้าง? ก่อนอื่นขอแสดงความยินดีด้วยที่มาถึงจุดศูนย์กลางของนิกายชำระวิญญาณได้ในที่สุด! ภายในสถานที่แห่งนี้ ข้าได้เตรียมของขวัญชิ้นใหญ่รอพวกเจ้าไว้นานแล้ว หวังว่า…จะสนุกไปกับมัน!”
เย่หยวนกล่าวขึ้นพร้อมเสียงหัวเราะ
ยิ่งเย่หยวนกล่าวมากเท่าใด สีหน้าของทั้งคู่ก็ยิ่งน่าเกลียดขึ้นเท่านั้น
จู่เก๋อฉิงซวนกล่าวตอบพร้อมน้ำเสียงกดต่ำเย็นสะท้านลั่นว่า
“ไอ้เด็กบัดซบ! หากแน่จริงก็มาสู้ตัวต่อตัวกับข้า! มิฉะนั้นข้าผู้นี้จะทำให้เจ้าต้องเสียใจยิ่งที่เกิดมา!”
แต่เย่หยวนกลับหาได้แยแสไม่ และกล่าวอย่างสงบว่า
“หุหุ รอดออกจากที่นี่ให้ได้ก่อน ค่อยปากเก่งดีกว่ากระมัง? โอ้,งานเลี้ยงใกล้เริ่มแล้ว นายน้อยผู้นี้ขอลา!”
เมื่อกล่าวจบ ร่างเงาของเย่หยวนก็อันตรธานหายไปทันที
บูมมมม!!
ยังไม่ทันที่ทั้งสองจะตอบสนองใดๆได้ ใต้ผืนดินทั่วทั้งบริเวณพลันเกิดแรงสั่นสะเทือนขึ้นรุนแรง
“แย่แล้ว! ไอเด็กเหลือขอนั้นต้องการทำลายมิตินี้พร้อมกับเรา! รีบหนีกันเร็ว!”
ตาเฒ่าฮั่นตะโกนขึ้นทันที
อย่างไรก็ตาม จู่เก๋อฉิงซวนกลับมิได้สนใจฟังมันเลย
ตาเฒ่าฮั่นงุนงงเป็นอย่างยิ่ง ก่อนช้อนสายตามองตามพร้อมกับว่า มีเงาร่างสีเลือดกำลังลอยเคว้งอยู่เหนือโลงศพ
เพียงแค่มองเท่านั้น ตาเฒ่าฮั่นพลันรู้สึกหายใจไม่ออกอย่างไร้สาเหตุ!
เงาร่างสีเลือดตนนี้…อันตรายเกินไป!